ตอนที่ 9
การเดินทาง
แต่ถึงปากจะพูดแบบนั้นเขาก็จัดการอาหารในถ้วยรวดเดียวจนหมด ทำให้ทหารที่มองอยู่หันมากลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ ไป๋ลี่เซียนเหลือบสายตาไปมองพร้อมทั้งยกยิ้มเ้าเล่ห์ก่อนจะคิดอะไรได้ หากกองทัพจะอยู่รอดปลอดภัยอาหารการกินก็ถือว่าเป็สิ่งที่จำเป็ และั้แ่วันนั้นเธอก็อาสาจัดการเื่อาหารแต่ละมื้อจนตลอดการเดินทาง
คืนแรกดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดีไม่มีอันตรายอะไร หรืออาจจะเป็เพราะเธอนั้น ไม่ได้ออกเดินทางในสถานที่เช่นนี้ในชีวิตมาก่อน ทำให้ร่างกายที่เคยเต็มร้อยเริ่มจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่บ้าง
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังอยากจะเดินทางด้วยการขี่ม้าทำเท่ด้วยตนเองอยู่ดี และสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอีกอย่างหนึ่งของโลกใบนี้ก็คือภาพอากาศ ดูเหมือนว่าสภาพอากาศในวันที่สามหลังจากที่เธอออกเดินทางนั้นจะไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่
ท้องฟ้าที่เคยสว่างอากาศที่เคยปลอดโปร่ง เริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็พายุลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบดังกึกก้องทั่วผืนฟ้า ทำให้กองทหารต้องเร่งตั้งค่ายชั่วคราวใต้ต้นไม้ใหญ่ ไป๋ลี่เซียนยืนกอดอกมองไปรอบ ๆ อย่างขัดใจ
"ถ้าข้ารู้ว่าเดินทางมันลำบากขนาดนี้ ข้าน่าจะขอนั่งรถม้าแต่แรก"
"แต่เ้าดื้อเองมิใช่หรือ"
หลงเยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าคมตวัดสายตามองเธอเล็กน้อยอย่างตำหนิ ทำให้ลี่เซียนต้องเม้มริมฝีปากแน่น เธอสะบัดหน้าหนีเขาอย่างอารมณ์เสีย พลันเท้าของนางลื่นกับโคลนแถวนั้นล้มลงดังตุ้บ!
เสียงหัวเราะแ่ ๆ ดังขึ้น เธอเงยหน้ามองก็พบว่าหลงเยี่ยนกำลังยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาขบขัน เขาไม่มีท่าทีว่าจะสงสารหรือยื่นเข้ามาช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
"เปื้อนเป็ลูกหมาเลยนะ"
เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ มืออีกข้างลูบม้าศึกของตนเองไม่ปล่อย ทำให้หญิงสาวถลึงตาใส่เขียวปั๊ด
"อย่ามายืนมองเฉย ๆ ได้ไหม ท่านรีบช่วยข้าก่อนได้หรือไม่"
เขาส่ายหน้าแต่ก็ยื่นมือมาดึงนางขึ้นพร้อมกับใช้ชายเสื้อเช็ดหน้าผากเธอเบา ๆ ทำเอาลี่เซียนชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาของทั้งสองประสานกันท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้องและฝนที่ตกกระหน่ำ ทำให้หญิงสาวต้องกระแอมออกมาเบา ๆ เป็การทำลายบรรยากาศ
“อะแฮ่ม”
กลางดึกคืนนั้นแม้ฝนจะเบาลงเยอะมากแล้ว แต่อากาศยังคงเย็นลงอย่างมาก ไป๋ลี่เซียนนั่งกอดเข่าตัวสั่นในกระโจมแม่ทัพที่เพิ่งสร้างขึ้น หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านแผนที่อยู่ได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะโยนเสื้อคลุมของตนไปคลุมตัวของเธอเอาไว้
"นี่ท่านทำอะไรเนี่ย"
"ถ้าเ้าหนาวจนป่วยหรือตายไปข้าจะลำบาก"
ลี่เซียนมองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มมุมปาก เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าของชายผู้นี้ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยในยามที่เขาเอ่ย
‘นี่คงไม่ใช่ว่าเขากำลังเขินข้าอยู่หรอกนะ’
เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว ความรู้สึกอยากแกล้งก็มีมากขึ้น ไป๋ลี่เซียนขยับเสื้อคลุมลงมาห่มเอาไว้ ใช้สายตาจ้องไปที่แม่ทัพพร้อมกับหรี่ตาลง
