เ่ิูมองสำรวจสภาพการณ์โดยรอบอย่างละเอียด
ภูมิประเทศรอบนี้กว้างใหญ่ไพศาล โขดหินมากมายกระจัดกระจายอยู่กลางป่า มีต้นไม้ไม่รู้พันธุ์ไม่รู้พันธุ์ขึ้นหรอมแหรม ผืนดินใหญ่มีต้นหญ้าสีเทาหนามแหลมขึ้นเป็ดอกเห็ด ทอดตัวยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
รอบด้านมีแมลงวันบินว่อนพากลิ่นคาวเหม็นหึ่งประกอบฉาก
ไกลออกไปยังมองเห็นสุนัขป่าอัปลักษณ์น่าเกลียดตัวหนึ่ง ท่ามกลางแมลงวันมันกัดกินซากศพเน่าเหม็นของสัตว์ป่าตัวั์อย่างตะกละตะกราม มันเหลือบมองมาทางพวกเขาบ่อยครั้ง คำรามเสียงต่ำดังสนั่นพร้อมเืสดทะลักเขี้ยวแหลม ท่าทางไม่เป็มิตรอย่างสิ้นเชิง!
ความตายที่เกิดขึ้น ณ แดนเถื่อนแห่งนี้เป็เื่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
เพราะที่นี่คือป่าเปล่าเปลี่ยว
เหยื่อและนักล่า ล้วนบรรเลงท่วงทำนองอยู่ ณ ที่แห่งนี้
เทียบกับการร้องรำทำเพลง เปี่ยมสีสันแสนพิสดารในลู่ิแล้ว บรรยากาศของที่นี่มันช่างเป็ฉากที่สมจริงที่สุดในโลกโดยแท้
“ข้ามีข้อเสนอหนึ่งอย่าง ที่นี่อันตรายมาก ข้าอยากให้พวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ถึงจะสำเร็จหน้าที่ทดสอบการลงสนามจริงครั้งนี้ได้!” เยี่ยนสิงเทียนผู้ไม่ปริปากพูดั้แ่แรกเอ่ยออกมาช้าๆ น้ำเสียงนั้นมีพลังหนักแน่นบางอย่างรั้งให้คนเชื่อถือและไว้ใจ
ข้อเสนอนี้เหล่าสมาชิกคนอื่นล้วนแต่เห็นดีเห็นงามด้วย
ทว่าหัวหน้าอีกคนของกลุ่มอันดับหนึ่ง ฉินอู๋ซวง กลับเหยียดยิ้ม มิเอื้อนเอ่ยคำใดยามหันกายเดินไปยังแดนไกลในป่าเปล่าเปลี่ยว อาภรณ์ยาวปละปลิวเป็ริ้วลาย ผมดำโบกโบยตามลมพัด มีความสง่างามที่มิอาจพรรณนาแผ่กระจาย...
ต่อมาก็มีคนเลือกที่จะติดตามเขาไป
หนึ่งในนั้นมีซ่งชิงหลัวกับหลิวเล่ยด้วย และยังมีลูกผู้ดีอีกสิบกว่าคน เห็นได้ชัดว่าตามองเพียงฉินอู๋ซวงเป็จ่าฝูงแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ปรายตามองเยี่ยนสิงเทียนแม้เพียงแวบเดียว
“เฮอะๆ พวกกากเดนต้อยต่ำ คิดว่าตัวเองเป็ใครกัน ถึงได้อยากให้พวกเราร่วมมือกับเ้า?” เด็กชั้นสูงคนหนึ่งมองเยี่ยนสิงเทียนด้วยหางตา สีหน้าเปี่ยมด้วยดูถูกและหยามเหยียด เขาถุยน้ำลายลงพื้น หันหลังจะไป
“เ้า...”
เด็กยากไร้ที่ยืนข้างเยี่ยนสิงเทียนทนมองไม่ไหว เกิดโกรธจนจะตะบี้ตะบันเข้าไป
แต่เยี่ยนสิงเทียนกลับใบหน้าเรียบสงบ ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความไม่พอใจ เขาดึงเพื่อนร่วมชั้นไว้ ส่ายหน้าเบาๆ!
