“หัวหน้าครับ...”
ปากของหวังก่วงผิงเหมือนกำลังอมวอลนัตลูกใหญ่ ใบหน้าของเขากระตุก แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำ
หน่วยงานราชการที่ถูกหลงลืมอย่างสำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์ก่อตั้งไว้เพื่อคนที่อยากย้ายไปอยู่เมืองรอง เพื่อคนที่รอเกษียณอายุ เพื่อให้ข้าราชการาุโมีงานทำแก้เบื่อ แต่ปีนี้เขาเพิ่งอายุห้าสิบต้นๆ เท่านั้น ยังมี่เวลาทองอีกหลายสิบปีในการทำงาน
แปดปีก่อน หวังก่วงผิงที่ยังเป็หนุ่มไฟแรงมีอนาคตถูกส่งตัวไปปรับปรุงไร่อยู่ในชนบท ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกหมดหวังแต่อย่างใด ยังพยายามอดทนฝ่าฟัน ยืนหยัดเพื่อให้ได้รับโอกาสอีกครั้ง และเพื่อให้ได้กลับมารับราชการยังกรุงปักกิ่ง!
แปดปีต่อมา ในที่สุดเขาก็ได้กลับมากรุงปักกิ่ง!
หวังก่วงผิงอยากแสดงความสามารถที่เขามี แต่กลับถูกส่งตัวมาอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ
เขาไม่อาจทำใจยอมรับสภาพเช่นนี้ได้ สภาพจิตใจของเขาจึงรู้สึกหดหู่อยู่ระยะหนึ่ง แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ ไม่ทันไรเขาก็รับรู้ได้ถึงประโยชน์ของการทำงานที่ฝ่ายอุดมศึกษา นั่นเพราะเขาสามารถช่วยเหลือลูกชายได้ หวังก่วงผิงทะเยอทะยานเพื่อความก้าวหน้า ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งผิดพลาด ตอนนี้ถึงกับส่งตัวเองไปอยู่ที่ ‘สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์’
ผลกระทบครั้งนี้หนักหนากว่าเมื่อครั้งที่ถูกส่งไปที่ไร่มากนัก
ถูกส่งไปที่ไร่เพราะอยู่ใน่เวลาพิเศษ คนที่ถูกส่งตัวไปไม่ได้มีเพียงหวังก่วงผิงคนเดียวแต่ยังมีคนอื่นด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างก็มีความหวังด้วยกันทั้งสิ้น หลังจากนั้นคนส่วนใหญ่ก็ได้กลับมายังกรุงปักกิ่งอีกครั้ง
ตอนนี้กลายเป็ว่ามีแค่หวังก่วงผิงคนเดียวที่ถูกย้ายไปประจำอยู่ที่หน่วยงานนอกสายตา
ชาตินี้เขาจะยังมีโอกาสกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกหรือเปล่า?
หวังก่วงผิงมีสีหน้าหมองเศร้า มือของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงจนทำให้เอกสารคำสั่งโยกย้ายร่วงลงพื้น
หัวหน้าฝ่ายหยิบเอกสารขึ้นมาก่อนจะยัดใส่มือหวังก่วงผิงอีกครั้ง
“สหายก่วงผิง ไปที่หน่วยงานใหม่แล้วก็พยายามเข้าล่ะ”
เขาตบบ่าหวังก่วงผิงแทนการให้กำลังใจ หวังก่วงผิงเข่าอ่อน รู้สึกหมดเรี่ยวแรง เพียงชั่วพริบตาเขารู้สึกราวกับว่าถูกสูบพลังออกไปจนหมด นั่นทำให้เขาดูแก่กว่าหัวหน้าฝ่ายหลายปี
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินออกจากห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายมาได้อย่างไร
รองหัวหน้าถังนำเหล่าเพื่อนร่วมงานมาบอกลาหวังก่วงผิง
“ได้ร่วมงานกับสหายก่วงผิงพวกเรารู้สึกยินดียิ่งนัก หวังว่าอนาคตจะยังมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะครับ”
รองหัวหน้าถังพูดพลางถ่มน้ำลายอยู่ในใจ เขาแค่พูดเล่นเท่านั้น ใครจะอยากร่วมงานกับหวังก่วงผิงอีกเล่า สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์ก็เป็หน่วยงานราชการเช่นกัน ทว่ารองหัวหน้าถังไม่อยากไปดื่มด่ำกับความสงบสุขเร็วขนาดนั้น เพราะอย่างไรเขาก็ยังสามารถทำงานอยู่ในวงการการศึกษาได้อีกหลายปี!
หวังก่วงผิงเหลือบตามองผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็คนดีประจำหน่วยงาน
“คือคุณ...”
