เมื่อแสงตะวันลาลับฟ้าผู้เล่นที่หลงใหลในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อ้าเพิ่มระดับนั้นยังคงไม่ลดลงทุกที่ยังคงเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ที่ยังคงลุกโชน
ในมุมที่ไร้ซึ่งผู้คนสนใจ นักฆ่าที่สวมชุดโม่งกำลังแสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมาเมื่อหันมาแล้วพบว่าสายฟ้าได้หายไปเหลือไว้เพียงร่างที่ไร้ิญญาของสมาชิกกิลด์ต้นไม้ทงเทียน ดูเหมือนว่าเขาจะถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนจะหลบหนีออกไปไกลหลายพันลี้ จนไม่สามารถตามตัวได้ทัน
''เยี่ยเยว่กวง'' (แสงจันทร์ยามค่ำคืน)รองหัวหน้าแท่นบูชาได้นำพาสาวงามนั่งดื่มด่ำกับแสงจันทร์อยู่ใต้ต้นไม้ เสียงคุยกระหนุงกระหนิงจู่ๆ ก็มีเงาร่างที่ดูเลือนรางปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบข้างกายเขา คมมีดก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับฟันเข้าใส่คอของเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสาวงามก็ส่งเสียงร้องเตือนรองหัวหน้าแท่นบูชาได้แต่แค่นยิ้มออกมา
เมื่อเห็นประกายแสงวาบขึ้น โล่สีขาวขุ่นก็ปรากฏขึ้นก่อนจะเกิดสะเก็ดคล้ายประกายหินไฟเมื่อป้องกันการโจมตีที่โหดร้ายนั้นได้แล้ว ก็ได้ยินเสียงนักฆ่าส่งเสียงรู้สึกไม่พอใจออกมาดูเหมือนว่าเขาจะลงมือพลาดเสียแล้ว ก่อนที่ร่างจะหายลับไปกับอากาศทันทีราวกับไม่เคยมีตัวตนซึ่งรองหัวหน้าแท่นบูชาเองก็แค่ยิ้มเยาะ แต่ก็ไม่ได้ไล่ตามไปแต่อย่างใด
ห่างออกไปมากกว่าสิบเมตรก็มีละอองเืกระเซ็นพุ่งออกมา นักฆ่าที่สวมชุดคลุมทั้งร่างก็ถูกบีบให้ปรากฏตัวออกมาในอากาศซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเองก็ปรากฏเงาอีกร่างหนึ่งขึ้นในมือถือมีดสั้นเปื้อนเือยู่ สีหน้าท่าทางดุร้าย
รองหัวหน้าแท่นบูชาได้แต่เพียงส่ายหน้าก่อนจะพูดอย่างดูถูกว่า "มีความสามารถเพียงแค่นี้คิดจะมาลอบสังหารรองหัวหน้าแท่นบูชาแห่งความมืด หาที่ตายชัดๆ ต่อให้เป็หัวหน้าของพวกนายก็คงไม่ต่างกัน
"รายงานหัวหน้าแท่นบูชานี่เป็ครั้งที่เจ็ดแล้ว" เงาร่างสีดำเก็บมีดขึ้นมาสีหน้าท่าทางแสดงออกถึงอาการประจบสอพลอ
"ไม่พอหรอก ยังห่างไกลนักดูเหมือนว่าเราคงต้องนั่งไปถึงเช้า ไปได้แล้ว..." รองหัวหน้าแท่นบูชาพูดพลางถอนใจ
"รับทราบ"ทันทีที่เงาดำพูดจบก็หายตัวไปในอากาศ
เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอยู่เป็พักๆเพียงแต่ต่างสถานที่กันออกไป
ฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงคล้ายกับดาวยามค่ำคืนก่อนจะมาถึงสถานที่สำหรับสังหารมอนสเตอร์ของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนนั่นคือหุบเขาแมงมุม เป็ที่อยู่ของแมงมุมหน้าคนที่มีระดับเลเวล 58 มีความแข็งแกร่งเป็อย่างมาก และยังให้ค่าประสบการณ์มากด้วยไหมและถุงพิษที่ดรอปออกมาก็ถือว่าเป็ของดี ชิ้นหนึ่งใช้ทำเสื้อผ้าอีกชิ้นใช้ทำยาน้ำ ผู้เล่นต่างให้ความนิยมมาก เพราะว่าค่อนข้างให้ผลกำไรที่สูงจึงทำให้กิลด์ต้นไม้ทงเทียนได้พื้นที่บริเวณนี้ั้แ่แรก
