บทที่ 41 เข้าพบผู้เฒ่าสูงสุด
ในเวลานั้นท่านผู้เฒ่าของตระกูลลู่กำลังตกอยู่ในอาการตื่นเต้น แต่ก็ยังไว้ท่าทีอยู่บ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วเช่นนี้ เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เื่คนปรุงโอสถขั้นห้าของลู่อวี่ก็ถูกเปิดเผยแล้ว
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยังไม่บอกข้ามาตามตรงอีก บอกมาให้หมดอย่างพลาดแม้แต่รายละเอียดเดียว ไม่อย่างนั้นก็คอยดูว่าข้าจะจัดการพวกเ้าอย่างไร ฮึ่ม เื่เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านี้ก็จัดการให้ดีไม่ได้ ยังจะมาถือยศถือศักดิ์ว่าเป็ผู้เฒ่าอีกหรือ? ทำผิดก็ไปยืนหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิด!”
แม้ว่าจะถูกท่านผู้เฒ่าสูงสุดตำหนิอย่างรุนแรง แต่ในเมื่อเขาได้เอ่ยปากถามแล้ว พวกเขาก็คงต้องตอบ แม้ว่าจะรู้เื่นี้ดี แต่จะให้บอกทุกรายละเอียดโดยที่ไม่ให้ตกหล่นเลยเห็นทีคงทำไม่ได้!
ในขณะที่กำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ได้ยินเสียงของลู่อวี่ดังมาจากนอกถ้ำ “ลู่อวี่ลูกหลานของตระกูลลู่ มาแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าสูงสุด!”
เสียงนั้นฟังดูราวกับเสียงของพ่อพระมาโปรด เมื่อประมุขและผู้เฒ่าทั้งสี่ได้ยิน มันช่วยชีวิตพวกเขาจากภัยพิบัติร้ายแรงได้! ลู่ไท่ชังจ้องมองพวกเขาด้วยความโมโห จากนั้นถึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่ายังคงความน่าเกรงขามไว้หลายส่วน “ใช่ลู่อวี่น้อยหรือไม่? ฮ่าฮ่า เข้ามาสิ ปู่ทวดมีเื่มากมายอยากถามเ้า มาๆ เ้ามาได้ทันเวลายิ่งนัก!”
ลู่อวี่ยังคงสวมชุดสีขาวและเดินเข้ามาอย่างสง่างาม และมองเห็นสีหน้าที่น่าเคารพเกรงขามของบิดาและผู้เฒ่าทั้งสี่ ก็อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยปกติ จะว่าไปข่าวที่ในตระกูลมีคนปรุงโอสถขั้นห้าอยู่คนหนึ่งก็ถือว่าเป็เื่ดีไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดแต่ละคนถึงได้แสดงสีหน้าเช่นนี้!
แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจ แต่ผู้เฒ่าสูงสุดกำลังมองมาที่เขาอยู่ จึงต้องก้าวเข้าไปโค้งคำนับทำความเคารพตามมารยาทแล้วพูดว่า “ลู่อวี่แสดงความเคารพต่อท่านผู้เฒ่าสูงสุด ขอให้ท่านผู้เฒ่าสูงสุดมีอายุยืนยาว เป็ะนิรันดร์กาลราวกับฟากฟ้า จนเข้าใจความลึกลับของ์และโลกได้!” เดิมทีคำอวยพรนี้เมื่อชาติที่แล้วคนอื่นใช้เพื่อกล่าวแสดงความยินดีกับเขา เช่นนั้นแล้วหากเอามาใช้ที่นี่คงไม่ดูน่าเกลียดเกินไป เพราะอย่างไรเสียท่านผู้เฒ่าสูงสุดก็เป็จอมเทพที่มีพลังยุทธ์ขั้นเกิดเทพเ้าแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นักพรตระดับสูงที่แท้จริง
“ฮ่าฮ่า คำพูดนี้ข้าชอบ แต่หากให้ทำจริงๆ คงยากไม่น้อย แม้แต่มหาเทพท่านผู้เฒ่านั้นก็ทำเช่นนั้นไม่ได้!” ลู่ไท่ชังหัวเราะเสียงดังกับคำพูดประจบเอาใจของลู่อวี่ พลันสายตาที่มองเขาก็ดูอ่อนโยนและมีเมตตามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลูกหลานในวัยเพียงยี่สิบปีแต่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา และยังมีหน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังมีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร ก็ทำให้รู้สึกชื่นใจยิ่งกว่าเก่า แม้ว่าระดับพลังยุทธ์จะอยู่เพียงขั้นพลังจิตเท่านั้น ถึงจะย่ำแย่กว่าลูกหลานอัจฉริยะของตระกูลหลักตระกูลอื่นไปบ้าง แต่หากคิดถึงสถานะคนปรุงโอสถขั้นห้าแล้ว ก็นับว่าเป็อีกเื่หนึ่ง
