หลิวหงเหยียนมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหลวงแห่งแคว้นจินหลานที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง
ภายในชั้นบนสุดของร้านอาหารเงียบไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานหลิวหงเหยียนก็หันกลับมา นางยิ้มและพูดเบาๆ ว่า “ตอนจบของเื่ม่านประเพณีช่างตรึงใจจริงๆ มันลึกซึ้งกว่าโศกนาฏกรรมธรรมดามาก ข้าชอบ”
หลัวเลี่ยนึกว่าเขาตาฝาดไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะเขาเห็นว่ารอบดวงตาบนใบหน้าที่สงบนิ่งของหลิวหงเหยียนคล้ายแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย
หลิวหงเหยียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาของหลัวเลี่ย “ข้าเห็นว่าเ้าเล่าเื่ได้ดีมาก ดังนั้นข้าจะมอบรางวัลให้เ้า”
นางหยิบหนังสือสีเหลืองเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนให้หลัวเลี่ย
หลังจากได้รับหนังสือแล้ว หลัวเลี่ยก็มองไปที่หนังสือ ก่อนจะตกตะลึง
“ดัชนีพลิกฟ้า!”
หลิวหงเหยียนยิ้มและพูดว่า “ดีกว่าคัมภีร์มหาหลุนิที่เ้าอยากเรียนรู้”
“เ้าได้มันมาจากไหน ทำไมเ้าถึงมีดัชนีพลิกฟ้า” หลัวเลี่ยถาม
“ความลับ” หลิวหงเหยียนยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ ซึ่งมีเสน่ห์มาก
หลัวเลี่ยก้มลงมองหนังสือดัชนีพลิกฟ้าอีกครั้ง หัวใจของเขายากที่จะระงับความตื่นเต้นได้ มันน่าใเกินไป
ดัชนีพลิกฟ้าเป็วิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นโดยกวงเฉิงจื่อ ซึ่งเป็หนึ่งในเทพระดับจักรพรรดิโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน
และต่อให้เป็วิชาเทวาพราวที่ถูกสร้างขึ้นโดยข่งเซวียน ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็คนแรกที่ขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิโบราณ ก็แทบจะไม่สามารถเอาชนะวิชาดัชนีพลิกฟ้านี้ได้
“ข้าเชื่อว่าเ้าจะสามารถฝึกฝนได้ ใช่ไหม” หลิวหงเหยียนยิ้ม
“ข้าจะพยายาม”
หลัวเลี่ยเคยประสบกับความล้มเหลวในการเรียนรู้คัมภีร์มหาหลุนิมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารับปากง่ายๆ
เพราะวิชาดัชนีพลิกฟ้านี้แข็งแกร่งกว่าคัมภีร์มหาหลุนิมาก
เมื่อเขาเห็นวิชาดัชนีพลิกฟ้านี้ เขาก็เริ่มทำความเข้าใจ และเข้าใจได้อย่างง่ายดาย เขาจมดิ่งลงไปในความลึกลับของวิชาดัชนีพลิกฟ้า
เมื่อเทียบกับหมัดผู้พิชิตและหมัดพญาัประจัญบานแล้ว ความมหัศจรรย์ของวิชายุทธ์ที่บรรจุอยู่ในหนังสือดัชนีพลิกฟ้านี้นับว่าเหนือชั้นกว่ามาก และพลังของมันก็มีความเปลี่ยนแปลงมาก จึงไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจได้ทั้งหมด
ในขณะที่เขากำลังทำความเข้าใจ หลัวเลี่ยก็รู้สึกบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้น และพบว่าหลิวหงเหยียนหายไปแล้ว
เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง
ขณะนี้เป็เวลาดึกมากแล้ว ทั้งเมืองเงียบสนิทภายใต้แสงจันทร์แล้ว
ไม่มีวี่แววของหลิวหงเหยียน
หลัวเลี่ยกลับไปที่โต๊ะ แล้วเขาก็พบกับจดหมายฉบับหนึ่ง
มันถูกทิ้งไว้โดยหลิวหงเหยียน
บนจดหมายเขียนชื่อหลัวเลี่ยเอาไว้
“ไม่สะดวกที่จะพูดเื่นี้ต่อหน้า จึงทำได้เพียงเขียนไว้ในจดหมาย”
หลัวเลี่ยหยิบจดหมายออกมา และเมื่อเขาอ่านมันจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ในจดหมายมีเนื้อหาไม่มาก แต่เนื้อหาที่เขียนทำให้หลัวเลี่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลิวหงเหยียนกล่าวในจดหมายว่า นางจะลบความทรงจำของทุกคนที่รู้เื่เกี่ยวกับตัวตนของหลัวเลี่ยในฐานะ ‘มีัอยู่ในเป้า’ รวมถึงเสวี่ยปิงหนิงและองค์หญิงสามจากเผ่าัด้วย
ดังนั้นคนเดียวที่จำเื่นี้ได้คือหลิวหงเหยียน แต่นางก็บอกอีกว่า หากจำเป็นางก็จะลบความทรงจำของตนเองเกี่ยวกับเื่นี้ด้วย
และประโยคสุดท้ายในจดหมายเขียนเตือนหลัวเลี่ยว่า แม้ว่าหลัวเลี่ยจะตายก็ห้ามเปิดเผยว่าเขาเป็ ‘มีัอยู่ในเป้า’
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
“ทำไมถึงต้องเก็บตัวตนของ 'มีัอยู่ในเป้า' เป็ความลับขนาดนี้”
“หรือเป็เพราะว่าข้าเข้าใจเคล็ดวิชาสรรพฟ้าดินได้สองประเภท?”
