นอกจากสิ่งสําคัญเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีของจำเป็ที่ต้องแบ่งกันอีก แปลงผักอยู่ติดกับบ้านหลังนี้ หลิวซานกุ้ยจึงไม่ได้แบ่งไปด้วย อีกอย่างบ้านของปู่ย่าก็มีพื้นที่กว้าง เดิมทีก็มีแปลงผักอยู่แล้วหนึ่งแปลง หลายปีมานี้ไม่ได้รกร้างแต่อย่างใดเพราะมีการปลูกถั่วเหลืองไว้
เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งถูกจัดสรรอย่างลงตัวแล้ว หลิวต้าฟู่คิดว่าเื่นี้คงไม่มีทางย้อนกลับได้ เขาสูบยาสูบแล้วเอ่ยเสียงซึมเซา “พู่กันไม่อาจเขียนตัวอักษรคำว่าหลิวได้สองตัว แม้จะแยกบ้านกันแล้ว พวกเ้าก็ยังเป็พี่น้องแท้ๆ”
“ท่านพ่อ วางใจได้!” หลิวสี่กุ้ยปลอบโยนเขา
ขณะที่หลิวเหรินกุ้ยได้รับที่นาดีเจ็ดไร่ อีกทั้งของที่เขาแอบเก็บสะสมมาหลายปี ตอนนี้เขามีที่นาดีสามสิบไร่ จึงยิ่งได้ใจ
“ท่านพ่อ ท่านวางใจได้ เราเป็พี่น้องแท้ๆ กันอยู่แล้ว!”
“ใช่ ท่านพ่อ แม้ว่าจะแยกบ้านกัน แต่พี่สามก็ยังแซ่หลิว ทุกคนก็แซ่หลิว ไม่ได้หนีไปไหน!”
หลิววั่งกุ้ยคิดว่าคงไม่มีใครเอ่ยถึงพี่ชายเท้าเปื้อนโคลนของเขาอีก อารมณ์ก็เบิกบาน!
ผู้พูดไม่มีเจตนา แต่ผู้ฟังกลับจับความรู้สึกได้!
เดิมทีหลิวต้าฟู่ซึ่งกำลังยิ้มก็สําลักขึ้นมาอย่างดุเดือด!
เมื่อคุยเื่แยกครอบครัวเสร็จ เวลาก็เย็นมากแล้ว หลิวฉีซื่อพาชุ่ยหลิวกับอิงเอ๋อร์ไปในห้องครัว แล้วทำเกี๊ยวหมูด้วยตัวเองให้ทุกคนได้กิน
หลังจากแยกทางกัน วันรุ่งขึ้นครอบครัวหลิวสี่กุ้ยก็จะกลับจังหวัด ก่อนจากไป หลิวฉีซื่อเรียกหลิวสี่กุ้ยเข้าห้องตะวันออก และมอบเงินให้เขาหนึ่งร้อยตำลึงต่อหน้าหลิวต้าฟู่ แล้วให้เขารีบเอาไปสร้างบ้านทางนั้น
หลิวสี่กุ้ยมีความสุขมากที่ได้เงินแล้วพาครอบครัวกลับไปที่จังหวัด
ดวงอาทิตย์ที่สดใสสาดแสงจากที่สูง แต่ไยจึงหนาวเหน็บเข้ากระดูกเช่นนี้
หลิวเต้าเซียงอาศัยจังหวะที่หลิวชุนเซียงยังหลับอยู่เตรียมไปเอาผักกาดดองในหลุมดิน นางอยากกินซาลาเปาผักกาดดองหมูเค็ม
อากาศหนาวจึงทำอาหารไม่สะดวก ่นี้โอ่งน้ำแตกตรงหลังบ้านของนาง หากไม่ได้แช่เกี๊ยวไว้ ก็จะแช่ซาลาเปาไว้
หลิววั่งกุ้ยซึ่งอาศัยอยู่ถัดกัน วันๆ เฝ้าอยู่แต่หน้าเตาไฟ ไม่อ่านหนังสือก็เหม่อลอย หรือไม่ก็แอบพลอดรักกับชุ่ยหลิว!
