“เหวยเสียวเหล่ย ฉันจอดรถที่ข้างถนนแล้ว เมื่อไรไอ้เด็กนั่นมันจะมาถึงซะที?”
เหวยเสียวเหล่ยหันไปกับกล้องส่องทางไกล180องศาและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “มันผ่านแกไปแล้ว”
“เฮ้ย เป็ไปได้ยังไง? อย่าล้อเล่นไร้สาระอย่างนั้นนะเฟ้ย”วิลเลียมส์ะโ นี่มันไม่ตลก แถมยังเป็การหยามเกียรติอีกต่างหากฉินเฟิงมันขี่จักรยานแล้วมันจะตามเขาทันไวขนาดนี้ได้อย่างไร?
“วิลเลียมส์ฉันไม่ได้ล้อเล่น แกอยู่ตรงนั้นไปก่อนในไม่ช้าฉินเฟิงมันจะเข้าเส้นชัยเป็คนแรก” เหวยเสียวเหล่ยวางสาย
สีหน้าของเขาแข็งทื่อฉินเฟิงไวมากไวจนเหวยเสียวเหล่ยเกือบจะร้องด้วยความใตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเขาถึงแพ้การแข่งขันครั้งล่าสุดตอนที่เขาขับมาเซราติแกรนทัวริสโมรุ่นจำนวนจำกัดด้วยความเร็วของฉินเฟิงตอนนี้ถ้ามันไม่ชนะก็แปลก
ฉินเฟิงรีบปั่นมาถึงอันดับสองตอนนี้อันดับหนึ่งคือสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนเฉิง ซูชิวเยว่
ตอนแรกนั้นฉินเฟิงจะผ่านออดี้TTของซูชิวเยว่เหมือนจรวดไปเลยก็ย่อมได้ แต่เขาตั้งใจช้าลงมือหนึ่งกำแฮนด์ ส่วนอีกมือหนึ่งเสยผม สีหน้าของเขาดูเหม่อลอยขณะมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า
“อ๊ะ...คt...คุณกำลังทำอะไรน่ะ?” ซูชิวเยว่รู้ถึงการมาของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปกติเธอจะสงบเยือกเย็นแต่เธอก็อดที่จะร้องด้วยความแปลกใจไม่ได้
ฉากที่เห็นนี้มันแปลกมากมันขัดกับโลกที่เธอรู้จัก ตลอดทุกปีที่ผ่านมานี่เป็ครั้งแรกที่เธอเห็นคนที่สามารถขี่จักรยานได้ไวขนาดนี้ซูชิวเยว่เห็นขาของฉินเฟิงไม่ชัด พวกมันดูเหมือนกับพัดลมสองใบพัด...ไม่สิมันไวกว่าพัดลมอีกไวจนน่าเวียนหัว
“คนสวย ผมกำลังชื่นชมดวงจันทร์อยู่” ฉินเฟิงมองซูชิวเยว่อย่างขี้เล่น“นี่ก็เป็ดวงจันทร์อีกดวงหนึ่ง”
ซูชิวเยว่เป็คนฉลาดเธอเข้าใจเื้ัความหมายคำพูดของฉินเฟิงทันที เพราะชื่อตัวสุดท้ายของเธอคือ‘เยว่’ (ดวงจันทร์) ดังนั้นเห็นได้ว่าคำพูดของเขาคือคำสารภาพรัก
ในฐานะสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนเฉิงซูชิวเยว่จำไม่ได้ว่าเธอได้รับคำสารภาพรักมาแล้วกี่ครั้งเธอได้รับคำสารภาพรักด้วยวิธีแปลกๆ มานับไม่ถ้วนแต่จนถึงตอนนี้เธอรู้สึกว่าของฉินเฟิงนั้นดั้งเดิมมากที่สุด
“คุณต้องระวังตัวด้วยในเมื่อคุณขี่ไวขนาดนี้” นอกจากความใซูชิวเยว่ไม่มีเจตนาอื่นๆ กับฉินเฟิงเธอเตือนเขาด้วยความสุภาพและเริ่มขับอย่างไร้กังวล
ฉินเฟิงรู้ว่าซูชิวเยว่มองเขาอย่างใจเย็นเขาลังเลว่าควรจะบอกกับเธอหรือไม่ว่า ‘ในอนาคต เธอจะเป็ผู้หญิงของฉันและธุรกิจของตระกูลซูก็จะเป็ของฉัน’
สุดท้ายแล้วเขาก็กำจัดความคิดนี้ทิ้งไป
เขากลัวว่าถ้าพูดคำพวกนั้นออกมาไม่รถของซูชิวเยว่ตกเขา ก็จักรยาน 28 นิ้วของเขานี่แหละที่อาจจะโดนชนแทน
เขาทำใจให้มั่นคงอีกครั้งและเร่งความเร็วครั้งนี้เขาไปถึงครึ่งของูเาแล้ว เขาร้อนใจนิดหน่อยและเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด
ฟ้าว!
