เซี่ยโม่ไปที่ร้านหนังสือต่อ ครั้งนี้เธอหาหนังสือได้อย่างราบรื่น
เวลา่พักเที่ยงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอรีบปั่นจักรยานกลับไปโรงเรียน เข้าเรียนจนครบสองคาบ พอถึง่พักใหญ่ระหว่างคาบก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ
ขณะเดินไปตามทาง เธอพบว่าข้างหน้ามีผู้หญิงอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างค่อนข้างอวบในชุดเครื่องแบบตำรวจกำลังยืนอยู่ เซี่ยโม่จำได้ทันทีว่าคือคนเดียวกับคุณป้าแฟนคลับที่เคยไปทำเื่ย้ายทะเบียนบ้านด้วยเมื่อหลายเดือนก่อน
บังเอิญเหลือเกิน บทจะเจอก็ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเลย
เธอรีบวิ่งเข้าไปหา ก่อนจะกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มหวาน “คุณป้าสวัสดีค่ะ”
คุณป้าเ้าพนักงานคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างสงสัย “เธอคือ?”
รูปลักษณ์ภายนอกของเซี่ยโม่ดูเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ทั้งยังขาดการติดต่อไปนานหลายเดือน อีกฝ่ายจะจำเธอไม่ได้ก็เป็เื่ปกติ
เซี่ยโม่แนะนำตัว “คุณป้า หนูเคยไปทำเื่ย้ายทะเบียนบ้านกับคุณยังไงล่ะคะ คนที่ถูกแม่เลี้ยงรังแกจนต้องย้ายไปอยู่บ้านคุณตาคุณยาย…”
ได้ยินดังนั้นคุณป้าถึงได้นึกออก “ฉันนึกออกแล้ว หลังจากนั้นแม่เลี้ยงก็ไปรังแกเธอกับน้องชายอีกใช่ไหม ฉันจำได้ว่าแม่เลี้ยงเธอถูกส่งตัวไปทำงานในค่ายแรงงานสามเดือนนี่ วันนี้บังเอิญจังที่เจอเธอ ฉันมาทำธุระที่โรงเรียนนี้พอดี ว่าแต่เธอเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย ความเป็อยู่ดีขึ้นแล้วสิท่า”
“คุณป้า ที่แท้คุณก็ยังจำพวกเราสองพี่น้องได้ แม้แต่เื่ของพวกเราก็ยังไปสืบมา คุณตาคุณยายรักพวกหนูสองพี่น้องมาก พวกหนูก็เลยมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้น หนูเคยไปหาคุณป้าที่สถานีตำรวจหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอ”
“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเธอน่าสงสารมาก ตัวผอมแห้งอย่างกับอะไรดี ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เล่นงานแค่พวกเธอสองพี่น้อง แม้แต่ลูกในไส้ตัวเองก็ยังทำได้ลงคอ”
นึกไม่ถึงเลยว่าคุณป้าเ้าพนักงานจะใส่ใจเธอถึงขนาดนี้ เซี่ยโม่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยคำ “คุณป้าคะ หลังจากนั้นคุณพ่อหนูทำเื่ไม่ดีจนถูกส่งตัวไปทำงานที่ค่ายแรงงานเหมือนกัน ลูกชายของคุณพ่อกับแม่เลี้ยงต้องให้พี่สาวต่างมารดาช่วยดูแล แต่พี่สาวต่างมารดาคนนั้นไม่เคยเลี้ยงเด็กจึงเลี้ยงไม่เป็ เธอเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ใส่ใจดูแล สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ตาย”
“เื่นี้ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน พวกเรายังพูดถึงเื่นี้กันอยู่ตั้งหลายวัน เด็กคนนั้นน่าสงสารมากที่ต้องมีแม่แบบนี้”
เซี่ยโม่คิดในใจ ไม่ว่าที่ไหนล้วนมีคนที่ชอบซุบซิบนินทา แม้แต่ในสถานีตำรวจก็ไม่เว้น
“คุณป้าคะ หนูกลัวว่าพี่สาวคนละแม่จะโยนความผิดเื่ที่น้องชายตายมาให้พวกหนู ถ้าแม่เลี้ยงกลับมาเมื่อไรจะต้องมาแก้แค้นหนูกับน้องแน่ นับดูแล้วแม่เลี้ยงไปอยู่ที่ค่ายแรงงานได้สองเดือนครึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาตอนไหน”