อีกทั้งอากาศที่หนาวเย็น เขาจึงไม่เคยเปิดหน้าต่างทิศตะวันตกด้านหลัง
จึงไม่มีทางรู้ว่าอาหารของครอบครัวหลิวซานกุ้ยนั้นไม่เลวทีเดียว
หลิวเต้าเซียงแอบแสดงความยินดีกับหลิววั่งกุ้ยที่หลงใหลในชุ่ยหลิวจึงไม่พบความลับนี้ ในขณะที่นางเดินลัดเลาะไปทางด้านหลังข้างห้องทิศเหนือของปีกตะวันออก เพื่อเตรียมที่จะไปหลุมดินโดยการอ้อมไปทางนั้น
ใครจะรู้ว่าวันนี้นางโชคร้ายและได้เห็นเื่ที่ทำให้ดวงตาร้อนผ่าว
“ชุ่ยหลิว ดวงใจของข้า ข้าต้องไปที่ตำบลแล้ว รีบมาให้ข้าหอมเร็วเข้า!”
ขณะนี้หลิวเหรินกุ้ยกำลังดึงชุ่ยหลิวมาแอบแนบอยู่ตรงกำแพงทิศเหนือปีกตะวันออก
หลิวเหรินกุ้ยอยู่ฝั่งด้านนอก และกดชุ่ยหลิวให้แนบติดกับกำแพงด้านหลัง
“คุณชายรอง!” ชุ่ยหลิวกำผ้าเช็ดหน้าแล้วสะบัดต่อหน้าหลิวเหรินกุ้ยเบาๆ อย่างสะดีดสะดิ้ง
ท่าทางอ่อนหวานเช่นนั้นดึงดูดใจให้หลิวเหรินกุ้ยร้อนผ่าวในกาย
“ปีศาจน้อย รีบมาป้อนข้าเร็ว!”
เสียงหายใจของชุ่ยหลิวถี่และเร็ว หลิวเต้าเซียงที่กำลังสอดมือสองข้างไว้ในแขนเสื้อ ถึงกับแหงนมองฟ้าและหมดคำบรรยาย
นี่อดอยากเนื้อถึงขั้นไหนกัน!
นางเหลียวมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในลานบ้านจึงแนบติดกับกำแพงห้องทิศเหนือของปีกตะวันออกซึ่งหันหน้ามาทางห้องครัว อืม การแอบฟังย่อมมีความเสี่ยง!
“คุณชายรอง ท่านจะจากไปจริงหรือ?”
เสียงเรียกของชุ่ยหลิวนั้นออดอ้อนราวกับบรรเลงเพลงเอื้อน จนสามารถดูดิญญาออกจากกายได้ทีเดียว
“ไม่ไปได้หรือ ผ่านพ้นปีใหม่แล้ว โรงเตี๊ยมก็จะเปิดแล้วด้วย”
น้ำเสียงของหลิวเหรินกุ้ยเต็มไปด้วยความเสียใจ!
“แต่ แต่ ข้าทำใจให้ท่านไปไม่ได้นี่นา!”
เสียงที่ละเอียดอ่อนทำให้หัวใจของหลิวเหรินกุ้ยจั๊กจี้
“ปีศาจน้อย วางใจเถอะ แม่ข้าอนุญาตให้เ้าเป็ภรรยาน้อยของข้า รอเมื่อจบเื่ที่บ้าน ข้าจะเอาเกี้ยวมารับเ้าเข้าบ้าน”
ชุ่ยหลิวอายุเพียงสิบหกปี ยังอยู่ใน่วัยขบเผาะ เวลาถูกหลิวเหรินกุ้ยเกี้ยวพาราสี ช่างราวกับดอกไม้ยามเช้าที่มีน้ำค้างเกาะและหยดลงมาอย่างสวยงาม
ชุ่ยหลิวมีความสุขมากขึ้นในใจ “อาจารย์คนรองเ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างดีจริงๆ เ้าจากไปหัวใจของผู้คนก็หายไปเช่นกัน”
เริ่มแรกหลิวเหรินกุ้ยเป็เพียงแค่โลกในความงดงามของชุ่ยหลิว แต่หลายวันมานี้ด้วยการเปิดโอกาสของหลิวฉีซื่อ ทำให้หลิวเหรินกุ้ยกับชุ่ยหลิวมีโอกาสอยู่ด้วยกันมากขึ้น เขาจึงยิ่งรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับภรรยาในบ้าน ชุ่ยหลิวไม่ใช่เพียงแค่สวยกว่า อีกทั้งยังอ่อนโยนน่าทะนุถนอม ซึ่งตรงตามที่ใจเขา้า เมื่อได้รับอนุญาตจากหลิวฉีซื่อ จึงมักหาโอกาสมาแอบพลอดรักกับชุ่ยหลิวอยู่บ่อยครั้ง
หากยังไม่ร้อนรุ่ม เขาก็จะไม่มีวันปล่อยชุ่ยหลิวจากไป!
