พูดตามตรง เฉียวเยว่ไม่เข้าใจเื่ของผู้ใหญ่แม้แต่น้อย เมื่อท่านลุงของนางจะพาไปข้างนอก นางก็ไม่อยากปฏิเสธเหมือนกัน อย่างไรเสียต่อให้ฟ้าถล่มทลายลงมาก็ยังมีท่านลุงแบกรับ นางจะวิตกอันใดเล่า
ซูซานหลางกับไท่ไท่สามมีความเป็ห่วงอยู่บ้าง แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า อันที่จริงฉีจือโจวพาหลานสาวออกจากบ้าน พวกเขาสองสามีภรรยาไม่จำเป็ต้องกังวล เพราะพี่ชายคนนี้เป็คนรอบคอบมาแต่ไหนแต่ไร
เฉียวเยว่ถูกไท่ไท่สามจับแต่งตัวใหม่เป็เสื้อบุนวมสองชั้นลายดอกไม้กระจิริดสีชมพู และสวมเสื้อคลุมกันลมตัวน้อยทับให้อีกหนึ่งตัว ก่อนจะกำชับ "ถึงแม้ว่าลุงของเ้าจะพาออกไปข้างนอก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่บ้านของตนเอง เ้าต้องเชื่อฟังท่านลุง เข้าใจหรือไม่ อย่าวิ่งไปไหนตามอำเภอใจ"
"เ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว" เฉียวเยว่ตอบชัดถ้อยชัดคำ
เด็กอายุห้าขวบแท้จริงแล้วจะว่าโตก็ไม่เชิง จะว่าเล็กยิ่งไม่ใช่ แต่เพราะดวงหน้ากลมเ้าเนื้อของเฉียวเยว่เป็เหตุให้นางดูเป็เด็กน้อยที่ยังอ่อนเยาว์
เฉียวเยว่ตัวอวบอ้วน ดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ไท่ไท่สามปักปิ่นอันเล็กให้นาง แล้วกำชับอีกว่า "พบอวี้อ๋องต้องปากหวานๆ มือที่ยื่นออกมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ การพูดการจาต้องมีเหตุผล"
เฉียวเยว่ยื่นมือไปประคองดวงหน้าของไท่ไท่สาม ก่อนถามอย่างจริงจัง "ท่านแม่ ท่านว่าข้าดูเป็เด็กน้อยโง่งมหรือเ้าคะ"
ไท่ไท่สามอึ้งงัน
"ข้าจะบอกท่านไว้เลย เื่ตบสะโพกม้าหากข้าเป็อันดับสอง ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเป็อันดับหนึ่ง" เฉียวเยว่มีความทะนงตนอยู่หลายส่วน
ไท่ไท่สามหัวเราะพรืดออกมา หมดความไม่วิตกกังวล ก่อนที่จะกลอกตาใส่บุตรสาว "เ้าเด็กขี้โม้"
เฉียวเยว่กลับไม่ยอมรับ
"เปล่าเสียหน่อย ข้าร้ายกาจมาก ร้ายจนตัวข้าเองยังกลัวเลย"
หลังจากออกมาพร้อมกับฉีจือโจวแล้ว เฉียวเยว่ก็ยังคงถอนหายใจ "ท่านแม่มักชอบวิตกโน่นกังวลนี่อยู่เสมอ ไม่คิดบ้างว่าข้าธรรมดาเสียที่ไหน?"