รองหัวหน้าถังจับมือเขาพลางเขย่า “ผมเอง! คือผมเองก็รู้สึกที่เสียดายสหายก่วงผิง แต่อย่างไรผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร เฮ้อ ผมคงไม่มีวันลืมสิ่งที่สหายก่วงผิงคอยดูแลกันมาเสมอได้แน่นอน!”
รองหัวหน้าถังยิ้มกว้าง ตอนนี้หวังก่วงผิงพ่ายแพ้แล้ว ดังนั้นเขาจะพูดให้สวยหรูแค่ไหนย่อมได้
คำพูดเหล่านี้หวังก่วงผิงฟังแล้วรู้ทันทีว่าเป็การยอมรับ
ที่เขาถูกสั่งให้โยกย้ายก็เพราะรองหัวหน้าถัง!
เขานึกว่าคนดีของหน่วยงานจะไม่เคลื่อนไหว ไม่ถือสา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะชั่วร้ายถึงเพียงนี้ หวังก่วงผิงถลึงตาใส่เหมือนใกล้ะเิอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ข่มมันลงไปอย่างกล้ำกลืน ฝ่ายอุดมศึกษาเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่นอาจจะไม่ใช่หน่วยงานใหญ่ แต่สำหรับนักศึกษาคนหนึ่งถือว่าเป็หน่วยงานที่มีอำนาจมากยิ่งนัก ตอนนี้หวังเจี้ยนหัวยังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ถ้าเขาทะเลาะกับคนแซ่ถังล่ะก็... หวังก่วงผิงจับมือกับรองหัวหน้าถังอย่างฝืนทน
“หากเมื่อก่อนผมเคยทำอะไรผิดพลาดไป หวังว่าจะให้อภัยกันนะครับ”
ตอนนี้สหายคนอื่นยืนอยู่ด้วย คำพูดของหวังก่วงผิงจึงเหมือนการประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้ารองหัวหน้าถัง
รองหัวหน้าถังยิ้มให้เขาแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
จานอ้ายฉวินไม่คิดจะจับมือกับหวังก่วงผิงดั่งรองหัวหน้าถัง เธอมาเพื่อดูเื่ขบขันเท่านั้น
หวังก่วงผิงเก็บข้าวของออกจากที่ทำงานแรกหลังกลับมายังเมืองหลวง เขารู้ว่าตนคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่ฝ่ายอุดมศึกษาอีกแล้ว ั้แ่ตอนนี้จนถึงก่อนเกษียณ เขายังมีโอกาสไต่เต้าจาก ‘สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์’ อยู่อีกหรือไม่?
ตอนนี้หวังก่วงผิงไม่หนุ่มแล้ว
มีข้าราชการหนุ่มอีกมากมายที่รอการเลื่อนขั้น ใครจะคิดถึงคนที่ถูกไล่ให้ไปประจำตำแหน่งอยู่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์อย่างเขากัน!
เื่ราวดำเนินมาถึงจุดที่ย่ำแย่เช่นนี้ได้อย่างไร
หวังก่วงผิงสะดุดเท้าตัวเองในขณะที่หอบข้าวของ ก่อนจะล้มกลิ้งตกบันได
—-----------------------------------------------------
“ถูกย้ายไปอยู่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งสอบเสร็จ กวนฮุ่ยเอ๋อก็มารอเธออยู่ก่อนแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อตั้งใจมาเพื่อบอกข่าวนี้กับเธอเป็คนแรก
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
เธอไม่สนว่าหวังก่วงผิงจะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้เธอนึกไม่ถึงเลยว่าข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งจะมาเล่นงานนักศึกษาธรรมดาๆ อย่างเธอ ดังนั้นหากหวังก่วงผิงยังทำงานอยู่ที่ฝ่ายอุดมศึกษา ต่อให้ครั้งนี้เขาจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ในอนาคตก็อาจจะมีเื่วุ่นวายตามมาอีกนับไม่ถ้วนก็เป็ได้
ตอนนี้หวังก่วงผิงถูกสั่งย้ายไปอยู่ที่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์ แม้แต่เซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็คนนอกยังรู้เลยว่า ที่นั่นคือหน่วยงานไว้สำหรับรอการเกษียณ
ที่นั่นเหมือนกับชื่อเรียกทุกอย่าง คือสำนักงานศึกษาและวิจัย ‘ประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์’ มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงออกมาเป็หนังสือประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์ คอยปกปักษ์และอนุรักษ์โบราณสถานของการปฏิรูปประเทศ... สหายบางคนชื่นชอบงานประเภทนี้ เพราะรู้สึกว่ามันเงียบสงบไม่ต้องคอยสู้รบกับใคร แต่สำหรับคนบ้าอำนาจอย่างหวังก่วงผิง เกรงว่าคงเป็บทลงโทษที่ทรมานอย่างแสนสาหัส