อัจฉริยะจากชาติตระกูลยาจกผู้นี้ ทรหดเงียบงัน บุคลิกดั่งหินผามิแตกต่าง
“ศิษย์น้องเย่ เ้าจะตัดสินใจอย่างไร?” เยี่ยนสิงเทียนน้อมมือเคารพเ่ิูแล้วไถ่ถาม “ไปด้วยกันกับพวกเราไหม?”
เ่ิูคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้าตอบ “ข้าไปมาคนเดียวจนชินแล้ว ไม่อยากรบกวนพวกท่าน ขอบพระคุณศิษย์พี่เยี่ยนที่เมตตา”
“เ่ิู เ้าหมายความว่าอย่างไร เ้าเองก็เป็คนจนยากแค้นเหมือนเรา ยังคิดปฏิเสธศิษย์พี่เยี่ยนจริงๆ น่ะหรือ?” เด็กหนุ่มตัวดำผอมกะหร่องที่สะกดกลั้นความโกรธไว้ตวาดออกมาจนได้ “เ้าคิดว่าพร์เ้าดีนัก ถึงขั้นเชิดหน้าชูคออัปลักษณ์นั่นได้เลยหรือ? เชอะ พี่เยี่ยนทำเพื่อปกป้องเ้า เห็นเ้าเป็แค่ระดับอาณาพิภพขั้นสองธรรมดาๆ กลัวเ้าจะมีอันตราย ยังไม่รู้สำนึกอีก!”
กลุ่มเด็กยากไร้คนอื่นๆ ก็มองเขาด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
เยี่ยนสิงเทียนกลับไกวมือ เป็สัญญาณให้เงียบเสียง เขาว่า “ศิษย์น้องเย่คิดดีแล้ว ก็ขอให้ระวังเป็พิเศษเถอะ อย่าไปไกลนัก หากพบเจออันตราย จงจุดดอกไม้ไฟแจ้งเหตุ แล้วข้ากับศิษย์พี่ศิษย์น้องจะรีบมา”
“ขอบพระคุณขอรับ” เ่ิูน้อมมือคำนับ หลังจากนั้นก็หันหลังก้าวยาวๆ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เยี่ยนสิงเทียนถอนใจเบาหวิว ราวกับคิดอะไรออกอีกเื่ เขาว่า “ศิษย์น้องเย่?”
“อื้ม?” เ่ิูหันหน้ากลับมา
“เ้าต้องระวัง...หลิวเล่ยให้ดีๆ” เยี่ยนสิงเทียนเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
เ่ิูชะงัก ก่อนพยักหน้าทันที “ขอบพระคุณศิษย์พี่เยี่ยน ข้าจะระวังเป็อย่างดี”
เยี่ยนสิงเทียนพยักหน้า เขาไม่พูดอะไร เพียงเดินนำศิษย์อีกเจ็ดแปดคนเดินไปทางทิศเหนือ
บุรุษยากจนผู้ไม่เคยยิ้มเลยสักครั้งผู้นี้ กลายเป็ผู้นำของคนยากจนชนชั้นเดียวกันมากมาย ในสำนักที่ชนชั้นสูงและคนรวยล้นฟ้าเป็คนควบคุม ชนชั้นต่ำกว่าต้องรวมตัวปรองดองกันไว้ให้แแ่
ในประวัติศาสตร์ของสำนักกวางขาว ก็เคยปรากฏผู้นำชนชั้นต่ำฤทธิ์เดชชวนพรั่นพรึงจนสั่นะเืไปทั่วทั้งแว่นแคว้น นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมหลายสิบปีมานี้ ชนชั้นที่บางผู้เหยียดหยามว่าต่ำต้อยถึงยังเข้ามาร่ำเรียนในสำนักได้
เยี่ยนสิงเทียนได้รับการคาดการณ์จากหลายๆ คนว่าเขาจะต้องเป็บุคคลสำคัญชั้นผู้นำของเหล่าคนยากรายต่อไป
เสียงข่าวว่าแค่เขาเข้าสำนักมาวันแรก ก็ดึงดูดความสนับสนุนและสนอกสนใจจากเหล่าพวกพ้องเดียวกันมากมายแล้ว
บ้านตระกูลเย่ล่มสลาย เ่ิูก็กลายมาเป็กลุ่มคนยากด้วยเหมือนกัน
แต่เขาไม่ปรารถนาจะผลาญเวลาอันล้ำค่าไปกับการทะเลาะเื่ชนชั้นไร้แก่นสารนี้เลย ดังนั้นจึงไม่เข้าร่วมหรือพึ่งพากลุ่มชนชั้นล่าง และในการทดสอบสู้ศึกจริงคราวนี้ เด็กหนุ่มเองก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับทั้งสองฝ่ายมากจนเกินควร
โดดเดี่ยวเนิ่นนานจนชาชิน ดังนั้นจึงชอบการอยู่คนเดียว
....
