“เอาตามที่แม่เล้าว่ามา ข้าขอแค่คนมาคอยรินสุราเท่านั้น” จ้าวซีเหอยิ้มกว้างอย่างมีเสน่ห์ แววตาเต็มไปด้วยความเ้าชู้ขณะเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้าไป เมื่อเข้ามาก็ได้เจอกับเมิ่งเคอที่กำลังดื่มสุราอยู่กับสาวงาม
“ใต้เท้าเมิ่งเปลี่ยนรสนิยมแล้วหรือ” เขามองสาวงามที่นั่งอยู่ด้านข้างเมิ่งเคอซึ่งมีหน้าตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพร้อมกับยิ้ม
เมิ่งเคอลุกขึ้นยืน โค้งกายคำนับ “ข้าคารวะซื่อจื่อขอรับ”
ก่อนจะผลักสาวงามที่นั่งอยู่ข้างตัวให้ออกห่าง สาวงามทำหน้าไม่พอใจผาดหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ยินยอมนัก
สีหน้าเมิ่งเคอเปลี่ยนมาเป็จริงจังขณะเอ่ยถาม “ซื่อจื่อให้คนไปเชิญข้ามาพบ มีเื่สำคัญใดหรือ”
จ้าวซีเหอส่งสัญญาณทางสายตาแก่ฉีอัน ฉีอันพยักหน้า เปิดประตูแล้วเดินออกไป
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปรับหนิงมู่ฉือกลับมาจากเยี่ยนฉือ ขณะที่ข้ากำลังเดินทางกลับเข้ามาในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าผู้ใดสืบจนรู้ว่านางเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัว นางจึงถูกจำกัดการเดินทาง”
“เื่นี้…ท่าน้าให้ข้าทำอย่างไรหรือ” เมิ่งเคอขมวดคิ้ว
เขายิ้มพร้อมกับตบไหล่อีกฝ่าย “ข้าชอบที่ท่านพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ยิ่งนัก ท่านช่วยนางเอาฐานะนี้ออกจากตัวได้หรือไม่”
จ้าวซีเหอเอ่ยจบสีหน้าเมิ่งเคอเปลี่ยนเป็ตกตะลึง “ซื่อจื่อ ข้าไร้ความสามารถ หน้าที่นี้เป็หน้าที่ของใต้เท้าไซแห่งกรมพิธีการ ทั้งเื่ของแม่ทัพหนิงเป็เื่ใหญ่ ต่อให้ท่านไปหาใต้เท้าไซเอง เื่นี้ก็ยังจัดการได้ยาก”
“ใต้เท้าไซ?” เขาคิ้วขมวด “ใต้เท้าไซที่ว่าหมายถึงบิดาของไซพานอันผู้นั้นหรือ”
เมิ่งเคอพยักหน้า “ได้ยินว่าแม่นางหนิงสนิทกับไซพานอันพอสมควร” นึกถึงเื่ราวในตอนนั้นเมิ่งเคออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ผิดกับจ้าวซีเหอที่สีหน้าดูไม่ดีนัก เอ่ยเสียงดังออกมาว่า “ท่านอย่ามาหัวเราะนะ!”
แม้เมิ่งเคอจะรีบหุบปากทันที ทว่าสีหน้าของจ้าวซีเหอก็ยังคงดูไม่ดีอยู่เช่นเดิม
เขาทำท่าขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เช่นนั้นพวกเราเริ่มลงมือที่ไซพานอันก่อน แต่เื่นี้ต้องให้หนิงมู่ฉือเป็คนลงมือเอง”
เขาเอาพัดออกมาคลี่ หลับตาขณะที่จมูกได้กลิ่นแป้งและชาดฉุนกึก เขาขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
เมิ่งเคอเห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกระเซ้า “ท่านเป็อันใดไป เมื่อก่อนเวลาท่านได้กลิ่นแป้งและชาดไม่เคยทำสีหน้าเช่นนี้เลย ตอนนี้ท่านเป็อันใดไป”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อใดที่ข้าเริ่มไม่ชอบกลิ่นแป้งและชาดฉุนกึกพวกนี้” จ้าวซีเหอลืมตา เผยให้เห็นแววตาสีน้ำตาลเข้มมีเสน่ห์
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็สีดำ เขามองออกไปข้างนอกด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะหันไปมองเมิ่งเคอที่กำลังยกสุราขึ้นดื่มพลางเอ่ยออกมาว่า “ดูจากท้องฟ้าอีกไม่นานฝนคงจะตก เช่นนั้นพวกเราไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่นาน”
ขณะที่จ้าวซีเหอทำท่าจะลุกเดินออกจากห้อง เมิ่งเคอกลับจับแขนเสื้อรั้งเอาไว้เสียก่อน ขณะที่มืออีกข้างรินสุราใส่จอกให้ “ซื่อจื่อ ท่านแตกต่างจากแต่ก่อนนัก ในเมื่อมาถึงนี้แล้ว พวกเรามาดื่มให้สาแก่ใจกันดีกว่า ท่านจะรีบกลับไปเพื่ออันใดกัน ที่นี่มีทั้งห้องพักทั้งคนงาม หรือท่านกลัวว่าจะต้องไปนอนข้างถนน?”