กวนฮุ่ยเอ๋อพยักหน้ารับ “ก่อนหน้านี้เกือบถูกส่งไปที่สถาบันวิจัยโบราณวัตถุ แต่คุณปู่โจวของเธอบอกว่า คนที่อยากสร้างผลงานอย่างเขาหากไปประจำตำแหน่งที่สถาบันวิจัยโบราณวัตถุ โบราณวัตถุพวกนั้นคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข ให้ไปประจำที่สำนักประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนีสต์แล้วกัน โบราณสถานเ่าั้เขาคงขนย้ายไม่ไหว”
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะขบขัน กวนฮุ่ยเอ๋อพูดให้เห็นภาพเหลือเกิน โบราณสถานย่อมย้ายไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว หวังก่วงผิงจะเอาถ้ำหรือสะพานโซ่เหล็กไปทำอะไรเล่า
คุณปู่โจวพูดถูก หากส่งหวังก่วงผิงไปที่สถาบันวิจัยโบราณวัตถุ โบราณวัตถุเ่าั้คงไม่ปลอดภัยแน่นอน
วัตถุโบราณในยุค 80 ยังไม่ถูกปั่นราคา แต่ผ่านไปอีกไม่กี่ปีเครื่องกระเบื้องเคลือบแค่ชิ้นเดียวก็สามารถขายได้ราคาหลายแสนหยวน พฤติกรรมของสหายหวังก่วงผิงช่างไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก
“คุณน้าคะ นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วค่ะ เป็เื่ของฉันแท้ๆ แต่ดันทำให้ตระกูลโจวต้องมาลำบากด้วย”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนโลภ เป็ไปไม่ได้ที่จะไล่หวังก่วงผิงออกจากราชการ และคำสั่งของฝ่ายบริหารก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลโจวจะมีอำนาจตัดสินใจแทน
“ไม่ลำบากอะไรเลย คุณปู่ท่านเพียงพูดตามความถูกต้อง และเล่าเื่จริงให้กับผู้มีอำนาจได้รับรู้เท่านั้นเอง คนที่ทำงานแค่ครึ่งปีก็ถูกเพื่อนร่วมงานเกลียดกันหมดอย่างหวังก่วงผิงมีอยู่ไม่มาก ฝ่ายอุดมศึกษาอยู่ใต้สังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ เดิมทีก็มีคนไม่ชอบใจเขาอยู่แล้ว ครั้งนี้จึงเหมือนช่วยผลักดันอีกแรงก็เท่านั้น”
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่อยากพูดถึงหวังก่วงผิงอีกต่อไป เื่ของเขาไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจว แม้แต่โจวกั๋วปินยังเคยพูดเลยว่า พวกเขาไม่ใช่คนแวดวงเดียวกัน!
“จริงสิ เธอสอบปลายภาคเสร็จแล้ว ปีนี้ตั้งใจจะใช้เวลาใน่ปิดเทอมฤดูหนาวนี้อย่างไร กลับซางตูหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกลำบากใจ “คงยังกลับเร็วขนาดนั้นไม่ได้ค่ะ ปิดเทอมฤดูหนาวฉันมีเื่อื่นต้องทำ ว่าแต่คุณน้าคะ มีข่าวของโจวเฉิงบ้างหรือเปล่าคะ การสอบสวนของเขาเสร็จสิ้นไปสักระยะแล้ว ทางหน่วยงานจัดการกับเขาอย่างไรคะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงไม่ได้เจอกันมาสองเดือนแล้ว
แม้ระหว่างนั้นจะเกิดเื่มากมายขึ้น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานมีหรือที่จะไม่คิดถึงเขา
กวนฮุ่ยเอ๋อเข้าใจดี
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถามถึงโจวเฉิงเลยสักคำ กวนฮุ่ยเอ๋อคงรู้สึกหวั่นใจ
“ถ้าฉันบอกเธอก็เท่ากับฝ่าฝืนกฎระเบียบ... แต่ฉันรู้ดีว่าเธอเป็คนรู้จักขอบเขต คงไม่เอาเื่ภายในไปบอกคนอื่นใช่ไหม”
คุณน้า อย่าล้อเล่นกันแบบนี้ได้ไหมคะ?!
เมื่อก่อนดูเ็า ทำให้เธอต้องเอาอกเอาใจอยู่เลย
“ฉันไม่บอกใครหรอกค่ะ คุณน้าบอกฉันเถิดนะคะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อชี้ไปทางทิศใต้
“ยังอยู่ที่มณฑลิ่เหรอคะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อยิ้มพลางส่ายหน้า “อยู่เผิงเฉิงน่ะ”