การได้เห็นบุตรสาวต้องเผชิญกับความอับจนหนทางและความเสียใจทำให้ลู่เป๋าเหยารู้สึกเจ็บแปลบ นางไม่อยากให้บุตรสาวต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับตนเอง
นางไม่ได้เป็เช่นนี้ั้แ่แรกหรอก นางเพียงอิจฉาที่เจียงเยว่เสียนด้อยกว่าตนเองทุกอย่าง ทว่ากลับมีชีวิตที่ดีกว่า
บุตรสาวในตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกับนางในตอนนั้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไป๋หว่านหนิงควรจะเป็บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของจวนสกุลไป๋แต่เพียงผู้เดียว
“วิธีอะไรหรือเ้าคะ!”
ดวงตาของไป๋หว่านหนิงเป็ประกาย ขอเพียงทำให้ไป๋เซี่ยเหอตาย นางก็เต็มใจทำทุกอย่าง!
ลู่เป๋าเหยาลูบศีรษะของไป๋หว่านหนิงด้วยความรักและสงสาร “เ้าอย่าบุ่มบ่ามไป ให้แม่ทำเองเถิด แม่หวังให้ลูกสาวของแม่บริสุทธิ์งดงามไปตลอดกาล”
ไป๋หว่านหนิงพยักหน้าอย่างยินดี แต่พอผ่านไปชั่วครู่ก็กลับส่ายศีรษะ
“แต่ท่านแม่ ตอนนี้ท่านถูกกักบริเวณ...”
ลู่เป๋าเหยาส่ายศีรษะ “ไม่มีปัญหา เ้าคิดว่าแม่ดูแลเื่เล็กใหญ่ในจวนมานานปีเช่นนี้จะเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ แม่เองก็มีเส้นสายของตนเองเช่นกัน”
“ตกลงเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นลูกก็รอฟังข่าวดีได้เลย”
ความเศร้าหมองของไป๋หว่านหนิงมลายสิ้น นางจากไปอย่างดีอกดีใจ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ถามลู่เป๋าเหยาสักคำว่าเป็อย่างไรบ้าง
ลู่เป๋าเหยาปวดร้าวจากก้นบึ้งหัวใจ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงเรียกคนแปลกหน้าผู้หนึ่งมาหา หลังจากสั่งการสองสามประโยคก็ปล่อยคนผู้นั้นไป
ภายในเรือนสุ่ยฉิง
ไป๋เซี่ยเหอถือกล่องไม้ใบนั้นไว้ในมือ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในใจของนาง จะให้อธิบายความรู้สึกนั้นอย่างไรดี?
เหมือนกับถูกดึงดูดกระมัง
ใช่แล้ว นางถูกดึงดูดให้เปิดกล่องใบนี้
‘แกร๊ก’
มันไม่ได้ใส่กุญแจเอาไว้ ไป๋เซี่ยเหอเพียงดึงเบาๆ ก็เปิดได้แล้ว
เป็อย่างที่ฝูเอ๋อร์กล่าวจริงๆ เมื่อกล่องเปิด สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือเครื่องประดับจำนวนหนึ่งที่ทั้งเก่า ทั้งราคาถูก
ปิ่นปักผมเงินล้วนสองด้าม ทั้งยังมีกำไลเงินหนึ่งวง ทว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในนั้นคงเป็ต่างหูจี้หยกสองข้างกระมัง
กล่องใบนี้เรียบง่ายปานนี้จริงหรือ?
ไป๋เซี่ยเหอเทเครื่องประดับทั้งหมดในกล่องออกมาพินิจพิเคราะห์
เคาะตรงนี้ ดูตรงนั้น
‘ก๊อกๆ’
“เอ๊ะ?” ข้อนิ้วของไป๋เซี่ยเหอที่เคาะกล่องอยู่หยุดชะงักทันที
เสียงนี้มัน...
มีชั้นแยกตรงกลางกล่องหรือ?
มิน่าเล่า ตอนแรกนางมองอย่างไรก็รู้สึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่ากล่องใบนี้ไม่เล็กเลยเมื่อมองจากภายนอก ทว่าหลังจากเปิดออกมากลับมีเพียงชั้นตื้นๆ ชั้นเดียวเท่านั้น
ที่แท้ข้างในยังมีลับลมคมในดังที่คาด!
