เหยาเชียนเชียนโอบอวี่เหลียนเอ๋อร์ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดเข้ามาในอ้อมกอดโดยที่ยังไม่สังเกตเห็นแมวดำตัวนั้น ดูไปแล้วนางก็โตกว่าอาเหยียนไม่มากนัก ทั้งคู่ยังเป็เด็กแต่กลับต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
“ไม่เป็ไร ท่านอ๋องมีความชอบธรรมเป็อย่างยิ่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดไม่ได้รับความเป็ธรรม” เหยาเชียนเชียนเกลี้ยกล่อมนางด้วยรอยยิ้ม
“ในระหว่างนี้เกิดการเข้าใจผิดกันไม่น้อย รอเวลาผ่านไป เมื่อทุกคนคุ้นเคยและเข้าใจกันแล้วก็จะคลี่คลายไปเอง เ้าก็เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว รีบพักผ่อนเถิด”
อวี่เหลียนเอ๋อร์พยักหน้า ก่อนจะคว้าชายอาภรณ์ของนางไว้อย่างลังเล
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์ก็อยู่ที่นครหลวงแห่งนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว มีบางคำที่เหลียนเอ๋อร์ไม่ควรพูด แต่หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงดีกับเหลียนเอ๋อร์เหลือเกิน ดังนั้นถึงแม้มันอาจจะทำให้เหนียงเหนี่ยงไม่สบายใจ แต่เหลียนเอ๋อร์ก็อยากพูดสักเล็กน้อยเพคะ”
เหยาเชียนเชียนลูบศีรษะนางเบาๆ “ไม่เป็ไร อยากกล่าวอะไรก็กล่าวมาเถิด”
“ได้ยินว่าหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงไม่ใช่พระมารดาแท้ๆ ของเสี่ยวซื่อจื่อ ทว่ายามที่หม่อมฉันเข้าจวนมาสาวใช้ข้างๆ บอกว่าเสี่ยวซื่อจื่อดีกับหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงมาก เหลียนเอ๋อร์เกรงว่าเหตุวุ่นวายในวันนี้จะทำให้หวังเฟยยากจะคืนดีกับซื่อจื่อ และจะรู้สึกไม่สบายพระทัยเพราะเหลียนเอ๋อร์เพคะ”
นางกำชายอาภรณ์ของเหยาเชียนเชียนแน่นอย่างไม่สบายใจ และกดเสียงลงจนเบายิ่งกว่าเดิม
“กอปรกับดูเหมือนว่าท่านอ๋องก็ไม่ชอบเหลียนเอ๋อร์นัก หากทำให้หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงไม่เป็ที่โปรดปรานของท่านอ๋องด้วยเหตุผลนี้ เช่นนั้นต่อให้เหลียนเอ๋อร์ต้องตายเป็หมื่นครั้งก็ไม่อาจทดแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเหนียงเหนี่ยงได้เลยเพคะ”
นางกล่าวค่อนข้างอ้อมค้อม ทว่าเหยาเชียนเชียนก็เข้าใจได้
ในสายตาคนนอก นางไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดอาเหยียน และถึงขั้นที่เกือบจะสังหารเขาในคืนอภิเษกเสียด้วยซ้ำ ยามนี้สนิทสนมกับอาเหยียนได้เช่นนี้ คาดว่าต้องงัดเอาอุบายและความคิดทั้งหมดออกมาใช้เป็แน่
แม้แต่ชิงผิงอ๋องก็ลดอคติที่มีต่อนางได้เพราะอาเหยียนเช่นกัน หากต้องสูญเสียที่พึ่งพิงทั้งสองไปเพราะเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอจะกล่าวถึง เช่นนั้นชีวิตในจวนของนางคงลำบากเป็แน่