เช่นเดียวกับวันนี้ ก่อนหน้านี้หลิวฉีซื่อได้รับบัตรเชิญให้ทั้งครอบครัวไปเที่ยวชมบ้านเซียงเซิน จึงพาภรรยาของหลิวเหรินกุ้ย หลิววั่งกุ้ยและหลิวเสี่ยวหลันไปด้วยกัน เพื่อจะได้ดูละครงิ้วในบ้านเซียงเซินที่มีชื่อเสียงในละแวกนั้น
แต่หลิวเหรินกุ้ยอ้างว่ามีธุระต้องไปในตำบล จึงไม่ได้ไปด้วย
สรุปแล้วจึงไม่เหลือคนที่จะมาขัดขวางแม้แต่คนเดียว มีเพียงครอบครัวของหลิวซานกุ้ยที่มีจางกุ้ยฮัวและบุตรสาวทั้งสามอยู่ที่บ้าน
ขณะนี้หลิวเหรินกุ้ยน่าจะไปทำธุระที่ตำบลเสร็จและกลับมา หลิวเต้าเซียงกำลังเดาว่าเขาไปทำอะไร
ก็ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า “เอาเถิด ดวงใจของข้า รีบมาดูเร็ว ข้าตั้งใจไปซื้อในตำบลเพื่อเ้าเชียวนะ”
“โอ้ คุณชายรอง ครั้งนี้ข้ารู้แล้วจริงๆ ว่าท่านรักข้า กำไลนี้ข้าเคยเห็นตอนที่ไปซื้อของที่ตำบลพร้อมพี่สะใภ้สามและชอบมันมาก ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบ”
“ตราบใดที่ชุ่ยหลิวชอบ ข้าจะหามาให้ชุ่ยหลิวเอง”
หลิวเหรินกุ้ยเอ่ยคำเรียกชุ่ยหลิวและดวงใจของข้า จนหลิวเต้าเซียงขนลุกไปทั้งตัว
“คุณชายรอง ข้าว่าฮูหยินรองไม่ค่อยชอบบ่าวเท่าใดนัก!”
ทันทีที่ชุ่ยหลิวเอ่ยปาก หลิวเต้าเซียงก็รู้ว่ากำลังจะเข้าประเด็นสำคัญ
หลิวเหรินกุ้ยเยาะเย้ย “ผู้หญิงแก่คนนั้นเองหรือ? หน้าตาอย่างกับหญ้าฟางแห้ง ไฉนเลยจะเทียบกับชุ่ยหลิวที่อ่อนเยาว์กว่า นางไม่กล้าทำอะไรกับเ้าหรอก เ้านั้น ดูแลปรนนิบัติท่านแม่ให้ดีก็พอ”
“คุณชายรอง เื่นี้ท่านวางใจได้ ข้าคือสาวใช้ติดตามของฮูหยิน ย่อมต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี กระทั่งเงินของฮูหยินเก็บไว้ที่ใดข้าก็...”
