อากาศเดือนสิบสองนั้นหนาวเหน็บ เฉิงชิงกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มือปราบหลิวมองสภาวะของนางแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง ต้องเอ่ยเรียกหลายครั้ง เฉิงชิงจึงค่อยคืนสติกลับมา
บนใบหน้าฉายชัดไปด้วยความเ็ป
“ใต้เท้า ข้านึกไม่ออก ยามบิดาข้าจากไปข้าเกิดป่วยหนัก ข้า…”
นางนึกไม่ออกจริงๆ
ความทรงจำอื่นล้วนแจ่มชัดมาก มีเพียงตรงนี้ที่พร่าเลือนราวกับไม่อาจไปแตะต้องได้
มือปราบหลิวหมดหวังยิ่งนัก มองเฉิงชิงเป็เช่นนี้แล้วก็ไร้หนทางที่จะสอบถามต่อ ส่งนางให้กลับไปพักผ่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นางหลิ่วและบุตรสาวทั้งสามที่ทยอยกันถูกสอบปากคำ พวกนางไม่จำเป็ต้องใช้การแสดง เมื่อได้รู้เื่ที่เฉิงจือหย่วนถูกพิษก่อนเสียชีวิต พวกนางก็แสดงความใและโกรธแค้นออกมาเอง
ให้พวกนางหลิ่วสี่คนฟื้นคืนสติอารมณ์นั้นก็ค่อนข้างยาก
มือปราบหลิวกล่าวว่าหากพวกนางย้อนความทรงจำที่มีเบาะแสอันมีประโยชน์ไม่ออก แม้ราชสำนักจะสามารถคืนชื่อเสียงดีงามให้เฉิงจือหย่วนได้ แต่ก็ไร้หนทางที่จะมั่นใจว่าเขาถูกผู้ใดฆ่า
ภายใต้บรรยากาศกดดัน นางหลิ่วกลับเป็ผู้ที่สามารถนึกย้อนความทรงจำขึ้นมาได้เื่หนึ่ง
ครึ่งเดือนก่อนที่สามีจะเสียชีวิต เขากลับมาจากเมืองหลวงของมณฑล เรียกกุนซือสองคนเข้าไปปรึกษากันภายในห้องหนังสือ พูดคุยสิ่งใดกันนั้นนางไม่รู้ แต่เฉิงจือหย่วนโกรธจัด เขวี้ยงถ้วยชาแตกกระจาย
มือปราบหลิวคล้ายกำลังครุ่นคิด
มลทินของเฉิงจือหย่วนเป็เพราะข้าหลวงใหญ่จางนำขุนนางเมืองเหอไถมาก่อนกลุ่มหนึ่ง มีผู้ชี้ตัวไปยังเฉิงจือหย่วน
รอข้าหลวงใหญ่จางพาคนไปถึงอำเภอเจียงหนิง เฉิงจือหย่วนก็ ‘ฆ่าตัวตายหนีความผิด’ ไปแล้ว
ข้าหลวงใหญ่จางหาสมุดบัญชีไม่พบ แต่กลับจับกุมปลัดอำเภอและเ้าหน้าที่ปกครองของอำเภอเจียงหนิง ทั้งสองคนเป็ขุนนางชั้นผู้น้อยที่ช่วยเหลือนายอำเภอดูแลท้องที่ หลังจากนั้นพวกเขาก็สารภาพความผิดในการยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
กุนซือทั้งสองที่เฉิงจือหย่วนจ้างมาก็สารภาพด้วยเช่นกัน พวกเขาทำตามคำสั่งของเฉิงจือหย่วน ทำบัญชีปลอมหลอกลวงราชสำนัก
เดิมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตกไปถึงราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ ทั้งยังถูกตัดยักยอกไป
เฉิงจือหย่วนเป็เพียงจุดศูนย์กลาง ขุนนางขั้นสูงของเมืองหลวงในมณฑลชี้ตัวเขา ปลัดอำเภอและเ้าหน้าที่ปกครองของอำเภอเจียงหนิงซัดทอดไปถึงเขา แม้กระทั่งกุนซือสองคนที่เฉิงจือหย่วนจ่ายเงินจ้างก็… เงินนั้นน่ะหรือ เฉิงจือหย่วนสองแขนเสื้อโปร่งใสสะอาด ครอบครัวไร้ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เงินที่เขายักยอกไปอยู่ที่ใดกัน?
เมื่อรวมหลักฐานทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทำให้ข้าหลวงใหญ่จางมีความคาดการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว เฉิงจือหย่วนเป็เพียงแค่หุ่นเชิด ขุนนางที่เกี่ยวข้องกับคดีของเมืองเหอไถอย่างมากก็ได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย สองแสนตำลึงเงินหายไปอย่างไม่แน่ชัด ขุนนางเมืองเหอไถเหล่านี้เป็แพะรับบาป!
