ภายในพรรคเทพหมาป่า์ ณ เขตพื้นที่หุบเขาแห่งหนึ่ง
จางเจิ้งเต้ายามนี้มีสีหน้าอาทรร้อนใจ ของรักของมันยังคงอยู่ในเงื้อมมือของหวังเค่อ แล้วจะให้มันหนีไปได้หรือ? จะไม่เอาแล้วรึยังไง?
ไม่ใช่ว่าจางเจิ้งเต้าหาระฆังล่มสลายไม่พบ ตอนที่ออกเตร็ดเตร่ไปทั่วพรรคเทพหมาป่า์ได้ครึ่งชั่วยาม มันก็หาเจอั้แ่ตอนนั้นแล้ว
ข้างตัวมันคือศิษย์พรรคเทพหมาป่า์คนหนึ่งที่คอยทำหน้าคอยอธิบายถึงสิ่งต่างๆ ขณะเดียวกันก็พามันเดินวนรอบพรรคเป็วงกลม เพราะคนนำทางผู้นี้ได้รับคำสั่งมาจากศิษย์พี่ใหญ่ให้ลากถ่วง ‘จางเสินซวี’ ตรงหน้าเอาไว้ อย่าได้ปล่อยให้อีกฝ่ายไปร่วมพิธีแต่งงานตอน่บ่ายที่ตำหนักหมาป่าบูรพาได้เป็อันขาด แม้ว่าศิษย์คนนี้จะไม่รู้ถึงสาเหตุ แต่ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่สั่งการมา มันก็ได้แต่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“หุบเขาแห่งนี้เรียกว่า ‘หุบเขาวีรชน’ ภายในหุบเขาวีรชนมีกระดูกของศิษย์พรรคเทพหมาป่า์แต่ละรุ่นฝังเอาไว้ กระทั่งรวมถึงกระดูกของประมุขพรรคหลายต่อหลายรุ่น เพื่อความสงบร่มเย็นของสิบหมื่นมหาบรรพต พวกท่านได้ล้างบางอสุรกายและเหล่ามารไปมากมายนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายเป็เพราะความเผอเรอในตอนท้ายจึงต้องสิ้นใจไปด้วยเงื้อมมือมารอสูร จิติญญาของพวกท่านคู่ควรเป็แบบอย่างให้อนุชนอย่างพวกเราได้ศึกษา และท่านประมุขพรรคก็จะเป็ผู้นำพวกเรามากราบไหว้เป็ครั้งคราวด้วยตัวเอง!” คนนำทางชี้ไปทางที่ฝังศพที่ตั้งอยู่มากมายนับไม่ถ้วนภายในหุบเขาขณะเปิดปากอธิบาย
หุบเขาวีรชน? จางเจิ้งเต้าย่อมไม่มีทางสนใจอยู่แล้ว! สิ่งเดียวที่มันสนใจก็คือระฆังขนาดหนึ่งจั้งที่แขวนอยู่บนหอระฆังขนาดใหญ่ลึกเข้าไปในหุบเขาวีรชนที่ว่านั่นต่างหาก
“ระฆังใบใหญ่ตรงนั้นคือ...?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใจจดใจจ่อ
“นั่นก็คือระฆังเตือนภัยการล่มสลายของพรรคเทพหมาป่า์ ทุกครั้งที่พรรคเทพหมาป่า์มากราบไหว้เหล่าบรรพบุรุษกันที่หุบเขาวีรชนก็จะตีระฆังหนึ่งครั้งเพื่อให้ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์เราจดจำความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ของเหล่าวีรชนไว้ตลอดไป ศิษย์ทุกคนที่ได้ยินเสียงระฆัง ต่อให้ตอนนั้นพวกมันกำลังอยู่ลึกเข้าไปในสิบหมื่นมหาบรรพตจนไม่อาจปลีกตัวกลับมาได้ก็ยังต้องยืนอยู่กับที่เพื่อทำการไว้อาลัย! ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงความเคารพนับถือนั่นเอง!” คนนำทางพรรคเทพหมาป่า์คนนั้นกล่าวอธิบาย
“ข้ารู้ แต่ที่ข้าหมายถึงก็คือใครเป็คนเฝ้าระวังระฆังล่มสลาย?” จางเจิ้งเต้ามองไปทางศิษย์พรรคเทพหมาป่า์สามคนที่ยืนอยู่รอบหอระฆัง
“อ้อ นั่นคือศิษย์พี่เฝ้าระฆัง พวกมันมีหน้าที่คอยจับตาเฝ้าระวังระฆังล่มสลาย หากไม่ใช่ว่าถึงคราวล่มสลายของพรรค ใครก็ห้ามเฉียดเข้าไปใกล้โดยปราศจากคำสั่งจากประมุขพรรค ต่อให้เป็ศิษย์พี่ใหญ่เองก็ไม่ได้!” คนนำทางคนนั้นอธิบายต่อ
“แล้วระดับฝึกปรือของพวกมันอยู่ที่ขั้นไหน?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างเป็กังวล
“ศิษย์พี่ทั้งสามต่างก็เป็ยอดฝีมือขั้นดวงธาตุทองคำกันหมด!” คนนำทางคนนั้นยิ้มกริ่ม
ขอบเขตดวงธาตุทองคำ? จางเจิ้งเต้าหน้าแข็งทื่อ แม่งเอ๊ย ขอบเขตดวงธาตุทองคำสามคนคอยจับตา แล้วข้าจะเคาะระฆังได้ยังไง?
“หากมีคนดึงดันจะเข้าใกล้โดยไม่มีคำสั่งจากท่านประมุขจะจัดการอย่างไร?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“ฆ่าโดยไม่ปรานี!” คนนำทางคนนั้นเอ่ยออกมาทันที
จางเจิ้งเต้า “…!”
ที่แท้ข้าก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่คืบเดียว! สามดวงธาตุทองคำคอยเฝ้าระวัง หากข้าเฉียดไปใกล้มีแต่ต้องตายโดยไม่มีการผ่อนปรน ไอ้ระฆังผายลมเอ๊ย! หวังเค่อ เ้าเล่นมอบงานซังกะบ๊วยแบบนี้ให้ข้า แล้วเ้าอยากจะให้ข้าทำยังไงกันแน่!
จางเจิ้งเต้าขยุ้มหัวตัวเองอย่างจิตตกสลดใจอยู่สักพัก แต่หากไปเคาะระฆังไม่ได้ หวังเค่อก็จะขยี้ของรักของหวงของมันทิ้ง
“หวังเค่อ ไอ้ไก่ขนเหล็กขี้หลีเห็นหญิงดีกว่ามิตรสหาย เ้าจะลากถ่วงองค์หญิงโยวเยว่ออกไปหน่อยไม่ได้เชียวหรือ? ต้องยืนกรานที่จะเข้าพรรคเทพหมาป่า์เอาวันนี้ให้ได้ ไว้ประมุขพรรคเทพหมาป่า์โผล่มาเมื่อไหร่พวกเ้าค่อยมาก็ยังได้เลยไม่ใช่รึไง? เ้ามุ่งเสพกามแต่ละเลยสหายน้ำมิตร! ถุย! ไอ้ไก่ขนเหล็ก มารราคะ! แม่งเอ๊ยนี่จ้องเอาชีวิตกันชัดๆ!” จางเจิ้งเต้าสาปส่งอย่างแสนหดหู่ใจ
“พี่จาง เอาเป็ว่าเราไปเยี่ยมชมสถานที่อื่นกันดีหรือไม่?” คนนำทางกล่าวชักจูง
“ไม่ไป!” จางเจิ้งเต้าตอบกลับอย่างฉุนเฉียว
ไปกับผายลมเ้าสิ คิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อเล่นสนุกรึยังไง?
“อ๋า?” คนนำทางทำหน้าเหลอหลา
จางเจิ้งเต้าพลันรู้ตัวว่าเมื่อกี้มันใช้น้ำเสียงห้วนเกินไป
“ไม่คือข้าหมายถึงข้ายังไปตอนนี้ไม่ได้ ไอ๊หยา อาการาเ็ที่ถูกเ้าตัวปลอมนั่นทำร้ายตอนที่อยู่นอกพรรคก่อนหน้านี้กำเริบขึ้นมา จำต้องรักษาโดยด่วน!” จางเจิ้งเต้าสวมท่าทีเรียกความเห็นใจขึ้นมาทันใด
“อาการาเ็กำเริบ? งั้นข้าจะรีบนำท่านกลับไปเดี๋ยวนี้เลย!” คนนำทางโพล่งออกมา
“สายไปแล้ว ไม่ทันแล้ว เ้าแค่หาห้องให้ข้าที่นี่ก็พอ ที่นี่นี่แหละ กลับไปไม่ทันแล้ว!” จางเจิ้งเต้ารีบกล่าว
คนนำทางตะลึงไป เมื่อกี้ตอนที่กำลังเดินชมนกชมไม้กัน ท่านก็ยังแข็งแรงปึ๋งปั๋งดีอยู่เลยนี่นา! ไม่มีวี่แววการาเ็ตรงไหนเลย! แล้วจู่ๆ ก็มาบอกว่าไม่ทันแล้วเนี่ยนะ? ไม่ใช่ว่าจะคลอดลูกกันตรงนี้เสียหน่อย ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวรึ?
แน่นอนว่าหากจางเจิ้งเต้า้าจะกักตัวเพื่อรักษาอาการาเ็ย่อมเป็เื่น่ายินดีอย่างถึงที่สุด เพราะคนนำทางผู้นี้ระลึกถึงคำฝากฝังของศิษย์พี่ใหญ่ขึ้นมาได้ว่าไม่อาจปล่อยให้มันไปเข้าร่วมงานแต่งในตอนบ่ายได้เป็อันขาด ดังนั้นไม่อาจปล่อยตัวมันกลับไปได้
“งั้นก็ได้ พี่จาง ทางนี้มีที่พักอยู่พอดี เชิญท่านเข้าไปได้เลย! ข้าจะช่วยเฝ้าให้เอง!” คนนำทางให้คำมั่นสัญญา
จางเจิ้งเต้าก็ไม่รอช้าวิ่งหายเข้าไปในห้องที่ว่าทันที ขณะเดียวกันก็จัดการปิดประตูลงกลอนเสร็จสรรพ
คนนำทางเผยสีหน้าประหลาดออกมา พี่จางคนนี้กำลังาเ็อยู่ใช่หรือไม่? แล้วทำไมมันถึงเคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวขนาดนี้เล่า?
ภายในห้อง จางเจิ้งเต้ายกมือปาดเหงื่อบนหน้า
“จะทำยังไงดี? หากตีระฆังไม่ได้ หวังเค่อต้องทำลายของรักของข้าแน่! แต่ถ้าตีระฆัง ข้าก็จะถูกขอบเขตดวงธาตุทองคำสามคนนั่นสับสังหารอยู่ดี? แม่งเอ๊ย หวังเค่อ เ้าลูกตัวบัดซบ นี่น่ะหรือที่เ้าบอกว่าง่าย?” จางเจิ้งเต้าหดหู่สุดประมาณ
หลังจากใช้สมองขบคิดอยู่นาน อย่างไรซะของรักของหวงมันก็สำคัญกว่า
จางเจิ้งเต้าถอนหายใจออกมายาวเหยียด จากนั้นล้วงเอาวัสดุอุปกรณ์ออกจากถุงมิติ มีทั้งจอบ มีทั้งพลั่ว
“มารดามันเถอะ สู้ก็สู้วะ! หวังเค่อ เ้าลูกตัวบัดซบเอ๊ย!” จางเจิ้งเต้าสบถออกมาคราหนึ่งจากนั้นจึงเริ่มลงมือขุดหลุมในตัวบ้าน
ตอนที่มันกับหวังเค่อร่วมกันออกปล้นสุสาน ทักษะการขุดอุโมงค์เข้าออกย่อมต้องบ่มเพาะมา
หากไปที่หอระฆังซึ่งหน้านั่นเท่ากับรนหาที่ตาย งั้นก็มีแต่ต้องขุดอุโมงค์ ขุดไปให้ถึงใต้หอระฆัง ฉวยจังหวะที่สามดวงธาตุทองคำไม่สังเกตเคาะระฆังแล้วก็หนีไปซะ มีแต่วิธีนี้เท่านั้น
ขุด ขุด ขุดดด………!
จางเจิ้งเต้าจำพิกัดทิศทางได้จึงไม่มีการขุดพลาด ไม่นานก็ขุดลงถึงใต้ดิน มุ่งตรงไปทางหอระฆัง แต่ขุดไปขุดมา มันกลับไปเจอโลงศพโลงหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ
“โลงศพ? นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? วันนี้ข้าไม่ได้มาปล้นสุสานเสียหน่อย! จู่ๆ ก็ให้ลาภกันอย่างนี้เลยรึ?” จางเจิ้งเต้าผงะไป
มันใช้จอบฟาดลงไป โลงศพเก่าผุก็แตกกระจายในพริบตา จากนั้นทรัพย์สมบัติจำนวนมากก็เทกระจาดออกมาจากในโลง จางเจิ้งเต้าตาลุกวาว วันนี้ข้ากลับโชคนี้ถึงเพียงนี้? หลับหูหลับตาขุดก็ยังได้ทรัพย์?
แต่แล้วกะโหลกใบหนึ่งก็ไถลตามออกมาด้วย ตกลงในอ้อมอกของจางเจิ้งเต้า
มองดูกะโหลกในอ้อมอก จางเจิ้งเต้าก็ตื่นเต็มตา สถานที่ให้ลาภแห่งนี้ดูจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว! เมื่อกี้คนนำทางคนนั้นบอกว่ายังไงแล้วนะ?
“นี่คือหุบเขาวีรชนของพรรคเทพหมาป่า์ ภายในหุบเขามีกระดูกของศิษย์พรรคเทพหมาป่า์เราในแต่ละรุ่นฝังเอาไว้ กระทั่งรวมถึงกระดูกของประมุขพรรคบางรุ่น”
จางเจิ้งเต้ามองดูกะโหลกในอ้อมอกของตัวเองด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “ข้า ข้าคงจะไม่ได้กำลังขุดลอกสุสานบรรพบุรุษของพรรคเทพหมาป่า์อยู่หรอกนะ!”
หน้าผากของจางเจิ้งเต้าพลันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
ลั่นระฆังล่มสลายตอนที่พรรคไม่ได้อยู่ในวิกฤตอย่างมากตนก็ถูกศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ไล่ฆ่า
งั้นถ้าพ่วงข้อหาขุดสุสานบรรพชนที่พรรคเทพหมาป่า์เฝ้าระลึกสักการะกับขุดกระดูกของประมุขพรรครุ่นก่อนเข้าไปด้วยล่ะ ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์จะทำยังไงกับข้า?
จางเจิ้งเต้าหลั่งเหงื่อเป็สายฝน จู่ๆ ก็ไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น คนยืนอุ้มกะโหลกตัวแข็งทื่อด้วยสมองที่ว่างเปล่า ข้าเป็ใคร? ข้าอยู่ที่ไหน? ข้ากำลังจะทำอะไร?
พรรคเทพหมาป่า์ ปากทางเข้าออกตำหนักหมาป่าบูรพา
หวังเค่อกอดองค์หญิงโยวเยว่ไว้ในอ้อมอก รายล้อมด้วยคนของตนเอง เดิมทีเกือบจะปลีกตัวออกไปได้อยู่แล้ว แต่จางหลี่เอ๋อร์ก็ต้องมาหยุดพวกตนไว้เสียฉิบ
“พวกเ้าห้ามไปไหนทั้งนั้น! ก่อนที่จะได้เห็นน้องชายข้า ใครก็ห้ามไปไหน พวกเ้าเองก็ด้วย!” จางหลี่เอ๋อร์ตวาด
หวังเค่อ “…!”
สตรียิ่งงามก็ยิ่งขุดหลุมทำร้ายคนได้เหี้ยมโหดขึ้นเท่านั้น? นี่ก็คงจะเป็สตรีอีกนางที่มาขุดหลุมดักข้าใช่ไหม?
บรรดาแเื่ในเวลานี้เองก็เผยสีหน้าโง่งมออกมา งานแต่งของพรรคเทพหมาป่า์ในวันนี้ชักจะดุเด็ดเผ็ดมันเกินไปแล้ว! เมื่อครู่เพิ่งจะเป็ละครสวมเขากันอยู่หยกๆ แต่เพียงเสี้ยวพริบตาก็กลายเป็ศึกชิงผู้ไปเสียแล้ว แต่สตรีทั้งสองกลับไม่แก่งแย่งชิงดีกันอีกต่อไป คนหนึ่งตั้งท่าจะผละจาก อีกคนโวยวายอาละวาด? แล้วเ้าบ่าวเล่า? ไม่มีอะไรจะพูดบ้างเลยรึ!
ทุกคนมองไปทางมู่หรงลวี่กวง มู่หรงลวี่กวงในตอนนี้เองก็กำลังว้าวุ้นกระวนกระวายอย่างยิ่ง เหตุการณ์เยี่ยงนี้จะให้ข้าพูดอะไร? ข้ายังจะพูดอะไรได้? ข้าเองก็ลำบากเหมือนกัน!
ซุนซงทางด้านข้างสีหน้าแข็งค้าง “จางหลี่เอ๋อร์ เ้าวางใจเถอะ จางเสินซวียังสุขสบายดี ก็แค่าเ็นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง อีกเดี๋ยวก็เดินปร๋อได้แล้ว วางใจได้เลย!”
ในฐานะพิธีกรของงานแต่งในวันนี้ ซุนซงอยากกอบกู้สถานการณ์สักเล็กน้อย
“เป็มัน มันนั่นแหละที่ออกคำสั่งให้ส่งสายฟ้าผ่าใส่จางเสินซวี แถมยังบอกอีกว่าห้ามหยุด! ผ่าให้ตายกันไปข้าง!” หวังเค่อได้ทีก็รีบสุมไฟ
ซุนซง “…!”
มารดาเ้าเถอะ นี่ยังเป็สิ่งที่มนุษย์ควรพูดออกมาอยู่อีกหรือ? ไม่เห็นรึไงว่าแค่นี้สถานการณ์ก็ยุ่งเหยิงพออยู่แล้ว? ทั้งที่ข้ากำลังช่วยกอบกู้สถานการณ์อยู่ แต่เ้ากลับเลือกที่จะเอามีดมาแทงข้างหลังข้า?
แล้วจะไม่ให้หวังเค่อเอามีดแทงหลังยังไงไหว! ตอนนี้ทุกความสนใจของคนในที่นี้ล้วนมากองอยู่ที่มันหมด โดยเฉพาะจางหลี่เอ๋อร์นั่นที่คอยแต่จะขวางตนอยู่เป็อาจิณ แล้วแบบนี้ตนจะหนีไปได้ยังไง? ดังนั้นก็ต้องหาแพะมาเบี่ยงเบนความสนใจอยู่แล้ว ความซวยของเ้าดันโดดเด่นกว่าความซวยของข้า เพราะงั้นกลยุทธ์เขวี้ยงหม้อก้นดำจึงเขวี้ยงลงกบาลเ้าไปโดยปริยาย สำมะหาอะไรกับที่เื่ที่ข้าพูดก็เป็ความจริง ข้าก็แค่ลบข้อกังขาที่มีอยู่บนตัวข้าออกไปเท่านั้นเอง
จริงดังคาด สายตาของจางหลี่เอ๋อร์และคนทั้งหมดพลันเลื่อนมารวมศูนย์อยู่ที่ซุนซงกันทันที
ซุนซงอยากร่ำไห้ทว่าไม่มีน้ำตา แม่งเอ๊ย พวกเ้าจะมองข้าหาอะไร สรุปว่างานแต่งนี้ยังจะจัดกันอยู่ไหม?
“จางหลี่เอ๋อร์ เ้าวางใจได้ ข้ารับประกันถึงความปลอดภัยของจางเสินซวี นี่ก็ถึง่บ่ายแล้ว รีบดำเนินพิธีกันต่อดีกว่า ไม่งั้นแล้วจะชวดฤกษ์ยามไปนะ!” ซุนซงกล่าวอย่างร้อนรน
ขณะกำลังร้อนใจมันก็ส่งสายตาไปทางมู่หรงลวี่กวงที่อยู่ไม่ไกลออกไป คล้ายกำลังต่อว่ามู่หรงลวี่กวงว่าข้าอุตส่าห์พูดไปตั้งขนาดนี้แล้ว ทีนี้ก็ถึงตาเ้ารับมุขต่อ เพ้ย ไม่สิ รับหน้าที่ต่อได้แล้ว
ในที่สุดมู่หรงลวี่กวงก็มองออกว่าซุนซงกำลังตกที่นั่งลำบาก จึงพยักหน้ากล่าวขึ้นว่า “หลี่เอ๋อร์ มีเื่อะไรไว้ค่อยคุยกันดีหรือไม่ เ้าลืมแล้วหรือไงว่าวันนี้เป็วันอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกข้าพูดชัดแล้วหรือ? น้องชายของเ้ายังคงมีชีวิตอยู่ ส่วนเื่ที่มันต้องเจ็บตัวข้าจะชดใช้ให้กับมันในภายหลัง เพราะงั้นสบายใจได้! พวกเรามาเริ่มพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันต่อดีกว่า!”
หากมู่หรงลวี่กวงไม่กล่าวหว่านล้อมยังพอทำเนา แต่ทันทีที่กล่าวออกมา ต่อมโทสะของจางหลี่เอ๋อร์จึงถูกกระตุ้นเข้าอย่างจัง
ดวงตาของจางหลี่เอ๋อร์ถลึงกว้าง ผ้าปิดหน้าในมือถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะกระทืบตามลงไปอีกสองเท้า
“เื่มันเลยเถิดมาตั้งขนาดนี้แล้ว กราบแม่เ้าสิ! ศิษย์พรรคอีกาทองคำเตรียมตัวรื้อค้นชิงคนมาจากพวกมันเดี๋ยวนี้!” จางหลี่เอ๋อร์คำรามอย่างอหังการ
“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง………………!”
เสียงดาบกระบี่ถูกชักออกจากฝักดังขึ้นถี่รัว แเื่ทั้งหมดมองจางหลี่เอ๋อร์อย่างตกตะลึง พวกมันได้ยินมานานแล้วว่าจางหลี่เอ๋อร์เป็พวกเ้าอารมณ์ แต่ฉากในตอนนี้มันแค่เ้าอารมณ์ที่ไหนกัน! รื้อคนชิงคน? นี่นางตั้งใจจะแลกชีวิตกับพรรคเทพหมาป่าหรือยังไง?
มู่หรงลวี่กวงเมื่อเห็นจางหลี่เอ๋อร์ชักดาบออกมาก็หน้าแข็งทื่อไปเหมือนกัน แต่มู่หรงลวี่กวงเข้าใจว่าการรื้อค้นชิงคนของจางหลี่เอ๋อร์ไม่ได้เพ่งเล็งมาที่ตน แต่เป็มารอสูรในที่นี้ นาง้าที่จะชิงลงมือก่อน
แต่งงานกราบไหว้ฟ้าดิน? นางจางหลี่เอ๋อร์ไม่เคยคิดกราบไหว้ฟ้าดินมาก่อน ทั้งหมดก็แค่การแสดงเท่านั้นเอง แต่ตนกลับยึดเป็จริงเป็จังไปเอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้เื่ด่วนสำคัญกว่า เริ่มเลยเถอะ!” ซุนซงเอ่ยด้วยสีหน้าขื่นขม
การแต่งงานนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว มิสู้เร่งมือปราบมารยังดีซะกว่า!
มู่หรงลวี่กวงมองหวังเค่อและองค์หญิงโยวเยว่ที่อยู่ห่างออกไปไม่มากด้วยแววตาอึมครึม ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดพวกเ้า ไม่งั้นล่ะก็วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องอยู่ในกำมือข้าไปแล้ว ไหนเลยจะเกิดเื่จากจริงเป็ลวงจากลวงเป็จริงอย่างนี้ขึ้นมาได้?
“ปิดประตู เตรียมลงมือได้!” มู่หรงลวี่กวงะโสั่งการ
“ปัง!”
มีเสียงดังก้องมาจากทางฝั่งประตูพรรคเทพหมาป่า์ นั่นกลับเป็ประตูพรรคที่ปิดลงอย่างกะทันหัน วินาทีนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจออกไปได้อีก
หวังเค่อที่เตรียมชิ่งสีหน้าพลันว่างเปล่า จบกัน หนีออกไปไม่ได้แล้วหรือนี่?
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ต่างก็ชักดาบชักกระบี่กันออกมา
แขกทุกคนเผยสีหน้าตื่นตะลึง
“นี่มันเื่อะไร? ไม่แต่งงานแล้ว? ฝ่ายชายฝ่ายหญิงตั้งท่าจะแลกชีวิตกันจริงๆ?” แขกคนหนึ่งรำพึงขึ้นมาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ยังดีๆ กันอยู่เลยหรอกหรือ? แต่ทำไมจู่ๆ ถึงจะรื้อค้นชิงคนกันขึ้นมาได้? พรรคอีกาทองคำ? พรรคเทพหมาป่า์? ปิดประตูไม่ยอมให้ออก?
“ท่านทั้งสอง สงบสติอารมณ์กันก่อน!” แขกคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาเกลี้ยกล่อม
แต่วินาทีถัดมาแขกคนนั้นกลับเห็นว่ามู่หรงลวี่กวงและจางหลี่เอ๋อร์ไม่ได้หันคมอาวุธเข้าหากัน แต่กำลังจ่อมาทางตนและแเื่ทั้งหมด แขกคนนั้นกลายเป็โง่งมไป ข้าก็แค่อยากจะไกล่เกลี่ยเฉยๆ พวกเ้าถึงกับจะฆ่าแกงข้าเชียวรึ?
“พะ พวกเ้าจะทำอะไร?”
“ข้าคือแขกที่พวกเ้าเชิญตัวมานะ!”
“แม้แต่คนไกล่เกลี่ยพวกเ้าก็ยังจะฆ่าเชียวหรือ!”
บรรดาแเื่ต่างหวีดร้อง
หวังเค่อที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลเองก็เผยสีหน้าโง่งมออกมา “พอแต่งงานไม่สำเร็จก็เลยฆ่าคนปิดปากมันซะเลย แม้แต่แขกที่เชิญมาก็ยังไม่เว้น? ศิษย์สำนักเซียนล้วนแต่บ้าคลั่งเสียสติกันแบบนี้หมดหรือไม่?”