จ้าวซีเหอผลักจอกสุรากลับคืนไป “ไม่ขอปิดบัง ข้ารีบกลับเพราะมีเื่สำคัญที่ต้องไปทำ ไม่อาจอยู่ดื่มสุรากับท่านได้ ท่านเองก็รีบกลับจวนเถิด”
“เฮ้อ อย่าเพิ่งรีบกลับสิ ข้ายังเอ่ยไม่จบ” เมิ่งเคอลุกขึ้นยืนขวางหน้าจ้าวซีเหอเอาไว้ “ท่านในตอนนี้ไม่มีจิตใจชอบเล่นสนุกเหมือนแต่ก่อนเลย ท่านลืมไปแล้วหรือว่าที่นี่ใกล้จะมีงานการแข่งขันระหว่างนางโลมแล้ว หลายวันมานี้ที่นี่จึงครึกครื้นเป็อย่างมาก ท่านไม่อยากอยู่ชมสักหน่อยหรือ”
จ้าวซีเหอได้ฟังเช่นนั้นรู้สึกสนใจยิ่ง แต่เมื่อคิดถึงว่าบิดายังป่วยนอนอยู่บนเตียง อีกทั้งหนิงมู่ฉือยังรอข่าวจากตนเอง ในใจจึงอยากรีบกลับไป
เขาส่ายหน้า “เื่นี้ไม่ใช่เื่แปลกใหม่แต่อย่างใด ไว้ผ่านไปสักสองสามวันท่านกับข้าค่อยมาดูการแข่งขันระหว่างนางโลมด้วยกันดีกว่า วันนี้ข้ามีธุระจริงๆ”
เมิ่งเคอรับคำ ก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไม่รั้งท่านไว้แล้ว ซื่อจื่อเดินดีๆ”
เขาพยักหน้า เปิดประตูเดินออกไป โดยมีฉีอันเดินตามกลับตำหนักอ๋อง
แม่เล้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเห็นจ้าวซีเหอรีบกลับก็นึกว่าหญิงสาวที่ตัวเองเลือกไปให้ไม่ถูกใจ รีบเดินเข้ามาหาด้วยความร้อนใจ “ซื่อจื่อ เกิดเื่ใดขึ้นหรือเ้าคะ หญิงสาวที่ข้าเลือกไม่ถูกใจท่านหรือ เหตุใดถึงได้รีบกลับ”
เขายิ้มพลางเอ่ย “แม่เล้าไม่ต้องกังวล เพียงแค่จู่ๆ ข้านึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเื่สำคัญในตำหนักที่ต้องกลับไปจัดการ ไว้วันหลังข้าค่อยมาใหม่”
แม่เล้าถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มกว้างอย่างมีเสน่ห์ส่งให้ แต่สำหรับจ้าวซีเหอแล้วมันช่างเหมือนรอยยิ้มของจิ้งจอกนัก อดที่จะขนลุกไม่ได้ “เช่นนั้นวันนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านกลับไปก่อน อีกไม่กี่วันที่นี่จะจัดการแข่งขันระหว่างนางโลม พอถึงตอนนั้น อย่าลืมมาชมด้วยนะเ้าคะ”
เขาพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากหอจุ้ยหงไป ทันทีที่เดินออกมาลมหนาวก็พัดผ่านมาวูบหนึ่ง ทำให้เขาหนาวจนต้องกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น เขาเดินกลับไปที่ตำหนักอ๋อง เมื่อไปถึงก็ตรงไปยังห้องครัวทันที
ภายในห้องครัวฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านอย่างไรอย่างนั้น หนิงมู่ฉือฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ กระทั่งเขาเดินเข้าไปยืนข้างๆ นางก็ยังไม่รู้สึกตัว
ความที่เขากลัวนางจะหนาวจึงหาผ้ามาคลุมให้ เขามองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ แม้จะเย็นชืดหมดแล้วเขาก็ยังทานเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อยและอย่างมีความสุขยิ่ง
เขามีความสุขจนอยากให้เวลาหยุดเดินเหลือเกิน ต่อมาไม่นานหนิงมู่ฉือก็ตื่นขึ้นมา ครั้นเห็นผ้าที่คลุมอยู่บนตัว นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และเมื่อมองไปยังจ้าวซีเหอที่กำลังตักอาหารที่นางทำเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในใจนางยิ่งรู้สึกหวานล้ำ
“เป็อย่างไรบ้าง” เนื่องจากนางหลับไปนาน แขนจึงชา เสียงก็ค่อนข้างแหบ ทว่าอีกใจหนึ่งก็อยากจะรู้
จ้าวซีเหอที่กำลังทานอาหารเอ่ยถามอย่างงุนงง “อะไรคือเป็อย่างไรบ้าง”
หนิงมู่ฉือรู้ดีว่าจ้าวซีเหอแกล้งทำเป็ไม่รู้เื่ แต่ก็ยังอดทนอธิบาย “ข้าหมายถึงเื่ที่ข้าอยากหลุดพ้นจากฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวนั่นแหละว่าเป็อย่างไรบ้าง”