แมวดำมองไปทางเหยาเชียนเชียน เขาไม่ใช่คนที่มีจิตใจคับแคบขนาดนั้น กับอาเหยียนยิ่งไม่ใช่เลย พวกเขาจะทอดทิ้งภรรยาและมารดาที่ปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจเพราะสตรีเช่นนี้ได้อย่างไร
“เหลียนเอ๋อร์คิดมากไปแล้ว” เหยาเชียนเชียนหัวเราะน้อยๆ “ท่านอ๋องและอาเหยียนไม่ใช่คนที่ตัดสินคนเพียงผิวเผิน หากเ้าทำดีต่อพวกเขาอย่างจริงใจพวกเขาก็จะเข้าใจ วันนี้แค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น ข้าบอกแล้วว่ารอให้ในอนาคตคุ้นเคยกันแล้วก็จะดีเอง ไม่มีทางเกิดเื่อย่างที่เ้ากังวลหรอก”
นางได้รับความเชื่อใจจากชิงผิงอ๋องเพียงเล็กน้อย ความระแวงของเขามีมากสักหน่อยเนื่องด้วยสถานะของเขา ทว่าเขาเป็คนซื่อตรง ส่วนอาเหยียนนั้นมีจิตใจบริสุทธิ์ยิ่งกว่า พวกเขาทั้งคู่สมควรได้รับความจริงใจจากผู้อื่น
พวกเขาจะทอดทิ้งนางเพียงเพราะความขัดแย้งเล็กน้อยได้อย่างไร คิดมากเกินไปแล้ว
“นี่ เสี่ยวไกวไกว” เหยาเชียนเชียนเหลือบไปเห็นแมวดำโดยบังเอิญจึงกวักมือเรียกมันอย่างดีใจ “เ้ามาได้อย่างไร รีบมานี่เร็วเข้า”
แมวดำมองนางอย่างรังเกียจ ในอ้อมแขนยังกอดคนอื่นอยู่แท้ๆ ไยจึงต้องเรียกเปิ่นหวังเข้าไปอีก จะให้เขาไปยื่นเซ่อหรืออย่างไร?
ในแววตาของอวี่เหลียนเอ๋อร์ปรากฏความรู้สึกบางอย่างวาบขึ้นมา และมันรวดเร็วเสียจนจับไม่ได้ นางปั้นหน้ายิ้มแย้มและเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง นั่นคือแมวของพระองค์หรือเพคะ?”
เหยาเชียนเชียนเดินเข้าไปอุ้มแมวดำมาด้วยตัวเองและลูบหัวเล็กๆ นั้นอย่างสนิทสนม
“แมวของท่านอ๋องน่ะ แต่มันมักจะชอบมาเล่นกับข้าอยู่บ่อยๆ”
“เช่นนั้นหรือเพคะ” อวี่เหลียนเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แมวตัวนี้งดงามยิ่งนัก ดูมีชีวิตชีวา และขนก็สวยด้วย”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ยื่นมือออกไปหมายจะัั ทว่าแมวดำที่เชื่อฟังอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในวงแขนของเหยาเชียนเชียนกลับแยกเขี้ยวคมใส่นางอย่างดุร้ายและมองไปที่นางด้วยสายตาคมปลาบ
อวี่เหลียนเอ๋อร์ชักมือกลับ แววตาของแมวตัวนี้ดุดันเหลือเกิน ราวกับสามารถฉีกผิวเนื้อของนางออกจากกันได้อย่างง่ายดาย และใช้กรงเล็บอันแหลมคมแทงทะลุหัวใจของนางและควักออกมาทั้งเป็
“เสี่ยวไกวไกว” เหยาเชียนเชียนลูบมันเบาๆ และกล่าวปลอบโยนอวี่เหลียนเอ๋อร์ว่า “มันเป็อย่างนี้แหละ จะรู้สึกกังวลเมื่อได้พบคนแปลกหน้า ยามที่ข้าอุ้มมันครั้งแรกก็ถูกมันข่วนไปหลายแผลเช่นกัน เ้าตัวเล็กนี่กรงเล็บทั้งไวและแหลมคม อารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีนัก แต่มันก็สวยจริงๆ นั่นแหละ”
นางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้มุมปากของแมวดำและประทับจูบลงไป ในแววตาเต็มไปด้วยแววขบขัน