แน่นอนว่าตัวพวกเขาเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ ยักยอกก็คือยักยอกจริงๆ แต่ไม่ได้ยักยอกมากมายขนาดนั้น
สุดท้ายแล้วหลักฐานทุกอย่างก็ชี้ไปยังจวนเยี่ยอ๋องซึ่งเป็มือมืดที่อยู่เื้ั ตัวข้าหลวงใหญ่จางเองไม่อาจตัดสินได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้นำหลักฐานกลับไปยังเมืองหลวง
เบาะแสที่นางหลิ่วมอบให้ ไม่เพียงไม่อาจยืนยันอะไรได้ กลับยิ่งทำให้มือปราบหลิวมีข้อกังขา
ทั้งบนและล่างล้วนพร้อมใจกันผลักความผิดไปยังคนตายคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่การรังแกคนตายที่ไม่อาจเอ่ยคำได้หรือ?
หากเฉิงจือหย่วนดำเนินการให้จวนเยี่ยอ๋อง เป็หุ่นเชิดที่ยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หลังจากเสร็จเื่ก็ถูกจวนเยี่ยอ๋องปิดปาก… หลักฐานค่อยๆ ทยอยมาทีละชิ้น แต่จวนเยี่ยอ๋องและเฉิงจือหย่วนไม่ได้เกี่ยวข้องกันอย่างสิ้นเชิง เหตุใดจวนอ๋องถึงสนใจขุนนางท้องถิ่นตัวเล็กๆ ที่ระหกระเหินในราชการสิบกว่าปีผู้หนึ่งด้วยเล่า?
หลายวันต่อจากนั้น ทั้งครอบครัวเฉิงชิงก็ถูกแยกกักบริเวณ ไม่อนุญาตให้คนทั้งครอบครัวพบหน้ากัน เฉิงชิงเองก็กระสับกระส่ายอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
นางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามจะสามารถรับไหวหรือไม่?
มือปราบหลิวสอบปากคำครอบครัวนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนเมื่อไม่อาจบีบคั้นได้ข้อมูลที่เป็ประโยชน์อันใดแล้วก็ค่อยให้คนในครอบครัวทั้งห้าคนมาพบหน้ากันอีกครั้ง
วันนี้คือวันที่สามสิบ คืนส่งท้ายปีเก่า
พวกนางหลิ่วสี่คนหน้าซีดเผือดซูบผอม เมื่อเทียบกันแล้วถึงได้รู้ว่า ‘การกักตัวภายในบ้าน’ ของเ้าเมืองอวี๋ผ่อนผันขนาดไหน
“ไม่เป็ไร พวกเราไม่เป็ไรแล้ว”
เฉิงชิงเป็ผู้ที่มีสติที่สุดในบ้าน
นางหลิ่วกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างตอนแรกขนาดนั้นแล้ว
“เ้าลูกชาย ราชสำนักจะสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้บิดาเ้าได้จริงหรือ?”
ที่มือปราบหลิวสอบถามล้วนเป็ชีวิตประจำวันเ่าั้ เขาแทบอยากจะให้นางหลิ่วอธิบายรายละเอียดของเฉิงจือหย่วนยามยังมีชีวิตอย่างชัดเจน วันไหนสวมชุดอะไร กินอะไรบ้างในแต่ละมื้อ ออกไปด้านนอกหรือไม่ มีคนมาคารวะเยี่ยมเยียนหรือไม่
เื่พวกนี้จะสามารถช่วยปลดเปลื้องมลทินและความอยุติธรรมของสามีได้หรือ?
นางหลิ่วเกิดความสงสัยอย่างลึกซึ้ง
เฉิงชิงปลอบโยนนาง “พวกเราต้องเชื่อมั่นในราชสำนัก เชื่อมั่นในฝ่าา”
ไม่เพียงแต่นางหลิ่ว หลายวันมานี้พี่สาวทั้งสามต่างซูบผอมจนไร้เค้าเดิม การฉลองวันปีใหม่ครั้งแรกหลังจากที่ครอบครัวทั้งห้าคนกลับมายังหนานอี๋ เป็ไปอย่างขอไปทียิ่งนัก เสียงประทัดด้านนอกยิ่งแสดงให้เห็นว่าภายในบ้านของเฉิงชิงเงียบเชียบเพียงใด
หลังจากคืนส่งท้ายปีเก่า มือปราบหลิวก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
แต่เ้าหน้าที่พกดาบด้านนอกเรือนแยกของร้านค้าผ้าสกุลวังก็ยังไม่ไปไหนเช่นเดิม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการตรวจสอบครอบครัวเฉิงชิงของศาลต้าหลี่ยังไม่เสร็จสิ้น
นางเริ่มสงสัยแล้วว่า ทั้งครอบครัวจะต้องถูกขังจนชั่วฟ้าดินสลายหรือไม่
นางไม่รู้ว่าผิดพลาดที่ตรงไหน ตนเองยังสามารถเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในเดือนสองได้อยู่หรือไม่ ซื่อจื่อขี้โรคท่านนั้นจะทำลายข้อตกลงฝ่ายเดียวหรือไม่ เตะนางทิ้งให้จวนเยี่ยอ๋องขึ้นฝั่งเองแล้ว?