“ลู่อวี่น้อย ผู้เฒ่าสูงสุดขอถามเ้า ตอนนี้เ้าคือคนปรุงโอสถขั้นห้าใช่หรือไม่?” สิ่งที่ลู่ไท่ชังกังวลมากที่สุดเห็นทีจะเป็เื่นี้ เช่นนั้นแล้วจึงแทบทนรอไม่ไหว ออกปากถามออกไปตรงๆ เลยทันที
“ใช่แล้วท่านผู้เฒ่าสูงสุด!” ลู่อวี่กลั้นยิ้มไว้ แม้เป็เพียงสถานะคนปรุงโอสถขั้นห้าเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะพลังยุทธ์ที่มีไม่พอ อย่าว่าแต่คนปรุงโอสถขั้นห้าเลย เช่นนั้นแล้วจึงตอบคำถามอย่างมุ่งมั่นและเด็ดขาด ทำให้คนฟังััได้ถึงความมั่นใจ
“ดี ดูเหมือนว่าลู่อวี่น้อยจะมั่นใจในทักษะการปรุงโอสถไม่น้อย หากเช่นนั้นผู้เฒ่าสูงสุดขอถามเ้าว่า เ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับยาที่มีชื่อว่า 'ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง' หรือไม่?” เมื่อลู่ไท่ชังถามถึงเื่นี้ น้ำเสียงก็แลดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย หากแม้แต่ชื่อนี้ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน หากเป็เช่นนั้นจริง อย่าได้พูดถึงเื่ปรุงยาเลย แต่ต่อให้จะไม่เคยปรุงยานี้มาก่อนก็ไม่แปลก แต่ใจก็ยังแอบหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“อ้อ? ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง? ยาอายุวัฒนะที่เลื่องลือกันว่าปรุงออกมายากยิ่งกว่ายาอายุวัฒนะขั้นสี่ ยาวิเศษที่นักพรตในขั้นเกิดเทพเ้า จะนำมาใช้หลอมกำลังวังชาโดยเฉพาะใช่หรือไม่?” ลู่อวี่เผลอพูดถึงวิธีการใช้ยาอายุวัฒนะนี้ ถึงกับทำให้ลู่ไท่ชังถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที
แม้ว่าลู่เหว่ยจุนจะเห็นว่าผู้เฒ่าสูงสุดไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่น้ำเสียงและแววตาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านผู้เฒ่าสูงสุดตื่นเต้นกับเื่นี้เพียงใด แต่ลูกชายกลับมีท่าทีสงบนิ่ง ทันใดนั้นจึงพูดออกมาด้วยความโมโหทันที “ยังวางมาดอยู่อีกหรือ! ท่านผู้เฒ่าสูงสุดออกไปคราวนี้ ใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อปกป้องยาวิเศษเพียงเม็ดเดียว ทั้งยังยอมลดศักดิ์ศรีไปเสาะแสวงหาคนปรุงยาให้ทั่วทุกสารทิศ แต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะหาทางหลบเลี่ยงทุกวิถีทางเพื่อปฏิเสธ ไม่ก็ปฏิเสธตามตรง หากเ้าสามารถปรุงยาออกมาได้ แล้วทำให้ท่านผู้เฒ่าสูงสุดบรรลุขั้นพลังยุทธ์มากยิ่งขึ้น คนที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือตระกูลลู่ของเรา ทั้งยังเป็ประโยชน์ต่อตัวเ้าด้วย รีบพูดมายาอายุวัฒนะนี้เ้าปรุงมันออกมาได้หรือไม่!”
หากเป็ชาติที่แล้ว มีใครกล้ามาพูดกับเขาเช่นนี้ คงถูกลู่อวี่ตบหน้าแล้วไล่ออกไป แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้บุรุษผู้นี้คือบิดาของเขา ด้วยสถานะนี้อย่างไรเราก็เป็ศัตรูกันไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นในเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังและตอบออกไปว่า “ได้!”