"ข้ารู้ว่าท่านเป็ห่วงข้า.. ไม่ต้องพูดให้ฟังดูแย่นักหรอก ท่านเป็ห่วงก็บอกว่าห่วงเถอะน่า”
สิ้นสุดคำพูดของนางทำให้หลงเยี่ยนสะบัดหน้าไปอีกทาง เมื่อเห็นท่าทางนั้นยิ่งเรียกให้เธอส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
"อย่าพูดมาก เ้านอนซะ"
ถึงแม้จะฟังดูไม่รื่นหูแต่เวลาที่ผ่านมาก็เริ่มทำให้เธอรู้แล้วว่าผู้ชายที่เป็สามีคนนี้นิสัยเป็อย่างไร เธอเลือกที่จะไม่สนใจอะไรเขาอีกแล้วหันหลังให้นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากพายุผ่านพ้นไป กองทัพก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง และดูเหมือนว่าการเดินทางออกจากจวนครั้งนี้ของไป๋ลี่เซียนจะมีแต่เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเต็มไปหมด
‘ช่างรู้สึกคุ้มค่าที่ออกมาสู่โลกกว้างเสียจริง’
ในตอนสายกองทัพเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกปล้น บ้านเรือนพังเสียหาย ชาวบ้านหลายคนาเ็สาหัส ภาพที่เห็นทำให้เธอใ ไป๋ลี่เซียนรีบลงจากม้าทันที
"ข้าจะช่วยรักษาคนเจ็บ"
"ไม่จำเป็ มีหมอทหารอยู่แล้ว"
"เ้าคิดว่าพวกเขาจะดูแลคนมากขนาดนี้ไหวรึ"
เธอไม่รอให้เขาอนุญาต รีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลอย่างคล่องแคล่ว หลงเยี่ยนมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
"สตรีอวดดี! แต่ก็.. ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว"
กว่าที่จะช่วยดูแลผู้าเ็เรียบร้อยก็ผ่านมาจนถึง่บ่ายของวัน และเพราะกองทัพเองก็ต้องรีบเดินทางทำให้พวกเขารีบออกเดินทางอีกครั้ง และก็เป็เหมือนหลายวันที่ผ่านมา เดินทาง ตั้งค่าย ทานข้าว พักผ่อน ชีวิตวนลูปอยู่แบบนี้เรื่อย ๆ
จนเมื่อใน่บ่ายของอีกวันที่ทหารเริ่มเหนื่อยล้า หลงเยี่ยนจึงสั่งให้กองทัพหยุดพักกลางทุ่งหญ้ากว้างที่เป็ทางผ่าน ลี่เซียนเดินสำรวจรอบ ๆ ก่อนจะพบกับทุ่งดอกไม้ป่าที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง
"ข้าไม่คิดว่าเส้นทางของกองทัพจะมีทิวทัศน์เช่นนี้"
หลงเยี่ยนที่เดินมาข้าง ๆ หันมามอง ก่อนจะพูดเรียบ ๆ
"นี่คือเส้นทางที่ข้าเลือก หากเป็แม่ทัพคนอื่นพวกเขาคงเลือกทางที่สั้นกว่านี้"
"เ้าเลือกเส้นทางนี้เพราะมันปลอดภัย หรือเพราะมันงดงาม"
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง
"ก็.. อาจจะทั้งสองอย่าง"
เธอหลุดหัวเราะเบา ๆ แม้จะเคยคิดว่าแม่ทัพเช่นเขานั้นเืเย็นไม่สนใจใคร แต่พอทำความรู้จักแล้วก็เป็บุรุษที่จิตใจดีผู้หนึ่ง
"ดูเหมือนเ้าจะไม่ใช่แม่ทัพไร้หัวใจอย่างที่คิด"
เธอเอ่ยออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนที่ผืนหญ้ากว้าง สองแขนกางออกสูดลมหายใจเข้ารับกลิ่นของธรรมชาติ
"เ้าก็ไม่ใช่ภรรยาที่ไร้ประโยชน์อย่างที่ข้าคิด"
เขานั่งลงอยู่ข้างเธอก่อนจะหันไปมองสตรีที่นอนอยู่ ทั้งสองสบตากันชั่วขณะ ลมพัดเอื่อย ๆ พาเอากลีบดอกไม้ปลิวผ่าน
“งั้นเหรอ”
พวกเขาเดินทางสลับกับพักมาตลอดทางจนล่วงเลยมาถึงวันที่หก ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสกลับมืดครึ้มเมื่อกองทัพมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง กระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดกระแทกโขดหินเสียงดัง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนใก็คือสะพานที่เป็เส้นทางหลักพังถล่มลงไปแล้ว
"เกิดอะไรขึ้น"
หลงเยี่ยนะโลงจากม้า ก่อนจะเดินไปสำรวจใกล้ ๆ
"ดูเหมือนจะพังไปไม่นานมานี้ขอรับ"
ทหารคนหนึ่งรายงาน ก่อนจะหยุดดูที่เศษซากสะพานที่ห้อยต่องแต่งลงไปด้านล่าง
"อาจเป็เพราะฝนตกหนักเมื่อสองวันก่อน หรือไม่ ก็อาจจะมีคนตั้งใจทำลายสะพาน"
"มีคนทำลาย"
