หวานหว่านไม่แม้แต่จะปรายตามองหยวนอวี่ เด็กน้อยเอาแต่ร้องไห้แล้วพูด “ท่านเป็สตรีชั่วร้าย ท่านรีบหลีกไปเลย หวานหว่านไม่อยากเห็นหน้าท่าน” เมื่อพูดจบ นางก็กอดแม่นมแน่นราวกับเป็เด็กน้อยน่าสงสารที่ถูกคนแย่งของเล่นสุดที่รักไป ร้องไห้ด้วยความปวดใจ
หยวนอวี่คาดไม่ถึงว่าเด็กจะกล้าพูดกับตนเช่นนี้ ทั้งยังด่าทอตนว่าเป็สตรีชั่วร้ายอีก ยามนี้นางราวกับสตรีที่าเ็ จ้องมองหวานหว่านด้วยขอบตาแดงก่ำ “หวานหว่าน พี่หยวนอวี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าผิดไปแล้ว เ้าอย่าโกรธเลยนะ ยกโทษให้พี่สาวสักครั้งเถอะ”
หวานหว่านมองหยวนอวี่ จากนั้นก็เช็ดน้ำตาแล้วจึงแค่นเสียงเ็า “ข้าจะกลับไปทูลเสด็จพ่อของข้า บอกว่าท่านเป็สตรีชั่วร้าย ให้ท่านรีบไสหัวไปเสีย”
เมื่อแม่นมได้ยินหวานหว่านพูดว่า ‘รีบไสหัวไปเสีย’ ก็ให้เหงื่อตกทันใด ก่อนจะใคร่ครวญได้ว่า เด็กน้อยคงจะได้ยินพ่อบ้านดุด่าพวกบ่าวรับใช้ที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ ตอนนี้จึงเป็ไปได้ว่าคนอาจเผลอนำมาใช้กับหยวนอวี่ด้วยไม่รู้ถูกผิด...เป็เช่นนี้จะดีจริงๆ หรือ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็ถึงเสี้ยนจู่
เมื่อหยวนอวี่ได้ยินคำนี้ก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งที่นางปรารถนาดี คิดอยากจะเอาใจเด็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับบอกให้นางไสหัวไป ตลอดชีวิตที่ผ่านมา คนที่กล้าพูดถ้อยคำหยาบโลนเช่นนี้กับนางมีแค่เฉียวอวิ๋นซีเท่านั้น ส่วนยัยเด็กนี่ก็เป็แค่บุตรสาวสายรองแห่งจวนอ๋อง จึงยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่า คนมีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนี้
นางมองแม่นมอุ้มหวานหว่านจากไปพลางกำมือแน่น คนที่เคยบอกให้นางไสหัวไปในตอนนี้ก็ไปอยู่ในปรโลกแล้ว ดังนั้น โอวหยางหวานหว่าน ์ท่านยุติธรรมเสมอ เ้ารอก่อนเถอะ
เตี๋ยอีที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็นจิตสังหารที่วาบผ่านในดวงตาคุณหนูตน ในใจก็อดตกตะลึงยิ่งไม่ได้ หรือว่าคุณหนูจะมีใจพยาบาทต่อจวิ้นจู่น้อย? แท้จริงแล้วอีกฝ่ายก็เป็แค่เด็กที่ยังไม่รู้ความ อีกทั้งเื่นี้เป็คุณหนูที่ทำผิด เพราะหากรู้ตนว่าเหนื่อยล้าย่อมวางจวิ้นจู่น้อยลงได้ มิใช่ปล่อยมือจนทำให้อีกฝ่ายต้องร่วงลงมา หากต้องตกลงพื้นที่สูงเพียงนั้น เด็กน้อยตัวเล็กๆ ก็จำต้องเจ็บจนร้องไห้ฟูมฟายอยู่แล้ว ซึ่งคุณหนูไม่เพียงไม่สำนึกในความผิดของตน แต่กลับยังผูกพยาบาทต่ออีกฝ่าย
เตี๋ยอีได้แต่กลืนน้ำลายขณะฟังอิ๋งอิ๋งพูดจาว่าร้ายหวานหว่านจวิ้นจู่ นางเหลือบมองอิ๋งอิ๋งอยู่หลายที ก่อนจะถอนใจเบาๆ เพียงในใจ หากว่าคุณหนูยังฟังคำอิ๋งอิ๋งต่อไป คนจักต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเป็แน่
“เตี๋ยอี เ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดี? ” เมื่อเดินไปเรื่อยๆ หยวนอวี่ก็หันกายไปมองเตี๋ยอีด้วยความหงุดหงิดใจแล้วเอ่ยถาม “หรือว่าข้ายังควรต้องลดตัวลงไปขอโทษหวานหว่านด้วยความอ่อนน้อม? ”
