ในวันอภิเษกเช่นนี้ จู่ๆ คนที่เป็ซีผอก็ะโกลางถนนว่าแย่แล้วเหรอ? นี่มันเจตนาชัดๆ
หานอวิ๋นซีที่กำลังจะเปิดม่านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ในฐานะเ้าสาว หากไม่สนใจมารยาทและเปิดเผยใบหน้ากลางฝูงชน ไม่ใช่ว่าจะโดนน้ำลายของคนโบราณเหล่านี้ถ่มใส่จนตายหรืออย่างไร?
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้และฟังอย่างสงบ เมื่อฟังจากการเคลื่อนไหวข้างนอกแล้ว จะต้องมีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอยู่แน่ๆ
“ไอ้หยา ผิดแล้ว เรามาผิดทางแล้ว เมื่อครู่เราต้องเลี้ยวขวาที่สี่แยกถึงจะถูกต้อง แต่เรากลับเลี้ยวซ้าย!” น้ำเสียงของซีผอสั่นเครือจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ข้าไม่เห็นว่ามันจะเป็เื่ใหญ่อะไร ถนนเส้นนี้สามารถไปถึงจวนอ๋องได้เช่นกัน”
“นั่นนะสิ หวังผอผอ เ้าแก่แล้วเลยสับสนใช่หรือไม่ วันมงคลเช่นนี้พูดอะไรแย่ๆ ทำไมกัน เมื่อครู่ไม่ใช่เ้าที่บอกให้เลี้ยวซ้ายหรือไร?”
...
คำพูดที่คนหามเกี้ยวพูดขึ้นมา ราวกับเหยียบหวังซีผอลงบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้ามันแก่โง่เง่าเอง! ก็มันแย่จริงๆ นี่! จากตรงนี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยามกว่าจะไปถึง แล้วเ้าสาวก็จะพลาดฤกษ์ดีไงล่ะ!”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา เหล่าผู้คนที่อยู่ตรงนั้นก็เงียบสนิททันที
ฤกษ์ยามเป็สิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญในยุคปัจจุบัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในสมัยโบราณเลย
หลังจากนั้นไม่นาน คนหามเกี้ยวก็ถามด้วยความกลัวว่า “ชะ...เช่นนั้นย้อนกลับไปแล้วเลี้ยวขวาดีหรือไม่?”
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?” ซีผอกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด แป้งหนาๆ บนใบหน้าแตกระแหงเพราะความโกรธ “ห้ามเ้าสาวหันกลับไปมองข้างหลัง นับประสาอะไรที่จะให้ย้อนกลับไปทางเดิม เ้าแช่งเ้าสาวให้ต้องหย่าร้างอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้คนหามเกี้ยวพูดไม่ออก
หานอวิ๋นซีกลอกตาไปมาในเกี้ยว เห็นได้ชัดว่าแม่สื่อคนนี้้าให้เธอไปสาย จวนอ๋องไม่มีขบวนมางานอภิเษก เ้าบ่าวเองก็ไม่มา ส่งมาแค่ซีผอคนนี้เพียงคนเดียว
ยังไม่ทันที่จะได้เข้าประตู ก็ได้รับคำเตือนว่า พลาดฤกษ์ดีไปแล้ว หากในภายภาคหน้ามีสิ่งอัปมงคลเกิดขึ้นกับจวนฉินอ๋อง จะไม่มาโทษนางทั้งหมดเลยหรือไร?
หานอวิ๋นซีอยากจะลงจากเกี้ยว อยากพูดว่าจะไม่แต่งงานและทิ้งเ้าบ่าวไว้กลางทางเหลือเกิน อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองดี ตระกูลของนางมีความโหดร้าย ตระกูลของสามีเองก็โหดร้ายไม่แพ้กัน เธอต้องสืบทอดตัวตนของสาวอัปลักษณ์ไร้ประโยชน์ของตระกูลหานไว้ และไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก
ทำได้เพียงทำตามทีละขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ไท่เฮาเป็คนจัดแจงเื่การอภิเษกให้และเป็คำสั่งของฮ่องเต้ เธอเองก็อยากจะเห็นว่าจวนฉินอ๋องจะปฏิบัติต่อเธออย่างไร?
แม่สื่อและคนหามเกี้ยวคุยกันอยู่เป็เวลานาน สุดท้ายพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินทางต่อไป คนหามเกี้ยวทั้งสี่วิ่งอย่างสุดกำลัง แต่ก็ทำให้หานอวิ๋นซีรู้สึกว่ายากที่จะเป็ไปได้
ทว่าสุดท้ายแล้วก็พลาดฤกษ์และมาช้าไปครึ่งชั่วยาม
ประตูสูงของจวนฉินอ๋องถูกปิดอย่างแ่า แม้แต่ประตูด้านข้างก็ถูกปิด รอบๆ ประตูถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนในเมืองหลวงที่ต่างเริ่มชี้นิ้วและพูดคุยกัน
“ได้ยินมาว่าหานอวิ๋นซีหน้าตาน่าเกลียด ไม่แปลกใจเลยที่ฉินอ๋องจะไม่ชอบ แม้แต่พระพักตร์ก็ไม่เผยออกมาให้เห็น”
“ฮ่าฮ่า แม้แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกก็ยังอยากแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นับประสาอะไรกับหานอวิ๋นซีล่ะ? ข้าว่าถึงแม้จะได้เข้าไป ก็อาจจะอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าก็ได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ทำให้ขายหน้าเสียขนาดนั้น แถมยังมาช้าไปครึ่งชั่วยามอีก โอ๊ย ข้ารอจนปวดขาไปหมดแล้ว!”
...
หากเป็หานอวิ๋นซีในอดีตได้ยินคำพูดเหล่านี้ คงไม่ร้องไห้จนตายหรือไร? แต่น่าเสียดายที่หานอวิ๋นซีคนปัจจุบันไม่ใช่คนขี้ขลาด น้อยเนื้อต่ำใจและดูถูกตนเองอีกต่อไป
เธอไม่ได้ให้ความสนใจกับอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่ลูบเนื้องอกที่แก้ม ก็มองออกไปผ่านช่องว่างของผ้าม่าน และเห็นว่าประตูของจวนอ๋องนั้นว่างเปล่า ไม่มีการตกแต่งใดๆ หากไม่ใช่เพราะเกี้ยวเ้าสาว ก็คงไม่มีใครรู้ว่าตระกูลนี้กำลังจะอภิเษกในวันนี้
สถานที่อันแสนว่างเปล่ากำลังบอกหานอวิ๋นซีอย่างไม่ต้องสงสัยว่า เธอไม่ได้รับการต้อนรับ และไม่มีใครอยากจะส่งมาถึงประตูด้วยซ้ำ
หวังซีผอที่กำลังเคาะประตู ทว่าก็ไม่กล้าที่จะออกแรงเคาะ นางจึงเคาะเบาๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าประตูด้านข้างกลับเปิดออก พร้อมกับบ่าวชราเฝ้าประตูคนหนึ่งยืนอยู่ข้างในประตู โดยไม่มีท่าทีที่จะเดินออกมา
หวังซีผอรีบเข้าไปอย่างมืออาชีพ ยิ้มอย่างมีความสุขเป็พิเศษ “เ้าสาวมาแล้ว! เ้าสาวมาแล้ว!”
แต่ใครจะไปรู้ว่า บ่าวชราเหลือบมองเกี้ยวและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ไท่เฟยมีคำสั่งว่า พลาดฤกษ์ดีไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่!”
พูดจบ เสียง “ปึง” ก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ปิดลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้