"ดูเหมือนจะมีคนเยอะไปเสียแล้ว"หนานกงเสี่ยวเหลือบตามองแว่บหนึ่ง สีหน้ารู้สึกเป็กังวล
แมงมุมหน้าคนนั้นค่อนข้างอันตรายมากและมีอยู่มากมายด้วย ถึงแม้ว่าเวลานี้จะเป็เวลากลางคืนก็ตามซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ได้ออฟไลน์ออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อนบ้างแล้วถ้าเป็เวลากลางวัน คงจะต้องมีคนมากยิ่งกว่านี้เป็แน่ ถึงแม้ว่าคนจะน้อยลงแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคน พวกเขาก็มีกันแค่สองคน สองต่อห้าร้อย ความแข็งแกร่งเช่นนี้ดูเหมือนจะห่างไกลกันมากไปหน่อย
"น่าจะพอไหว"ฉินโจ้วกวาดตามองด้วยความระมัดระวังก่อนจะตัดสินใจโดยส่งสัญญาณให้หนานกงเสี่ยวไม่ต้องเคลื่อนไหว และย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
ถึงแม้จะมีมากกว่าห้าร้อยคนแต่หนึ่งในห้าก็ไม่ใช่พวกสายต่อสู้ และก็เป็เพียงแค่พวกเก็บรวบรวมเท่านั้นดูเหมือนนี่จะเป็ความขมขื่นของผู้เล่นสายต่อสู้ทั้งที่ในใจ้าเพิ่มระดับความแข็งแกร่งแต่ทักษะของสายสร้างนั้นสามารถทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ ถึงแม้จะไม่อยากได้ใยแมงมุมและถุงพิษแต่ใครจะกล้าโยนทิ้งได้ลงคอ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ก็จำใจต้องยอมลากขวดน้ำมัน(ภาระ) เหล่านี้ต่อไป
ผู้เล่นเก็บรวบรวมของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนเมื่อเทียบกับบริษัทขายยาเทพแห่งการเกษตร พบว่าทั้งระดับเลเวลและประสิทธิภาพล้วนต่ำกว่าเพื่อไม่ให้เป็การเสียเวลา จึงให้ผู้เล่นทั้งหลายมารวมกลุ่มล้อมรอบแมงมุมหน้าคน เพื่อเก็บรวบรวมในเวลาเดียวกันโชคยังดีที่ขนาดตัวของแมงมุมหน้าคนนั้นมีขนาดแค่อ่างล้างเท้าไม่อย่างนั้นแล้วปริมาณคงไม่พอกับฝูงชนเป็แน่
ทันทีที่เก็บรวบรวมแมงมุมหน้าคนตัวแรกเสร็จก็จะตรงไปยังแมงมุมตัวถัดไปทันที อาจเป็เพราะอัตราความสำเร็จของเขาค่อนข้างสูงผู้เล่นโดยรอบจึงยอมหลีกทางให้ และไม่ไปเก็บรวบรวมอีกครั้งก่อนจะเดินหน้าไปหาตัวอื่นต่อไป ในขณะที่กำลังจะเก็บรวบรวมต่อนั้น จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ซากของแมงมุมหน้าคนนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการหดขนาดลงจากขนาดเท่าอ่างล้างเท้าเดิม จากนั้นจู่ๆ ก็เริ่มขยายขนาดขึ้นก่อนจะกระจายออกไปเต็มพื้นที่ ใน่ของการหดตัวและะเิออกมาเป็การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเป็อย่างยิ่ง ซึ่งผู้คนทั้งหลายนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำก่อนจะได้ยินเสียงะเิดังก้องขึ้นในหูแมงมุมหน้าคนได้ะเิออกกลายเป็เศษเนื้อกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทางพลังทำลายที่รุนแรงพุ่งเข้าใส่ผู้เล่นที่รวมกลุ่มอยู่ด้วยกันนั้นกระจัดกระจายออกไป ถึงไม่ต้องสำรวจร่างกายโดยละเอียดก็รู้สึกได้ถึงความเ็ปหลังจากนั้นสติก็พลันดับวูบไป