เตี๋ยอีขบคิด จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหูหยวนอวี่เบาๆ “คุณหนู ระหว่างทางที่มานี้มิใช่ว่าอิ๋งอิ๋งซื้อของเล่นที่น่าสนใจมาไม่น้อยหรอกหรือเ้าคะ เด็กเล็กๆ นั้นมักชื่นชอบของเหล่านี้ เพียงคุณหนูให้คนส่งไปให้หวานหว่านจวิ้นจู่ และบอกว่านั่นเป็ของที่ท่านตั้งใจจะมอบให้นางเพื่อเป็การไถ่โทษก็ย่อมดีมิใช่หรือเ้าคะ ทว่าของเหล่านี้ท่านจะยกให้นางทั้งหมดในคราวเดียวมิได้ แต่จะต้องทำให้นางรู้สึกสงสัยใคร่รู้ แล้วค่อยๆ เข้ามาใกล้ชิดคุณหนูด้วยตนเอง”
เมื่อหยวนอวี่ได้ยิน ดวงตางามพลันเปล่งประกาย จริงด้วย เหตุใดนางจึงลืมเื่นี้ไปเสียได้นะ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็หันไปมองอิ๋งอิ๋งที่ยืนอยู่อีกด้าน “ไป กลับไปเอาของเล่นพวกนั้นของเ้าออกมาให้หมด”
อิ๋งอิ๋งมีสีหน้าลำบากใจทันทีที่ได้ยินคำสั่งนั้น “คุณหนู นั่นเป็ของที่บ่าวสะสมมาตลอดทางนะเ้าคะ ต้องเอาออกมาทั้งหมดเลยจริงๆ หรือเ้าคะ? ” เมื่อพูดจบก็อดมิได้ให้หันไปถลึงตาดุร้ายใส่เตี๋ยอี เหตุที่คุณหนูสั่งเช่นนี้จะต้องเป็เมื่อครู่ที่เตี๋ยอีเสนอความคิดชั่วๆ เป็แน่ ทำให้ตอนนี้คุณหนูอยากได้ของเล่นสุดที่รักเ่าั้ของนาง
เตี๋ยอีทำเพียงส่งสายตาเรียบๆ กลับไปทีหนึ่ง คนเป็สาวใช้ข้างกายของคุณหนู หากจะต้องเสียสละสักเล็กน้อยเพื่ออนาคตของอีกฝ่ายก็ถือเป็เื่ที่สมควรกระทำยิ่ง อีกประการ ยามนี้อิ๋งอิ๋งเองก็มีอายุได้สิบกว่าปีแล้ว แต่กลับยังคงซื้อของเล่นที่พวกเด็กๆ ชอบเล่นกันอยู่อีก ช่างไม่รู้จักโตเลยจริงๆ
ทั้งสองคนเป็สาวใช้เหมือนกัน แต่อิ๋งอิ๋งกลับยังไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ ส่วนใหญ่คงเป็เพราะบิดามารดาของนางทำงานอยู่เพียงในจวน นอกจากมารดาจะเป็แม่นมของคุณหนู บิดายังเป็หนึ่งในคนสนิทที่จวิ้นอ๋องไว้วางใจ และแม้คนจะเป็สาวใช้ ทว่านับแต่เด็กอาภรณ์ที่สวมใส่หรืออาหารการกินใดๆ ก็ล้วนดีกว่าสาวใช้ธรรมดาทั่วไปมาก เพราะเหตุนี้ตัวนางจึงถูกหล่อหลอมให้เป็คนยโสและมีนิสัยมุทะลุ
“เอาล่ะ เ้าเลิกถลึงตามองเตี๋ยอีได้แล้ว ทั้งเ้าและเตี๋ยอีต่างก็เป็สาวใช้ข้างกายที่ข้าพามายังหานโจวด้วย หากว่าเ้าไม่ยอมเชื่อฟัง ข้าก็จะให้คนส่งเ้ากลับไปยังเมืองหลวงแล้วเปลี่ยนเป็คนอื่นมาแทน” เตี๋ยอีผู้นี้มีประโยชน์ยิ่ง แม้ว่านางจะมีความสงสัยในตัวอีกฝ่ายมากเพียงใด ทว่าใน่เวลาสำคัญความคิดเห็นของคนกลับถือว่าไม่เลว
เมื่อกลับไปยังเรือนฉิ่นเยว่ หยวนอวี่ก็สั่งให้คนนำของเล่นเ่าั้ของอิ๋งอิ๋งออกมา นางเลือกมาสองสามอย่างแล้วให้คนส่งไปให้หวานหว่าน แต่ใครจะรู้ว่าหวานหว่านนั้นไม่แม้แต่จะมอง ทั้งยังให้คนโยนของพวกนี้ออกไป
ตัวนางเป็จวิ้นจู่น้อยแห่งจวนอ๋องที่พระบิดาโปรดปรานและรักใคร่ยิ่ง ที่สำคัญนางยังมีทั้งท่านลุง ท่านอา ท่านน้าอีกมากมายที่เมื่อใดได้ไปเยือนยังสถานที่ต่างๆ ก็ไม่เคยลืมที่จะซื้อของเล่นเล็กๆ น้อยๆ กลับมาให้ ยิ่งกว่านั้น ในเรือนของนางเองยังมีห้องเก็บของห้องหนึ่งที่ใช้สำหรับเก็บของเล่นเหล่านี้โดยเฉพาะ ดังนั้น ของเล่นที่หยวนอวี่ส่งมาให้ หวานหว่านล้วนมีหมดแล้ว ทั้งยังเล่นจนเบื่อไปนานแล้วด้วย
