ไม่นานนักฉวนเถี่ยจู้ก็ตื่นจากการฟื้นพลัง ก่อนจะเดินไปที่ด้านหน้าเย่เฟิง “ข้าฉวนเถี่ยจู้ เห็นว่าเ้ามีพลังไม่เลว จึงอยากแลกเปลี่ยนวิชาด้วย”
เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายของฉวนเถี่ยจู้ เย่เฟิงก็ตื่นจากการฟื้นฟูพลัง จากนั้นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มของฉวนเถี่ยจู้ก็ปรากฏตรงหน้า
“เ้าอยากแลกเปลี่ยนวิชาอย่างไร?” เย่เฟิงกล่าวถาม สำหรับฉวนเถี่ยจู้ผู้นี้ เย่เฟิงมีความประทับใจที่ไม่เลวเช่นกัน เขาเป็คนเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่เหมือนคนเสแสร้ง
ความคิดของฉวนเถี่ยจู้นั้นเรียบง่าย ในโลกของเขามีเพียงคนดีและคนเลว ยิ่งไม่มีการเปรียบเทียบใด ๆ ก่อนหน้านี้ยวี่ม่อดูถูกฉวนเถี่ยจู้ แต่ฉวนเถี่ยจู้เลือกที่จะปล่อยยวี่ม่อ ทว่ายวี่ม่อกลับลอบโจมตีฉวนเถี่ยจู้ ทำให้ฉวนเถี่ยจู้โมโห จึงทำลายตบะยวี่ม่อ เห็นชัดว่าฉวนเถี่ยจู้เป็คนดี
“เ้ากับข้าดวลกันสามหมัด ใครยืนหยัดได้ ผู้นั้นก็ชนะไป เ้าคิดเห็นเช่นไร?” ฉวนเถี่ยจู้กล่าวพลางคลี่ยิ้ม ก่อนหน้านี้ในการวัดพลังรอบที่หนึ่ง หมัดของเย่เฟิงมีน้ำหนักเกินแสนจิน ทำฉวนเถี่ยจู้ชื่นชมเป็อย่างมาก จึง้าวัดกำลังกับเย่เฟิง
“ตกลง!” เย่เฟิงพยักหน้า การประลองเช่นนี้ตรงไปตรงมากและเรียบง่าย เขาย่อมเห็นด้วยแน่นอน จากนั้นกล่าวต่อว่า “งั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน ลงมือเถอะ!”
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!” ฉวนเถี่ยจู้กล่าว จากนั้นพลังสายเืะเิออกมาอีกครั้ง ปราณโลหิตพวยพุ่งออกจากร่างพร้อมกับแสงโลหิตหลายสาย พลันพลังปราณเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่น่าสะพรึงกลัวในเวลาอันสั้น
“ระวังตัวด้วย ข้าจะโจมตีแล้ว!” ฉวนเถี่ยจู้เตือนเย่เฟิง จากนั้นเหวี่ยงหมัดที่ปกคลุมด้วยพลังสายเืโจมตีเย่เฟิง
“หลังปลุกพลังสายเื พลังในกายฉวนเถี่ยจู้ก็ะเิออกมา พลังโจมตีเปลี่ยนไปโหดร้ายกว่าเดิม หากให้เขาโจมตีหินวัดพลังอีกครั้ง เกรงว่าจะทำให้หินวัดพลังแตกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน!” ผู้คนต่างใจเต้นระรัวขณะมองพลังโจมตีที่ฉวนเถี่ยจู้ปลดปล่อยออกมา ไม่รู้ว่าเย่เฟิงจะรับหมัดของฉวนเถี่ยจู้ได้หรือไม่?