“อ้อ?” เมื่อลู่ไท่ชังได้ยินคำยืนยันของลู่อวี่ ก็พลันแสดงสีหน้าดีอกดีใจออกมา พร้อมกับหยิบม้วนตำราหยกเขียวมรกตออกมาแล้วโยนให้ลู่อวี่ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปทางเขาและรีบถามด้วยความร้อนใจว่า “เ้าแน่ใจมากเพียงใด? คิดว่าจะปรุงยานี้สำเร็จหรือไม่ลูกหลานข้า?”
ลู่อวี่หยิบม้วนตำราหยกขึ้นมาแล้วแสร้งทำเป็ยกขึ้นอ่านดูเหนือหน้าผาก แต่ไม่คิดเลยว่าสูตรยานี้กับสูตรยาที่เขาเคยรู้มาจะมีหลายจุดที่ต่างกัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากก็ขยับและเผยยิ้มเยาะที่มุมปาก เมื่อเห็นว่าทุกคนตื่นเต้นและมองมาที่เขา ถึงได้พูดออกมาว่า “เจ็ดในสิบส่วนเห็นจะได้ เป็เพราะระดับขั้นพลังยุทธ์ของข้าต่ำเกินไป!”
ฮะ!
นอกจากลู่อวี่แล้ว ทั้งหกคนในที่นี้รวมถึงท่านผู้เฒ่าสูงสุดด้วย ก็เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรกจากคำพูดของเขา มีสิทธิ์สำเร็จผลได้มากถึงเจ็ดในสิบส่วนหรือ? ท่านผู้เฒ่าสูงสุดของตระกูลลู่ที่เข้าใจในเื่ของยาอายุวัฒนะนี้ดีที่สุดถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง ตัวเขานั้นเสาะหาหนทางไปเยี่ยมเยือนบรรดาคนปรุงโอสถขั้นห้า ที่มีชื่อเสียงมายาวนานถึงหกคน คนเ่าั้พูดเพียงว่าอาจสำเร็จได้เพียงสองในสิบส่วน แต่ลู่อวี่ผู้นี้กลับบอกว่ามีโอกาสถึงเจ็ดในสิบส่วน? และยังบอกด้วยว่าตัวเองมีระดับขั้นพลังยุทธ์ที่ต่ำเกินไป นี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังเยาะเย้ยตัวเอง และบรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็คนปรุงโอสถขั้นห้าที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานหรอกหรือ?
ลู่เหว่ยจุนและผู้เฒ่าคนอื่นๆ ต่างรู้จักยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงเช่นเดียวกัน เวลานี้ถึงได้กำลังทำหน้าใไม่น้อย เด็กคนนี้โง่เขลาหรือกำลังคุยโวอยู่กันแน่? เจ็ดในสิบส่วน? ไม่เคยได้ยินมาก่อน หากผลความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อมเช่นนี้ จะมีจอมเทพขั้นหวนคืนสู่สัจธรรมจำนวนเพียงน้อยนิดอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรเทียนตูอย่างน่าสงสารได้อย่างไรกัน?
ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงใช้เพื่อช่วยขัดเกลาให้สภาพจิตใจหรือจิติญญายกระดับและเข้มแข็งขึ้น หลังจากเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายโดยเฉพาะ หากไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีพลังยุทธ์ขั้นเกิดเทพเ้าขึ้นไป สภาพจิตใจหรือจิติญญาคงไม่อาจทนการหล่อหลอมของฤทธิ์ยานี้ได้ ดีไม่ดีอาจจะขวัญหนีดีฝ่อเอาได้ หากเป็เช่นนั้นคงไม่คุ้มค่า แต่สำหรับจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้าแล้ว ยาอายุวัฒนะนี้สามารถขัดเกลาสภาพจิตใจหรือจิติญญา และทำให้ทั้งสองอย่างที่กล่าวมามีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น หลังจากผ่านการหล่อหลอมแล้ว สภาพจิตใจและจิติญญาจะยิ่งแข็งแกร่ง ตอนที่ต้องฝ่าด่านภัยพิบัติทัณฑ์์ของขั้นหวนสู่สัจธรรม จะมีโอกาสทำสำเร็จมากขึ้นถึงสามในสิบส่วน
หลังจากบรรลุขั้นพลังมาถึงพลังยุทธ์ขั้นตงซวนได้ จำนวนของนักพรตก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จนท้ายที่สุดแล้วนักพรตส่วนใหญ่ต่างต้องจบชีวิตลงภายใต้ทัณฑ์์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาเหล่านี้ไร้พร์ หรือไม่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชามา ไม่ใช่ว่าไร้ซึ่งความมุมานะ หรือขาดการเตรียมตัว ท้ายที่สุดแล้วยอดฝีมือผู้มีความสามารถจะต้านทานทัณฑ์์ จนประสบผลสำเร็จมาถึงขั้นเกิดเทพเ้า กระทั่งก้าวสู่ขั้นหวนสู่สัจธรรมได้ก็ไม่จำเป็ต้องกังวลสิ่งใด แม้ว่าในหลายพันคนจะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้ก็ตาม มิเช่นนั้นโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรในเทียนตูที่อยู่มาเป็หมื่นปี คงไม่มีเพียงยอดฝีมือขั้นหวนสู่สัจธรรมอย่างน่าสงสารเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ สำหรับพลังยุทธ์ขั้น์ในระดับขั้นพลังที่สูงขึ้นไปอีกขั้นก็อย่าแม้แต่จะคิด ในรอบหมื่นปีมานี้ มีเพียงมหาเทพเพียงผู้เดียวที่บรรลุผลสำเร็จ!
