เล่มที่ 1 บทที่ 18 ไอปีศาจพวยพุ่ง
น่าเสียดาย... สุดท้ายก็ยังช้าเกินไป
ในขณะที่หลินเฟยกำลังจะก้าวออกจากส่วนลึกของผาปากเหยี่ยว ก็มีไอปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมาบนฟ้า!
ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็ซ่งเทียนสิงหรือหลินเฟย ก็พลันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมืดครึ้มทันที เมฆสายฟ้ามากมายที่ลอยอยู่เหนือหัวก็ราวกับหยุดนิ่งขึ้นมา สายลมแรงพัดผ่าน อสรพิษปักษามากมายบินทะยานออกจากรัง มองไปคล้ายเมฆดำก้อนมหึมาปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้า ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงแหลมร้องดังขึ้นมา คล้ายกำลังกล่าวสรรเสริญต้อนรับาาผู้มาใหม่...
ไอปีศาจเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ...
อสรพิษปักษาทั่วทั้งผาปากเหยี่ยวกำลังบ้าคลั่ง ไอมรณะน้ำพุเหลืองเพียงเล็กน้อยของหลินเฟยไม่อาจพรางสายตาพวกมันได้อีกต่อไป ไม่นานก็มีอสรพิษปักษาสิบกว่าตนโถมบินเข้ามา...
“แย่แล้ว...”
หลินเฟยตระหนักได้ว่าครั้งนี้ไม่อาจเอาชนะได้ด้วยเล่ห์กล จึงตัดสินใจโยนขวดหยกในมือทิ้ง ปล่อยให้หยดน้ำพุเหลืองที่เก็บสะสมมาอย่างยากลำบากไหลรินออกไป เขายกกระบี่วาดเป็วงกลมสะบั้นส่งไปยังอสรพิษปักษาตนแรกที่โถมเข้ามา เพียงลำแสงกระบี่งดงามพาดผ่านเท่านั้น นาทีต่อมาอสรพิษปักษาสิบกว่าตนก็แตกสลายกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่น่าเสียดาย...ผลก็คือเหล่าอสรพิษปักษาอีกมากมายก็ยังคงโถมเข้ามาไม่หยุด...
ไม่นานเหล่าอสรพิษปักษาก็โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฝูงอสรพิษปักษาที่โอบล้อมพวกเขาอยู่เท่านั้น แต่ทุกทิศทางทั้งบนและล่าง ทุกจุดที่มองเห็น ล้วนแต่ถูกเหล่าอสรพิษปักษาปิดกั้นไว้ทั้งหมด ไม่ว่าหลินเฟยจะสะบั้นลำแสงกระบี่อย่างไร ก็ไม่อาจตีฝ่าวงล้อมออกไปได้
‘มันมีจำนวนมากเกินไป...’
ยิ่งใช้เวลาผ่านไปมากเท่าไร จำนวนอสรพิษปักษาก็มากขึ้นตาม มองไปทางไหนก็เห็นแต่เหล่าอสรพิษปักษาที่โถมเข้ามาไม่หยุด หลินเฟยสะบั้นกระบี่ใส่เหล่าปีศาจอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกครั้งที่ลำแสงกระบี่พาดผ่าน อสรพิษปักษามากมายก็ล้มลงตายแทบเท้าหลินเฟย เืและซากของพวกมันทับถมกันเป็ชั้นๆ หลินเฟยสังหารพวกมันไปนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะสังหารเท่าไหร่ ก็จะมีอสรพิษปักษาเข้ามาแทนที่อยู่เรื่อยๆ...
ในระหว่างที่ต่อสู้นั้น มีอยู่สามครั้งที่หลินเฟยใช้พลังปราณจนหมด ถึงกับต้องกลืนยาลูกกลอนหย่างหยวนที่เหลืออยู่เพียงสามเม็ด
หลินเฟยรู้ดีว่าไม่มีเวลาแล้ว...
“คงต้องลองดูสักตั้ง...”