เมื่อเย่เฟิงเห็นหมัดของฉวนเถี่ยจู้พุ่งเข้ามา สีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบเฉย จากนั้นเหวี่ยงหมัดออกไปเช่นกัน แม้เป็หมัดที่เรียบง่าย แต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง
“ตูม!” สองหมัดเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ซึ่งการปะทะนี้มีพลังเกินสองแสนจิน และในการปะทะครั้งแรกนี้ ฉวนเถี่ยจู้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ส่วนเย่เฟิงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
“พลังเ้าแกร่งมาก แต่ระวังหมัดที่สองด้วย!” ฉวนเถี่ยจู้กล่าวพลางคลี่ยิ้ม จากนั้นพลังสายเืปะทุออกมา ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีอีกครั้ง แต่หมัดนี้ทรงพลังกว่าหมัดแรก
เย่เฟิงยิ้มจาง ๆ เขาโคจรพลัง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไปเช่นกัน
“ปัง!” เสียงะเิดังสนั่น หมัดของทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง ฉวนเถี่ยจู้รู้สึกว่ามีพลังสายหนึ่งลามขึ้นมาที่แขน ก่อนจะเจาะเข้าร่างเขา ทำให้เขาตัวสั่นสะท้านและเซถอยหลังไปสามก้าว
“เป็ไปได้ยังไง? เย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ แม้แต่ฉวนเถี่ยจู้ที่ปลุกพลังสายเืก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเขาใช่มนุษย์หรือไม่” ผู้คนต่างใเมื่อเห็นฉวนเถี่ยจู้ตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบหลังปะทะสองครั้ง และไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง
“ครานี้ข้าจะใช้กระบวนท่าเด็ดขาดจริง ๆ แล้ว!” ดวงตาของฉวนเถี่ยจู้วาบประกายคมกริบ จากนั้นร่างกายเขาเปล่งแสงโลหิตพลันกลายเป็ด้ายโลหิตแล้วพันรอบแขนอันกำยำของเขา ทำให้แขนข้างนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตี นี่ทำให้เย่เฟิงชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่นึกว่าสองหมัดเมื่อครู่ฉวนเถี่ยจู้จะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่เขาเองก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดไม่ใช่หรือ?
“ฟึ่บ!” ทันใดนั้นอำนาจฟ้าดินปะทุออกจากร่างเย่เฟิง พร้อมแสงอำนาจปกคลุมร่าง และเชื่อมโยงสรรพสิ่งทั่วฟ้าดิน จากนั้นเย่เฟิงเดินออกมาด้วยย่างก้าวแฝงท่วงทำนองพิเศษ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดที่ผสานด้วยอำนาจฟ้าดินขั้นผันแปรโจมตีกลับไปเช่นกัน
“ตูม!” เสียงะเิดังสนั่นทั่วฟ้าดิน หมัดของทั้งสองคนเข้าปะทะกันเป็ครั้งที่สาม ทั้งยังมีคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่
พลังสายเืปะทุออกจากร่างฉวนเถี่ยจู้ รังสีหมัดยังโคจรไปด้วยพลังสายเื หมัดนี้ผสานไปด้วยแก่นสารสำคัญของสายเืที่เขาปลุกขึ้นมา และเพียงหมัดเดียวก็ทลายแม่น้ำูเาได้อย่างง่ายดาย
อำนาจฟ้าดินโคจรบนร่างเย่เฟิง เขาอาศัยพลังแห่งฟ้าดินโดยสำแดงพลังที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ คอยควบคุมพลังและเชื่อมโยงกับอำนาจนี้ และด้วยอำนาจฟ้าดินที่แกร่งกล้า ทำให้พลังสายเืของฉวนเถี่ยจู้ถูกกำราบ เืในกายที่พลุ่งพล่านราวกับแข็งตัว มิอาจสำแดงพลังออกมาได้อีก จึงทำให้หมัดของเย่เฟิงอัดร่างฉวนเถี่ยจู้เข้าเต็ม ๆ ทำฉวนเถี่ยจู้โอดครวญพร้อมร่างกระเด็นออกไป ซึ่งเวทีประลองสูงหลายสิบเมตร หากฉวนเถี่ยจู้หล่นลงไปคงไม่ดีเป็แน่ แต่ฉวนเถี่ยจู้ไปหยุดตรงขอบเวที จากนั้นเขายันตัวแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเห็นเย่เฟิงยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” ฉวนเถี่ยจู้โค้งคำนับให้เย่เฟิง “ข้าแพ้แล้ว พลังของเ้าทำให้ข้าเลื่อมใสมาก”
เย่เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขณะมองฉวนเถี่ยจู้ นาทีนี้เหล่าผู้คนต่างใ เพราะการโจมตีสุดท้ายที่เย่เฟิงสำแดงทรงพลังเป็อย่างมาก แม้แต่ฉวนเถี่ยจู้ที่ปลุกพลังสายเืก็ยังต้านไม่ได้
เช่นนั้นหากเย่เฟิงและฉวนเถี่ยจู้สำแดงการโจมตีนี้ในการปะทะครั้งแรก เกรงว่าฉวนเถี่ยจู้คงจะถูกซัดกระเด็น ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มเลื่อมใสศรัทธาเย่เฟิง พวกเขารู้ว่าเย่เฟิงไม่อยากให้ฉวนเถี่ยจู้อับอายขายหน้า จึงไม่ได้ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งสุดั้แ่เริ่มต้น
“เด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็พร์หรือพลังต่อสู้ก็ล้วนเกินความคาดหมายของข้าไปมาก เขาถือว่าเป็อัจฉริยะที่หาตัวได้ยากในร้อยปีทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว!”
บนอัฒจันทร์หลัก ผู้าุโเฉียนพึมพำกับตัวเองพร้อมดวงตาเผยประกายเฉียบคม วันนี้การแสดงของเย่เฟิงในงานชุมนุมหวงปั่งช่างน่าทึ่งมาก ทำให้ผู้าุโเฉียนตัดสินใจแล้วว่าจะต้องได้ตัวเย่เฟิงมา
ทว่าจ่านเฉินที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าไม่ค่อยดีเมื่อได้ยินคำพูดของผู้าุโเฉียน เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่จะเฉิดฉายได้เพียงนี้ในงานชุมนุมหวงปั่ง หากให้เย่เฟิงเข้าสำนักชิงอวิ๋น เช่นนั้นเขาจ่านเฉินคงถูกเย่เฟิงข่มเหงจนโงหัวไม่ขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่หวังว่าเย่เฟิงจะเข้าสำนักชิงอวิ๋น
“ข้าแพ้แล้ว ต่อไปเป็ตาเ้า” ฉวนเถี่ยจู้เดินมาที่ริมเวที ก่อนจะกล่าวกับโอวหยางเจินเช่นนั้น
“อืม!” โอวหยางเจินพยักหน้าให้ฉวนเถี่ยจู้ จากนั้นเดินไปหาเย่เฟิง
“ถ้าเ้าเอาชนะข้าได้ เ้าก็จะเป็ที่หนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่ง” เมื่อโอวหยางเจินเดินมาถึงด้านหน้าเย่เฟิงก็กล่าวเช่นนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ
“เ้าอยากสู้อย่างไร?” เย่เฟิงเอ่ยถาม
“เ้าใช้หอก ข้าใช้ดาบ ตัดสินแพ้ชนะในหนึ่งกระบวนท่า!” โอวหยางเจินกล่าว เขานั้นไม่ใช่คนอวดดี และยังสังเกตเย่เฟิงในการต่อสู้ตลอดเวลา เย่เฟิงสามารถเอาชนะจ้าวซิงที่อยู่ระดับเดียวกับเขาและผลาญพลังไปไม่มาก นี่ถือเป็การพิสูจน์แล้วว่าเย่เฟิงมีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ส่งผลให้โอวหยางเจินแอบไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเย่เฟิงได้หรือไม่ แต่เขากลับเชื่อมั่นในดาบเมฆาของตน ดังนั้นจึงเสนอกฎประลองโดยตัดสินแพ้ชนะในหนึ่งกระบวนท่า
แต่ในความเป็จริง โอวหยางเจินก็พิจารณาตัวเองเหมือนกัน ถึงอย่างไรที่หนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่งก็ดึงดูดเขาเป็อย่างมาก
“ตกลง!” เย่เฟิงตอบกลับอย่างไม่ลังเล เขาย่อมอ่านความคิดของโอวหยางเจินออก แต่ทักษะหอกของเขาจะด้อยกว่าได้อย่างไร?
เมื่อโอวหยางเจินเห็นเย่เฟิงตอบตกลงก็เผยรอยยิ้มพอใจ
“ชิ้ง!” โอวหยางเจินชักดาบออกจากฝัก โดยตัวดาบเปล่งแสงเย็นเยือก จากนั้นโอวหยางเจินพูดกับเย่เฟิงว่า “เ้ากับข้าลงมือพร้อมกัน!”
เมื่อกล่าวจบ โอวหยางเจินทะยานร่างไปหาเย่เฟิง พร้อมเจตจำนงดาบพวยพุ่งออกจากร่างกาย นั่นคืออำนาจดาบขั้นผันแปร่ต้น เมื่อผสานกับวิชาดาบเมฆาของเขา พลังก็ทรงอานุภาพขึ้นกว่าเดิม แม้โอวหยางเจินกำลังพุ่งมาหาก็ตาม แต่เย่เฟิงกลับนิ่งเฉย โอวหยางเจินเห็นเย่เฟิงนิ่งไม่ไหวติงก็แอบหัวเราะในใจ และคิดว่าศึกนี้ ตนจะคว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน
“เมฆาสะบั้น!” โอวหยางเจินตวัดดาบทันทีที่ไปถึงด้านหน้าเย่เฟิง รังสีดาบดุจสายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้า ในขณะเดียวกันเย่เฟิงก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน พลันแสงดาวปกคลุมร่าง ทำให้ร่างเขาเปลี่ยนไปโปร่งแสง ก่อนจะแทงหอกออกไป ซึ่งเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เพียงพริบตาเดียวก็เสร็จสิ้นทุกอย่าง
บนเวทีประลอง โอวหยางเจินหยุดนิ่งขณะยกดาบเหนือหัว สีหน้าของเขาดูย่ำแย่เล็กน้อย เพราะว่าปลายหอกกำลังจี้ตรงบริเวณลำคอของเขาอยู่ ปลายหอกอันเย็นเยียบััิัตรงลำคอ ซึ่งมีเืซึมออกมาเล็กน้อย ตราบใดที่ปลายหอกของเย่เฟิงเคลื่อนมาอีกนิด ปลายหอกนั้นก็จะทะลุลำคอของโอวหยางเจินทันที
“ข้าแพ้แล้ว!” โอวหยางเจินกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ เมฆาสะบั้นของเขาถือว่าเร็วมาก ก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ตายด้วยดาบของเขาไม่รู้ตั้งเท่าไร บัดนี้เขากลับพ่ายแพ้ทั้งที่ใช้วิชาดาบที่ทรงพลัง ซ้ำยังแพ้ให้กับเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่หอกของเย่เฟิงก็ว่องไวอย่างเห็นได้ชัดจริง ๆ
เมื่อเย่เฟิงเห็นโอวหยางเจินยอมแพ้ก็ทำการเก็บหอกัเงินประกายทันที เขากับโอวหยางเจินไม่มีความแค้นใด ๆ จึงหยุดแต่เพียงเท่านี้
หลังจากเอาชนะโอวหยางเจิน อันดับที่ 1 แห่งงานชุมนุมหวงปั่งก็ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งตกเป็ของเย่เฟิง เขากลายเป็บุคคลที่เฉิดฉายที่สุดในบรรดาอัจฉริยะที่เข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่ง
หลังจากบรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ จู่ ๆ ผู้คนส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีให้แด่ชัยชนะของเย่เฟิง วันนี้พวกเขาได้เห็นชายหนุ่มขั้นรวมชี่ที่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ เดินทีละก้าวจนมาถึงจุดสูงสุดของเส้นทาง
ผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความดีใจให้กับเย่เฟิง และการแสดงของเย่เฟิงในวันนี้ยังพิชิตใจของพวกเขาอีกด้วย
นาทีนี้ผู้คนนับแสนทั่วทั้งลานประลองต่างไม่มีผู้ใดกังขาเย่เฟิง ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยความเคารพยำเกรง
ทางฝั่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนดูมีความสุขมากกว่าใคร เย่เฟิงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน วันนี้เขาเข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งในนามของสำนัก ใช้พลังขั้นรวมชี่ที่ 8 แข่งขันกับอัจฉริยะระดับหัวกะทิจากทั่วอาณาจักรจ้าวจนกระทั่งคว้าอันดับที่ 1 มา เขาเป็คนเดียวที่คว้าอันดับที่ 1 มาครองนับแต่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนก่อตั้ง ทั้งยังเป็อัจฉริยะขั้นรวมชี่เพียงหนึ่งเดียวที่คว้าอันดับที่ 1 มาได้