มีเสียงกระซิบข้างหลังกําแพง ชุ่ยหลิวน่าจะบอกหลิวเหรินกุ้ยเกี่ยวกับเื่นี้
“จริงหรือ?” เสียงของหลิวเหรินกุ้ยฟังดูทั้งประหลาดใจและโกรธ
“ข้าจะโกหกท่านเพื่ออะไร? พี่ชายใหญ่ของท่านเ้าเล่ห์นัก ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับฮูหยิน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ปิดบังข้า ไม่ให้ข้าปรนนิบัติ แล้วก็เช้าวันนี้ ตอนที่ข้าจัดเสื้อผ้าข้าวของของฮูหยิน ก็พบว่าเงินในหีบของนางลดไปหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อวานข้าเพิ่งนับ แต่วันนี้กลับน้อยลงไปจริงๆ”
คําพูดของชุ่ยหลิวทําให้ดวงตาของหลิวเหรินกุ้ยอาฆาตและกัดฟัน “เ้าแน่ใจหรือว่าเ้าไม่ได้ดูผิด”
ชุ่ยหลิวโต้กลับว่า “ข้าจําไม่ผิดแน่! หากท่านไม่เชื่อก็ถือว่าคำพูดของข้าเป็สายลมพัดก็ได้!”
“เอาน่า ดวงใจของข้า อย่าได้โกรธไป เด็กดี ยิ้มให้ข้าหน่อยสิ”
“ไม่ยิ้ม!”
“ยิ้มหน่อยน่า ข้าให้เ้าสิบอีแปะ”
“ไม่ยิ้ม!”
“ยิ้มหนึ่งครั้ง หนึ่งร้อยอีแปะ”
“ฮึ ท่านพูดเองนะ”
......
หลิวเต้าเซียงได้ยินคำพูดที่ไม่ได้เป็ประโยชน์เท่าใดนักจึงแอบถอยหลังกลับมาที่ลานบ้าน จากนั้นมองไปทางห้องปีกตะวันออกและตะวันตก มุมปากของนางยกยิ้มอย่างเ็าพร้อมกับคิดว่า ทรมานกันเองเถอะ
อย่างไรก็ตาม นางต้องถอดใจกับซาลาเปาผักกาดดองหมูเค็มของนางไปก่อน
เพราะว่าก่อนจะแยกบ้าน นางไม่คิดจะทำมื้ออาหารเพิ่มแต่อย่างใด
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นครอบครัวของหลิวเหรินกุ้ยก็จากไป หลิวเต้าเซียงตื่นสาย ได้ยินเพียงเสียงที่ดังข้างนอกลานบ้าน นางจึงคลานมาตรงหน้าต่าง เขี่ยรอยแยกตรงกรงหน้าต่างขึ้นเห็นว่าครอบครัวหลิวเหรินกุ้ยกำลังขนของจากประตูลานบ้านขึ้นเกวียนวัว
ตลอดเวลานั้นใบหน้าของหลิวซุนซื่อเป็สีดําเหมือนก้นหม้อ
“น้องรอง เ้าตื่นแล้วหรือ?”
หลิวชิวเซียงออกมาจากด้านหลัง
หลิวเต้าเซียงลดกรงหน้าต่าง เอื้อมมือออกไปขยี้ตาแล้วหาวพร้อมกับมีน้ำตา “อืม ครอบครัวลุงรองกำลังเตรียมกลับไปตำบล ป้ารองของเราดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร”
“โอ้ ข้าได้ยินเื่นี้เมื่อเช้านี้ ท่านย่ายกชุ่ยหลิวให้เป็ภรรยาน้อยของลุงรอง แต่ป้ารองไม่เห็นด้วย”
หลิวเต้าเซียงเบะปากเล็กๆ หลิวซุนซื่อนั้นหรือจะต่อกรกับหลิวฉีซื่อได้?
“ท่านย่าต้องด่าท่านป้ารองอีกแน่นอน” นางคาดการณ์
“อืม ั้แ่ปีที่แล้ว...ท่านย่าก็ไม่ค่อยชอบป้ารอง ไม่ว่าป้ารองจะคัดค้านหรือไม่ ก็จะยัดเยียดคนให้ลุงรอง แล้วยังบอกอีกว่า จะให้เขาเลือกฤกษ์ยามมาเพื่อจัดโต๊ะกินเลี้ยงกันและรับชุ่ยหลิวไปที่ตำบล อืม ต่อไปป้ารองก็ต้องมาปรนนิบัติท่านย่าที่บ้าน แล้วท่านย่ายังบอกว่า ชุ่ยหลิวเป็คนละเอียดใส่ใจ ไม่เหมือนป้ารองที่นึกถึงแต่ตัวเอง?”