เ่ิูเดินลัดเลาะมาตามป่ากว้าง จิตใจเต็มตื้นด้วยความตื่นเต้น
อิสระดั่งมัจฉาแหวกว่ายกลางมหาสมุทร ดั่งวิหคโบยบินบนท้องนภา
หมาป่าหลังน้ำเงินยาวสองเมตรตัวหนึ่งเดินตามหลังเขามาหลายร้อยเมตร บางทีอาจคิดว่าเ้าหนุ่มตัวคนเดียวคนนี้ไร้ซึ่งอันตรายใด หมาป่าเลือกโจมตี วิ่งกระโจนเข้าหาเ่ิูรวดเร็วปานฟ้าแลบ
กลิ่นคาวลอยละเลง เืสาดกระเซ็นเนืองนอง
กรงเล็บหมาป่าดั่งถูกหินผาบดจนแหลกละเอียด
เ่ิูหันข้างกลับมา ยกมือกำหมัดวาดออกไป
พลังมหาศาลกระตุกอากาศกรีดร้อง ส่วนหัวและกรงเล็บหน้าของหมาป่าถูกะเิเต็มเปา กระดูกขาวโพลนและเืสดกระจุยกระจาย ศพเละไม่เหลือเค้าเดิมกระเด็นไป กระทั่งจะร้องยังไม่มีโอกาสได้ร้อง!
“นี่มันแค่สัตว์ป่าธรรมดาเองนี่ ร่างกายไม่มีกระดูกเดิม ิัก็ไร้ราคา สำหรับข้าแล้ว ไม่มีค่าเอาเสียเลย!”
เ่ิูเปิดอ่านหนังสือที่ทางสำนักส่งให้ ‘สมุดภาพสัตว์ร้ายที่ราบขั้วโลกเหนือ’ ในมือ ในนั้นบันทึกข้อมูลของสัตว์ป่า สัตว์อสูร และอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้มาบอกกล่าวอย่างครบถ้วน
ดูเหมือนหมาป่าหลังน้ำเงินชนิดนี้ พลังเหนือกว่าพลังของนักยุทธ์อาณาพิภพขั้นเนื้อแน่นอน แต่พอมาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม แค่หมัดเดียวก็ทนไม่ได้เสียแล้ว
เ่ิูเดินสู่ทิศตะวันออกต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง ดวงซวยพบปะการจู่โจมจากสัตว์ร้ายไม่ซ้ำชนิดอยู่หลายสิบ ล้วนถูกเขาจัดการอย่างง่ายดายไปทั้งสิ้น
ไม่นานนัก
ด้านหน้าคลอเสียงคลื่นน้ำไหลบ่าสาดซัดซ้ำๆ
แม่น้ำสายใหญ่กว้างหลายพันเมตรไหลเชี่ยวกราก ราวกับัมหึมาหลับใหลอยู่บนที่ราบก็มิปาน มันอวดโฉมให้เ่ิูได้เห็นจะตา แนวคลื่นซัดโหมสยายออกไป เกลียวเมฆม้วนตัว เสียงน้ำดุจฟ้าร้อง ไอและละอองน้ำเอ่อท้นพาความชื่นฉ่ำปะทะใบหน้า!