"เกิดอะไรขึ้น?" หัวหน้ากลุ่มย่อยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถามขึ้นด้วยความใ
การะเินั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนทุกคนาเ็เล็กน้อยแต่พลังทำลายของะเินั้นก็สร้างความประหลาดใจขึ้นมาอยู่ไม่น้อยผู้เล่นเก็บรวบรวมห้าคน และนักรบอีกสองคนที่อยู่รวมกลุ่มใกล้ชิดกันนั้นถูกะเิตาย
หัวหน้าทีมสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้วแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบใดๆ ได้ จึงได้หันกลับไปแล้วพูดขึ้นว่า"กระจายกันออกไปทำงานต่อได้แล้ว นี่เป็แค่อุบัติเหตุ แมงมุมหน้าคนเกิดการกลายพันธุ์ทุกคนก็ระมัดระวังให้มากขึ้น อย่าทำเป็กระต่ายตื่นตูม" หลังจากที่เขาพูดจบ
ตู้ม!
ร่างของแมงมุมหน้าคนอีกตัวก็เกิดะเิขึ้นดูเหมือนว่าจะมีผู้ใช้เวทคนหนึ่งขาขาด ล้มกลิ้งลงกับพื้น พร้อมกับกรีดร้องอย่างโหยหวน
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยย่อยแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ก่อนจะะโด้วยเสียงอันดังขึ้น "ทุกคนระวัง ศพพวกนี้อาจติดเชื้ออย่าเข้าไปใกล้..." ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงะเิก็ดังแทรกขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตูม... ตูม... ตูม... ตูม... ตูม...!
ร่างของแมงมุมหน้าคนะเิขึ้นตัวแล้วตัวเล่าพวกเขาที่อยู่ใกล้ซากเ่าั้ก็ไม่ได้เตรียมการป้องกันเอาไว้และแถมยังยืนรวมกลุ่มใกล้กันมาก และไม่ได้คิดว่าจะเกิดการะเิขึ้นทำให้คนกว่าร้อยชีวิตถูกะเิตาย เหลือเพียงผู้เล่นส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงหนีออกมาได้
"กวงโถวจี่ตั่น (หัวะุ) นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่?ฉันให้นายดูและบริหารจัดการเื้ัไม่ได้ให้นายมาช่วยเก็บกวาดจนสะอาดแบบนี้ ไอ้เวรเอ๊ย..."ทำให้เกิดเื่วุ่นวายขนาดนี้ รีบไปปลุกหัวหน้าหน่วยให้มาจัดการเื่นี้ทันทีเขาวิ่งมาจากด้านหน้าด้วยอารมณ์โกรธเป็อย่างมาก ในขณะที่ะโใส่หัวหน้าหน่วยย่อย
"หัวหน้าหน่วยย่อยกวงโถวจี่ตั่นกล่าวขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า"หัวหน้า เื่นี้ไม่ใช่ความผิดของผมซากแมงมุมหน้าคนมันเกิดกลายพันธุ์และจู่ๆ มันก็ะเิขึ้นเองผมเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นนะ"
หัวหน้าหน่วยหันมองไปรอบตัว สีหน้าเรียบเฉยก่อนจะะโสั่งการด้วยเสียงดุดัน " กวงโถวจี่ตั่น นายมันเป็หมูโง่กลายพันธุ์อะไรกัน นายน่ะสิกลายพันธุ์ ครอบครัวนายก็ด้วยที่กลายพันธุ์นี่มันเป็แผนของศัตรูโว้ย... ไอ้งี่เง่า... ทุกคนฟังคำสั่งให้ถอยห่างออกจากซากของแมงมุมหน้าคน และก็ให้เตรียมรับมือกับศัตรูโดยรอบ..."
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม...!
เสียงะเิดังขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากฝูงชนนั้นแออัดกันเกินไปและอีกทั้งยังมีซากของแมงมุมหน้าคนอยู่อีกเป็จำนวนไม่น้อย ทันทีที่เกิดะเิขึ้นพวกเขาจึงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ แรงะเิทำให้มีคนาเ็ล้มตายเป็ร้อยทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหวาดผวา แล้วจู่ๆ ท้องฟ้าก็กลายเป็สีดำ จากการโจมตีด้วย''ม่านฟ้าิญญา'' เจ็ดหรือแปดแห่งเพียงชั่วครู่ก็ครอบคลุมกินอาณาเขตหุบเขาแมงมุมไปกว่าครึ่งเวลาเดียวกันนั้นเองก็ได้เกิดเสียงพิณ ผึ้งเพชฌฆาต และอัศวินปฐีขึ้นพร้อมๆ กัน
"ศัตรูบุกโจมตี... ศัตรูบุก เตรียมตั้งขบวนต่อสู้อ้าก..." เสียงของหัวหน้าหน่วยกรีดร้องดังออกมาจากความมืดมิด
จากนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้กันอย่างดุเดือดในบางครั้งก็ได้ยินเสียงผู้เล่นกรีดร้องด้วยความเ็ปอย่างมาก บางครั้งก็มีเวทมนตร์สีสันสวยงามพุ่งผ่านหมอกสีดำวาบหายไปลูกธนูถูกยิงสุ่มออกมาก่อนจะพุ่งแหวกท้องฟ้าออกไปไกล และร่วงลงสู่พื้นดิน
ใน่เวลาที่ผ่านมาฉินโจ้วก็เก็บผลึกเวทไว้ค่อนข้างมากซึ่งทำให้ผึ้งสีทองเพชฌฆาตนั้นมีความสุขมากไปด้วย พวกมันกินผลึกเวททุกวัน จนเวลานี้ร่างขยายใหญ่โตขึ้นเกือบสองเท่าไม่ต่างจากหมาพันธุ์เล็กแล้วเนื่องจากสารอาหารที่ได้รับอย่างอุดมสมบูรณ์ทำให้ความเร็วในการฟักไข่นั้นเพิ่มสูงขึ้นเวลานี้ผึ้งเพชฌฆาตขนาดเล็กก็ได้รวมกลุ่มกันจนเหมือนกับเมฆครึ้มสีดำที่มีขนาดใหญ่
ในเวลานี้ศัตรูยังไม่สามารถใช้การจัดตั้งรูปแบบเพื่อใช้โจมตีได้จึงทำได้เพียงต่อสู้กันด้วยพละกำลังของตนเองเพียงลำพังซึ่งการใช้ผึ้งเพชฌฆาตนั้นส่งผลสำเร็จได้มากกว่า เพชฌฆาต... ผึ้งเพชฌฆาต
ฉินโจ้วเดินออกมาจากความมืด หลังจากได้เพิ่ม ''ม่านฟ้าิญญา'' เข้าไปอีกเล็กน้อย และได้ปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ออกไปเพื่อจัดการกับศัตรูที่คุกคามอีกหลายต่อหลายหนและภายใต้การสะกดจิตด้วยเสียงพิณของหนานกงเสี่ยวที่หาตัวจับได้ยากทำให้พลังรบของศัตรูนั้นลดหายไปกว่าครึ่ง หลังจากผ่านไปราวห้านาที ก็ไม่มีเสียงหวีดร้องออกมาให้ได้ยินอีกเลยดูเหมือนว่าศัตรูจะถูกจัดการจนหมดแล้ว
ทั้งสองคนไม่ต่างจากการขับรถบนถนนที่คุ้นเคยลงมือเก็บกวาดสนามรบอย่างเริงร่าคงไม่ต้องบอกว่านี่เป็วิธีหาเงินได้อย่างรวดเร็วมากที่สุดหลังจากการต่อสู้จบสิ้นลง อย่างน้อยก็ต้องได้ไม่ต่ำกว่าร้อยเหรียญทองเท่าที่ได้บันทึกเอาไว้หมดวันเหรียญทองต้องทะลุหนึ่งพันเหรียญเป็แน่ ซึ่งอย่างไรก็คุ้มค่ากว่าการปล่อยกู้กินดอกแน่และยังไม่ต้องกังวลในเื่การเก็บเงิน นี่จึงเป็วิธีที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลกำไรมาก
อย่างเดียวที่รบกวนใจอยู่ในเวลานี้ก็คงจะเป็ระยะเวลาของม่านฟ้าิญญาที่ยังคงแสดงผลอยู่ทำให้หนานกงเสี่ยวเดินสะดุดก้อนหินอยู่ตลอดหรือแม้แต่เศษซากชิ้นเนื้อของแมงมุมหน้าคน
หลังจากเก็บกวาดเป็ที่เรียบร้อยทั้งคู่ก็รีบจากไปในทันที โดยไม่ได้รั้งรอแต่อย่างใด
ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงกระจ่างตา สาดแสงลงมาบนพื้นดินเผยให้เห็นหมอกชั้นสีขาวลอยบดบังเป็ชั้นๆเต็มไปหมด ดูไปก็คล้ายกับเมืองแห่งเทพนิยาย แสงนั้นส่องผ่านทะลุหมอกเมฆออกมาให้เห็นอย่างสลัวๆในขณะที่กำลังเดินผ่านหุบเขาขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ฉินโจ้วก็หยุดก้าวเท้าเดินก่อนที่จะรั้งหนานกงเสี่ยวเอาไว้
"หยุดที่นี่เดี๋ยวแล้วกันบรรยากาศที่นี่สวยงามมาก อากาศก็บริสุทธิ์ เสี่ยวเกอผมอยากได้ยินคุณเล่นเพลงให้ฟังสักหน่อยคุณคิดว่าอย่างไร?"
"ได้สิ... ถ้าคุณชอบ ฉันก็จะเล่นให้คุณฟัง" หนานกงเสี่ยวหันกลับมาก่อนจะยิ้มให้เป็การตอบตกลง
ตริ๊ง... แตร๊ง...
เสียงพิณบรรเลงเพลงดังขึ้นฟังดูราวกับััถึงสายลมที่แ่เบาในฤดูใบไม้ผลิ ชวนให้ผู้คนตกอยู่ในห้วงภวังค์
ในขณะนั้นฉินโจ้วก็เคลื่อนไหวด้วยการโบกไม้เท้าเวทก่อนที่จะส่ง ''หนามกระดูก'' นับร้อยพุ่งตรงออกไปยังความว่างเปล่า...ฉึก ฉึก ฉึก! ตามมาด้วยเืที่พุ่งกระฉูดและเสียงสำลักชายสวมชุดคลุมดำทั้งสามก็เต็มไปด้วยหนามกระดูกทั่วทั้งร่าง และถูกบีบให้ออกมาจากความว่างเปล่าแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว
จากนั้น ''หนามกระดูก'' ก็ถูกยิงออกไปอีกครั้งก่อนที่ชายสองคนที่สวมชุดคลุมเหมือนกันจะปรากฏกายขึ้นทันทีที่พวกเขาปรากฏขึ้นให้เห็น ก็สลายกลายเป็แสงสีเทาและกลับไปเกิดใหม่
"ทันใดนั้นฉินโจ้วก็กวาดตามองรอบตัวก่อนจะไปปรากฏกายขึ้นอยู่ด้านหลังหนานกงเสี่ยวพร้อมกับประกายแสงสีทอง ''ฝ่ามือวชิระเทวราช'' ถูกฟาดเข้าใส่บริเวณพื้นที่ว่างเปล่าก่อนที่เงาดำร่างหนึ่งจะร่วงหล่นออกมาจากอากาศ และกระอักเืออกจากปากดวงตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นและได้ตายลง
"น่าแปลกใจที่การสะกดจิตของเสียงพิณเหมือนจะไม่ได้ผลดูท่าคงเป็ระดับผู้เชี่ยวชาญ น่าเสียดาย" ฉินโจ้วพูดพลางถอนหายใจ
เมื่อหนานกงเสี่ยวเห็นว่าการต่อสู้จบลงเรียบร้อยจึงได้หยุดเล่นพิณ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นมาพูดขึ้นอย่างมีความสุขว่า"ฉันว่าเราร่วมมือกันได้เป็อย่างดี"
"มันช่างน่าประทับใจเป็อย่างมาก สมบูรณ์แบบ..."ฉินโจ้วเอ่ยอย่างชื่นชม
"เฮอะ... มันแน่นอนอยู่แล้ว"หนานกงเสี่ยวพูดขึ้น
"ดูท่ากิลด์ต้นไม้ทงเทียนคงจะนั่งไม่ติดแล้วเมื่อเราเริ่มทำการตอบโต้ ต่อไปน่าจะไม่ง่ายแบบนี้แล้ว"สีหน้าของฉินโจ้วเปลี่ยนไปเป็เคร่งขรึม
"แล้วคุณจะไปกลัวอะไรล่ะ? ถ้ามีคนมาขวางก็ฆ่าคนต่อให้มีพระสงฆ์องค์เ้าถ้ามาขัดขวางก็ต้องสังหารเสียให้สิ้นเื่" หนานกงเสี่ยวเอ่ยขึ้นอย่างห้าวหาญ