ไร้หนทางที่จะควบคุมวิถีโชคชะตาของตนเอง การที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นทำให้ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ !
เฉิงชิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บังคับให้ตนเองทบทวนตำราตามเดิม
จะไปสอบได้หรือไม่ยังไม่เป็ที่แน่ชัด แต่นางต้องเตรียมพร้อมสำหรับการสอบให้ดีตามเดิม
การสอบเข้ารับราชการ มีเพียงการสอบเข้ารับราชการที่เป็ทางออกเพียงทางเดียวของนาง นางไม่้าให้โชคชะตาของตนเองถูกผู้อื่นบังคับ นาง้าที่จะมีสถานะและตำแหน่งที่สามารถไปแข่งขันกับผู้อื่นได้ มีเพียงสอบเข้ารับราชการเป็ขุนนางเท่านั้นที่ชาวบ้านธรรมดาจะกลายเป็ชนชั้นผู้มีอำนาจบารมี!
“เฉิงชิง เ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว สงบจิตใจอ่านตำราเถอะ”
เฉิงชิงล้างสมองตนเองไม่หยุดแล้วจึงค่อยๆ สงบจิตใจ
นางหลิ่วแอบร้องไห้อยู่หลายครั้ง ต่อหน้าบุตรสาวก็แสร้งเป็เข้มแข็ง ทุกวันจัดการเปลี่ยนแนวทางอาหารการกินให้กับคนทั้งครอบครัว
ในเดือนแรกของปี การจับตาพวกนางยังคงเข้มงวด ผู้ใดก็ส่งสิ่งของเข้ามาไม่ได้ ขาดเหลืออะไรก็ได้แต่ไหว้วานให้เ้าหน้าที่ไปซื้อมา
พญายมราชเห็นผีน้อยเื่เยอะ พอนานวันเข้า เ้าหน้าที่ที่เฝ้าจับตาดูก็เบื่อหน่ายวันคืนที่แห้งแล้งและไร้ผลประโยชน์ แสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อครอบครัวเฉิงชิง ยามไหว้วานให้พวกเขาซื้อสิ่งของ ไม่เพียงจะถูกยักยอกเอาไป สิ่งของที่ซื้อมาของล้วนเป็ของคุณภาพต่ำ
ชุยเยี่ยนเดินวนเวียนด้านนอกตรอกหยางหลิ่ว เห็นท่าทีปรามาสของเ้าหน้าที่เ่าั้ก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เขาเคยนำเงินไปติดสินบนเ้าหน้าที่ ปีก่อนเ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ยอมรับ ปีนี้กลับกล้ารับเงินแล้ว น่าแค้นใจที่คนเ่าั้รับเงินแล้วแต่ไม่ดำเนินการ เงินก็รับไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีที่ดีขึ้นต่อครอบครัวเฉิงชิงแต่อย่างใด
เหมือนพวกเขามั่นใจแล้วว่าครอบครัวเฉิงชิงหมดหวังที่จะพลิกฟื้นกลับมา หลอกลวงได้ตามใจ รังแกเสียหน่อยก็ไม่เป็ไร
“ขนาดตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ยังไม่ยุ่งด้วย?”
วันนี้ที่ว่าการอำเภอประกาศวันสอบแล้ว ผู้เข้าสอบที่้าจะเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอสามารถแจ้งความประสงค์ ส่งเอกสารรับรองความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมสอบและเอกสารรับรองจากบัณฑิตหลิ่นเซิงไปที่ห้องพิธีการในที่ว่าการอำเภอ ต้องทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จ ยืนยันคุณสมบัติในการเข้าร่วมการสอบจึงจะสามารถเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในเดือนสองได้
ตัวเฉิงชิงไม่อาจออกนอกตรอกหยางหลิ่ว แม้แต่จะลงชื่อก็ยังทำไม่ได้!
หากราชสำนักจะเลื่อนคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติไปสี่ห้าปีแล้วยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งครอบครัวเฉิงชิงจะไม่ถูกกักบริเวณไปสี่ห้าปีด้วยหรือ?
ชุยเยี่ยนสามารถจินตนาการได้ว่าหากเฉิงชิงถูกกักบริเวณนานเพียงนั้น คนจะหดหู่มืดมนมากถึงเพียงใด
ไม่ได้ เขาต้องคิดหาวิธีการ
ตามที่เขารู้มา ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่ไปจากหนานอี๋แล้ว เ้าพนักงานที่เฝ้าบ้านโลงศพก็แยกย้ายไปกันหมดแล้ว เฉิงชิงควรจะมีความหวังที่จะได้ออกมาจากตรอกหยางหลิ่วจึงจะถูก
ต้องดูว่าเ้าเมืองอวี๋จะยอมผ่อนปรนหรือไม่แล้ว
ชุยเยี่ยนพลันนึกได้วิธีหนึ่ง
“…เฉิงชิงนะเฉิงชิง เ้าต้องยืนหยัดให้ดี พี่ชุยของเ้าจะช้อนเ้าขึ้นมาเอง ตัวเ้าเองก็ต้องพยายามเข้าล่ะ!”