“แต่เมื่อมันคุ้นเคยกับเ้าแล้วก็จะติดเ้ามากเช่นกัน น่ารักมากเชียว”
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำไปนั่งลงข้างๆ นาง เห็นเมื่อครู่อวี่เหลียนเอ๋อร์อยากจับตัวมัน จึงอุ้มเข้าไปใกล้เพื่อจะให้ลองจับดู
“เ้าเบามือหน่อยนะ ลองสางขนให้มันดู ยังไม่คุ้นกันข้าก็เลยไม่กล้าให้เ้าอุ้ม รอมันหายตื่นแล้วเ้าค่อยลองหยอกมันดู”
อวี่เหลียนเอ๋อร์พยายามยื่นมือออกไปอย่างหยั่งเชิง การเคลื่อนไหวของนางอยู่ภายใต้ดวงตาสีมรกตคู่นั้น ในขณะที่นางกำลังจะแตะถึง แมวดำก็แสดงกรงเล็บแหลมคมออกมาและเหวี่ยงอุ้งเท้าใส่อย่างไม่เกรงใจ
“โอ๊ย!”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ทั้งใทั้งเจ็บ แววชั่วร้ายจางๆ วูบไหวในดวงตา แต่แล้วนางก็ก้มศีรษะลงทันทีและกลั้นเสียงร้องไห้ไว้พร้อมกับบอกลาเหยาเชียนเชียน
“ขอข้าดูหน่อย” เหยาเชียนเชียนรีบวางแมวดำลงด้านข้าง นางตรวจดูาแของอวี่เหลียนเอ๋อร์อย่างรู้สึกผิด แต่ยังดี ยาที่ใช้เพียงทำแผลที่หัวเข่าให้นางในคราแรก ยามนี้ได้ใช้ทำแผลที่หลังมือให้ด้วย
“แผลลึกเชียว” เหยาเชียนเชียนรู้สึกซับซ้อน นางรู้สึกว่าถึงแม้จะไม่เหมาะที่กล่าวแบบนี้ แต่หรือว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ผู้นี้จะดวงชงกับจวนอ๋องจริงๆ?
มาได้เพียงวันเดียวก็เจ็บตัวเสียจนได้แผลมากมาย ทั้งตกน้ำ ถูกลงโทษให้คุกเข่า แล้วยังถูกแมวข่วนจนได้แผลอีก ไม่ว่าจะเป็ฝีมือของคนหรือว่าเกิดจากการไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่นี่ก็ดูจะโชคร้ายเกินไปหน่อย
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์อยากขอตัวไปก่อนเพคะ”
นางขบกรามแน่น บนหลังมือถูกข่วนจนเกิดเป็รอยแผลสามทาง เ้าแมวดำไม่ปรานีกันแม้แต่น้อย
เหยาเชียนเชียนเห็นท่าทางอ่อนแรงของนางจึงไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก ทำได้เพียงสั่งให้คนส่งนางออกไปอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะทอดถอนใจด้วยความรู้สึกว่านี่มันเื่อะไรกัน
เมื่อกลับมาที่ห้องก็เห็นแมวดำกำลังนั่งสะบัดหางอยู่บนโต๊ะอย่างสบายใจ ดูท่าทางจะอารมณ์ดีเหลือเกิน
“เ้านี่นะ” เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำขึ้นมา “รู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เ้าก่อเื่อะไรไว้?”
แมวดำดึงอาภรณ์ของนาง เขาไม่อยากถูกยกขึ้นแบบนี้ เขาอยากกอด
“ทียามนี้เพิ่งมาอ้อน เมื่อครู่ลงมือข่วนแรงขนาดนั้น เ้าดูมือของเด็กคนนั้นสิ สองมือที่ขาวผุดผ่องถูกเ้าข่วนจนอยู่ในสภาพแบบใดแล้ว?”
เหยาเชียนเชียนพูดกับตัวเอง ทันทีที่นั่งลงตรงขอบเตียงก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้
มือขาวผ่องคู่นั้น...