หลังจากผ่านไปได้สักพัก ผู้เฒ่าสูงสุดของตระกูลลู่และคนอื่นๆ ถึงได้คลายความใที่มีต่อลู่อวี่ลง แม้ว่าบนใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าตกตะลึงอีกแล้ว แต่หัวใจก็ยังคงเต้นรัวเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
“ลู่อวี่น้อย เื่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เ้าแน่ใจจริงๆ หรือว่าจะทำได้ถึงเจ็ดในสิบส่วน?” ลู่ไท่ชังยังคงไม่คลายความกังวลและถามย้ำอีกครั้ง
ลู่อวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่ายาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงจะปรุงออกมายาก แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ ยาชะล้างอวี้จิงและยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาวก็ไม่ได้ปรุงง่ายกว่ายานี้มากนัก ข้าไม่จำเป็ต้องโอ้อวดอะไร! แต่ท่านผู้เฒ่าสูงสุดสูตรยานี้ของท่านมีปัญหา หากให้ข้าปรุงยาอายุวัฒนะให้ ปริมาณวัตถุดิบยาที่ใช้ในนั้นทั้งหมดอาจถูกสับเปลี่ยนและต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่วัตถุดิบยาที่ใช้เพิ่มเติมทั้งหมดมีใช้กันอยู่ทั่วไป ในคลังยาของตระกูลลู่น่าจะมี อีกอย่างยังช่วยลดปริมาณวัตถุดิบยาล้ำค่าบางอย่างลงด้วย”
ผู้เฒ่าสูงสุดของตระกูลลู่ได้ยินเช่นนั้นก็อดดีใจไม่ได้ ลู่อวี่น้อยเชี่ยวชาญถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ถึงกับกล้าลงมือเปลี่ยนสูตรยาด้วยตนเอง คิดๆ ดูแล้วลูกหลานในตระกูลคงไม่หลอกลวงเขาแน่ เช่นนั้นจะกล้ายกตัวอย่างเปรียบเทียบหรือ อะไรนะ อืม? ผู้เฒ่าสูงสุดของตระกูลลู่พลันเปลี่ยนสีหน้า เมื่อสักครู่นี้มัวแต่ดีใจ ตอนนี้เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้
“ยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาว? คือยาอายุวัฒนะที่ทำให้นักพรตขั้นตงซวนสามารถััถึงความลึกลับของฟ้าดินได้ไม่ใช่หรือ? แล้วยาชะล้างอวี้จิงเล่าเกิดอะไรขึ้น?” เดิมทีท่านผู้เฒ่าสูงสุดยังไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ตอนนี้เมื่อคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว ยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาวขึ้นชื่อว่าเป็อายุวัฒนะที่ปรุงยากไม่ใช่หรือ และไม่ใช่เพียงแต่ปรุงยากเท่านั้น แต่วัตถุดิบยายังรวบรวมมาได้ยากอีกด้วย อีกทั้งมันก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็นในโลกบำเพ็ญเพียรเทียนตูมาเป็เวลาหลายพันปีแล้ว แล้วเหตุใดลู่อวี่น้อยถึงสามารถปรุงมันออกมาได้? หากเป็เช่นนั้น ยาชะล้างอวี้จิงอะไรนั่นจะเป็ยาอายุวัฒนะอะไรอีกเล่า?
