ม่อหลิงหานดึงเยว่เฟิงเกอขึ้นมา สีหน้าห่วงกังวล “เ้าเจ็บตรงไหน ข้าจะช่วยลูบให้”
เมื่อเยว่เฟิงเกอเห็นว่ามือของม่อหลิงหานกำลังจะเอื้อมมาถึงก้น นางก็รีบปัดมือม่อหลิงหานออกไปทันทีแล้วะโออกมาอย่างเหลืออด “ไสหัวไปเลย”
ใบหน้าของม่อหลิงหานปรากฏแววไม่พอใจจางๆ เขาไม่สนใจเยว่เฟิงเกออีก ทำเพียงเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วล้มตัวลงนอนทันที
เยว่เฟิงเกอลุกขึ้นนั่งบนเตียง นางเฝ้ามองม่อหลิงหานค่อยๆ มุดเข้าไปในผ้าห่ม ทั้งยังเลิกผ้าห่มอีกฝั่งหนึ่งขึ้น แสดงท่าทีบอกให้นางเข้ามา
เยว่เฟิงเกอสีหน้าดำคล้ำ นางอยากจะเตะม่อหลิงหานให้ตกเตียงไปเลยจริงๆ
“ยังมัวอึ้งอันใดอยู่อีก รีบเอนกายลงพักผ่อนได้แล้ว” ม่อหลิงหานพูดพลางตบๆ บริเวณที่ว่างข้างตัว
เยว่เฟิงเกอถลึงตามองม่อหลิงหานอย่างโกรธๆ “ในเมื่อท่านนอนอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะพักผ่อนได้อย่างไร ถ้าอย่างไรท่านกลับไปนอนที่เรือนตนจะดีกว่า มิเช่นนั้นท่านก็นอนไปเสียคนเดียวที่นี่แหละ”
ม่อหลิงหานขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าปรากฏแววไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
เขาลุกขึ้นนั่งแล้วดึงแขนเยว่เฟิงเกอไว้ จากนั้นลากนางเข้าไปในอ้อมแขนตน
“เลิกพูดมากได้แล้ว เปิ่นหวางบอกให้เ้าเอนกายลงนอน เ้าก็ต้องเอนกายลงนอน” ม่อหลิงหานไม่ปล่อยให้นางได้คัดค้าน ลากเยว่เฟิงเกอเข้าไปในผ้าห่ม ทั้งยังช่วยคลุมผ้าห่มให้อย่างดี
เยว่เฟิงเกอคิดจะเขยิบหนีเข้าไปด้านใน เช่นนี้จะได้เป็การรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างตัวนางกับม่อหลิงหานได้
ทว่า ม่อหลิงหานไม่ให้โอกาสนางได้ทำเช่นนั้น เขากักขังเยว่เฟิงเกอไว้ในอ้อมแขนของตน
เยว่เฟิงเกอทางหนึ่งดันตัวม่อหลิงหานออก ทางหนึ่งพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ “ม่อหลิงหาน วันนี้ท่านเป็บ้าอะไร ไม่ใช่ว่าท่านไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเป็ที่สุดหรอกหรือ วันวันที่ต้องเผชิญหน้ากับข้าก็เอาแต่ทำหน้าเหม็นเหมือนก้อนน้ำแข็งอยู่ตลอด แล้ววันนี้เป็อันใดไป กินยาผิดหรือ? ”
ม่อหลิงหานยังคงไม่สนใจคำพูดของเยว่เฟิงเกอ เขาเพียงกอดเยว่เฟิงเกอไว้เช่นนั้นแล้วหลับตาพักผ่อน
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าตนไม่อาจผลักม่อหลิงหานออกไปได้ นางจึงก้มหน้าลง เป้าหมายคราวนี้ของนางอยู่ที่แขนของม่อหลิงหาน เมื่อเล็งอย่างดีแล้วก็แยกเขี้ยวแล้วกัดเข้าไปทันที
ฉับพลันนั้นม่อหลิงหานก็ลืมตาขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าแมวป่าตัวนี้จะถึงขั้นแยกเขี้ยวกัดเขา
เมื่อกลิ่นคาวเืคลุ้งในปากของเยว่เฟิงเกอ นางถึงยอมปล่อยเขา และได้เห็นว่าแขนของม่อหลิงหานถูกกัดจนเืซิบ
“คืนนี้พระชายาไม่ได้กินเนื้อหรืออย่างไร ถึงขนาดกล้ากัดแขนของเปิ่นหวาง” ม่อหลิงหานเองก็เห็นแล้วเช่นกันว่าแขนของตนถูกกัดจนเป็รอยฟัน ทั้งยังมีเืที่กำลังค่อยๆ ไหลออกมา
เืสีแดงสดซึมออกมาโดนเสื้อตัวนอกจนเริ่มชุ่มเป็ดวง
ม่อหลิงหานเป็คนรักความสะอาดขั้นรุนแรง เขามองบริเวณที่มีเืซึมออกมา หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ
ม่อหลิงหานที่ไม่เข้าใกล้สตรีมาตลอด คืนนี้ไม่เพียงแค่กอดเยว่เฟิงเกอ แต่ยามนี้ยังเอนกายลงบนเตียงหลังเดียวกันกับนางด้วย หากไม่ใช่เพราะถูกกัด โรครักความสะอาดของเขาก็คงยังไม่กำเริบ
เขาคิดว่าวันนี้ตัวเขาคงเป็บ้าไปแล้ว
ม่อหลิงหานปล่อยเยว่เฟิงเกอ ก่อนจะลงมาจากเตียง จากนั้นจึงถอดเสื้อตัวนอกบนร่างออก และเผยร่างกายแข็งแรงกำยำออกมาให้ได้เห็น
