ตัวอักษรคำว่า ‘จวิน’ ประทับอยู่บนใบหน้าอย่างเด่นชัด ด้วยสภาพมอมแมมและทรงผมกระเซอะกระเซิง ทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ดวงตาสีดำทั้งสองข้างของเขา ยังดูแหลมคมและไร้ซึ่งความปรานี ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัว
“ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้!”
ฝูงชนต่างคิดในใจเมื่อเห็นดวงตาคู่นั้น ทาสในลานประลองเชลยล้วนเป็พวกตายซาก พวกเขาไร้ซึ่งความหวังของการมีชีวิต และต้องวนเวียนอยู่บนปากเหวแห่งความตายทุกๆ วัน ทาสอย่างพวกเขาเป็ที่นิยมในการซื้อขาย เพราะพลังของพวกเขามีประโยชน์สำหรับเ้านาย ดังนั้นทุกครั้งที่ลานประมูลมีทาสผู้ฝึกยุทธ์ จะดึงดูดเหล่าพ่อค้าและทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาสูง
หลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ช่างเป็การกระทำที่โเี้ยิ่งนัก แม้ไม่รู้ว่าทาสเหล่านี้มาจากไหน แต่การประทับตราลงบนใบหน้าเช่นนี้ ก็เหมือนเป็การเหยียบย่ำความเป็มนุษย์ของพวกเขา ต่อให้พวกเขาหลบหนีหรือพ้นจากสถานะทาส แต่พวกเขาก็คงใช้ชีวิตอยู่ในมุมมืด ไม่สามารถเป็เหมือนคนปกติได้
“ระดับการบ่มเพาะของทาสคนนี้อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 เขาต่อสู้ชนะมาแล้ว 16 ครั้ง ถ้าใครสามารถเอาชนะเขาได้ จะได้รับหินหยวน 20 ก้อน แต่ถ้าผู้ท้าประลองมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 หรือต่ำกว่า หากสามารถเอาชนะทาสคนนี้ได้ก็จะได้รับหินหยวนจำนวน 100 ก้อน”
ชายชรากล่าวขณะนำทาสเข้าสู่ลานประลองเชลย ฝูงชนทั้งหมดต่างพากันตกตะลึง แม้ว่าทาสคนนี้จะได้ชัยชนะน้อยกว่าอสูรกิ้งก่าถึง 12 ครั้ง แต่ของรางวัลกลับเท่ากัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อว่าทาสคนนี้แข็งแกร่งกว่าอสูรกิ้งก่า
“ไป๋เจ๋อ มันอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 เช่นเดียวกับเ้าเลย”
ตอนนี้เองชายหนุ่มชุดเหลืองที่นั่งอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากหลินเฟิง ก็หันมาพูดกับไป๋เจ๋อ ทำให้ไป๋เจ๋อชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะออกไปสู้”
“เยี่ยม” ชายหนุ่มชุดเหลืองกล่าวขณะยิ้ม ไป๋เจ๋อเดินไปที่ลานประลองเชลยแล้วพยักหน้ากับชายชราที่อยู่ด้านใน
ชายชรามองไป๋เจ๋อแล้วขมวดคิ้ว “ทาสคนนี้แข็งแกร่งมาก เ้ามั่นใจแล้วหรือที่จะประลอง?”
“ข้ามั่นใจ” ไป๋เจ๋อกล่าวและพยักหน้าโดยไม่ลังเล ทำให้ชายชราปล่อยไป๋เจ๋อเข้าสู่ลานประลอง
“หึ!”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยร้องหึออกมาคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่าง
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นชายชราคนนั้นเอ่ยปากเตือนไป๋เจ๋อ เพราะตอนที่เขาเข้าไปสู้กับสัตว์อสูรกิ้งก่า ไม่เห็นอีกฝ่ายจะเอ่ยปากเตือนเขาบ้าง
“หลินเฟิง ทาสคนนั้นช่างไร้โชคเสียจริง”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยกล่าว ทำให้หลินเฟิงมองไปที่เขาอย่างมึนงงและถามว่า “ข้ารู้ว่าไป๋เจ๋อแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้พิเศษอะไร ข้ารู้สึกว่าไป๋เจ๋อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทาสคนนั้น”
“ไป๋เจ๋ออาจไม่ชนะ แต่เ้ารู้ไหมว่าใครเป็ผู้รับผิดชอบลานประลองเชลยแห่งนี้???”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยถามกลับ ทำให้แววตาของหลินเฟิงฉายแววสงสัยอยู่ชั่วครู่ ไม่นานก็หันมามองเวิ่นอ้าวเสวี่ยอย่างใ
“ลานประลองเชลยแห่งนี้ ตระกูลของไป๋เจ๋อเป็ผู้รับผิดชอบ”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส ทำให้หลินเฟิงพลันตกตะลึงขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชายชราคนนั้นถึงเอ่ยปากเตือนไป๋เจ๋อ ที่แท้ผู้รับผิดชอบลานประลองเชลยแห่งนี้คือตระกูลของไป๋เจ๋อนั่นเอง
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไป๋เจ๋อแพ้?”
“ฮ่าๆ ขุนนางพวกนั้นน่ะสนแค่เป้าหมาย ส่วนวิธีการจะได้มาอย่างไรนั้น พวกเขาไม่สนใจหรอก” เวิ่นอ้าวเสวี่ยหัวเราะเย้ยหยัน
เมื่อทาสคนนั้นเห็นไป๋เจ๋อเดินเข้ามา เขาก็ปลดปล่อยลมปราณเย็นเยือกออกมา
ไป๋เจ๋อตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อสบสายตาเ็าของอีกฝ่าย ในใจของเขาพลันเกิดความกลัวขึ้นมา
“ตายซะ!”
ทาสคนนั้นะโออกมาก่อนพุ่งเข้าหาไป๋เจ๋อทันที สำหรับพวกทาสแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาในลานประลองเชลยแห่งนี้ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวนั่นก็คือฆ่าเขา ดังนั้นถ้าไป๋เจ๋อไม่ตาย ก็เป็เขาที่ต้องตาย!!!
โซ่ตรวนที่พันธนาการเขาไว้ลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนหอกในมือของเขาก็ส่งเสียงดังออกมาขณะแทงไปที่ไป๋เจ๋อ
“เร็วมาก!!!”
ไป๋เจ๋อเห็นปลายหอกที่กำลังจ้วงแทงเข้ามาก็รีบทะยานร่างหนี ขณะเดียวกันก็เกิดสายลมกระโชกขึ้น แล้วพุ่งทะยานไปปะทะกับหอก
“จิติญญาพายุ”
หลินเฟิงพึมพำออกมา เมื่อเห็นจิติญญาพายุปรากฏขึ้นด้านหลังของไป๋เจ๋อ ครั้งที่แล้วไป๋เจ๋อแสดงท่าทางยโสโอหังและอวดอ้างว่าตัวเองเป็อัจฉริยะ แต่สุดท้ายก็ถูกหลินเฟิงจัดการจนหงายเก๋งไปโดยใช้แค่นิ้วเดียว กระทั่งจิติญญาก็ไม่ทันได้เรียกออกมาใช้
ความจริงแล้วไป๋เจ๋ออายุยังไม่ถึง 18 ปี แต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ ไม่ว่าจะนิกายหยุนไห่หรือที่ไหนๆ เขาก็ถือได้ว่าเป็อัจฉริยะคนหนึ่ง แต่เมื่อมาอยู่ที่เมืองหลวง สถานที่ที่รวบรวมเหล่าอัจฉริยะแล้ว เขากลับดูจืดจางเหมือนคนทั่วไป ดังนั้นสำหรับที่นี่แล้ว เขาไม่คู่ควรเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะ
ถึงแม้เขาจะเห็นไป๋เจ๋อเรียกจิติญญาออกมา แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงสุขุมเยือกเย็นเหมือนเดิม เขากำหอกในมือแน่น แล้ววาดปลายหอกออกไปทำลายสายลมเ่าั้
“ทรงพลังมาก!”
ดวงตาของไป๋เจ๋อสั่นไหวขึ้นมา เขาไม่กล้าปะทะกับอีกฝ่ายตรงๆ ขณะที่ก้าวถอยหลังในตอนนั้นเองก็มีเถาวัลย์ปรากฏขึ้นมาเงียบๆ พุ่งมารัดร่างของไป๋เจ๋อ ก่อนที่เถาวัลย์อีกเส้นหนึ่งจะแทงที่หัวใจของไป๋เจ๋อ
การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของทาสคนนี้ไม่มีสูญเปล่า มิหนำซ้ำยังผลักไป๋เจ๋อเข้าสู่สถานการณ์อันตราย
รูม่านตาของไป๋เจ๋อหดลง ขณะที่รวบรวมลมปราณไว้ที่ฝ่ามือ และกระหน่ำตบออกไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
ตอนนี้เองไป๋เจ๋อรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากเถาวัลย์ พวกมันรัดร่างของเขาแน่น ก่อนจะดึงร่างของเขาให้ทะยานเข้าไปหาทาสคนนั้น
“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!”
ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องอย่างตกตะลึง พลังของทาสคนนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขาราวกับถูกคำนวณไว้เป็อย่างดี
คงมีแต่หลินเฟิงที่ขมวดคิ้วแน่น จิติญญาแห่งเถาวัลย์?! จิติญญาแบบนี้ เหมือนว่าเขาจะเคยเห็นมันมาก่อน รู้สึกว่าสหายของหานหมานที่ชื่อว่าพั่วจวิน ก็มีจิติญญาประเภทนี้อยู่... เดี๋ยวก่อนนะ!!!
“พั่วจวิน จวิน ทาส!”
แววตาของหลินเฟิงพลันสั่นไหวขึ้นมา ก่อนจ้องเขม็งไปที่ทาสคนนั้น มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า? ทั้งสองคนไม่เพียงมีจิติญญาประเภทเดียวกันเท่านั้น แต่ยังมีตัวอักษรคำว่า ‘จวิน’ เหมือนกันอีกด้วย?!
“ตูม!”
ในลานประลอง ไป๋เจ๋อที่พยายามต้านทานการโจมตีของทาสคนนั้น ก็ถูกหอกยาวกระแทกเข้าที่หน้าอกจนกระเด็นออกไป
ร่างของทาสสั่นเล็กน้อยขณะที่กำหอกในมือแน่นและพุ่งไปหาไป๋เจ๋อ ในลานประลองแห่งนี้มีเพียงฆ่าอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะรอด!!!
“หยุด!”
ตอนนั้นเองเสียงะโก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง ทำให้ทาสคนนั้นชะงักและหยุดเคลื่อนไหว เขาหันไปมองชายชราที่กำลังเดินเข้ามา
“การต่อสู้จบลงแล้ว”
ชายชราคนนั้นกล่าวอย่างไม่แยแส ทำให้ฝูงชนรู้สึกมึนงง การต่อสู้จบลงแล้ว?
กฎของการต่อสู้ในลานประลองเชลย จะต้องสู้จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง! แล้วจะจบลงแบบนี้ได้อย่างไร?
“ดูเหมือนว่าชายชราและผู้ท้าประลองจะมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน!”
ทันใดนั้นฝูงชนก็นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น ชายชราได้กล่าวเตือนไป๋เจ๋อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนต้องรู้จักกันแน่ๆ
“ยังไม่มีใครตาย แล้วการประลองจะจบลงได้ยังไง?”
ทาสถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งขณะจ้องมองชายชรา
ชายชราคิ้วกระตุกเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจขึ้นมา ทาสคนนี้กล้าขัดคำสั่งเขาอย่างนั้นหรือ?
“ในเมื่อเ้าอยากสู้นัก ข้าจะจัดให้” ชายชราคนนั้นแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะะโว่า “ปล่อยอสูรหานออกมา”
สิ้นเสียงของชายชรา อีกฝั่งหนึ่งของลานประลองก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจก็คือ ชายวัยกลางคนผู้นั้นกำลังขี่อะไรบางอย่างออกมา ซึ่งพาหนะที่เขาขี่อยู่นั้นมีลักษณะเหมือนกับคน แต่ทว่ากลับคลานออกมาคล้ายกับสัตว์ตัวหนึ่ง มือเท้าและลำคอถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็ก ซึ่งปลายโซ่ของมันก็อยู่ในมือของชายวัยกลางผู้นี้
“ในบรรดาทาสทั้งหมด นอกจากอสูรหานแล้ว ก็มีเ้าเนี่ยแหละที่ควบคุมยาก เ้าเห็นหมอนี่ไหม?! มันถูกฝึกจนเชื่องและกลายเป็สัตว์อสูรไปแล้ว วันนี้ข้าจะให้เ้าประลองกับอสูรหาน ถ้าเ้าชนะ เ้ารอด แต่ถ้าแพ้ เ้าตาย!!!”
ชายชรากล่าวอย่างชั่วร้าย เมื่อเห็นทาสคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเห็น ‘อสูร’ ที่อยู่ตรงหน้า
เมื่ออสูรหานได้ยินคำพูดเ่าั้ มันก็เงยหน้าขึ้นมองชายชรา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระหายฆ่าฟัน ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉานตัวหนึ่ง!
ทันทีที่อสูรหานเงยหน้าขึ้น หลินเฟิงที่นั่งดูเงียบๆ ก็พลันปลดปล่อยจิตสังหารออกมา!!!