ดังนั้น แม้หลิวซุนซื่อกับชุ่ยหลิว คนหนึ่งจะเป็ภรรยาหลวง คนหนึ่งเป็ภรรยาน้อย แต่ชุ่ยหลิวเหมือนเป็ภรรยาหลวงมากกว่า ส่วนหลิวซุนซื่อกลายเป็ภรรยาน้อยไปแทน?
สำหรับการกระทำที่สุดโต่งของหลิวฉีซื่อ หลิวเต้าเซียงหมดคำพูดจริงๆ!
ในไม่ช้าเื่ของตระกูลหลิวก็เผยแพร่ไปทั่วหมู่บ้านสามสิบลี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่หลิวฉีซื่อคิดไว้ ไม่มีใครบอกว่าการแยกบ้านไม่ดี แต่กลับรู้สึกโล่งใจแทนครอบครัวของหลิวซานกุ้ย
จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติตัวของหลิวฉีซื่อต่อครอบครัวหลิวซานกุ้ยนั้นร้ายแรงเพียงใด
จางกุ้ยฮัวเดินเหินราวกับลอยได้ ช่างเป็ความสุขที่ล้นเหลือ สุขใจเหลือเกิน!
หลังดินต้นปีเริ่มละลาย วันนี้ทุกอย่างช่างดีไปหมด ไกลออกไปได้ยินเสียงร้องของวัว แล้วก็เสียงคนเลี้ยงวัวส่งเสียงคำราม!
“เต้าเซียง ข้ามีความสุขแทนเ้าจริงๆ ต่อไป ย่าของเ้าก็ไม่ต้องคอยเรียกใช้งานเ้าอีกต่อไป”
คนที่พูดคือแม่นางชุ่ยฮัวของเรา หลังจากผ่านพ้นปีใหม่ไป เด็กคนนี้ก็เติบโตขึ้นอีกไม่น้อย
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มเอิบอิ่มของนาง รู้สึกว่าเพื่อนสนิทน่ารักน่าชังขึ้นไปอีกระดับ
“อืม ถึงตอนนั้นเ้าก็มาหาข้าที่บ้านได้ พวกเราจะขึ้นเขาไปเกี่ยวหญ้ามาและเก็บผักป่ามาเลี้ยงไก่ด้วยกัน”
เพิ่งจะพ้นเดือนหนึ่ง กิจการของร้านเหล็กไม่ได้ยุ่งมาก ป้าหลี่จึงอยู่ในบ้านด้วย
“เต้าเซียง ปีนี้เ้าจะยังเลี้ยงไก่หรือไม่?”
ดวงตาของนางส่องประกายแห่งความสุข บุตรสาวของตนไม่ชอบการเย็บปัก นางก็ไม่ได้บังคับ ถึงอย่างไรการเลี้ยงไก่ก็สามารถช่วยให้มีชีวิตอยู่ดีได้เช่นกัน
หลิวเต้าเซียงหันมาส่งยิ้มหวานให้นาง แสงอาทิตย์อันอบอุ่นกระทบบนใบหน้า ยิ่งทำให้ดูเนียนละเอียดดุจหยก “ใช่แล้ว ท่านป้า บ้านข้ามีเพียงที่นาดีสองไร่ หากไม่เลี้ยงไก่ คงใช้ชีวิตยาก”
“ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเ้าจะย้ายออกไปในสองเดือน” ป้าหลี่ดีใจแทนจางกุ้ยฮัวเช่นกัน
ว่ากันว่าผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับชีวิตที่เหมือนเมล็ดผัก หว่านไปที่ใดก็ต้องรากงอกอยู่ที่นั่น!
จางกุ้ยฮัวตกอยู่ในผืนดินที่เลวร้าย ดังนั้นหลายปีมานี้จึงถูกหลิวฉีซื่อทรมานไม่น้อย ชีวิตของนางจึงขมขื่นมาโดยตลอด
แต่นางได้มาอยู่ในผืนดินดีอีกครั้ง เพราะนางให้กําเนิดบุตรสาวที่ดี!
-----