"วันนี้พาเ้าไปนั่งเล่นจวนอวี้อ๋องเพียงครู่เดียว แล้วก็จะพาไปซื้อชุดกระโปรงกับตำราด้วย" ฉีจือโจวเอ่ย
เฉียวเยว่ไม่รู้ว่าท่านลุงกับบิดาวางแผนอะไรกัน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนการใดล้วนไม่สำคัญ นางเป็เพียงเด็กหญิงตัวน้อย แค่ตามออกไปเล่นก็พอ โลกของผู้ใหญ่นางไม่รับรู้
"ข้าอยากได้ชุดกระโปรงเยอะๆ"
"ได้" ฉีจือโจวยิ้ม
หากคนนอกได้เห็นความอ่อนโยนของฉีจือโจว ก็คงจะรู้สึกเหมือนเจอผี เขาเคยมี่เวลาดีๆ เช่นนี้เสียที่ไหน เห็นแล้วชวนให้คนรู้สึกงุนงงมากกว่า
แต่เฉียวเยว่กลับเคยชินเสียแล้ว นางคุ้นเคยแต่กับท่านลุงบุรุษที่สุดแสนจะอ่อนโยน
มืออวบน้อยๆ ของนางโอบรอบคอของฉีจือโจวอย่างน่ารัก "ท่านลุง พวกเรานำของขวัญติดมือไปด้วยเถิดเ้าค่ะ ซื้อของอร่อยไปฝากเขาสักหน่อย"
ฉีจือโจวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ เขาบีบจมูกของเฉียวเยว่ "ข้าว่าเ้าอยากกินเองมากกว่ากระมัง"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะยอมรับ ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว!
นางส่ายหน้าพูดอย่างจริงจัง และจริงใจ "ไม่ใช่สักหน่อย"
นางเกาเสื้อผ้ายุกยิก "พี่ชายผู้นี้ค่อนข้างอันตราย พวกเราต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง ต้องเอาดินะเิเคลือบน้ำตาลมาหลอกล่อให้เขาตายใจ"
"เหตุใดเ้าถึงเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ได้ ลุงฟังไกวเยว่ พวกเราไปซื้อขนมค่อยไปเยี่ยมเขา" ฉีจือโจวอุ้มเฉียวเยว่ลงจากรถม้า แล้วพาเดินมาถึงร้านขายขนม อาจเป็เพราะมาบ่อย เถ้าแก่ร้านจำเขาได้ ก็อมยิ้มออกมาต้อนรับ "ท่านเสนาบดีฉี วันนี้ท่าน..."
หลังจากนั้นก็มองไปที่ดวงหน้าน้อยเ้าเนื้อ "นี่คือคุณหนูเจ็ดใช่หรือไม่ ช่างน่ารักจริงๆ"
แม้ว่าแม่นางน้อยคนนี้เพิ่งมาเป็ครั้งแรก แต่ก็นับว่านางเป็ 'ลูกค้าประจำ' ของพวกเขา ไม่ว่าจวนซู่เฉิงโหวหรือจวนเสนาบดีล้วนแต่ให้คนมาซื้อขนมที่คุณหนูเจ็ดชื่นชอบอยู่เป็ประจำ
คุณหนูท่านนี้คือผู้มีอุปการคุณซ่อนเร้นตัวจริงของพวกเขา
"ท่านลุง ข้าเอาขนมเหมยกุ้ย [1] ขนมเฟิ่งหลี [2] ขนมแบบคละ..."
ล้วนแต่เป็ขนมขึ้นป้ายของร้านเขา นี่สิผู้รู้ตัวจริง
เฉียวเยว่หันไปมองฉีจือโจว "ท่านลุง พวกเราซื้อเท่านี้พอหรือไม่?"
ฉีจือโจวมองเถ้าแก่ร้าน แล้วเอ่ยว่า "ทุกอย่างเอาสองชุด ห่อแยกกัน"
เฉียวเยว่บิดมือน้อยๆ เข้าหากัน ยิ้มตาหยี "ท่านลุงซื้อให้ข้าหรือ"
ฉีจือโจวทำหน้าตาย "เปล่า ข้าเก็บไว้กินเองต่างหาก"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะเชื่อ ยกมืออวบน้อยๆ ทั้งสองขึ้นมาวางบนข้างพวงแก้มเป็รูปดอกไม้ พลางใช้น้ำเสียงฉอเลาะ "ข้ารู้ ท่านลุงเหลือไว้ให้ข้าหนึ่งชุด ข้าน่ารักเพียงนี้ ทุกคนล้วนเอ็นดู"
"น่าเอ็นดู น่าเอ็นดู" เถ้าแก่ห่อขนมเรียบร้อย ก็เตรียมให้เป็พิเศษอีกหนึ่งชุด "ของเหล่านี้ขอมอบให้คุณหนู"
เฉียวเยว่ยิ้มหน้าบาน "ท่านลุงเถ้าแก่ นี่ท่านให้ข้าหรือ? ให้ข้าจริงๆ หรือ?"
