สวี่ฮุ่ยพักสักครู่ พอหายเหนื่อยก็เริ่มเตรียมอาหารเย็น
แม่ของเสี่ยวเหลียนมาหา บอกว่าสวี่ฮุ่ยเกรงใจเกินไป แค่ยืมชุดไปวันเดียวก็ยังให้ของขวัญตอบแทน
สวี่ฮุ่ยยิ้มแล้วบอกว่าเป็เื่สมควร
แม่ของเสี่ยวเหลียนพูดคุยอีกสองสามประโยคก็จากไป
ปลาตะเพียนหลายตัวยังล้างไม่เสร็จ จ้าวชิงชิงก็มาถึงแล้ว
สวี่ฮุ่ยเหลือบมองตะกร้าผักในมือของเธอ ยกยิ้มแล้วพูดว่า "รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องเอาผักมา ฉันเลยไม่ได้ซื้อ"
จ้าวชิงชิงเป็ชาวนาแถวตำบลเถาฮวา ที่บ้านปลูกผัก จนกินกันแทบไม่หมด เอาไปขายในเมืองก็ได้เงินไม่กี่อีแปะ
จ้าวชิงชิงเด็ดผักมาให้สวี่ฮุ่ย พ่อแม่ของเธอก็ไม่เคยว่าอะไร
จ้าวชิงชิงหยิบผักออกมาทีละอย่าง "เป็ผักที่เธอชอบกินทั้งนั้น มีผักโขมจีน ผักโขมแดง ยอดอ่อนต้นมันเทศแล้วก็ถั่วแขกดองหนึ่งขวด"
จ้าวชิงชิงกำชับว่า "กินผักดองหมดแล้วต้องเอาขวดมาคืนฉันนะ เดี๋ยวแม่จะตีฉันเอา"
ยุคนี้ขาดแคลนวัตถุดิบ แม้แต่ขวดแก้วธรรมดา ๆ ครอบครัวทั่วไปก็ทิ้งไม่ลง เอามาใช้ใส่ของต่อ
สวี่ฮุ่ยยิ้มรับคำ
จ้าวชิงชิงหยิบผ้าลายดอกออกมาจากตะกร้า เดินไปหาสวี่ฮุ่ยที่กำลังล้างปลาอย่างตั้งใจ
ยื่นผ้านั้นไปจ่อหน้าเธอ "แถ่น แทน แท๊น! ชอบไหม? ให้เธอ"
ผ้านั้นมีลวดลายสวยงาม สวี่ฮุ่ยพยักหน้า "ชอบ"
จากนั้นก็ถามคาดเดาว่า "เมื่อกี้เธอไม่ได้ไปซื้อเกลือกลับบ้าน แต่ไปซื้อผ้านี่มาให้ฉันใช่ไหม?"
จ้าวชิงชิงหัวเราะแห้ง ๆ สองที "สมกับเป็จ้วงหยวน โดนเธอเดาถูกเต็ม ๆ เธอสอบได้ที่หนึ่ง ฉันยังไม่ได้ซื้อของขวัญอะไรให้เธอเลยอีกอย่าง ไม่กี่วันก็วันเกิดเธอแล้วด้วย วันนี้ฉันเลยคิดจะซื้อผ้ามาให้เธอ เป็ทั้งของขวัญแสดงความยินดีที่เธอสอบได้อันดับหนึ่ง และเป็ของขวัญวันเกิดเธอด้วย ไม่คิดว่าอีกนิดก็จะเกือบโดนเธอจับได้ ฉันถึงต้องโกหกน่ะสิ"
สวี่ฮุ่ยพูดพลางล้างปลา "เธอเองก็หาเงินลำบาก พ่อแม่ก็คุมเงินเดือนเธอแจ จะเก็บเงินส่วนตัวได้สักเท่าไหร่กันเชียว ยังจะซื้อผ้าให้ฉันอีก ฉันไม่เอาหรอก!"
จ้าวชิงชิงนั่งยอง ๆ ข้างเธอ วางมืออุ่น ๆ ไว้บนบ่าของเธอ
แล้วผลักเธอเบา ๆ "รับไปเถอะ อีกเดือนกว่า ๆ เธอก็จะไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ต้องมีเสื้อผ้าใหม่ที่ดูดีบ้างสิ"
สวี่ฮุ่ยครุ่นคิดสักพักก็พยักหน้ายอมรับ ไว้ค่อยตอบแทนบุญคุณนี้ทีหลังก็แล้วกัน
จ้าวชิงชิงยิ้มออกทันที ก่อนจะช่วยสวี่ฮุ่ยเตรียมอาหารเย็น
เต้าหู้ผัดน้ำแดง แกงปลาตะเพียนต้มผักชี เสริมด้วยไก่ย่างหนึ่งตัว อาหารเย็นก็เสร็จเรียบร้อย
สวี่ฮุ่ยรู้ว่าฐานะทางบ้านของจ้าวชิงชิงไม่ค่อยดี พ่อแม่ก็ลำเอียงรักลูกชาย
ขอแค่มีของอร่อย ๆ ในบ้านก็จะเป็ของพี่ชายี้เีไม่เอาไหน ไม่ค่อยตกถึงเธอ
สวี่ฮุ่ยเห็นจ้าวชิงชิงซื่อเกินไป ตอนกินข้าวด้วยกันกินแค่ปลากับเต้าหู้ผัดซอส ไม่กล้ากินไก่เยอะ
สวี่ฮุ่ยจึงฉีกไก่ออกเป็สองส่วน เอาชิ้นใหญ่ใส่ชามของจ้าวชิงชิง
จ้าวชิงชิงยิ้มเขิน ๆ ให้เธอ
จ้าวชิงชิงดองผักเก่ง ผักดองที่เธอดองอร่อยเป็พิเศษ สวี่ฮุ่ยชอบกินมาก
สวี่ฮุ่ยกินข้าวเย็นกับผักดองเปรี้ยวของจ้าวชิงชิง เธอกินข้าวเยอะกว่าปกติตั้งหนึ่งชาม
หลังกินข้าวเสร็จ จ้าวชิงชิงช่วยเก็บจานชามแล้วกลับบ้านไป
สวี่ฮุ่ยก็ออกไปตกปลาไหลเหมือนทุกวัน
คืนนี้โชคดีมาก ตกตะพาบน้ำได้สองตัว
สวี่ฮุ่ยรีบกลับบ้านเอาตาชั่งมาชั่งด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตัวหนึ่งหนักสองจินกว่า ๆ อีกตัวหนักห้าจินกว่า ๆ
ได้ยินมาว่าตอนนี้ราคาตะพาบดี ตัวอำเภอขายได้ถึงจินละสามหยวน ส่วนในเมืองหลวงแพงกว่านั้นอีก
ต่อให้ขายตะพาบสองตัวนี้ในอำเภอ อย่างน้อยก็ได้เงินมากกว่ายี่สิบหยวน
เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่ฮุ่ยตื่นนอน สวมชุดเดรสแขนกุดลายดอกไม้ที่อาจารย์ใหญ่โจวซื้อให้เมื่อวาน กับรองเท้าแตะคู่ใหม่
ถึงแม้อายุจริงของเธอจะยี่สิบเก้าแล้ว แต่ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่รักสวยรักงาม
โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงอย่างสวี่ฮุ่ยที่ไม่เคยใส่เสื้อผ้าดี ๆ ทั้งสองชาติ พอมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ ย่อมไม่อยากใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวี่เยว่ให้แล้ว
สวี่ฮุ่ยถักเปียยาวหลวม ๆ สองข้าง สวมที่คาดผมสีแดงกุหลาบที่อาจารย์ใหญ่โจวซื้อให้เมื่อวาน
ส่องกระจกแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองเปลี่ยนไปเป็คนละคน ดูทันสมัยและสวยงาม
สมดังคำว่า ‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆ
สวี่ฮุ่ยหิ้วถังใส่ตะพาบกับปลาไหลออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
เพื่อนบ้านเห็นเธอแต่งตัวใหม่ก็ชมกันเป็แถวว่าเธอสวย ระหว่างทางก็ได้รับสายตาชื่นชมจากผู้คน
พอไปถึงร้านอาหารของคุณลุงจาง คุณลุงจางเห็นตะพาบตัวใหญ่สองตัวในถังของสวี่ฮุ่ยก็ถามว่า "ตะพาบตัวใหญ่มากเลยนะ จะขายเหรอ?"
"ค่ะ" สวี่ฮุ่ยพยักหน้า
คุณลุงจางถามด้วยความเป็ห่วง "เธอจะเอาไปขายที่ไหน?"
"ขายที่ตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอค่ะ"
"ขายในอำเภอราคาต่ำเกินไป ได้แค่จินละห้าถึงหกหยวน เธอเอาไปขายที่เมืองเอกดีกว่า ได้ยินมาว่าตะพาบหนักสองจินขายได้ถึงจินละสิบหยวนเลยนะ"
คุณลุงจางใช้สายตาชี้ไปที่ตะพาบตัวใหญ่หนักห้าจินในถังของสวี่ฮุ่ย "ตะพาบหนักห้าจินแบบนี้ อาจจะขายได้ถึงจินละยี่สิบถึงสามสิบหยวน"
สวี่ฮุ่ยใมาก ไม่คิดว่าราคาตะพาบจะแพงขนาดนี้ แถมราคายังแตกต่างกันตามขนาดอีกด้วย
สวี่ฮุ่ยรอคุณลุงจางจับปลาไหลในถังทั้งหมดเสร็จก็หิ้วถังที่มีตะพาบเหลือเพียงสองตัวไปที่เมืองเอก
ถ้าขายได้แพงกว่า เธอเลือกไปขายในตัวเมืองเอกอยู่แล้ว
จากอำเภอเข้าเมืองเอก นั่งรถโดยสารใช้เวลาห้าชั่วโมงกว่า ๆ นั่งรถไฟใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า ๆ
แต่รถโดยสารทางไกลมีทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ส่วนรถไฟมีรอบตีห้ากับเจ็ดโมงครึ่ง เธอพลาดทั้งสองรอบแล้ว รอบต่อไปคือบ่ายสามโมงกว่า ๆ
สวี่ฮุ่ยไม่อยากรอรอบบ่ายสามโมงกว่า จึงขึ้นรถโดยสารรอบแปดโมงไปเมืองเอกแทน
สวี่ฮุ่ยคิดว่าตัวเองหิ้วถังใส่ตะพาบมา เลยนั่งแถวหลังเพื่อไม่ให้เป็การรบกวนคนอื่นอย่างรู้มารยาท
พนักงานขายตั๋วเดินมาขายตั๋ว ตั๋วรถไปเมืองเอกราคาห้าหยวน แพงกว่าเงินที่เธอขายปลาไหลได้หนึ่งวันเสียอีก
สวี่ฮุ่ยควักเงินซื้อตั๋วอย่างเสียดาย
รถโดยสารทางไกลยุคนี้สามารถรับคนได้ตลอดทาง
รถออกจากสถานีไม่ถึงสิบห้านาที ก็มีชายหนุ่มแต่งตัวดีสองคนขึ้นรถมา
ชายหนุ่มทั้งสองซื้อตั๋วเสร็จก็ไม่ได้รีบเดินไปด้านหลัง แต่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ สายตาจับจ้องไปที่สวี่ฮุ่ยโดยไม่ได้นัดหมาย
สวี่ฮุ่ยทำเป็มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ในใจกลับเต้นตึกตัก ๆ ด้วยความประหม่า
ดวงตาของชายหนุ่มทั้งสองคนเลิ่กลั่กอยู่ไม่นิ่ง ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี เป็พวกมิจฉาชีพแน่ ๆ
สวี่ฮุ่ยสวี่ฮุ่ยพกเงินทั้งหมดติดตัว รวม ๆ แล้วประมาณสองพันหยวน เธอกลัวว่าจะโดนมิจฉาชีพสองคนนี้หมายหัว
ยิ่งกลัวอะไรก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น
มิจฉาชีพสองคนเดินตรงมาหาเธอ แล้วนั่งขนาบข้างเธอซ้ายขวา