แม่นมมองหวานหว่านที่มีท่าทีแข็งกร้าวก็อดไม่ได้ให้มุมปากกระตุก ไม่รู้เหตุใดเมื่อได้เห็นหวานหว่านเป็เช่นนี้ นางก็มักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายคลับคล้ายใครผู้หนึ่ง ทว่าคิดอยู่เป็นานก็ยังคิดไม่ออกว่า คนผู้นั้นเป็ใคร
“ให้ของเล่นข้านิดหน่อยด้วยคิดอยากจะใช้ข้าไปจัดการกับท่านแม่ของข้า น่าขำสิ้นดี” หวานหว่านแค่นเสียงเ็า ขาสั้นเล็กๆ ของเด็กน้อยก้าวฉับๆ มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องด้านใน
ณ คุกใต้ดินจวนฉิน
อวิ๋นซีคาดไม่ถึงว่า ด้านใต้จวนฉินนี้จะยังมีห้องลับอยู่ที่พิศไปแล้วเหมือนกับว่าจะสร้างเสร็จมานานแล้วหลายปี นางหันมองบุรุษข้างกาย ก่อนจะถามเสียงเบา “นี่เป็สิ่งที่ท่านสร้างขึ้นเมื่อตอนมาถึงหานโจวหรือ? ”
“อืม ที่นี่เชื่อมต่อกับทางออกลับที่สวนชิงเฟิงในจวนอ๋อง” เขาพยักหน้า ขอแค่นางถาม ตนก็ไม่คิดจะปิดบัง อีกทั้ง เขาเองก็ยิ่งยินดีที่นางอยากจะรับรู้เื่ราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขา
นางขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านไม่กลัวหรือว่าห้องลับที่นี่ หรือทางออกลับที่สวนชิงเฟิงจะมีคนล่วงรู้เข้า จากนั้นก็คิดได้ว่าแท้จริงแล้วตัวท่านก็คือฉินเหยียน? ” คนผู้นี้หาญกล้ามากเกินไปแล้วหรือไม่ คนถึงกับกล้าทำทางใต้ดินที่เชื่อมต่อระหว่างจวนทั้งสอง เขากลัวผู้อื่นจะไม่รู้ว่าฉินเหยียนก็คือหานอ๋องหรือ?
จวินเหยียนหัวเราะหึหึ “ทางลับด้านล่างนี้มีทางแยกทั้งหมดเจ็ดสิบแปดเส้นที่ต่างก็นำไปยังทิศทางที่ต่างกัน ยิ่งกว่านั้น ในทางลับเหล่านี้ก็มีค่ายกลอยู่มากมาย หากไม่มีแผนที่ทางลับละก็ ต่อให้จะส่งคนทั้งกองทัพมาก็ไม่วายให้ต้องตายสิ้นอย่างน่าอนาถอยู่ภายในทางลับนี้”
ด้วยเหตุนี้ หากคิดจะโยงใยไปถึงว่าเขาก็คือฉินเหยียนย่อมเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ เพราะทางลับเหล่านี้ยังมีบางเส้นที่ทะลุผ่านไปยังนอกเมือง และมีบางเส้นที่ทะลุผ่านไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองหานโจว กระทั่งในจวนลู่ก็ยังมี อีกทั้ง ในตอนที่เขาสร้างเส้นทางเหล่านี้ขึ้นก็หาได้มีใครล่วงรู้ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เทพไม่รู้ผีไม่รู้ ซึ่งต่อให้คนเ่าั้จะสงสัยว่าจวนอ๋องของเขามีทางลับซ่อนอยู่ก็ย่อมยากหากจะหาทางเข้าที่แท้จริงของทางลับให้เจอ
“มีทางแยกเจ็ดสิบแปดเส้น...ท่านนี่ร้ายกาจจริงๆ เกรงว่าใต้ดินทั้งเมืองหานโจวนี้คงจะถูกท่านขุดจนพรุนไปหมดแล้วกระมัง ท่านไม่กลัวหรือไร หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา นครหานโจวของท่านจักถล่ม? ” คนผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ เจ็ดสิบแปดเส้น? การกระทำของเขาจะต่างอะไรกับการขุดอุโมงค์ใต้ดินเพื่อทำทางรถไฟใต้ดินอย่างในยุคปัจจุบัน
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็มองอวิ๋นซี จากนั้นจึงกอดแขนนางไว้แล้วหัวเราะฮ่าฮ่า “ความคิดของฮูหยินช่างแตกต่างจากผู้อื่นจริงๆ ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้