นี่เป็ครั้งแรกที่เยว่เฟิงเกอได้เห็นเรือนร่างของม่อหลิงหาน เนื่องจากฝึกฝนมานานหลายปี ทั้งยังนำทัพจับศึกมานาน กล้ามเนื้อบนร่างของม่อหลิงหานจึงทั้งชัดเจนและแข็งแกร่ง
บริเวณหน้าท้องของเขามีกล้ามเนื้อแข็งแปดลูกที่คล้ายก้อนเต้าหู้สมมาตรได้รูป ทำให้เยว่เฟิงเกออยากจะยื่นมือออกไปลูบไล้
ม่อหลิงหานใช้เสื้อตัวนอกเช็ดเืบริเวณแขน เขาหันศีรษะกลับไปมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาลึกซึ้ง เพียงแต่ยามนี้ไม่มีอารมณ์จะรั้งอยู่ต่อ เขาหมุนกายออกจากเรือนไป
ชิงจื่อและถานอี้ที่รออยู่ด้านนอกเห็นว่าท่านอ๋องออกมาในสภาพที่เปลือยกายท่อนบนก็พากันหน้าแดงขึ้นมาทันที
ในใจของชิงจื่อรู้สึกดีใจแทนเยว่เฟิงเกอ ดูท่าท่านอ๋องไม่เพียงไม่ทำร้ายพระชายา แต่ยังรักใคร่อีกฝ่ายแล้วด้วย
ส่วนถานอี้ สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็แผลที่แขนของม่อหลิงหาน เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยสายตาของนายตน
ม่อหลิงหานโยนเสื้อที่ถูกย้อมจนแดงฉานให้ถานอี้ “เอาไปจัดการ”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” ถานอี้ถือเสื้อตัวนั้นไว้แล้วติดตามม่อหลิงหานไปจากเรือนเยว่เหยา
รอจนบุรุษทั้งสองจากไปไกลแล้ว ชิงจื่อถึงได้วิ่งเข้าไปในห้อง
นางวิ่งไปถึงข้างเตียงด้วยสีหน้ายินดี ยิ้มกล่าวกับเยว่เฟิงเกอว่า “ยินดีกับพระชายาด้วยเพคะ”
ยามนี้เยว่เฟิงเกอกำลังจัดระเบียบผ้าห่มอยู่บนเตียง ทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ไม่มีที่มาที่ไปของชิงจื่อก็อดถามขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “ยินดีกับข้าด้วยเื่อันใด? ”
ชิงจื่อแอบอมยิ้ม “แน่นอนว่าต้องยินดีกับพระชายาด้วยเื่ที่ได้ปรนนิบัติท่านอ๋องแล้วน่ะสิเพคะ”
เยว่เฟิงเกอมุมปากกระตุก ยกมือขึ้นเขกศีรษะชิงจื่อไปทีหนึ่ง
“เป็เด็กเป็เล็กอย่าพูดจาเหลวไหล”
ชิงจื่อทึกทักไปว่าเยว่เเฟิงเกอกำลังเขินอาย จึงแอบอมยิ้มแล้ววิ่งออกไป
เดิมเยว่เฟิงเกอนึกว่าเื่ในวันนี้จะจบลงไปอย่างสงบเช่นนี้
นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อเช้าวันถัดมามาถึง เื่ที่เมื่อคืนท่านอ๋องเสด็จมาหานางที่เรือนจะถูกลือไปทั่วจวนอ๋องแล้ว
เยว่เฟิงเกอเรียกชิงจื่อเข้ามา “เื่ที่เมื่อคืนท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่ เ้าเป็คนแพร่งพรายออกไปหรือ? ”
ชิงจื่อรีบส่ายหน้า “บ่าวไม่ได้พูดอันใดเลยเพคะ เื่นี้เป็บ่าวอีกคนที่พูดออกไป เมื่อคืนยามที่ท่านอ๋องไปจากเรือนเยว่เหยา พระองค์ทรงถูกสาวใช้คนนั้นพบเห็นเข้าพอดี”
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าตนเข้าใจชิงจื่อผิดไป ถึงได้บีบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ และปล่อยให้คนได้ออกไปจัดการงานของตนเองต่อ
เพียงไม่นานชิงจื่อก็เดินถือกะละมังน้ำอุ่นเข้ามา
เมื่อเยว่เฟิงเกอจัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว ชิงจื่อถึงได้ช่วยนางแต่งตัวและเกล้าผมเป็ทรงสวยงาม
“อาหารเช้าวันนี้จะมีอะไรบ้างนะ? ” เยว่เฟิงเกอเริ่มคาดเดารายการอาหารของเช้านี้ด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
เมื่อชิงจื่อได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดถึงอาหารเช้า นางก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายินดี “อาหารเช้าวันนี้คือโจ๊กเนื้อกับเกาเตี่ยน [1] เพคะ แล้วยังมีผักดองที่พระชายาชอบด้วยเพคะ บ่าวได้ยินมาว่าล้วนเป็บัญชาของท่านอ๋อง ท่านอ๋องตรัสว่าพระชายาโปรดอาหารเหล่านี้”
เยว่เฟิงเกออดมุมปากกระตุกไม่ได้ นางเคยบอกม่อหลิงหานั้แ่เมื่อใดว่าชอบกินของเหล่านี้?
เมื่อเยว่เฟิงเกอและชิงจื่อไปถึงห้องอาหาร ก็เห็นว่าม่อหลิงหานนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว ตรงหน้าเขามีโจ๊กเนื้อที่ตักแล้วตั้งเอาไว้อย่างเรียบร้อย อีกทั้งตำแหน่งที่นั่งข้างๆ เขายังมีโจ๊กเนื้ออีกถ้วยที่ตักเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ชายารองฉินหว่านนั่งอยู่ห่างจากม่อหลิงหานออกไปค่อนข้างไกล ดังนั้น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าที่ว่างข้างม่อหลิงหานนั้นถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้นางเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอเดินก้าวยาวๆ ไปที่ม่อหลิงหาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าใด ทั้งยังใช้สายตาเ็ามองนางอีก นางจึงหยุดฝีเท้าลงแค่ครึ่งทาง จากนั้นหาที่นั่งว่างๆ ที่ไม่ไกลไม่ใกล้จากม่อหลิงแล้วนั่งลง
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอไม่ได้ยินม่อหลิงหานเรียกนางเข้าไปนั่งแล้ว นางจึงนั่งลงอย่างสบายใจ
ชิงจื่อยืนอยู่ข้างกายเยว่เฟิงเกอ คนช่วยตักโจ๊กให้ ทั้งยังหยิบเกาเตี่ยนมาให้อีกสองสามชิ้น
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจผู้อื่นอีก นางเพียงตั้งอกตั้งใจกินอาหารตรงหน้า
ฉินหว่านเฝ้าฟังนางกินโจ๊กเสียงดัง ก็อดเบะปากไม่ได้
เสียทีที่คนเป็ถึงองค์หญิงแห่งแว่นแคว้น แต่ยามกินโจ๊กยังส่งเสียงดังเช่นนี้ออกมาได้ ช่างไม่สง่างามเอาเสียเลย
“ยามกินโจ๊ก อย่าได้ส่งเสียงออกมา” ม่อหลิงหานเองก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงส่งเสียงเตือน
เยว่เฟิงเกอก้มหน้ากลอกตา แค่เื่กินโจ๊กยังต้องฟังเขาด้วย
เยว่เฟิงเกอวางถ้วยโจ๊กลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบเกาเตี่ยนขึ้นมากิน
ครั้งนี้นางไม่ส่งเสียงออกมาอีกแล้ว กินเกาเตี่ยนคำเล็กๆ ทีละคำ
แต่เกาเตี่ยนเหนียวเกินไปจำต้องกินพร้อมโจ๊กถึงจะกลืนลงไปได้
เยว่เฟิงเกอเป่าโจ๊กเบาๆ จากนั้นถึงกินเข้าไปคำใหญ่
ครั้งนี้นางเผลอส่งเสียงซู้ดออกมาอีกเช่นเคย ทำให้ม่อหลิงหานไม่พอใจอีกครั้ง “เปิ่นหวางบอกแล้วว่ายามกินโจ๊กอย่าได้ส่งเสียงออกมา”
เยว่เฟิงเกอเงยหน้า เห็นว่าฉินหว่านกำลังยิ้มเยาะใส่นาง ส่วนม่อหลิงหานนั้นกำลังมองมาทางนางด้วยสีหน้ารำคาญ คล้ายว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยก็ไม่ปาน
_____________________________________________________
เชิงอรรถ
[1] เกาเตี่ยน(糕点)ของว่างชนิดหนึ่งทำจากแป้งข้าวเ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้