“แม่น้ำชางหม่าง หนึ่งในสามแม่น้ำใหญ่ของที่ราบขั้วโลกเหนือ ยาวหลายหมื่นกิโลเมตร และยังเป็แหล่งกำเนิดน้ำที่สำคัญของที่ราบด้วย...ฮ่าๆ ใช้ชีวิตอีกสองสามวันต่อจากนี้อยู่ที่นี่แล้วกัน ” เด็กหนุ่มยิ้มแย้ม
เขายืนอยู่บนแนวหินเล็กๆ บนฝั่งข้างสายน้ำ ทอดตามองไปสุดหล้าฟ้าเขียว ต้องขอบคุณข้อมูลนี้ที่ทำให้เขาได้รู้จักนามของแม่น้ำซึ่งคลื่นสาดซัดแผ่กระจายไม่หยุดนี้
น้ำคือรากฐานของชีวิต
ที่ใดมีน้ำ ที่นั่นย่อมมีสัตว์อสูรและเดรัจฉานมากมายอาศัยอยู่
นี่เองก็เป็จุดประสงค์ที่เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ เขามาเข้าร่วมการทดสอบสู้จริงครานี้ ไม่เพียงเพื่อเอาชีวิตรอดในป่าเปล่าเปลี่ยวเท่านั้น ยังเพื่อต่อสู้ ต่อสู้ และต่อสู้ไม่มีหยุด เพิ่มพูนพลังกาย ไล่ฆ่าสัตว์อสูรรับเอากระดูกเดิมมา นำกลับไปแลกเป็คะแนน
ถ้าจะให้ออกตามหาไปทั่วสารทิศ สู้นอนรอเหยื่ออยู่ตรงนี้เลยเสียดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็สัตว์อสูรประเภทไหน จะอย่างไรก็ต้องมาดื่มน้ำที่นี่ทุกวัน รอโอกาสเหมาะเหม็งก่อนลงมือ ถึงจะเก็บเกี่ยวได้ทุกสิ่ง
การกระทำนี้ ในสายตาคนมากมาย คงมองว่าคนทำเป็คนบ้า
เพราะคำตักเตือนเคร่งครัดของอาจารย์ในสำนักก่อนหน้านี้ ว่าป่าเปล่าเปลี่ยวนั้น แหล่งน้ำเป็สถานที่อันตรายซึ่งไม่ควรเฉียดกรายเข้าใกล้เป็อันขาด หากถูกเดรัจฉานชาญฉลาดหรือกลุ่มสัตว์อสูรปิดล้อมขึ้นมา ถึงจะเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นอาณาน้ำพุิญญา ก็อาจเสียท่าเข้าจนได้
เ่ิูทำเช่นนี้ คือรนหาที่...
“แต่ว่า ก่อนจะเริ่มไล่ล่า ต้องหามุมดีๆ โจมตีเด่นหรือซ่อนกายสะดวกก่อน...” เขาเดินไปตามสายน้ำ เสาะหาจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม
ประมาณสิบกว่าลี้ที่เขาเดินเลียบชายฝั่งแม่น้ำไป ตะวันแดงจัดจ้าน ท้องฟ้าค่อยดำมืดลงทีละน้อย
“เอ๋? ตรงนี้ ไม่เลวดีนี่...”
เ่ิูเห็นหาดตื้นๆ อ่อนนุ่มข้างสายน้ำ น่าจะกว้างราวๆ หลายร้อยเมตร ระยะสายตากว้าง ข้างหลังเป็ดงหินประหลาด ทอดตัวยาวออกไปหลายกิโลเมตร ตลอดแนวสู่แดนไกล ต้นหญ้าจับจองพื้นที่กันอยู่เต็ม เหมาะแก่การหลบซ่อน และหนีด้วยหากจำเป็
เด็กหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเข้าไปลาดตระเวนอยู่ในดงหิน
พื้นที่นี่แห้ง ไม่มีใบไม้เน่าเปื่อย คงไร้งูหรือสัตว์มีพิษทั้งหลายมาอาศัย และยังเคราะห์ดีที่พบปากถ้ำกว้างขนานกันสองรูอยู่ใต้ก้อนหิน
ที่เหมาะกับการล่ายิ่งกว่าอะไรดี
เ่ิูก้าวเท้าเข้าไปในนั้น
....
