เมื่อเหยาซื่อเฟิงเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบคุกเข่าลง และกล่าวว่าเขาอบรมบุตรสาวไม่ดีเอง ดังนั้นนางจึงได้กล่าววาจาสามหาวเช่นนี้
“ท่านอ๋องโปรดอภัย อวี้เอ๋อร์เพียงแค่ถูกกระหม่อมตามใจจนเคยตัว คำกล่าวของนางเมื่อครู่ไม่มีเจตนาจะดูิ่หวังเฟย นางเพียงแค่อารมณ์ไม่ดี จึงได้พร่ำบ่นเล็กน้อยเท่านั้น ท่านอ๋องได้โปรดเห็นแก่ที่นางเป็พี่หญิงรองของเชียนเชียนและให้อภัยนางสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาเชียนเชียนเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ และส่งสัญญาณให้เป่าหวาขยับเข้ามาด้วย
เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็ต้องถูกลงโทษ เหตุการณ์เมื่อครู่หากมีหูก็จะได้ยินอย่างชัดเจน เหยาอวี้เอ๋อร์ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว ความไม่เป็มิตรในถ้อยคำที่มีต่อนางแทบจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หากคราวนี้ปล่อยเหยาอวี้เอ๋อร์ไป ครั้งหน้านางจะก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายมากเพียงใด
“ในเมื่อท่านพ่อก็กล่าวเช่นเดียวกันว่าพี่หญิงกล่าววาจาหยาบคาย โดยปกติท่านพ่อรักและเอ็นดูพี่หญิงอยู่เสมอ คาดว่าเหตุการณ์ในวันนี้ท่านคงผ่อนปรนและปล่อยผ่านไป เช่นนั้นพี่หญิงก็คงไม่ได้รับบทเรียนใดๆ”
เหยาเชียนเชียนยกมุมปากขึ้น “ในเมื่อข้าเป็บุตรสาวแห่งจวนสกุลเหยา เช่นนั้นย่อมคำนึงถึงจวนสกุลเหยาเป็อย่างยิ่ง และข้ายังเป็พระชายาของชิงผิงอ๋อง หาก้าจะสั่งสอนพี่หญิงก็ไม่ถือเป็การละเมิดระเบียบ ท่านคิดว่าอย่างไร”
เหยาซื่อเฟิงอึดอัดใจทว่าไม่กล้าตอบโต้ นางคือหวังเฟย ส่วนเหยาอวี้เอ๋อร์เป็เพียงคุณหนูที่ยังไม่มีสถานะใดๆ หากกล่าวถึงในแง่ของสถานะ ต่อให้เหยาเชียนเชียนประณามเขาสักสองคำก็ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม
ยิ่งไปกว่านั้นคือชิงผิงอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย ครั้งนี้หากปะทะกับเหยาเชียนเชียนตรงๆ อวี้เอ๋อร์จะต้องลำบากมากเป็แน่
เหยาซื่อเฟิงกัดฟันพร้อมกับพยักหน้าโดยไม่มองสีหน้าตื่นตระหนกของฮูหยินใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เขากลั้นใจกล่าวว่า “อวี้เอ๋อร์ประพฤติตนกำเริบเสิบสานไปบ้างจริงๆ เชียนเชียนเ้าเป็หวังเฟย สามารถสั่งสอนพี่หญิงรองของเ้าได้ วันหน้านางจะได้ไม่ประพฤติตนเสียมารยาทเช่นนี้อีก”
“เช่นนั้นก็ดีเ้าค่ะ” เหยาเชียนเชียนชี้ไปที่สาวใช้าุโสองคน “พี่หญิงกล่าววาจาไม่รู้กาลเทศะ วันนี้เป็ข้าได้ยิน วันหน้าหากผู้อื่นได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่ เพื่อให้พี่หญิงรู้จักระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต พวกเ้าจงตบปากนางสามสิบครั้ง และไม่อนุญาตให้ปรานีเพราะเห็นแก่ข้า”
“เหยาเชียนเชียน!”
เหยาอวี้เอ๋อร์ไม่อยากเชื่อ นางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าสั่งให้บ่าวไพร่พวกนี้ตบปากนาง คิดว่าตัวเองเป็ผู้ใดกัน พอแต่งงานกับชิงผิงอ๋องแล้วจึงเรืองอำนาจ คิดจริงๆ หรือว่าตัวเองจะสามารถเปลี่ยนจากนกกระจอกกลายเป็หงส์ ถึงได้กล้าไม่เคารพนางผู้ซึ่งเป็คุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก!