ซูชิวเยว่รู้สึกถึงพื้นที่สั่นะเืแล้วฉินเฟิงกับจักรยาน 28 นิ้วของเขาก็กลายเป็คลื่นอากาศหายเข้าเส้นชัยไปในทันที
“ถึงแล้ว!” ฉินเฟิงมองดูนาฬิกา 9 นาที 28 วินาที เขาจำได้ว่าตอนที่เขาขับแบทโมบิลเมื่อก่อนสถิติของเขาคือ 15นาที 36 วินาที
เมื่อถึงยอดเขาฉินเฟิงก็ปล่อยจักรยานทิ้งไว้ด้านข้างและรีบไปยังด้านหลังของเหวยเสียวเหล่ยเหวยเสียวเหล่ยไม่ได้คลางแคลงอะไร ตอนนี้เขากำลังถือกล้องส่องทางไกลและตรวจดูทุกพื้นที่บนเส้นทางูเาอยู่เขาพึมพำกับตัวเอง “ฉินเฟิงมันอยู่ไหนของมันวะ? แม่งหายไปได้ไงวะเนี่ย?”
“นายน้อยเหวย มองหาฉันอยู่เหรอ?” เสียงของฉินเฟิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเหวยเสียวเหล่ยทันทีทำให้เขาใมากจนปากล้องส่องทางไกลในมือทิ้งไป
“กะ...แกมาเมื่อ...”
เหวยเสียวเหล่ยมองดูฉินเฟิงด้วยความใเขาเอ่ยปากได้แค่ครึ่งของประโยค และลูกตบก็ลอยมาหาเขา
เพียะ!
เสียงตบดังฟังชัดเสียงร้องด้วยความเ็ปของเหวยเสียวเหล่ยก้องกังวานไปทั้งหุบเขา
“แกอยากจะเห็นฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันรีบมาอย่างไวที่สุดเพื่อมาสนุกกับแกเลยนะ”
เพียะ!
ขณะที่พูดอีกตบหนึ่งก็ลอยมา และใบหน้าของเหวยเสียวเหล่ยอีกครึ่งก็บวม
“แกกล้าแตะต้องผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับฉันงั้นเรอะ? แกคงไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วสินะ”
เพียะๆ!
“อย่าคิดว่าเพราะฉันดูมีพร์ ใจดี และมีเมตตาแล้วแกจะหาข้ออ้างมารังแกคนของฉันได้”
เพียะๆๆ!
“ฉันจะบอกให้ว่าฉันไม่ได้ตบเพราะแกข่มขู่ฉันแต่ฉันจะพูดกับแกเื่ความจริงของโลก ฉันต้องใช้คุณธรรมเพื่อชนะใจผู้คนฉันจะแทรกซึมจิติญญาของแกและช่วยให้แกบรรลุสัจธรรมให้เอง”
เพียะๆๆๆ!
แม้แต่ฉินเฟิงก็ไม่แน่ใจว่าเขาตบเหวยเสียวเหล่ยไปกี่ครั้งแต่เมื่อมือของเขาเริ่มเจ็บเขาก็หยุด
เหวยเสียวเหล่ยไม่ได้ดูหล่อและหยิ่งอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปฉินเฟิงจำเขาไม่ได้อีกแล้วเพียงแวบเดียวเขาก็ดูเหมือนกับญาติพี่น้องของตือโป๊ยก่าย
เหวยเสียวเหล่ยที่โดนตบจนเหมือนหมูทำอะไรไม่ได้แม้แต่ร้องเพียงขยับสีหน้า เขาก็เจ็บจนเหมือนกับมีบางอย่างฉีกหัวใจทำลายปอดเขาอยากจะะโใส่ฉินเฟิงจริงๆ ว่า‘ไม่ใช่แกบอกว่าจะชนะใจคนด้วยคุณธรรมและไม่ใช้กำลังแต่ใช้เหตุผลหรือไงวะ? ไอ้ตอแหลเอ้ย’
แต่ตอนนี้แม้แต่จะร้องออกมาก็ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะะโใส่ใครได้
เสียงข้างนอกดังมากจนบอดี้การ์ดที่คอยระวังสวี่รั่วโหรวเดินลงมาเขาเห็นว่ามีอีกคนที่อยู่บนยอดเขา เขาจึงวิ่งมาหาฉินเฟิงทันทีและถาม “เฮ้ ไอ้หนูแกมาจากไหน? แล้วนายน้อยเหวยไปไหนแล้ว?”
ฉินเฟิงชี้ไปที่เหวยเสียวเหล่ยแต่ก่อนที่เขาจะพูด บอดี้การ์ดก็ะโด้วยความใ “เชี่ยไอ้หมูนั่นมันฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็มนุษย์หมู...พ...พวกนายมาจากไหนกัน? พวกนายเป็เทพเหรอ?”
บอดี้การ์ดของเหวยเสียวเหล่ยไม่ได้มีIQน้อย อย่างไรก็ตาม การขี่จักรยานของฉินเฟิงนั้นไวมากและเขามาโดยไร้ร่องรอยดังนั้นบอดี้การ์ดจึงจินตนาการไม่ออกว่าฉินเฟิงกับคนหัวหมูมาจากไหน
“ในเมื่อนายรู้ความลับของ์แล้วแสดงว่าเรามีชะตาต้องกัน...นี่คือราชทูต ตือโป๊ยก่ายและฉันคือผู้ชนะาซุนหงอคง เราติดตามพระถังซัมจั๋งเพื่อไปอัญเชิญพระไตรปิฎกในดินแดนทางตะวันตกแต่เราก็แยกทางกันตอนนี้เรากำลังมองหาเ้านายอยู่...ดูนั่นสิ ขนาดเ้าแม่กวนอิมยังมาเลย”ใบหน้าของฉินเฟิงจริงจังและชี้ไปข้างหลังของบอดีการ์ด
บอดีการ์ดเหงื่อตกในค่ำคืนที่มืดมิดนี้เขายืนอยู่จุดบนสุดของเขาโค้งงูล้อมรอบไปด้วยความมืดและมีแม้แต่สายลมหนาวเย็น ตอนนี้จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าสองคนพูดเื่น่าหัวเราะด้วยอารมณ์ชั่ววูบบอดีการ์ดเชื่อฉินเฟิงและหันหน้าไปข้างหลัง
เขาเตรียมที่จะเคารพเ้าแม่กวนอิมที่มาพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องลงมาจาก์แต่สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดคือความมืดของหุบเขาเหมือนเดิม
ผลัวะ!
ฉินเฟิงสับต้นคอของบอดี้การ์ดและเขาก็สลบไป
เหวยเสียวเหล่ยมองเห็นทุกอย่างต่อหน้าต่อตาขณะที่กำลังมองอยู่มีหลายครั้งที่เขาอยากจะะโลงจากูเาเขาหัวเราะเมื่อคิดว่าเขาใช้เงินสองหมื่นหยวนเพื่อจ้างบอดี้การ์ดคนนี้มา