"พูดเป็นิยายไปได้" ฉินโจ้วถึงกับหัวเราะร่า
ท้องฟ้ามืดสลัว ดูเหมือนว่าพระจันทร์ยามนี้กำลังหลับพักผ่อนทำให้เป็่เวลาที่มืดที่สุด แล้วจู่ๆ หนานกงเสี่ยวก็จับมือของฉินโจ้ว และชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
"ดูนั่นสิ... มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่"
เนื่องจากหนานกงเสี่ยวนั้นเป็ผู้เล่นที่ใช้เครื่องดนตรีจึงทำให้ประสาทััค่อนข้างไวในเื่ของเสียง หลังจากที่ฉินโจ้วเหลือบไปมอง สีหน้าก็กลายเป็เคร่งขรึมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงว่า"นั่นเป็คนจากสหพันธ์นักฆ่ากับกิลด์ต้นไม้ทงเทียนแต่เหมือนจะถูกจัดการไปมากพอดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่แน่ใจว่าเขาเป็ใครกัน"
ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่มหวานชื่น แต่ที่ข้างกายของพวกเขานั้นกลับมีประกายคมมีดส่องแสงแวววับออกมาเป็ครั้งคราวก่อนที่เืจะพวยพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า ไอร้อนลอยขึ้นสูงก่อนที่ศพของชายคลุมหน้าจะถูกบีบให้โผล่ออกมาจากอากาศดูเหมือนจะมีศพมากกว่ายี่สิบรายนอนเรียงรายอยู่บนพื้น โดยปกติหลังจากที่ผู้เล่นตายลงศพจะยังอยู่ได้อีกราวสิบวินาที ถ้าหลังจากสิบวินาทีแล้วมันก็จะหายไปและถ้าดูจากศพที่มากกว่ายี่สิบรายนั้นยังไม่หายไปในตอนนี้ คงพอจะเดาได้ว่าการต่อสู้คงจะต้องดุเดือดเืพล่านเกินกว่าจินตนาการเอาไว้เป็แน่
ทั้งคู่นั้นก็ต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่คล้ายกันใบหน้าก็ปกคลุมไปด้วยผ้าสีดำ จึงเป็การยากที่จะแยกออกได้ว่าเป็ฝ่ายใดที่ตายไปหรือทั้งสองฝ่าย
นี่เป็การดวลกันของนักฆ่า เป็การปะทะกันที่ยิ่งใหญ่ระหว่างการลอบสังหารและการป้องกันการลอบสังหารส่วนใหญ่การต่อสู้จะเกิดขึ้นในสถานที่ที่มองไม่เห็น แต่ถ้าเมื่อคุณมองเห็นแล้วนั่นก็หมายความว่าการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าไม่ตายก็รอด ไม่มีทางที่สามให้เลือก
ประกายแวววาวของเืเจิดจ้าขึ้นชั่วครู่
ร่างเงาดำเผยออกมาให้เห็น น้ำเสียงอึกอักอยู่ในลำคอก่อนจะร่วงลงมาจากอากาศ และพูดขึ้นอย่างเร่งรีบว่า "การต่อสู้ครั้งนี้ฝ่ายเราแค่โชคไม่ดี คราวหน้าจะ..." ยังไม่ทันพูดจบชายคนดังกล่าวก็ตายไปเสียก่อน
ชายชุดคลุมดำปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะประสานมือคำนับชายคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้และพูดขึ้นว่า "รายงานรองหัวหน้าแท่นบูชา ศัตรูถูกกำจัดทั้งหมดแล้ว ทั้งหมด 36คน ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้"
รองหัวหน้าแท่นบูชาคลายมือออกจากหน้าอกของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า "ฝ่ายเราสูญเสียไปเท่าไรแล้ว?"