“เราสองพี่น้องอยู่บ้านคุณตาคุณยายไม่ใช่เหรอ แล้วเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับเราได้ยังไง” คุณป้าถามอย่างฉงน
“คุณป้า แม่เลี้ยงพวกหนูเป็คนไม่ค่อยมีเหตุผล เธอเกลียดหนูกับน้อง ส่วนพี่สาวก็คอยเติมเชื้อไฟอยู่ตลอด เธอต้องมาเอาคืนพวกเราแน่ หนูน่ะไม่เป็ไรหรอกค่ะ แต่กลัวว่าเธอจะไประบายโทสะใส่น้องชายหนูถึงที่โรงเรียน” เซี่ยโม่พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้ว พอเห็นใครก็เลยกัดเขาไปทั่ว”
พูดถึงตรงนี้ คุณป้าก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ จำได้ว่าเมื่อวานค่ายแรงงานมีการปล่อยตัวคนจำนวนหนึ่งออกมาแล้วนี่ รวมถึงคนที่จะถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดด้วย เดี๋ยวฉันช่วยดูให้ว่าแม่เลี้ยงเธออยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ด้วยหรือเปล่า”
“งั้นรบกวนคุณป้าแล้วนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปขอลาหยุดกับคุณครูแล้วรีบตามไปที่สถานีตำรวจ” ได้ฟังเช่นนั้นเซี่ยโม่ก็ออกอาการร้อนใจ
“ได้ ฉันกลับไปแล้วจะช่วยดูให้ แม่เลี้ยงเธอชื่อว่าอะไร”
“หวางลี่ลี่ค่ะ”
“เข้าใจแล้ว” คุณป้าหมุนตัวเดินจากไป ส่วนเธอก็เดินแยกไปที่ห้องพักครูเพื่อขอลาหยุด
เพื่อนนักเรียนคนอื่นล้วนชินแล้ว อันดับหนึ่งของชั้นปีมักผลุบๆ โผล่ๆ ประเดี๋ยวมาเรียน ประเดี๋ยวขอลาหยุด ขนาดคุณครูยังไม่สนใจ พวกเขาอิจฉาตาร้อนไปก็เปล่าประโยชน์
หากอยากได้สวัสดิการดีเลิศแบบนี้บ้าง ทุกคนก็มีสิทธิ์ แต่ต้องทำคะแนนให้ได้อันดับหนึ่งของชั้นปีเสียก่อน
เซี่ยโม่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เธอสะพายกระเป๋านักเรียนแล้วรีบปั่นจักรยานไปที่สถานีตำรวจทันที
หลังจากคล้องโซ่รถจักรยานเรียบร้อยแล้ว ขณะเดินเข้าไปในโรงพักอย่างรีบร้อน เซี่ยโม่เกือบชนเข้ากับตำรวจหนุ่มนายหนึ่งที่เคยไปแจ้งผลพิพากษาคดีกับเธอที่โรงพยาบาลครั้งก่อน
คนนี้คือเพื่อนของพี่ซ่ง เนื่องจากตอนนั้นชายหนุ่มไม่ได้แนะนำให้รู้จัก และเธอเองก็ไม่ได้ซักถาม เธอเลยทักทายอีกฝ่ายอย่างง่ายๆ “พี่ชายสวัสดีค่ะ”
พี่ชายตำรวจจำเธอได้ในทันที ก่อนจะถามอย่างสงสัย “สาวน้อย เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาถามข่าวเื่ๆ หนึ่งน่ะค่ะ” เซี่ยโม่ตอบเลี่ยงๆ เธอไม่้าเล่าให้อีกฝ่ายฟังเพราะเกรงว่าเื่จะไปถึงหูพี่ซ่ง
“ข่าวอะไรล่ะ ถามฉันก็ได้” พี่ชายตำรวจตอบอย่างใจกว้าง
ถ้าถามเขาพี่ซ่งก็รู้กันพอดี เธอเลยปฏิเสธออกไป “ไม่เป็ไรค่ะ ฉันฝากให้คนช่วยสืบให้แล้ว”
เอ่ยจบก็รีบวิ่งไปที่ห้องแผนกทะเบียน
คุณป้าเ้าพนักงานคนนั้นอยู่ด้านในห้อง พอเห็นเธออีกฝ่ายก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “สาวน้อย ในกลุ่มคนที่ถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวานมีชื่อหวางลี่ลี่อยู่จริงๆ ด้วย เธอน่าจะถึงบ้านั้แ่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว”
เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ก็ไม่ปาน เซี่ยโม่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึงไปชั่วขณะ
สมองทำการประมวลอย่างเร็วรี่ หากหวางลี่ลี่กลับบ้านั้แ่เมื่อวานตอนเย็น ก็น่าจะนอนพักเอาแรงก่อนหนึ่งคืน วันนี้ถึงค่อยเริ่มลงมือ
แย่แล้ว น้องชายเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย!