จริงสิ มันดูขาวผ่องเกินไปหน่อย
นางมองมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าเ้าของร่างเดิมจะไม่เคยประสบความลำบากั้แ่เด็ก เป็คุณหนูทองพันชั่งมานานนับสิบกว่าปี เมื่อออกเรือนมาก็ได้เป็หวังเฟยอีก แต่มือคู่นี้กลับเทียบไม่ได้กับมือของเด็กหญิงคนนั้นเมื่อครู่
นั่นคือเด็กที่ต้องอยู่ข้างนอกั้แ่ยังเล็ก ตากลมตากแดดเพื่อเร่ทำการแสดงเชียวนะ
“อาจเพราะเดิมทีมือของนางก็เนียนนุ่มกว่ามือผู้ใหญ่อยู่แล้วก็เป็ได้” นางคิดได้เพียงเหตุผลข้อนี้ แม้จะรู้สึกแปลกอยู่ในใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็คำพูดได้
“ข้ายังต้องคิดให้ดีว่าจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ดี เข้าจวนอ๋องมาวันแรกก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายเพียงนี้ ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร”
แมวดำโน้มเข้าไปเลียปลายคางของนาง นั่นทำให้เหยาเชียนเชียนหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้
“เอาเถิด ข้าไม่ได้กล่าวโทษเ้าจริงๆ หรอก รู้ว่าเ้ากลัวคนแปลกหน้า แต่ก็ควรจะหาโอกาสตัดกรงเล็บนี้ให้เ้าสักหน่อย หากไปทำให้ท่านอ๋องหรืออาเหยียนเจ็บตัวเข้าก็จะยิ่งแย่เอา”
เมื่อพูดถึงอาเหยียน เหยาเชียนเชียนก็อดเม้มปากไม่ได้ ไม่รู้ว่าเด็กน้อยยังโกรธนางอยู่หรือไม่ บอกว่าพรุ่งนี้ก็จะไม่พบนาง นั่นแสดงว่าวันนี้เขาโกรธนางจริงๆ
“พรุ่งนี้ข้าจะเอาของอร่อยๆ สักเล็กน้อยไปง้อเขาเสียหน่อย ดูซิว่าจะง้อสำเร็จหรือไม่”
เหยาเชียนเชียนจูบจมูกแมวดำและเอนหลังนอน “เอาเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบพักผ่อนได้แล้ว”
แสงจันทร์ส่องสว่างกำลังดี เหยาเชียนเชียนพลิกตัวไปกอดคนข้างกายและหลับสนิท
เป่ยเหลียนโม่มองนางอย่างเงียบเชียบอยู่ครู่หนึ่ง พอย้อนนึกไปถึงยามที่ได้พบกับอวี่เหลียนเอ๋อร์ผู้นั้นในวันนี้ก็อดหยิกใบหน้าเล็กของคนข้างกายไม่ได้
“อาเหยียนจะใส่ร้ายผู้อื่นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้คิดว่าเ้าฉลาดเสียอีก ดูยามนี้สิ ไฉนจึงได้ถูกหมอกหนาทึบตรงหน้าบดบังดวงตาไปด้วยเล่า อาเหยียนโกรธเ้าด้วยความร้อนใจไปบ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่จัดการได้ เ้าน่ะ ทางที่ดีที่สุดคือขอโทษอย่างจริงใจ ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาอีก”
เด็กคนนั้นไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน ดูท่าว่าจะรักนางและเป็ห่วงนางจากใจจริง แล้วเหตุใดเขาจะไม่รู้สึกแบบเดียวกันเล่า
ทว่าครั้งนี้เป็แผนของผู้ใดก็ยังไม่อาจทราบได้
ครั้นพอถึงวันรุ่งขึ้น เหยาเชียนเชียนตั้งใจนำอาหารที่อาเหยียนชอบที่สุดไปส่งให้เขาั้แ่เช้าตรู่
“ให้แม่เข้าไปหน่อยได้หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนอ่อนโยนราวกับคุณยายหมาป่า อาเหยียนน้อยที่อยู่ข้างในยืนอยู่ข้างประตูด้วยความสับสน เขาอยากจะเปิดประตูแต่ในใจก็ยังรู้สึกน้อยใจ เด็กชายยู่ปากเอ่ยถามว่า “ท่านแม่...ท่านแม่เชื่ออาเหยียนแล้วหรือ?”