เพียงแต่ชั้นแยกนั้นต้องเปิดอย่างไรเล่า?
ฝืนทุบเพื่อเปิดออกย่อมไม่ได้ เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอไม่ทราบว่าข้างในบรรจุอะไรไว้ จึงอาจทำเสียหายโดยไม่ระวัง
ไป๋เซี่ยเหอสำรวจรายละเอียดทุกจุดบนกล่องอย่างพิถีพิถัน
หลังผ่านไปครึ่งถ้วยชา
‘แกร๊ก’
“เปิดได้แล้ว!” ไป๋เซี่ยเหอมองกล่องตรงหน้าอย่างตกตะลึง นางรู้สึกชื่นชมกลไกในยุคโบราณอย่างเสียไม่ได้
เพียงแต่พื้นผิวต่างออกไปเล็กน้อย หากไม่สังเกตอย่างละเอียด จะไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้เลย ใครจะรู้ว่าพื้นผิวที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยนั้นจะมีอีกมิติหนึ่งที่อยู่ภายใน
การใช้วิธีนี้เป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามารดาของเ้าของร่างไม่ใช่คนโง่เขลา เพียงแต่นางเอาตัวบังกระบี่ให้บุรุษสารเลวพรรค์นั้นอย่างไป๋เสียนอันทำไม?
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเปิดชั้นแยกออก ดวงตาก็เป็ประกายทันที
ยอดเยี่ยม สิ่งที่ได้มาล้วนคุ้มค่า!
นึกไม่ถึงว่าจะเป็สมุดบันทึกของเจียงเยว่เสียน ซึ่งบันทึกโรคภัยทั้งหมดที่นางได้พบเจอมา ไม่ว่าจะเป็รายละเอียดของโรค หรือวิธีการรักษาอย่างละเอียด
นอกจากสมุดบันทึกนี้แล้ว ด้านล่างสุดยังมีสมุดบันทึกอีกเล่มถูกทับไว้อยู่
ดูเหมือนจะเป็ฉบับคัดลอกด้วยมือ ทว่ามันน่าจะถูกเก็บไว้นานแล้ว กระดาษจึงมีสีเหลืองเล็กน้อย
ส่วนตัวอักษรนั้น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็ลายมือของบุรุษ
ไป๋เซี่ยเหอขลุกอยู่ในห้องตลอดวันเพื่ออ่านสมุดบันทึกทั้งสองเล่ม
ฝูเอ๋อร์เข้ามาเจอไป๋เซี่ยเหออ่านหนังสือ เพียงแต่นางไม่รู้หนังสือ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าคุณหนูเอาหนังสือมาจากไหน แต่นางก็ไม่ได้ถามให้มากความ เพียงลงกลอนประตูยามเดินออกไปเท่านั้น
ในอดีตความจำของไป๋เซี่ยเหอยอดเยี่ยมกว่าคนทั่วไป และในปัจจุบันก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน
วิธีรักษาที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกของเจียงเยว่เสียนนั้นมีรายละเอียดกำกับ ช่วยให้เข้าใจได้ง่าย เพียงครึ่งวันนางก็อ่านจบแล้ว
ทว่าอีกเล่มหนึ่งนั้น...
มันหนากว่าสมุดบันทึกของเจียงเยว่เสียนสองเท่า เห็นได้ชัดว่าผู้เขียนคือผู้าุโของเจียงเยว่เสียน
ว่าแต่ใครกันเล่า?
หรือเป็ผู้ที่สอนทักษะด้านการแพทย์ให้เจียงเยว่เสียน? หากเป็เช่นนี้ก็คงสนิทสนมกับนางมากสิท่า
ไม่อย่างนั้นคงไม่มอบจิติญญาให้นางหรอกกระมัง
ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดถึงไม่เคยมาเยี่ยมเจียงเยว่เสียนเลยเล่า?