หลินเฟยขบกรามแน่น ก่อนจะหยิบตะเกียงซานเป่าหลิวหลีออกมา บดหินิญญาก้อนสุดท้าย พร้อมกับส่งพลังปราณที่เหลือน้อยนิดของตนเองเข้าไป ไม่นาน แสงสุกสกาวของตะเกียงก็สว่างขึ้น ทุกที่ที่เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีพาดผ่าน เหล่าปีศาจก็ล้วนถูกเผาไหม้กลายเป็เถ้าถ่าน
ถือโอกาสตอนที่แรงกดดันของพวกมันอ่อนกำลังลง หลินเฟยยื่นมือไปทางซ่งเทียนสิง “ ส่งเข็มทิศห้าวเยว่มา ”
“ฮะ?”
ซ่งเทียนสิงถูกเหล่าอสรพิษมากมายรุมล้อมไว้ ทำให้มือของเขาพลันเป็ระวิงไปหมด หูก็ได้ยินว่าหลินเฟย้าเข็มทิศห้าวเยว่ จึงตั้งสติไม่ทัน หลินเฟยจึงต้องเอ่ยซ้ำอีกครั้ง สุดท้ายซ่งเทียนสิงก็ส่งให้แต่โดยดี ทว่าสีหน้ากลับเปื้อนไปด้วยความเซื่องซึม
“ไม่ได้ผลหรอก แม้คืนนี้จะเป็คืนจันทร์เต็มดวง แต่พลังห้าวเยว่ถูกข้าใช้ไปแล้ว เมื่อครู่ที่เ้าช่วยข้าไว้ ที่จริงข้าก็ยินดีจะสละโอกาสหนีรอดนี้ให้...”
“หากคิดจะพูดเพ้อเจ้อ ช่วยข้าต้านไว้ก่อนเสียจะดีกว่า...”
ในขณะที่รับเอาเข็มทิศห้าวเยว่มา หลินเฟยก็ผลักซ่งเทียนสิงออกไปด้านหน้า
คราวนี้แรงกดดันที่มาจากเหล่าอสรพิษปักษา ถูกย้ายไปที่ซ่งเทียนสิงทันที
ซ่งเทียนสิงขมวดคิ้ว ก่อนจะตามด้วยรอยยิ้มร้าย “ ก็ดี ในเมื่อก่อนหน้านี้ข้าติดหนี้บุญคุณเ้า ครั้งนี้ก็ถือว่าใช้คืนแล้วกัน ”
สิ้นคำ ซ่งเทียนสิงก็โคจรพลังปราณทั้งหมด กระบี่พิฆาตเซียนมารซึ่งเป็หนึ่งในสามวิชากระบี่ประจำสำนักเวิ่นเจี้ยน บัดนี้ได้ะเิเป็พลังอันน่าตกตะลึง ลำแสงกระบี่สีแดงขยายใหญ่ ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณรัศมีสิบจ้าง หากเหล่าอสรพิษปักษาที่กำลังบ้าคลั่งโดนลำแสงนี้แม้แต่นิดเดียว ก็จะแตกสลายภายในพริบตา บัดนี้เขาปกป้องหลินเฟยที่อยู่ด้านหลังเอาไว้ได้
แต่ซ่งเทียนสิงรู้ดีว่าพลังนี้ไม่อาจใช้ได้เป็เวลานาน เพราะตนเองมีขั้นบำเพ็ญแค่จู้จีเท่านั้น ที่ใช้กระบี่พิฆาตเซียนมารไปขนาดนี้ ก็เพราะทุ่มพลังปราณทั้งหมดที่มีอย่างไม่คิดชีวิต เต็มที่ก็คงจะต้านได้เพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น จากนั้นพลังปราณในตัวเขาก็จะถูกใช้ไปจนหมดสิ้น กลายเป็อาหารของเหล่าอสรพิษ...
‘แต่แบบนี้ก็ดี ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างเ้าหลินเฟยแล้วละกัน...’