เด็กน่ารักมักจะได้รับของขวัญเมื่อออกมาข้างนอก
เถ้าแก่ยิ้ม "ใช่ขอรับ คุณหนูน่ารักที่สุด มอบให้คุณหนูทั้งหมดเลย นี่คือขนมที่ร้านเราเพิ่งออกมาใหม่ ข้าใส่ทุกอย่างรวมกันไว้ในกล่อง ให้คุณหนูทดลองชิม"
เฉียวเยว่เอ่ยปากเสียงดัง "ขอบพระคุณเ้าค่ะ ท่านลุง"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าซาบซึ้งใจ ฮึกๆ นางจะน่ารักเกินไปแล้วใช่ม้ายยยย...
จะว่าไป นางก็ไม่รู้ว่าฉีจือโจวคิดอะไรกันแน่ เขาอุ้มเฉียวเยว่ตะลอนเที่ยวแทบจะรอบเมืองหลวงตลอดทั้งวัน ซื้อทั้งของกินของใช้ให้มากมาย
แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกขนพองก็คือ พวกเขาล้วนได้เห็นรอยยิ้มของฉีจือโจว ช่างน่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน
ใครๆ ต่างก็รู้ คนผู้นี้ได้ชื่อว่าหน้าตาย ไร้รอยยิ้ม แต่การที่เขาอุ้มเด็กน้อยเดินเที่ยวเล่นไปทั่วทุกที่ ทำให้คนรู้สึกว่าขัดกับบุคลิกของเขาอย่างรุนแรง
ทว่าฉีจือโจวเองก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จนถึงสุดท้าย เฉียวเยว่ก็เอ่ยถามเขาอย่างจริงจัง "ท่านลุง ท่านบอกข้ามา มีเื่บางอย่างเกิดขึ้นกับท่านใช่หรือไม่?"
ฉีจือโจวเลิกคิ้ว "เหตุใดถามเช่นนี้?"
"ข้ารู้สึกว่าท่านดูเหมือนจะมีแผนการใช้เงินให้เกลี้ยง หลังจากนั้นก็เผ่นหนี"
ฉีจือโจวมุมปากกระตุก พินิจท่าทีวิตกกังวลของหลานสาวตัวน้อยอยู่สักพัก ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง "เ้าคิดมากไปแล้ว"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "มิใช่ว่าจะใช้เงินให้หมดแล้วชิ่งหนีจริงๆ หรือ?"
"ไม่ใช่" ฉีจือโจวรู้สึกจนปัญญากับนาง
"เช่นนั้นเหตุใดถึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนักเล่า ท่านยังไม่มีภรรยาเลยนะเ้าคะ" คำกล่าวของนางเต็มไปด้วยเหตุผล
บัดนี้ฉีจือโจวยืนอยู่หน้าประตูจวนอวี้อ๋อง พ่อบ้านซึ่งเพิ่งเดินออกมาได้ยินเสียงแม่นางน้อยซักไซ้ไล่เลียงเขาอยู่พอดี ชั่วขณะนั้นฉีจือโจวไม่รู้ว่าตนเองควรจะแทรกตัวหลบที่ตรงไหน น่าขายหน้าเหลือเกิน!