“ไม่สิ ถ้าเป็เช่นนั้นแล้วทำไมหลิวหงเหยียนต้องลบความทรงจำของหลงเยียนหรันด้วย นางไม่รู้ว่าข้าสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาสรรพฟ้าดินได้สองประเภท นอกจากนี้ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดี ทำไมหลงเยียนหรันถึงไม่ช่วยหลิวหงเหยียนกันนะ ในเมื่อแค่นางเอ่ยเพียงประโยคเดียวก็สามารถกำจัดผู้ที่ต่อต้านหลิวหงเหยียนในแคว้นเป่ยสุ่ยได้แล้ว”
“แล้วยังมีเื่ที่นางจะลบความทรงจำตัวเองเมื่อจำเป็อีก”
“ที่ว่าจำเป็คือเมื่อไร”
หลัวเลี่ยรู้สึกว่าหลิวหงเหยียนมีเื่ปิดบังเขาอยู่
ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงออกจากร้านอาหารและรีบกลับไปที่จวนของท่านราชครู
เมื่อเจอเสวี่ยปิงหนิง นางก็บอกกับเขาว่าหลิวหงเหยียนเพิ่งจากไป
เมื่อหลัวเลี่ยถามเสวี่ยปิงหนิงเกี่ยวกับเื่ของเขาเมื่อตอนที่อยู่ในภพจิตั เสวี่ยปิงหนิงกลับจำอะไรไม่ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าหลิวหงเหยียนเกลี้ยกล่อมให้เสวี่ยปิงหนิงลบความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนของ ‘มีัอยู่ในเป้า’ แล้ว
และก่อนหน้าที่จะลบความทรงจำ หลิวหงเหยียนอาจบอกเสวี่ยปิงหนิงเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องลบความทรงจำนี้ แต่มันก็อาจถูกลบไปด้วยแล้ว
หลัวเลี่ยะโขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดในจวนของท่านราชครู เขาขึ้นไปบนยอดแล้วมองไปรอบๆ แต่ไม่พบหลิวหงเหยียนเลย
หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว หลัวเลี่ยก็กลับมาที่ห้องและหยิบตราหยกเชื่อมิญญาออกมา
แล้วเขาก็เข้าสู่โลกแห่งภพจิตั
เมื่อเข้าไปได้แล้ว เขาก็ไปหากลุ่มเผ่าัเพื่อขอพบกับหลงเยียนหรัน เพราะเขาอยากจะถามนางโดยตรงเกี่ยวกับเื่ทั้งหมด
แต่ผลที่ได้รับคือมีคนมาแจ้งว่าหลงเยียนหรันได้ประกาศออกมาแล้วว่า นางไม่รู้จักเคล็ดวิชามหาสรรพชีวิต นอกจากนี้นางไม่ได้แพ้ ‘มีัอยู่ในเป้า’ และจะไม่มีวันแพ้ และเพราะหลงเยียนหรันเป็องค์หญิงสามแห่งเผ่าั ตัวตนของนางสูงส่ง จึงไม่อาจเข้าพบได้โดยง่าย
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยสูญเสียโอกาสในการที่จะได้พูดคุยกับหลงเยียนหรันโดยตรง
แต่เมื่อมองไปทางอื่น หลัวเลี่ยก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น
หากหลงเยียนหรันไม่ให้ใครเข้าพบ แล้วหลิวหงเหยียนลบความทรงจำของนางได้อย่างไร
เหตุการณ์นี้ทำให้หลัวเลี่ยสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าระหว่างหลิวหงเหยียนและเผ่าัจะมีความลับบางอย่างร่วมกัน และความลับนี้ทำให้หลิวหงเหยียนต้องแบกรับบางสิ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา?