คิดได้ดังนั้น ซ่งเทียนสิงก็ยิ่งโคจรพลังปราณอย่างบ้าระห่ำ ทำให้กระบี่พิฆาตเซียนมารถูกใช้ได้อย่างเต็มพลัง ชั่วพริบตานั้นราวกับกระบี่จะพิฆาตได้ทั้งเซียนและมารจริงๆ...
ในส่วนของหลินเฟยที่อยู่อีกด้านนั้น หลังจากผลักซ่งเทียนสิงออกไปรับมือเหล่าปีศาจแล้ว เขาเองก็ไม่ได้หยุดพักแม้แต่น้อย กลับพยายามจะหลอมเข็มทิศห้าวเยว่ใหม่ และเขาก็กำลังพินิจมนต์สะกดแต่ละสายอย่างตั้งใจอยู่
เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ…
ซ่งเทียนสิงสังหารพวกมันจนเริ่มด้านชากับความตาย อสรพิษปักษาจำนวนไม่น้อยเสียท่าภายใต้กระบี่ของเขา พลังปราณในกายเริ่มร่อยหรอ ลำแสงกระบี่ที่เดิมทีเป็สีแดงสด บัดนี้เริ่มมีสีอื่นปะปน ซ่งเทียนสิงรู้ดีว่าตนเองคงจะต้านได้อีกไม่นาน ลำแสงกระบี่ที่เป็แนวป้องกันคงจะถูกเหล่าอสรพิษปักษาทลายจนสิ้น...
“สำเร็จ!”
ในตอนที่ซ่งเทียนสิงใกล้จะหมดแรง หลินเฟยที่อยู่ด้านหลังก็เรียกใช้ตะเกียงซานเป่าหลิวหลีอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีไม่โหมรุนแรงเช่นครั้งก่อน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในตัวหลินเฟยก็แทบจะไม่เหลือพลังปราณแล้ว ทำได้เพียงอัดหินิญญาครึ่งก้อนสุดท้ายเข้าไป พลังของเปลวไฟชื่อหยางจึงไม่มีอานุภาพเข่นเดิม...
ต่อให้อานุภาพไม่เท่าเดิมแล้ว แต่ก็สังหารเหล่าอสรพิษปักษาได้เป็จำนวนมาก ช่วยซ่งเทียนสิงที่อ่อนแรงได้มีโอกาสหายใจหายคอ
“เอาไปซะ ใช้มันแบบเดิม กลับไปแล้วอย่าลืมแจ้งเ้าสำนักว่าปีศาจขั้นเยาตี้ใต้แม่น้ำหยินน่าจะหนีออกจากผนึกไปแล้ว”
เมื่อสิ้นคำ เขาก็ส่งเข็มทิศห้าวเยว่กลับให้ซ่งเทียนสิง
“หา?”
“มาหงมาหาอะไร เร็วเข้าสิ!”
“แล้วเ้าล่ะ...”
“ข้ามีวิธี” พูดจบ หลินเฟยก็ใช้เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีเผาทำลายเหล่าปีศาจตรงหน้า จากนั้นจึงฝ่าวงล้อมเข้าไปในดงเหล่าอสรพิษปักษา ก่อนจะหายไป...
“...” ซ่งเทียนสิงคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่เอาแต่กวนโมโหเขาเช่นหลินเฟยนั้น ในยามคับขันกลับสละโอกาสรอดเดียวให้เขา
เพราะกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง ทำให้ซ่งเทียนสิงลืมแม้กระทั่งการโคจรพลังเพื่อใช้เข็มทิศห้าวเยว่
กระทั่งอสรพิษปักษาชุดใหม่เข้ามาล้อมแทนที่ ซ่งเทียนสิงพยักหน้าเป็สัญญาณไปยังทิศทางที่หลินเฟยจากไป
เขาโคจรพลังปราณใส่เข็มทิศ ทำให้เกิดแสงจันทร์มากมายสาดส่องลงมา ร่างของซ่งเทียนสิงก็ค่อยๆเลือนรางจางหายไป...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้