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ใบหน้าที่ดูปลื้มปีติยินดีของท่านผู้เฒ่าสูงสุดก็พลันหายไป กลับกลายเป็เคร่งขรึมขึ้นมาแทนที่ทันที สายตาคมกริบราวใบมีดกวาดตามองไปทางลู่เหว่ยจุน และคนอื่นๆ อีกครั้ง จ้องจนพวกเขาตัวสั่น เหงื่อแตกพลั่กกันเลยทีเดียว เดิมทีคิดว่าลู่อวี่มาแล้วท่านผู้เฒ่าสูงสุดจะลืมเื่นี้ไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเื่นี้ดึงวกกลับมาอีกครั้ง แต่ในรายละเอียดเื่ของลู่อวี่พวกเขาต่างไม่แน่ใจมากนัก เช่นนั้นแล้วเวลานี้จึงอดหันไปมองทางลู่อวี่ไม่ได้
ลู่อวี่ถึงกับขนลุกไปทั้งตัว หลังจากโดนบิดาและผู้เฒ่าทั้งสี่มองมาด้วยสายตาระทมที่ซ่อนอยู่ในใจ และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยปากถามเพียงว่า “เกิดอะไรขึ้น? ระดับความยากในการปรุงยาชะล้างอวี้จิง และยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาวยากพอๆ กับยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงใช่หรือไม่!”
ลู่เหว่ยจุนสุดที่จะทน จึงตวาดด่าทันที “ใครถามเ้าเื่นี้ เ้ารีบบอกท่านผู้เฒ่าสูงสุดไปเสียว่าเกิดอะไรขึ้นั้แ่กลับมาจากเขาหนิงชุยเฟิงจนถึงตอนนี้ เล่ามาให้ละเอียด หากพูดไม่เข้าใจ ดูสิว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร” หลังจากพูดจบก็จ้องมองลูกชายด้วยสายตาตำหนิ หากไม่ใช่เพราะเ้าเด็กนี่ เขาและผู้เฒ่าคนอื่นๆ จะถูกตำหนิอย่างน่าอนาถได้อย่างไร ดูเหมือนว่ากลับไปครั้งนี้ต้องลงโทษฟาดกันสักครั้งแล้ว จะมาตามใจเขามากเกินไปไม่ได้
อ้อ เื่นี้เองหรือ? ในขณะที่ลู่อวี่หันไปมองบิดาและผู้เฒ่าทั้งสี่ ด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงท่านผู้เฒ่าสูงสุดลู่ไท่ชังพูดกับบิดาด้วยน้ำเสียงติดจะตำหนิว่า “เหว่ยจุน อวี่เอ๋อร์ยังเป็เด็กน้อย เ้าจะข่มขู่ให้เขากลัวไปไยกัน? หากจะกล่าวถึงความรับผิดชอบ เช่นนั้นแล้วคงหมายรวมถึงเ้าด้วย!” หลังจากพูดจบก็ไม่สนใจลู่เหว่ยจุนที่ทำหน้าอมทุกข์อีก จากนั้นก็หันไปพูดกับลู่อวี่ด้วยสีหน้าอ่อนโยน “มานี่สิ ลู่อวี่น้อย เล่าให้ปู่ทวดฟังเสียหน่อยว่าใน่ไม่กี่ปีมานี้เ้าผ่านมันมาอย่างไร ถึงได้กลายเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าได้ แล้วปรุงยาอะไรนั้นน่ะ? อ้อ ยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาวกับยาชะล้างอวี้จิง เ้าทำได้อย่างไร!”
ลู่อวี่เรียบเรียงคำพูด จากนั้นจึงเล่าว่า ตนออกจากเขาหนิงชุยเฟิงมาอย่างไร และต่อมาก็ได้พบกับปรมาจารย์ผู้ลึกลับและได้ท้าประลองกับอัจฉริยะของตระกูลเมิ่ง จนกระทั่งไปอยู่ที่เมืองเทียนตูเซียน และได้พบกับจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้านามว่าตู้เสวียนเฉิง ทั้งยังบอกวิธีการประมูลผลิญญาหยกเขียว จนถึงการปรุงยาชะล้างอวี้จิง และยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาว ปิดท้ายด้วยเื่ที่จับชายชราชุดดำระหว่างทางที่กลับมา รวมถึงแผนการที่ตั้งใจไว้ของตัวเองให้ฟังทีละอย่าง