ลี่เซียนเลิกคิ้วขึ้นพลางเดินมาหยุดอยู่ข้างเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก
"เป็ไปได้หรือไม่ว่าเราถูกวางแผนขัดขวางการเดินทางครั้งนี้"
"ข้าไม่ตัดความเป็ไปได้นั้น แต่ที่แน่ ๆ เราเดินทางเส้นนี้ต่อไม่ได้แล้ว"
หลงเยี่ยนตอบเรียบ ๆ ทำให้เหล่าทหารเริ่มกระซิบกัน บางคนเสนอให้ย้อนกลับไปทางเก่า บางคนบอกให้ลองสร้างสะพานใหม่ แต่ทั้งหมดใช้เวลานานเกินไป
"เราจะเดินทางไปตามเส้นทางสำรอง ผ่านหุบเขามู่หยาง"
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เสียงทหารหลายคนก็เต็มไปด้วยความกังวล เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหล่าทหาร ทำให้ลี่เซียนเกิดอาการสงสัย
"ท่านแม่ทัพ.. ท่านแน่ใจหรือขอรับ หุบเขานั้นไม่มีใครใช้เดินทางมาหลายปีแล้ว มีรายงานว่ามีโจรเร่ร่อนและสัตว์ป่าดุร้าย จะอันตรายเกินไปหรือไม่ขอรับ"
ลี่เซียนหันไปมองเขาด้วยสายตาประเมิน แววตาของเขาดูมีความลังเลเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงแค่แวบเดียว
"ท่านคิดว่าทางเส้นนั้นปลอดภัยหรือไม่"
เธอเอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจคิด มองใบหน้าของชายหนุ่มที่หันมามองพระชายาด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่"
หลงเยี่ยนตอบตรงไปตรงมาก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยอีกประโยค
"แต่เป็ทางเดียวที่เราจะไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุด หากเรายังลังเล เมื่อเราช้าไปหนึ่งวัน กองทัพที่รอเราที่แดนเหนือก็เสียขวัญไปอีกหนึ่งวัน"
"เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ"
ลี่เซียนพูดออกมาเสียงหนักแน่น หญิงสาวขึ้นม้าพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าทหารด้านหลัง
"ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเส้นทางนี้จะน่ากลัวสมคำร่ำลือหรือไม่ เหล่าทหารกล้าของกองทัพแม่ทัพปีศาจจะมาเกรงกลัวเพราะคำร่ำลือแค่นี้งั้นหรือ!"
ถึงแม้จะเป็เพียงไม่กี่คำ แต่ก็ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอนั้น จะสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารได้เป็อย่างดี
การเดินทางผ่านหุบเขามู่หยางไม่ใช่เื่ง่าย ทางเดินนั้นคับแคบและเต็มไปด้วยโขดหินสูงชัน หากนี่เป็กลลวงของศัตรูกองทัพของเขาต้องย่อยยับเป็แน่ นอกจากนั้นอากาศที่นี่ยังเย็นลงอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา มีต้นไม้สูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ทำให้ทุกอย่างมืดครึ้มตลอดทาง
ไป๋ลี่เซียนเร่งความเร็วขี่ม้ามาเคียงข้างหลงเยี่ยน พลางกระซิบด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
"ข้าไม่ชอบบรรยากาศที่นี่เลย"
"ข้าก็เช่นกัน"
เขาตอบเพียงแต่นั้น แต่ยังคงควบคุมทัพด้วยความนิ่งสงบ
ทว่า หลังจากเดินทางเข้ามาได้ไม่กี่ชั่วยาม หลงเยี่ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาทำสัญญาณให้เหล่าทหารหยุดทัพกะทันหัน หลังจากกองทัพหยุดลงความเงียบก็เข้าปกคลุม
"ท่านแม่ทัพ.. มีศัตรูขอรับ"
หานเจี้ยนกองครักษ์คนสนิทขี่ม้าเข้ามาก่อนจะกระซิบ
"พวกมันกำลังรอจังหวะโจมตี"
หลงเยี่ยนชักดาบยาวออกจากฝัก ดวงตาคมกริบมองไปรอบ ๆ เขาขยับม้ามาใกล้พระชายาแต่สายตายังกวาดมองไปรอบ ๆ ไป๋ลี่เซียนแม้จะคิดว่าสถานการณ์นี้ช่างดูตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก แต่เมื่อคิดถึงความจริงแล้วว่าสถานการณ์นี้อาจอันตรายถึงชีวิต ก็ทำให้เธอหวาดหวั่นอยู่บ้าง
"มีศัตรู! เตรียมพร้อม ทุกคนระวังตัว!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้