ไป๋เซี่ยเหอพลิกอ่านสองสามหน้าแรก ส่วนใหญ่เป็โรคที่รักษาได้ยาก เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีทักษะด้านการแพทย์ที่สูงล้ำ
หลังจากอ่านสมุดบันทึกอยู่ในห้องโดยลืมกินลืมนอนมาสองวัน แต่ไป๋เซี่ยเหอก็ไม่ลืมวันที่ตนเองต้องเข้าวัง
ใบหน้าของฝูเอ๋อร์ยังคงฟกช้ำ นางจึงไม่คิดจะพาฝูเอ๋อร์เข้าวังไปด้วย
นางเคยะโลงจากรถม้ามาแล้ว ก็ทำเช่นนั้นอีกให้คุ้นชินไปเลยแล้วกัน
“หม่อมฉันไป๋เซี่ยเหอ ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”
สตรีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงฉาน ปกเสื้อและกระบอกแขนปักลวดลายเมฆา กระโปรงปักลวดลายพญาหงส์สยายปีกตัวหนึ่งด้วยด้ายสีทองที่แสดงถึงบารมี
ศีรษะประดับด้วยปิ่นหงส์ระย้า ใบหน้าประทินโฉมอย่างงดงามไร้ที่ติ
นางนั่งอยู่ตรงนั้น แววตาเจือไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกวักมือเรียกไป๋เซี่ยเหอที่อยู่เบื้องล่าง “เซี่ยเอ๋อร์มานี่สิ”
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้ว ท่าทางของฮองเฮาแตกต่างจากที่นางคิดเอาไว้นัก
“นี่...คงไม่ดีนักกระมังเพคะ”
ฮองเฮามองนางอย่างตำหนิ ก่อนจะเอ่ยอย่างขบขัน “ในห้องนี้ไม่มีคนอื่น ไม่ต้องสงวนท่าทีไป”
ไป๋เซี่ยเหอเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว “ฮองเฮาทรงพระเกษมสำราญหรือไม่เพคะ?”
“ก็ดี” หลังผ่านไปนาน ฮองเฮาก็กล่าวอีกประโยค “เพียงแต่ในห้องบรรทมใหญ่โตแห่งนี้ออกจะเปลี่ยวเหงาอยู่บ้าง”
ถ้อยคำนี้เต็มไปด้วยการชี้นำ
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ฮองเฮาทรงเชื่อที่หม่อมฉันทูลหรือไม่เพคะ?”
ความจริงแล้วจดหมายฉบับนั้นที่นางให้ฝูเอ๋อร์ส่งมา นาง้าบอกฮองเฮาว่านางมีวิธีรักษาอาการมีบุตรยาก
ตามความเข้าใจของนาง ฮองเฮาไม่เคยตั้งครรภ์ แม้จะถูกวินิจฉัยว่ามีบุตรยาก ทว่าไม่มีใครบอกสาเหตุได้
เื่นี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ไป๋เซี่ยเหอคาดว่าคงเป็เพราะถูกพิษเรื้อรัง
“ย่อมเชื่อแน่นอน ในเมื่อหมอหลวงยังไม่อาจรักษาฝ่าาได้ แต่เ้ากลับรักษาได้ เห็นได้ชัดว่าเ้าเป็เด็กที่มีความสามารถ”
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้ามองฮองเฮา และสังเกตเห็นว่าแม้ว่านางจะกล่าวเช่นนี้ ทว่าในแววตากลับแทบไม่มีความคาดหวังใดๆ
ความจริงแล้วไป๋เซี่ยเหอได้บอกในจดหมายด้วยว่า นางสามารถลองรักษาฮองเฮาดูก่อนได้
ไป๋เซี่ยเหอซักถามเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพร่างกายของฮองเฮา ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากที่นางรับรู้มามากนัก
เช่นนั้นก็มีเพียงต้องลองรักษาดูแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอหวนนึกถึงตำรับยาที่นางได้อ่านในสมุดบันทึก จากนั้นก็บอกให้คนไปจัดเตรียมยา
ระหว่างรอ ในห้องก็เหลือเพียงไป๋เซี่ยเหอกับฮองเฮาเท่านั้น
ฮองเฮานั่งอยู่บนเบาะอ่อนนุ่มและกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทว่าไป๋เซี่ยเหอเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด
ทั้งห้องจึงเงียบสงัด
“เซี่ยเอ๋อร์ เ้ารักไท่จื่อหรือไม่?”
ลมหายใจของไป๋เซี่ยเหอหยุดชะงัก นางสบตาของฮองเฮาที่กำลังจับจ้องมาที่นางโดยไม่ได้หลบเลี่ยง ก่อนจะถามกลับว่า “หม่อมฉันแทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับไท่จื่อเลย จะเกิดความรักจากที่ใดเล่าเพคะ?”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้