“หากวันนี้เ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะ...”
‘เพียะ!’
เสียงฝ่ามือดังก้องเสียจนทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเข็ดฟัน เหยาเชียนเชียนสะบัดมือเบาๆ นางขมวดคิ้วน้อยๆ พลางมองไปทางเหยาอวี้เอ๋อร์ หนังหน้าของสตรีผู้นี้ช่างหนาเสียจริง แต่นางก็รู้สึกสะใจเหลือเกิน
“ตบครั้งนี้ถือว่าตบคืนเ้าครั้งที่แล้ว” นางกระซิบ “และเพื่อให้เ้าได้ดูให้ชัดๆ ว่ายามนี้ผู้ใดกันแน่ที่เป็นาย”
นางคือพระชายาของชิงผิงอ๋อง แล้วเหยาอวี้เอ๋อร์เป็ผู้ใดเล่า แม้ว่าในนามจะเป็พี่สาวสายตรงของนาง ทว่าในทางสถานะนางถือเป็นาย ตราบใดที่นางยังเป็หวังเฟยอยู่ อีกฝ่ายก็จะเป็เพียงบุตรสาวขุนนางอยู่เช่นนั้น และไม่มีผู้ใดต่อว่าอะไรนางได้
เป่ยเหลียนโม่จับมือเหยาเชียนเชียนเข้าหาตัว ก่อนจะค่อยๆ วางลงบนฝ่ามือและลูบเบาๆ
“ตบจนเจ็บมือแล้ว เื่ประเภทนี้สั่งให้คนไปทำก็ได้ ไยเ้าต้องลงแรงเองด้วยเล่า”
เหยาเชียนเชียนเม้มปากและยิ้มน้อยๆ กล่าวว่าถึงอย่างไรเหยาอวี้เอ๋อร์ก็เป็พี่สาวสายตรงของนาง ลงมือสาธิตด้วยตัวเองเพื่อให้คนอื่นๆ ดูว่าจิตใจที่อยากช่วยพี่สาวของนางนั้นจริงใจเพียงใด
“เห็นกันชัดเจนแล้วใช่หรือไม่” เป่ยเหลียนโม่กล่าวเสียงเรียบ “ทำตามที่หวังเฟยทำเมื่อครู่ ผู้ใดกล้าทำให้การกลับเนื้อกลับตัวของคุณหนูรองเหยาล่าช้าออกไป เปิ่นหวังจะตัดมือมันเสีย หน้าที่เพียงอย่างเดียวยังทำให้ดีไม่ได้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
สาวใช้าุโทั้งสองคนตื่นตระหนก อาศัยอยู่ในจวนมาหลายปี ไม่มีผู้ใดเคยเห็นเหยาอวี้เอ๋อร์โกรธขนาดนี้มาก่อน พวกนางใกับความดุร้ายของเหยาเชียนเชียนจนร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว และยามนี้ก็ถูกชิงผิงอ๋องเอ่ยเตือนอีก แม้ว่าจะถูกเหยาอวี้เอ๋อร์แก้แค้นในวันข้างหน้า แต่วันนี้พวกนางก็ไม่กล้ายั้งมือไว้ไมตรีแล้วจริงๆ
“เพคะๆ บ่าวไม่กล้าละเลยผู้เป็นายเพคะ”
เหยาเชียนเชียนเรียกให้คนมาที่นี่เพื่อทำแผลให้เป่าหวา และถือโอกาสดูไปด้วยว่านางจะสามารถช่วยเป่าหวาระบายความโกรธอย่างไรได้บ้าง เสียงตบดังอึกทึกภายในเรือนเหมือนกับเสียงประทัดในวันปีใหม่ ช่างครึกครื้นยิ่งนัก
เสียงกรีดร้องของเหยาอวี้เอ๋อร์ดังขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ใบหน้าของเหยาเชียนเชียนนางก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน สาวใช้าุโคล้ายกับทุ่มจนสุดแรง ผลัดกันตบคนละที ตบไปได้ไม่กี่ครั้งใบหน้านั้นก็แดงจนดูไม่ได้แล้ว จากนั้นก็บวมปูดขึ้นมา ทั้งยังปรากฏรอยมือสีแดงปะปนอยู่ด้วย
ฮูหยินใหญ่ปวดใจเสียจนแทบจะเป็ลมล้มไป นางคุกเข่าลงบนพื้นและวิงวอนต่อเหยาซื่อเฟิงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมองไปทางเหยาเชียนเชียนและเป่ยเหลียนโม่ที่นั่งอยู่ด้านนั้น เหยาซื่อเฟิงกัดฟันกรอดแต่ก็ทำได้เพียงกลืนคำพูดลงท้องไป
“หวังเฟย ตบครบแล้วเพคะ” สาวใช้าุโทั้งสองหายใจหอบเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็เพราะบรรยากาศน่าอึดอัดภายในเรือนหรือว่าเป็เพราะเหนื่อยจากการตบสามสิบครั้งเมื่อครู่
เหยาอวี้เอ๋อร์สลบไปแล้ว ใบหน้าของนางทั้งแดงและบวมจนแทบมองไม่เห็นเค้าหน้าเดิม ฮูหยินใหญ่ถลาเข้าไปพร้อมกับร้องไห้และกรีดร้องไปด้วย นางร้องคร่ำครวญเสียจนสามารถได้ยินทั่วทั้งจวน
“เช่นนี้ก็ดีแล้ว” เหยาเชียนเชียนยิ้ม “ดูท่าว่าั้แ่นี้ต่อไป พี่หญิงก็น่าจะรู้ว่าคำใดควรพูด คำใดไม่ควรพูด ข้าและท่านพ่อสามารถวางใจได้แล้ว”
เหยาซื่อเฟิงก้มศีรษะลงตอบรับ และสั่งให้คนรีบพาฮูหยินใหญ่และเหยาอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้อง เขายืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางก้มศีรษะลงกึ่งหนึ่ง ทำให้มองไม่เห็นความดุดันในแววตาของเขา
“ส่วนเป่าหวา” เหยาเชียนเชียนคิดเล็กน้อย หากหญิงสาวรั้งอยู่ที่จวนสกุลเหยาต่อไป ในอนาคตนางคงไม่มีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน หากสามารถปล่อยตัวเพื่อให้นางหนีไปใช้ชีวิตไกลๆ ด้วยตัวเอง เช่นนั้นคงดีไม่น้อย
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง” เป่าหวาพยายามคุกเข่าลง “บ่าวอยากรับใช้พระองค์ โปรดพระองค์รับบ่าวไว้ด้วยเถิดเพคะ!”
เหยาเชียนเชียนไม่เคยคิดที่จะพาคนกลับจวนเลย ถึงอย่างไรครั้งที่แล้วอวี่เหลียนเอ๋อร์ก็สร้างปัญหามากมาย และยามนี้ใจของนางก็ยังคงละอายต่อเป่ยเหลียนโม่และอาเหยียนอยู่
“หากเ้าชอบสตรีผู้นี้ เช่นนั้นก็พาไปด้วยเถิด”
เป่ยเหลียนโม่กล่าว “อย่างที่เ้าว่า ท่าทางนางดูเฉลียวฉลาด รับไว้รับใช้ข้างกายก็ไม่เสียหาย”
จริงหรือ เหยาเชียนเชียนเม้มปาก นางชอบเด็กสาวผู้นี้ั้แ่แรกเจอ เช่นนี้ก็ดี นางประคองสตรีตรงหน้าขึ้นมาอย่างมีความสุข
“ในเมื่อท่านอ๋องอนุญาตแล้ว นับจากนี้ไปเ้าก็อยู่กับข้าเถิด”
นางไม่แม้แต่จะถามความเห็นจากเหยาซื่อเฟิงด้วยซ้ำ แต่แล้วอย่างไรเล่า แค่บ่าวเพียงคนเดียว นางซึ่งเป็หวังเฟยอยากได้ก็ต้องได้ หากกล้าไม่ให้นางก็จะให้ชิงผิงอ๋องเป็คนจัดการ
เป่าหวากล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ ก่อนเหยาเชียนเชียนจะสั่งให้คนพานางไปส่งขึ้นรถม้าก่อน
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านอ๋องจะกลับแล้วนะเ้าคะ”
เหยาซื่อเฟิงร้อนใจเสียจนรีบให้บ่าวไพร่นำขนมกล่องหนึ่งมาให้ บอกว่าเป็ขนมของโปรดนางเมื่อยามที่นางยังเป็เด็ก
“การทำสิ่งเหล่านี้ให้แม่ของเ้าทำให้ข้านึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา” เหยาซื่อเฟิงกล่าว “เ้าชอบกินขนมเหล่านี้มาโดยตลอด ทว่านับั้แ่คราวนั้นมาเ้าก็ไม่ได้กินมันอีกเลย พ่อจึงให้บ่าวไพร่ทำมาให้เ้า เ้าลองชิมดูสิ”
ขนมพวกนี้เป็ขนมที่เหยาเชียนเชียนชอบจริงๆ ทว่าหลังจากผู้เป็แม่เสียชีวิตไปก็ไม่มีผู้ใดทำขนมพวกนี้ให้นางอีกเลย ดังนั้นเหยาเชียนเชียนจึงค่อยๆ เลิกพูดถึงมันไป
ไม่รู้ว่าเหยาซื่อเฟิงสั่งให้ผู้ใดไปเรียนรู้วิธีการทำมา นับว่าทำออกมาได้คล้ายกันมากทีเดียว เพียงแต่เหยาเชียนเชียนในยามนี้ไม่ใช่คนเดิมมาตั้งนานแล้ว นางจึงไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อขนมพวกนี้แม้แต่น้อย
“ขอบคุณท่านพ่อเ้าค่ะ” นางสั่งให้คนรับมันไว้ “อาเหยียนยังอยู่ที่จวน ให้เขารอนานคงไม่ดี ข้าขอตัวลาเ้าค่ะ”
เหยาซื่อเฟิงออกมาส่งถึงหน้าประตูจวนและมองเหยาเชียนเชียนถือขนมนั้นขึ้นรถม้าไป จากนั้นจึงส่งเสียง ‘หึ’ อย่างเ็าแล้วกลับเข้าจวน เขาต้องรีบไปดูเหยาอวี้เอ๋อร์สักหน่อย วันนี้บุตรสาวแสนรักของเขาได้รับความลำบากแล้วจริงๆ
ด้านนอกของจวนอ๋อง อาเหยียนยกเก้าอี้เล็กๆ ตัวหนึ่งมานั่งอยู่หน้าประตูอย่างเชื่อฟัง เขาอ่านหนังสือไปพลางระหว่างรอเหยาเชียนเชียนกลับมา และเมื่อเขามองเห็นรถม้าจากไกลๆ จึงลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจและรีบเก็บเก้าอี้ตัวเล็กไปไว้ข้างๆ
“ท่านแม่” เขาโบกมือเล็กๆ สุดแรง “ท่านพ่อ”
เป่ยเหลียนโม่อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาจูบเบาๆ จากนั้นก็อุ้มเขาเข้าไปในอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียน และขยับเข้าไปในตำแหน่งเดียวกันอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะมอบจูบให้นางด้วย
“อาเหยียนมารอนานแล้วหรือ แม่กับพ่อรีบกลับมาเพราะอยากทานสำรับเที่ยงกับอาเหยียนเลยนะ”
เป่าหวาที่อยู่ข้างหลังถูกประคองลงมาจากรถม้าและก้าวเข้ามาคารวะเสี่ยวซื่อจื่อ อาเหยียนไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง เพียงแค่มองนางอยู่นานเพราะเห็นนางได้รับาเ็
เหยาเชียนเชียนจึงถือโอกาสแนะนำต่ออาเหยียนเล็กน้อย ต่อจากนี้เรือนของนางจะมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน อาเหยียนก็จะได้ไม่ต้องเป็กังวลมากเกินไปนัก
“ขนมอันนี้ท่านแม่นำมาให้อาเหยียนหรือขอรับ?”
เด็กน้อยมองกล่องขนมที่สาวใช้ถืออยู่ในมือ เหยาเชียนเชียนหันกลับไปมองแวบหนึ่ง นั่นคือขนมที่เหยาซื่อเฟิงมอบให้นางก่อนกลับ
สิ่งของของจวนสกุลเหยา นางไม่อยากให้อาเหยียนกิน ดังนั้นจึงเกลี้ยกล่อมเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม่จะให้บ่าวไพร่ไปซื้อจากที่อื่นมาให้อาเหยียนแทน ขนมพวกนี้ไม่อร่อยหรอก”
“แต่อาเหยียนอยากกินขอรับท่านแม่” เขาจับแขนเสื้อของเหยาเชียนเชียนอย่างออดอ้อน “ให้อาเหยียนเถิดขอรับ อาเหยียนอยากกิน”
เป่ยเหลียนโม่สั่งให้คนนำเข้าไปให้และเปิดออกดู ขนมนี้ประณีตไม่น้อย ดังนั้นจึงตัดสินใจยื่นให้อาเหยียน “รับไปสิ”
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ” อาเหยียนรับไปโดยไม่มองแม้แต่น้อย “เช่นนั้นอาเหยียนไม่ทานสำรับเที่ยงแล้วนะขอรับ เชิญท่านพ่อทานกับท่านแม่ได้เลย”
เหยาเชียนเชียนมองเขาวิ่งจากไปด้วยความกังวลเล็กน้อย เด็กคนนี้เมื่อถึงเวลาทานอาหารจะเชื่อฟังเสมอ เหตุใดวันนี้ถึงไม่ยอมทานข้าวเพียงเพราะขนมกล่องเดียว หรือว่าจะถึง่อายุที่เลือกกินอาหารแล้วหรือ?
“ไปกันเถิด” เป่ยเหลียนโม่จับมือนางอย่างเป็ธรรมชาติ “เหนื่อยมาตลอดทั้ง่เช้า เ้าก็น่าจะหิวแล้ว”
ชิงผิงอ๋องคิดว่าหวังเฟยของเขาคงทานอาหารไม่ลงเป็แน่ เพียงแค่เห็นหน้าคนตระกูลเหยา และยังต้องคอยระแวดระวังปัญหาวุ่นวายเ่าั้อีก ผู้ใดเล่าจะมีแก่ใจทานอาหารได้ลง
แต่ในความเป็จริงแล้วเหยาเชียนเชียนกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ชิงผิงอ๋องคิด เนื่องจากอาหารการกินที่จวนสกุลเหยาก็ไม่เลวนัก ดังนั้นพอกลับมาก็ไม่รู้สึกหิวมากนัก จึงทำเพียงแค่นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารกับเป่ยเหลียนโม่เท่านั้นโดยที่ไม่คุยอะไรสักคำ
เมื่อครู่นี้เขาจับมือนางไว้ด้วย
เหยาเชียนเชียนนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล สายตาเผลอมองไปยังมือเรียวยาวคู่นั้นโดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือและปลายนิ้วของเขาปรากฏหนังด้านบางๆ ดังเช่นคนที่ฝึกการต่อสู้ที่มักจะทิ้งร่องรอยเอาไว้
มือของเขาใหญ่มาก สามารถกอบกุมมือเล็กของนางได้อย่างสมบูรณ์ เหยาเชียนเชียนหน้าแดงพลางลูบฝ่ามือตัวเองเบาๆ ไม่รู้ว่าคิดถึงสิ่งใดอยู่ ทว่าสายตาของนางวางอยู่ที่มือของเป่ยเหลียนโม่โดยที่ไม่อาจละสายตาออกไปได้เลย
“หากหวังเฟยยังมองเปิ่นหวังแบบนี้ต่อไป เปิ่นหวังคงต้องเสียมารยาทแล้วจริงๆ”
สายตาเจือแววขบขันของเป่ยเหลียนโม่ทอดมองมา ส่งผลให้เหยาเชียนเชียนก้มหน้าลงด้วยความขลาดเขินที่ถูกจับได้ ก่อนจะยัดตะเกียบเข้าปากไปโดยที่ไม่รู้ว่าคีบอะไรมาด้วยซ้ำ
“นั่นมัน...”
“อื้อ! ถุย ถุย!” เหยาเชียนเชียนถ่มน้ำลายออกมาสองคำและรีบกรอกน้ำแกงปลาเข้าไปครึ่งชาม
“ขิง” ชิงผิงอ๋องเสริมประโยคครึ่งหลังอย่างเนิบช้า ในดวงตาสีดำลึกล้ำแฝงแววขบขัน นางกำลังแอบมองเขาอยู่ เหตุใดเขาจะไม่รู้
อาหารมื้อนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็มื้อที่สุภาพและเชื่องช้าที่สุดเท่าที่ชิงผิงอ๋องเคยมีมา เมื่อหวังเฟยของเขาชื่นชมจนพอใจแล้วจึงสั่งให้บ่าวไพร่ส่งนางกลับเรือน ตัวเขาเองก็ได้ทานไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ท่านพ่อ?"
อาเหยียนโผล่ศีรษะเข้ามา ในมือเล็กยังถือกล่องขนมนั้นไว้อยู่ “อาเหยียนมีเื่จะคุยกับท่านพ่อขอรับ”