หลังจากคิดเื่นี้แล้ว หลัวเลี่ยก็พบความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียว
นั่นคือตอนที่เขาเดินทางข้ามโลกมาที่นี่ เป็ตอนที่ท่านอ๋องน้อยหลัวเลี่ยแสร้งทำเป็ล่าสัตว์ แต่ความจริงแล้วเขาพาหลิวหงเหยียนไปพบใครบางคน
ครั้งหนึ่งเขาเคยถามเสวี่ยปิงหนิงเกี่ยวกับเื่นี้ แต่เสวี่ยปิงหนิงบอกว่านางไม่รู้เื่ราวมากนัก และนางก็ไม่ได้อยู่กับหลิวหงเหยียนตลอด บางครั้งหลิวหงเหยียนก็แอบไปเองอย่างลับๆ
ในเวลานั้นหลิวหงเหยียนรู้แล้วว่าชงโหวหู่กำลังวางแผนจะก่อฏ และนางก็หมดหนทางที่จะต่อต้าน นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ความลับอันยิ่งใหญ่ที่กษัตริย์แห่งแคว้นเป่ยสุ่ยทิ้งไว้ให้ และมีเพียงคนที่ได้ขึ้นครองราชย์เป็าาเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์รู้ว่ามันคืออะไร
เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้ หลัวเลี่ยก็ยิ่งสงสัย ในเวลานั้นหลิวหงเหยียนน่าจะข้องเกี่ยวกับเผ่าัมากที่สุด
แต่เมื่อพิจารณาจากการกระทำของหลิวหงเหยียนในตอนนั้น ก็ดูเหมือนว่านางไม่ได้พึ่งพากำลังของเผ่าั
“วุ่นวาย วุ่นวายไปหมด”
ยิ่งหลัวเลี่ยคิดเกี่ยวกับเื่นี้ เขาก็ยิ่งปวดหัว เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหลิวหงเหยียนและเผ่าั
เขาส่ายหัวและหยุดคิดเื่นี้
เขาเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะได้รู้เื่ราวทั้งหมดอย่างแน่นอน
หลัวเลี่ยกำลังจะออกจากโลกแห่งภพจิตัแต่เขากลับเห็นว่าในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองนี้ มีจวนหรูหราชื่อเรือนพเนจรอยู่
เมื่อเห็นคำว่าพเนจร ความรู้สึกที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา
หลัวเลี่ยจำได้ว่าเมื่อตอนที่เขาได้พบกับหลิวหงเหยียนอีกครั้ง เขาแนะนำตัวเองว่าเป็คนพเนจรที่ท่องไปในยุทธภพอย่างอิสระ
หลัวเลี่ยเดินไปที่เรือนพเนจร
ประตูของเรือนพเนจรเปิดออกอย่างช้าๆ ก็มีหญิงสาวสวยสองคนออกมาด้านใน พวกนางเป็คนของเผ่าอวี้ปั้งจากโลกมนุษย์
เผ่าอวี้ปั้งนี้ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยสาวงาม อาจกล่าวได้ว่า เมื่อมีคนเบื่อแล้วอยากจะเรียกตัวหญิงงามมาปรนนิบัติ คนจากเผ่าอวี้ปั้งจะมีจำนวนเป็ครึ่งหนึ่งของจำนวนคนในรายการที่มีให้เลือกเสมอ
และหญิงสาวสองคนนี้จากเผ่าอวี้ปั้งก็สวยมากเช่นกัน
“หลี่เมิ่ง จุ้ยหลิว คำนับนายท่าน”
นายท่าน?
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “นี่คือ?”
“เรือนพเนจรนี้เป็ของนายท่าน ส่วนพวกเราเป็สาวใช้รับใช้นายท่านเ้าค่ะ” หลี่เมิ่งตอบ
หลัวเลี่ยเข้าใจแล้ว เป็หลิวหงเหยียนที่เป็คนจัดการเื่นี้ ไม่จำเป็ต้องถามก็รู้ว่าความทรงจำของสาวงามสองคนนี้จากเผ่าอวี้ปั้งจะต้องถูกลบออกไปแล้วแน่นอน เพราะพวกนางไม่รู้ว่าใครเป็คนจัดการเื่นี้ พวกนางรู้เพียงว่าเ้านายของพวกนางก็คือ ‘มีัอยู่ในเป้า’
ชื่อหลี่เมิ่งนี้ หลี่คือหลี่ที่มาจากอ๋องหนานหลี่ และในสายตาของคนทั่วไป คนที่ดำรงตำแหน่งเป็อ๋องหนานหลี่ในขณะนี้ก็คือหลัวเลี่ย
ส่วนชื่อจุ้ยหลิว หลิวนี้ก็มาจากหลิวหงเหยียนเป็แน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้