คิดได้ดังนั้น เซี่ยโม่ก็รีบวิ่งออกไปทันที จนเกือบจะชนกับพี่ชายตำรวจคนเดิมอีกครั้ง
ตำรวจนายนี้รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กสาวถึงได้มีท่าทีร้อนรน เขาจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง “มีเื่อะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ”
เซี่ยโม่มัวแต่เป็ห่วงน้องชายจึงไม่ได้ตอบคำถาม ในสมองตอนนี้เต็มไปด้วยภาพใบหน้าเซี่ยเฉินเฟิงเท่านั้น เธอต้องรีบไปปกป้องน้องชายผู้น่ารักและรู้ความ
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของพี่ชายตำรวจนายนี้อย่างไรดี อีกทั้งสัญชาตญาณยังเตือนอีกว่า ขืนบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ ทุกคนต้องคิดว่าเธอวิตกจริตเกินเหตุ เช่นนั้นจึงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินแล้วสาวเท้าวิ่งต่อไป
“สาวน้อยอารมณ์ร้ายใช่ย่อยแฮะ” ตำรวจหนุ่มส่ายหน้าพลางพึมพำกับตัวเอง พูดจบก็ผลักประตูเข้าไปในห้องฝ่ายทะเบียน
เซี่ยโม่มองดูเวลาในโกดังสินค้า โชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน
อย่างน้อยก็ยังวางใจได้เปลาะหนึ่ง กระนั้นก็ไม่กล้าประมาท เธอเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานไปยังโรงเรียนประถม
ไม่กี่สิบนาทีต่อมา ก็ถึงหน้าโรงเรียนประถมในที่สุด
บรรยากาศภายในโรงเรียนยามนี้ค่อนข้างเงียบเชียบ หน้าโรงเรียนมีผู้ปกครองมารอรับลูกหลานอยู่แค่ไม่กี่คน ท่าทางของแต่ละคนดูไม่มีพิรุธ
เซี่ยโม่จูงจักรยานไปตรงมุมที่คนไม่ค่อยมีใครสนใจ เธอ้าจะซุ่มดูว่าแม่ดอกบัวขาวนั่นจะมาที่นี่อย่างที่กังวลไว้หรือไม่ และ้าตรวจสอบว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำอะไรบ้าง
ใกล้เวลาเลิกเรียน จำนวนผู้ปกครองที่มายืนรอรับบุตรหลานก็เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็คนวัยชรา ไม่ค่อยพบคนวัยหนุ่มสาวเท่าใดนัก ซึ่งไม่ใช่เื่แปลก เพราะ่นี้เป็เวลาทำงานของกองการผลิต
ไม่นานเสียงออดเลิกเรียนพลันดังขึ้น ก่อนเด็กนักเรียนจะสะพายกระเป๋าแล้วทยอยเดินออกมา
ทุกครั้งเธอจะมารับน้องชายช้ากว่าคนอื่น ตอนนี้จึงไม่ได้รีบเดินออกไป ยังคงซุ่มดูความเคลื่อนไหวของผู้คนอยู่ที่เดิม
ผู้คนบริเวณหน้าโรงเรียนเริ่มบางตา ผู้ปกครองหลายคนจูงมือพาบุตรหลานกลับบ้านด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ทันใดนั้นเองสายตาเธอพลันสะดุดที่หญิงชราหลังค่อมในชุดเสื้อผ้ามอซอ หญิงชราคนนั้นกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับเด็กนักเรียนคนหนึ่งอยู่พร้อมยื่นลูกอมให้หนึ่งเม็ด
เด็กนักเรียนคนนั้นพยักหน้า แกะห่อลูกอมแล้วเอาใส่ปาก ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในโรงเรียน
เซี่ยโม่มองภาพตรงหน้าอย่างพิเคราะห์ มั่นใจว่าไม่เคยเห็นหญิงชราคนนี้มาก่อน
เด็กนักเรียนที่วิ่งกลับเข้าไปในโรงเรียนก่อนนี้ ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมเดินนำนักเรียนอีกสามคน
เด็กนักเรียนสามคนที่ว่าคือเฉินเฟิง สือโถว และโฉ่วหวา ใครก็ได้ช่วยบอกเธอทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เซี่ยโม่ใกว่าเดิมเมื่อพบว่าหญิงชราหลังค่อมคนนั้นไม่อยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกัน สายตาเธอเหลือบไปเห็นว่ามีอันธพาลหลายคนกำลังมุ่งตรงมาทางโรงเรียน
สัญชาตญาณในตัวเธอร้องเตือนขึ้นมาในทันใด
เธอคล้องโซ่รถจักรยาน หยิบกระบองไฟฟ้าออกมาจากในโกดังสินค้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูโรงเรียน
