เย่เฟิงยังคอยอยู่ที่เดิม เขามองชายหน้ากากหัวกะโหลกะโออกไปแล้ววิ่งไปอีกทางอย่างเงียบเชียบ จากนั้นยกปืนยิงไปบนฟ้าจนหมดะุนัดสุดท้าย
ปัง!
เสียงปืนไม่ดังมากนัก แต่ค่ำคืนเงียบสงัดทำให้มันดังก้องทั่วบริเวณ จนได้รับความสนใจจากทหารชุดลายพรางที่ดักซุ่มอยู่รอบบ้านพัก
เย่เฟิงสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง ทหารลายพรางพวกนี้ล้วนเป็สมาชิกของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีพันธกิจคือปกป้องความมั่นคงของชาติ โดยปกติคุณสมบัติทางจิตวิทยาของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับคนทั่วไปได้
หลังจากเสียงปืนดังในระยะไม่ไกลนักก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ รอบบ้านพัก แต่ในสายตาของเย่เฟิงกลับเห็นทหารลายพรางหลายนายพุ่งตรงไปทิศทางของเสียงปืนด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาอีกเลย
หากไม่ใช่เย่เฟิงกับชายหน้ากากหัวกะโหลกสำรวจอย่างรอบคอบ คงไม่มีทางพบทหารพวกนี้
ขณะที่เสียงปืนดัง เย่เฟิงไม่ลังเลอีก ทะยานร่างขึ้นเต็มความสูงแล้วรีบวิ่งออกจากูเาเทียม ใช้วิชาย่างก้าวไร้เงาร่วมกับวิชาอำพรางตาพร้อมกัน ไม่เพียงเร็วมากแต่ยังทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็โปร่งแสงจนถึงระดับที่แทบมองไม่เห็น!
หาก้าใช้ทักษะอำพรางตัวอย่างแท้จริงแล้ว ผู้ใช้จะต้องมีระดับพลังลมปราณอย่างน้อยสิบปี จึงจะกลมกลืนและสามารถปกปิดกลิ่นอายรอบตัวได้สมบูรณ์ แม้แต่กล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่สามารถตรวจจับได้ สภาพการณ์ตอนนี้ของเย่เฟิงทำได้แค่โปร่งแสงเท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จับภาพได้ และหากใช้ตาเปล่าเพ่งมองดีๆ ก็สามารถสังเกตเห็นได้เช่นกัน
ทหารลายพรางถูกดึงดูดความสนใจด้วยเสียงปืนต่างพากันพุ่งพรวดออกไป เย่เฟิงจึงคว้าโอกาสนี้บุกทะลวงเส้นทางปิดล้อมของอีกฝ่ายในเวลาอันสั้น โดยไม่มีใครสังเกตเห็น!
หลังจากเข้าบ้านพักได้แล้ว พลังชี่ของเย่เฟิงกระจายออกมาภายนอก จึงต้องใช้วิชาอำพรางตาตลอดเวลา พยายามปกปิดร่างของตัวเองให้ได้มากที่สุดโดยการยังคงสภาพโปร่งแสงไว้ได้
ภายในบ้านพักสว่างไสว แต่กลับไม่พบร่องรอยของไช่เฉ่าหงเลย เย่เฟิงจึงวิ่งไปทางเข้าห้องใต้ดิน และเป็ไปตามคาด เมื่อเขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังฟ้าดินแพร่กระจายออกมาอีกครั้ง
ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เย่เฟิงจึงไม่ลังเลอีก เขาเดินไปตามทางบันไดจนถึงประตูห้องใต้ดิน แล้วเรียกกระบี่เจินชี่สีส้มออกมา ตวัดกระบี่สองทีจนประตูไม้ของห้องใต้ดินเป็รูขนาดใหญ่
ย่างก้าวไร้เงา!
ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปในห้องใต้ดินโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ฟ้าว!
ทันใดนั้นเอง กระแสลมรุนแรงพัดผ่านใบหน้าจนเกือบบดขยี้ศีรษะของเขาเป็เนื้อบด เย่เฟิงหลบการโจมตีที่แสนอันตรายของอีกฝ่ายได้ จากนั้นหยัดกายยืนภายในห้องใต้ดินมืดสลัว แล้วเงยหน้ามอง
“นายมาจริงๆ ด้วย” เสียงแหบพร่าดังขึ้น
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเย่เฟิงคือไช่เฉ่าหงในชุดสูทยืนอยู่ด้านในสุดของห้องใต้ดิน ใบหน้าแสดงอาการเยาะเย้ยมองเย่เฟิงที่ถลันเข้ามาในห้องใต้ดิน ข้างกายของเขาคือเซียวฉี่ที่อยู่ในสภาพถูกเชือกมัดแล้วยกขึ้นจากพื้น ปากถูกปิดไว้ เธอกำลังดิ้นรนด้วยใบหน้าโกรธจัด ดวงตาคู่นั้นจ้องไช่เฉ่าหงเขม็ง
นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีร่างคนอีกหลายคนในนี้ ทุกคนต่างใส่เสื้อกันลมตัวหนา พวกมันคือตัวประหลาดที่ได้รับยาดัดแปลงพันธุกรรมซึ่งเย่เฟิงเคยเจอก่อนหน้านี้ และเมื่อครู่ผู้ซุ่มโจมตีเขาตรงหน้าประตูก็คือหนึ่งในนั้น
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง” เมื่อเย่เฟิงเห็นเซียวฉี่ก็เข้าใจสถานการณ์ทันที ดูเหมือนตอนที่เขาเสียเวลาอยู่บนถนนทำให้ไช่เฉ่าหงมีเวลาวางแผนทำอะไรบางอย่าง
ขณะที่เขากับชายหน้ากากหัวกะโหลกช่วยกันจัดการชายชราผู้คืนชีพศพจะประจวบกับไช่เฉ่าหงส่งคนไปลักพาตัวเซียวฉี่มาพอดี
ทหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่อยู่ด้านนอกบ้านพักเป็คำอธิบายอย่างดี ต้องเป็ฝีมือของไช่เฉ่าหงแน่นอนที่พูดให้ชายสวมหน้ากากกลายเป็ฆาตกรต่อหน้าคนตระกูลหลิน หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้เย่เฟิงไม่ได้หน้ากับไช่เฉ่าหงแค่คนเดียว แต่ต้องเผชิญกับกำลังอำนาจของตระกูลหลินด้วย! แต่ตระกูลหลินจำเป็ต้องระดมคนมากมายขนาดนี้เพื่อไช่เฉ่าหงคนเดียวเลยเหรอ?
เย่เฟิงไม่รู้เื่ที่หลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่แปลกใจ แต่เป็เื่ปกติที่เขาไม่รู้ ถึงอย่างไรเื่ทั้งหมดก็ไม่ใช่ฝีมือของเขา…
“ตายซะ” เย่เฟิงไม่ชะงักแม้แต่น้อย เขาพุ่งไปหาไช่เฉ่าหงที่ดูเหมือนไร้พิษภัยทันที!
เคร้ง!
ทันใดนั้นตัวประหลาดก็ขยับมาขวางหน้าเย่เฟิง ทำให้กระบี่ของเขาคล้ายฟันโดนกำแพงจนต้องเซถอยกลับมาหลายก้าว คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าตัวประหลาดนี่จะเร็วกว่าเย่เฟิงเสียอีก!
“นายคิดว่าคนอย่างไช่เฉ่าหงจะโง่ขนาดส่งตัวเองไปตายเหรอวะ?” ไช่เฉ่าหงยืนเอามือไขว้หลังอย่างมั่นใจ ยกยิ้มมุมปากผ่อนคลาย “พวกก่อนหน้านี้ก็แค่จะทำให้นายประมาทเท่านั้น แต่พี่น้องห้าคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็ผลงานอันยอดเยี่ยมจากการคิดค้นยารุ่นที่สอง เทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้บอกเลยว่าแข็งแกร่งขึ้นเป็สิบเท่า”
ผลงานอันยอดเยี่ยมทั้งห้านี้คงเป็ไพ่ตายของไช่เฉ่าหง! เขาจึงไม่หนีไปไหนและไม่กลัวเลยสักนิด แต่รอให้เย่เฟิงเข้ามาติดกับด้วยตัวเอง ส่วนการขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลินเป็เพียงการเผื่อทางหนีทีไล่เท่านั้น คนอย่างไช่เฉ่าหงจะไม่ต่อสู้ในศึกที่ตัวเองไม่มั่นใจหรอก
ถ้าหากเย่เฟิงมีฝีมือจริง เขาก็สามารถแจ้งให้คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเข้ามาได้ทุกเมื่อ เพื่อคอยคุ้มครองไม่ให้เขาเจอปัญหาใดๆ
ไช่เฉ่าหงเหลือบมองเซียวฉี่ที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง ในเมื่อจับเธอมาแล้วก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดกลับไปอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนที่จะกำจัดนั้น หญิงงามเช่นนี้คงปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้ นักรบทั้งห้าที่ถูกคิดค้นจากยารุ่นที่สองมีกำลังวังชามากในด้านนั้น เชื่อว่าสาวสวยคนนี้จะสามารถให้ความพึงพอใจแก่พวกเขาได้... เขาอยากรู้มากว่าสาวสวยคนนี้จะยืนหยัดจากการทรมานของนักรบรุ่นที่สองทั้งห้าคนได้นานแค่ไหน?
เย่เฟิงยกกระบี่ในมือเตรียมพร้อม ตัวประหลาดห้าคนล้อมเขาอย่างแ่า พวกเขาแต่ละคนมีความสูงมากกว่าสองเมตร ดูแข็งแกร่งและทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็ความเร็วหรือการตอบสนองล้วนเหนือว่าพวกที่เย่เฟิงเคยเจอหลายเท่าตัว ไม่ต้องเอ่ยถึงการลงกระบี่ห้าครั้งเพื่อตัดคอเลย เกรงว่าลงกระบี่ไปห้าสิบครั้งก็ไม่มีทางทำอะไรพวกมันได้
“วิธีการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของฉันคือกระบี่สยบั ฉันเชื่อว่ามันเพียงพอที่จะทะลวงตัวประหลาดพวกนี้ได้ภายในกระบี่เดียว!” แต่ความคิดเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “แต่กระบี่สยบักินพลังชี่มากเกินไป แล้วฉันก็มีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองไช่เฉ่าหงที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร
ไช่เฉ่าหงเองก็มองเขาอย่างสบายอกสบายใจ ใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยติดตลก “ฉันแค่อยากเห็นว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากของคนที่ฆ่าลูกน้องฉันไปตั้งมากมายเป็ยังไง วันนี้ควรจะจบสิ้นกันเสียที”
“เอาล่ะ ฉันยอมแพ้” เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เย่เฟิงก็ดึงกระบี่เจินชี่ในมือกลับคืน ก่อนยกมือแสดงท่าทียอมแพ้
การกระทำนี้ทำให้ไช่เฉ่าหงใเล็กน้อย
อะไร ยอมแพ้เหรอ?
แม้แต่ตัวประหลาดห้าคนที่กำลังลงมือก็ชะงักเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง กระบี่ยาวที่เย่เฟิงถือด้วยมือข้างเดียวก็ก่อตัวใหม่อย่างรวดเร็ว กลุ่มแสงสีฟ้าใสสว่างวาบจากกระบี่เล่มยาวก่อนปรากฏเป็ปราณกระบี่สีฟ้าใสพุ่งตัดศีรษะของหนึ่งในตัวประหลาดที่อยู่ตรงหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จากนั้นพุ่งทะลุอากาศไปทางไช่เฉ่าหงที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรอย่างไม่ลดกำลังและความเร็ว
การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย ต่อให้เป็เทพเซียนผู้แข็งแกร่งหรือหัวหน้าลัทธิมาร ในเวลาต่อสู้ล้วนทำทุกวิถีทาง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ยิ่งเป็เย่เฟิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แสร้งขอยอมแพ้ แม้เป็เวลาเพียงครู่เดียวก็เพียงพอที่จะใช้ทุกวิธีที่มี!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้