"รายงานรองหัวหน้าแท่นบูชา ฝ่ายเราสูญเสียไป 41คน ยังเหลืออยู่อีก 9 คน" ร่างชุดคลุมพูดขึ้นด้วยอาการประหม่า
รองหัวหน้าแท่นบูชาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดขึ้นว่า"ทำงานได้ดีสมกับเป็นักฆ่ามืออาชีพ หลังจากเสร็จศึกนี้แล้วถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ถึงแม้ว่าจะเป็การดักซุ่มโจมตีก็ตามก็ยังถือว่าทำงานได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากที่กลับไปทุกคนจะได้รางวัลเพิ่มคนละหนึ่งเหรียญทอง”
"ขอบคุณมาก ท่านหัวหน้าแท่นบูชาผู้น้อยจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ" ชายชุดคลุมสีดำแสดงท่าทางดีใจออกมาและดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย จากรองหัวหน้าแท่นบูชาเลยกลายเป็หัวหน้าซะอย่างนั้น...
"ระวัง..." รองหัวหน้าแท่นบูชาสีหน้าเปลี่ยนไปก่อนจะะโขึ้น
ทันทีที่เงาดำหันหลังกลับ เขาก็เห็น ''หนามกระดูก'' ถูกปล่อยลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนาแน่นดูไม่ต่างจากหยาดฝนที่ร่วงหล่น ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับลูกธนูเขาเองไม่เคยคิดมาก่อนว่า ''หนามกระดูก'' ที่เป็เวทมนตร์พื้นฐานจะทำได้ถึงเพียงนี้เมื่อเขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เขาก็สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเพื่อนอีกแปดคนที่หายตัวอยู่ในอากาศ
ประกายแสงเรืองรองส่องกะพริบวาบแสงสว่างจ้าเริ่มบดบังเพิ่มมากขึ้น รองหัวหน้าแท่นบูชาก็มีการตอบสนองอย่างรวดเร็วก่อนที่ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' จะพุ่งเข้าใส่
บึ้ม...
เสียงะเิดังขึ้นแสงที่เจิดจ้าได้ทำลายเกราะป้องกันแห่งแสงที่ปกคลุมเอาไว้ดูเหมือนว่ารองหัวหน้าแท่นบูชาจะไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขานั้นกลับได้รับผลเต็มๆ จากการะเิและถูกสังหารจนตาย
''เจิง!''
ด้วยการสะบัดนิ้วที่นุ่มนวลไม่ต่างจากต้นหอมเขียวของหนานกงเสี่ยวทำให้เสียงพิณกังวานออกไป
ทันใดนั้นร่างของรองหัวหน้าแท่นบูชาก็กลายเป็แข็งทื่อรอยเืขนาดเส้นไหมที่บริเวณลำคอเริ่มขยายขนาดออกมากขึ้น ม้วนคัมภีร์เวททั้งสองที่ถืออยู่ในมือก็กลายเป็สิ่งไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว
ตุ้บ...
ร่างที่สูงใหญ่ของรองหัวหน้าแท่นบูชาก็ล้มลงไปกองกับพื้นก่อนที่ศีรษะของเขาจะกลิ้งหลุนๆ ออกไปไกลราวสองสามเมตร ดวงตายังคงเบิกกว้าง ดูท่าว่าจะตายตาไม่หลับ
''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ'' เป็สิ่งที่ทำให้เขาต้องยุติการมองหาคู่ชีวิตลงเสียแล้ว
การต่อสู้ที่ดูเหมือนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก็จบลงเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้