ใช่แล้วๆ เหยาเชียนเชียนรีบพยักหน้า “แม่เชื่ออาเหยียนั้แ่แรกอยู่แล้ว อาเหยียนเป็เด็กที่เชื่อฟังและรู้ความที่สุด แม่รักอาเหยียนที่สุด”
คำนี้เป็ความจริง อาเหยียนน้อยเม้มปากก่อนจะเปิดประตูออกให้เป็เพียงร่องแคบๆ กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาตามลม ส่งผลให้ร่องแคบนั้นกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย
“ท่านแม่มาแต่เช้าตรู่เชียว ไม่ได้ไปพบผู้อื่นมาก่อนหรือ?”
คำว่า ‘ผู้อื่น’ นี้ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็ผู้ใด เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “อาเหยียนย่อมสำคัญที่สุด แม่ช่วยทำอาหารกับทางห้องเครื่องเล็ก อาหารเหล่านี้มีน้ำพักน้ำแรงของแม่อยู่ครึ่งหนึ่งเลยนะ อาเหยียนลองชิมดูดีหรือไม่?”
เช่นนั้นก็ได้ อาเหยียนน้อยเปิดประตูออก ทันทีที่รับอาหารมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเข้า รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแห้งเหือด เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะปิดประตูดัง ‘ปัง’
เหยาเชียนเชียนเกือบจะถูกประตูหนีบจมูก นางจ้องเขม็งไปที่ประตูห้องอย่างมึนงง และในขณะที่กำลังจะเปล่งเสียงก็เห็นพ่อบ้านพาอวี่เหลียนเอ๋อร์เข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอึดอัด
นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ เหยาเชียนเชียนกุมหัว “เกิดอะไรขึ้น?”
พ่อบ้านเองก็รู้ว่าเสี่ยวซื่อจื่อไม่ชอบเด็กหญิงคนนี้นัก แต่ไม่คิดว่ายืนอยู่นอกประตูเรือนแล้วเสี่ยวซื่อจื่อก็ยังจะมองเห็นได้อีก
“หวังเฟย เด็กคนนี้มาหาบ่าวั้แ่เช้าตรู่ แต่บ่าวไม่รู้ว่าควรจัดสรรงานให้นางอย่างไรดี ดังนั้นจึงมาที่นี่เพื่อทูลถามหวังเฟย”
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง” อวี่เหลียนเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลง “เหลียนเอ๋อร์สามารถทำได้ทุกอย่างเลยเพคะ ขอเพียงสามารถตอบแทนบุญคุณของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงได้ ไม่ว่างานใดเหลียนเอ๋อร์ก็สามารถทำได้เพคะ”
เหยาเชียนเชียนประคองนางขึ้นมา เด็กเล็กขนาดนี้จะทำอะไรได้เล่า
“บนกายเ้ายังมีแผลอยู่ เมื่อวานก็เสียขวัญอีก ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่สักสองสามวันสิ”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ส่ายหน้ารัว และบอกว่านางไม่ได้มาแอบอิงหวังเฟยเพื่อเสพสุข หากที่จวนไม่ใช้งานนาง เช่นนั้นก็สั่งให้ไปทำที่อื่น นางไม่สามารถนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ทำอะไรได้ และจะละอายต่อบุญคุณของหวังเฟย
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น เหยาเชียนเชียนจึงไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก นางมองไปรอบๆ และเรียกให้พ่อบ้านหางานเบาๆ ให้เด็กหญิงทำ
“งานประเภทปัดกวาดเช็ดถูแล้วกัน มือนางยังเป็แผลอยู่ เลี่ยงไม่ให้โดนน้ำจะดีที่สุด”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นบ่าวจะให้นางทำความสะอาดภายในห้องก่อน งานไม่หนัก แต่ที่สำคัญคือต้องละเอียด”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าเห็นด้วย พ่อบ้านจึงพาเด็กหญิงไปพร้อมกับกำชับไปตลอดทางว่าให้จดจำเส้นทางให้ได้เสียก่อน อย่าได้เดินเตร่ไปทั่วจวน
“ทางนั้นคือห้องหนังสือของท่านอ๋อง จำไว้ให้ดี อย่าเข้าไปโดยพลการเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าท่านอ๋องจะเรียกตัว”
อวี่เหลียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมอง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงตอบรับ
