“ตาบ้า นายมีความลับที่ฉันไม่รู้อีกกี่อย่างกันแน่” หลิ่วเยียนนอนแผ่บนตัวของกัวไฮว่พร้อมกับถามเบาๆ
“ถ้าฉันบอกว่าเมื่อก่อนฉันเป็เทพเซียนเธอจะเชื่อหรือเปล่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไม่เชื่อ นายน่ะเหรอเทพเซียน ฉันว่านายเป็ปีศาจละสิไม่ว่า ปีศาจที่มาหลอกผู้หญิงที่โลกมนุษย์โดยเฉพาะเลยไม่นานก็ต้องถูกเทพเซียนจับไป” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆกัวไฮว่เองก็หัวเราะตามไปด้วย ช่วยไม่ได้ อันที่จริงบางครั้งคนก็เชื่อยากเหมือนกัน
“คืนนี้ฉันเชิญคนจากห้างประมูลมากินข้าวด้วย เธออย่าไปเลยเพราะคืนนี้อาจเกิดเื่สนุกๆ ขึ้น” เมื่อสักครู่กัวไฮว่ได้เสี่ยงทายดูตระกูลกู่...ดีมาก
“รับปากฉันนะว่าอย่าเป็อะไรไป” หลิ่วเยียนกัดริมฝีปากพูดขึ้นเบาๆกัวไฮว่ก็ค่อยๆ ผงกศีรษะ กลุ่มผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า มาสิ
“กู่เวย กู่เจิ้น กู่เทียน กู่อี้ ครั้งนี้พวกเธอสี่คนลุยด้วยกันเลย พากัวไฮว่กลับมาตระกูลกู่ถ้ามันขัดขืน งั้นก็ไม่ต้องสนเป็ตายแล้ว” ณบ้านตระกูลกู่ กู่เจิ้นเหลยพูดขึ้นเบาๆ กับชายวัยกลางคนทั้งสี่ในขณะที่เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างกัวไฮว่กับเซวียนหยวนซยงเฟิงนั่นเองในใจเขาก็จัดกัวไฮว่เอาไว้เป็ศัตรู ศัตรูที่น่ากลัวแบบนี้ เป็หมอหมอที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรเป็บ้าได้แบบนี้จะทิ้งเอาไว้ไม่ได้
“แกว่าท่านผู้นำระวังมากไปหรือเปล่า จัดการเด็กอายุสิบกว่าปีแค่คนเดียวดันให้พวกเราไปกันสี่คนเื่นี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะไม่งั้นอายแย่เลย” กู่อี้พูดพลางส่ายศีรษะ
“หมอนี่ฉันรู้จัก งานประมูลเช้าวันนี้เขาได้เงินไปอย่างน้อยๆ แปดพันล้านดูทรงแล้วไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่ายๆ แน่ พวกเราจะประมาทไม่ได้ไม่งั้นถ้าตกม้าตายได้ขายหน้าแน่” กู่เวยที่มีอายุมากที่สุดพูดขึ้นเบาๆ
“แค่กๆ พี่เวย พี่ว่าไงนะ งานประมูลวันนี้เด็กนั่นได้ไปแปดพันล้านรวยนะเนี่ย ดูทรงจะรวยนะเนี่ย แต่ท่านผู้นำก็ไม่น่าจะขาดเงินนะจับเด็กนี่ไปทำไมกัน” กู่เทียนถามเบาๆ
“อย่ายุ่งนักเลย ในเมื่อผู้นำให้พวกเราไปจัดการก็จัดการให้เรียบร้อยก็พอแล้ว” กู่เวยพูดเบาๆ “ถ้ามีอันตรายอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ลบเป้าหมายเลย ในเมื่อผู้นำก็บอกแล้วว่าจะเป็ตายก็ช่างมัน”
ชายวัยกลางคนตระกูลกู่ทั้งสี่หายตัวไปท่ามกลางบ้านตระกูลกู่ในตอนนี้เองกัวไฮว่ก็ทราบได้ว่า ถึงแม้จะเสี่ยงทายรู้ว่าจะมีอันตรายทว่าเขาไม่รู้ว่าตระกูลกู่จะทำอะไรตนเอง ทำได้เพียงปล่อยให้เป็ไปตามสถานการณ์
“ไอ้น้อง พนักงานห้างประมูลเรารอนายอยู่ที่ร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์นะนายจะมาถึงเมื่อไหร่เหรอ” โม่เป่ยเฟิงต่อสายโทรหากัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ
“ไอ้น้อง รีบหน่อยสิ วันนี้เป่ยเฟิงบอกว่านายได้เงินก้อนใหญ่พวกเราอยากถลุงเงินเศรษฐีหน่อย” เสียงของหนิวเหมิ่งลอยเข้าไปในหูของกัวไฮว่ “เหล้า ไอ้น้องอย่าลืมเอาเหล้ามานะ!”
“พวกพี่สั่งอาหารกินกันไปก่อน เดี๋ยวผมก็ถึงแล้ว วันนี้ผมเลี้ยงเองสั่งของอร่อยๆ ในร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์มาเลยผมไม่อยากได้ยินพนักงานของพวกพี่บอกว่ากัวไฮว่ ผอ. คลินิกไม่ขี้งกหรอกนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนปลายสายอีกฟากได้ยินเสียงว่าได้ก็ดังขึ้นมา
“งั้นพวกเราไม่รอนายแล้วนะ ไอ้น้อง ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยพวกเรารู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่ ฮ่าๆ” โม่เป่ยเฟิงหัวเราะเสียงดังก่อนจะตัดสายกัวไฮว่ยิ้มบางๆ แล้วออกจากห้องทำงานของหลิ่วเยียนไป รถอยู่ที่โรงรถชั้นใต้ดิน ตระกูลกู่มาก็มาสิ
“เป้าหมายปรากฏตัว ฉันออกไปก่อน พวกแกสามคนซ่อนตัวไว้ให้ดีถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ยิงมันได้เลย” เมื่อกู่เวยพูดเสร็จก็หายตัวไปจากตรงนั้น
“สี่คน ตระกูลกู่เล่นใหญ่นะเนี่ย” กัวไฮว่ััได้ถึงกลิ่นอายของสี่คนแม้จะไม่รู้ว่าผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนจะมีความสามารถอะไรกันแน่ทว่าก็พอรู้ว่าคนพวกนี้เป็เพียงเซียนเทียนระยะหลังคงจะไม่ได้อันตรายกับตนมากเท่าไหร่
“กัวไฮว่ใช่ไหม มีบางอย่างที่อยากคุยกับเธอน่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่า” กู่เวยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ เขาพูดขึ้นยิ้มๆ
“ใส่ชุดสีดำ ปกปิดใบหน้า ต้องเป็คนไม่ดีแน่ๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กู่เจิ้นเหลยส่งพวกแกมาใช่ไหม ทำไมเขาไม่มาเองล่ะ อีกสามคนก็ออกมาเถอะ”
เพียงแค่สามประโยคง่ายๆ ก็ทำให้มีเหงื่อผุดอยู่บนหน้าผากกู่เวย ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ประฝีมือทว่าแค่ประโยคเดียวก็ทำเอาพวกแกไพ่พลิกตระกูลกู่สามคนที่ซ่อนตัวอยู่จะออกมาก็ไม่ใช่ ไม่ออกมาก็ไม่ใช่
“ฉันเป็หมอ แต่ก็ต่อสู้เป็หรือว่าแกจะให้ฉันลงมือก่อนพวกแกถึงจะออกมาหรือไง” กัวไฮว่พูดพลางถือเข็มเอาหลายเล่มเอาไว้ในมือจากนั้นกู่เวยก็เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
“ฆ่ามัน!” กู่เวยชะงักไปเขาััได้ไอสังหารได้อย่างชัดเจนจากปลายเข็ม หากไม่ลงมือตอนนี้จะรอจนถึงเมื่อไหร่ นับั้แ่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่ยุทธภพมาอาจารย์ของเขาเคยบอกเขาว่า ลงมือก่อนเป็ย่อมได้เปรียบ ลงมือหลังย่อมเสียเปรียบ
เมื่อพูดเสร็จ ไออากาศแตกต่างกันสี่อย่างก็พุ่งมาทางกัวไฮว่สนามแรงโน้มถ่วง สนามช่องว่าง ความร้อน ความเย็นทั้งสี่คนร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม ทว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือกัวไฮว่
“สนามแรงโน้มถ่วงสิบเท่า เคลื่อนย้ายช่องว่างลดครึ่ง มือขวานั่นน่าจะควบคุมพลังความร้อนส่วนทางมือขวากลับตรงกันข้าม เริ่มแรกก็ใช้ของหนักๆ อย่างความร้อนเย็นกับฉันซะแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นเขาก็ก้าวเดินไปยังกู่เวยที่หลับตาทั้งสองแน่น
“พี่เวย ระวังนะ มันไม่เป็ไรจากสนามแรงโน้มถ่วงพี่เลย” กู่เทียนะโเสียงดัง เขาปรากฏตัวอยู่ในความว่างเปล่า
“เข้าใจช่องว่างได้ไม่เลวเลยนี่ ปิดช่องว่างได้อย่างง่ายดายด้วยพลังไม่เลวเลย แต่ก็ ลาก่อน” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็ขว้างเข็มไปเล่มหนึ่ง ปักไปบริเวณหัวใจของกู่เทียน
“อาเทียน” กู่เวยได้ยินเสียงของกู่เทียนเขาถลึงตาทั้งสอง สนามแรงโน้มถ่วงหายไปทว่าเห็นว่ากู่เทียนนอนแผ่อยู่บนพื้นไม่มีลมหายใจ กู่เทียน คนแกร่งแห่งตระกูลกู่ตายไปแล้ว
“กู่เจิ้น กู่อี้ พวกแกรีบไปเถอะ ฉันเอามันอยู่” ความรู้สึกสิ้นหวังระลอกหนึ่งก่อเกิดขึ้นในใจกู่เวยเมื่อเผชิญหน้ากับกัวไฮว่เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะแม้แต่นิดเดียวการตายของกู่เทียนทำให้เขาััได้ว่าครั้งนี้ตนไม่มีความหวังจะหนีไปด้วยซ้ำความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือให้กู่เจิ้นกับกู่อี้ได้หนีไป
“เมื่อกี้พวกแกใช้สนามแรงโน้มถ่วงกันไม่ใช่เหรอ ฉันก็ทำได้นิดหน่อยพวกแกก็ลองดูได้นะ” กัวไฮว่พูดพลางวาดมือในอากาศกู่เจิ้นกับกู่อี้ไม่ก้าวเท้าสักนิด กู่เวยสิ้นหวังไปหมดแล้วเพราะเขาััได้อย่างชัดเจนว่าสนามแรงโน้มถ่วงที่กัวไฮว่เผยออกมาเมื่อสักครู่แกร่งกว่าของตนเยอะนักหากตนเทียบกับกัวไฮว่แล้วละก็ เขาจบปริญญาเอกไปแล้วแต่ตนเองเพิ่งเข้าเรียนชั้นประถม
“ไอ้น้อง พวกเราเป็คนตระกูลกู่จริง แต่พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายปล่อยพวกเราไปเถอะ นายอยากได้อะไรตระกูลกู่จะให้นายพอใจทุกอย่างเลย” กู่เวยพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “นายเองก็เป็ผู้มีพลังวิเศษผู้นำตระกูลเราเป็หัวหน้ากลุ่มผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า ฉันว่านายไปเจอผู้นำตระกูลเราหน่อยไหมต่อไปหลายเื่ก็จะจัดการได้ง่าย”
“ผู้มีพลังวิเศษ? ผมไม่นับว่าเป็ผู้มีพลังวิเศษหรอก” กัวไฮว่ยิ้มบางๆ “แต่หลักการของฉันนั้นง่ายมากคนไม่ทำร้ายฉัน ฉันก็ไม่ทำร้ายคนอื่น แต่ถ้ามีคนมาทำร้ายฉัน ฉันก็ต้องทำร้ายมันฉันไปหาตระกูลกู่แน่ ไม่ต้องให้พวกแกพาไปหรอก แล้งพวกแกก็ไม่ต้องมาแจ้งด้วยจำไว้นะ ชาติหน้าให้เป็คนปกติเถอะ”
“ไม่นะ!” ทั้งสามะโร้องพร้อมกันจากนั้นก็สลายกลายเป็ผง
“ท่านเง็กเซียน พวกเขาอยากฆ่าข้า ถ้าใช้ภาษาปัจจุบันก็คือป้องกันตัวอย่างมากก็นับเป็การป้องกันตัวโดยใช้กำลังจะมานับว่าเป็กรรมของข้าไม่ได้หรอกกระมัง” กัวไฮว่หรี่ตาพูด