เวลาล่วงเลย
พริบตาเดียว สองวันสองราตรีก็ผ่านพ้นไป
สองวันมานี้ เ่ิูผจญกับการเป็ฝ่ายล่าและฝ่ายถูกล่าจนช่ำชอง
มีสองสามครั้งที่เลือกล่าผิดตัว ผลออกมาเกือบหมดสภาพ ถูกสัตว์อสูรป่าเถื่อนตามล่าเป็บ้าเป็หลัง เขาแอบอยู่ส่วนลึกของดงหิน จึงรอดมาได้เปลาะหนึ่ง
ตอนนี้เอง ที่เขาได้ประสบกับศัตรูที่เคี้ยวยากเหลือเกิน
บนหาดเหนือแม่น้ำ...
“ฆ่ามัน!”
เ่ิูเืเปรอะจนแห้งกรังทั้งตัว เขาหมุนตัวปล่อยหมัดพิฆาตส่วนหัวของมังกอสรพิษทอง ะเิแรงออกไป และเขาก็อาศัยจังหวะนี้เองถอยหนีกรงเล็บมรณะของัอสรพิษทอง
“ัอสรพิษทอง สัตว์อสูรระดับสองดาว น้ำพิษติดตามกระแสเื ถนัดกัดและรัดจนตาย...” เ่ิูนึกข้อมูลของสัตว์อสูรนี้ขึ้นมาในหัว
สัตว์อสูรระดับสอง ความสามารถในการศึกเท่าเทียมกับจอมยุทธ์ระดับอาณาน้ำพุิญญาแล้ว
ทว่าสติปัญญาสัตว์อสูรตัวนี้น้อยนิดนัก พึ่งได้แต่ทักษะการต่อสู้ที่มีมาแต่กำเนิดก็เทียบกับนักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาแล้ว ยังต่างชั้นกันไม่น้อย
มันก็เป็เหตุผลที่เด็กหนุ่มกล้าปรากฏกายท้าสู้เช่นกัน
เหตุผลอื่นคือ การฝึกฝนของเขาผ่านขั้นหกของอาณาพิภพแล้ว จำเป็ต้องชำระไขกระดูกให้หมดจด กระบวนท่าฝึกคือ ‘กระบวนท่าัแผด’ และเืของัอสรพิษตัวนี้ก็มีประโยชน์และความสำคัญต่อการฝึกมาก
เ่ิูขลุกอยู่กับสัตว์ตัวนี้มาหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว
เ้าหนุ่มนี่ออกอาละวาดระรานอยู่ชายหาดริมแม่น้ำ ทำตัวเป็เ้าถิ่นชัดเจน ก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวออกมาหลายรอบแล้ว สามารถลงหาอาหารในคลื่นแรงเชี่ยวกรากขนาดนั้นได้ ชอบกินปลาสดๆ เป็พิเศษ กินเสร็จแล้วก็จะล้มตัวลงนอนผึ่งแดดบนหาดทรายอย่างสบายอารมณ์
ตรากตรำประมือกับสัตว์อื่นและมันเองมาก็ไม่น้อย เ่ิูจึงทำนายขีดจำกัดพลังต่อสู้ของัอสรพิษนี้ได้แล้ว ในใจคะเนขั้นต่ำสุดรีรออยู่ ถึงได้เลือกลงมืออย่างเสี่ยงอันตราย
พลังของัอสรพิษแข็งแกร่งมาก
เด็กหนุ่มหวิดจะโดนพันรัดให้ตายสองสามรอบแล้ว
ทว่ามีแต่ต้องสู้อย่างถึงที่สุดเท่านั้น จึงจะสามารถยกระดับพลังได้อย่างเที่ยงแท้