ฉีจือโจวบีบพวงแก้มน้อยของนาง "เ้าดูแลตนเองให้ดีเถอะ หากพูดมากอีก ข้าจะไม่ซื้อของอร่อยให้กินอีกแล้ว"
เฉียวเยว่ได้ยินแล้วก็รีบทำท่ารูดซิปปากทันควัน นางไม่พูด ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
พ่อบ้านต้อนรับฉีจือโจวเข้ามาข้างใน ก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดสีครามยืนอยู่ในห้องโถง ใบหน้าประดับรอยยิ้มสง่างาม
ฉีจือโจวปล่อยเฉียวเยว่ลง ขาสั้นๆ ของเฉียวเยว่ก้าวขึ้นไปด้านหน้าสองสามก้าว ก่อนยอบกายคารวะอย่างมีมารยาทไม่ผิดพลาดแม้แต่กระผีกริ้น
"คารวะท่านพี่อวี้อ๋องเ้าค่ะ"
อวี้อ๋องยิ้มพลางผงกศีรษะ "คุณหนูเจ็ดเป็สาวน้อยที่มีมารยาทจริงๆ"
เฉียวเยว่รีบตอบทันควัน "ใช่สิ ข้าดีมาก ท่านอย่าเรียกข้าว่าคุณหนูเจ็ดเลย เรียกว่าเฉียวเยว่ดีกว่า แต่จะเรียกว่าเฉียวเฉียวหรือไกวเยว่ก็ได้เหมือนกัน ล้วนหมายถึงข้าทั้งสิ้น"
ดวงตาดำขลับกลมโตสุกใสจดจ้องอวี้อ๋องเขม็ง นางรู้สึกว่าอวี้อ๋องรูปร่างผอมบางมาก ทั้งที่เป็ชายหนุ่มร่างผอม แต่กลับสวมอาภรณ์หลวมโพรก ดูไม่ค่อยเข้ากันจริงๆ ทว่ายังดีที่เขาไม่สวมอาภรณ์ตัวยาวสีแดงสด มิเช่นนั้นคงยิ่งประหลาดกว่านี้
อวี้อ๋องเดินก้าวเข้ามาแล้วย่อตัวลง เอ่ยถามเสียงเบา "เฉียวเยว่มองอันใดอยู่หรือ?"
ครานี้ไม่เรียกคุณหนูเจ็ด แต่เรียกเฉียวเยว่
เฉียวเยว่พลันยื่นมือออกไป อวี้อ๋องขยับถอยไปด้านหลัง แต่กลับไม่หลบเลี่ยงมืออวบน้อยๆ ของนาง เฉียวเยว่ลูบใบหน้าของอวี้อ๋อง พลางถอนหายใจราวกับคนแก่แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
"ข้ารู้สึกว่าท่านผอมมาก เด็กผู้ชายที่น่ารักต้องไม่เลือกกินนะเ้าคะ"
เด็กน้อยไม่มีสิ่งใดต้องเก้อเขิน นางรั้งมือเล็กจ้อยของตนเองกลับมา แล้วพูดอีกว่า "ต้องกินข้าวเยอะๆ ดูอย่างข้าสิ แข็งแรงมากเลย"
อวี้อ๋องมองเด็กหญิงตัวน้อยอย่างพิจารณา เห็นนางมีแต่เนื้อไปทุกส่วน ก็อมยิ้ม "จริงด้วยสิ"
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้น เอ่ยว่า "อาจารย์ เชิญนั่งขอรับ"
เขาหันไปสั่งบริวาร "ไปโรงครัวดูว่าขนมที่ข้าทำไว้เสร็จหรือยัง ข้าคะเนจากเวลาน่าจะใช้ได้แล้ว ไปยกมาให้เฉียวเยว่ลองชิม"
บ่าวชายรับคำสั่งแล้ว ก็เดินออกไปทันที
ดวงตาของเฉียวเยว่ยิ่งสว่างไสว อวี้อ๋องยื่นมือออกไป "ข้าจะจูงเ้าไปนั่ง"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง แล้วถามด้วยน้ำเสียงฉอเลาะน่าเอ็นดู "ท่านพี่อวี้อ๋องทำเองหรือเ้าคะ?"
ใบหน้าอวบดวงน้อยกลืนน้ำลาย ช่างเป็แมวน้อยจะกละจริงๆ
อวี้อ๋องอมยิ้ม "ได้ยินอาจารย์บอกว่าเ้าเฝ้ารอที่จะได้ชิมฝีมือของข้า แล้วข้าจะไม่ทำขนมให้เฉียวเยว่ของเราได้ชิมสักครั้งได้อย่างไรเล่า?"
ดวงหน้ายิ้มของชายหนุ่มรูปงามกระจ่างสดใส เฉียวเยว่ถูกรอยยิ้มนี้กับขนมดึงดูดในชั่วพริบตา
"ท่านพี่อวี้อ๋องดีที่สุด" นางกระโจนใส่เขาทันควัน
อวี้อ๋องถูกวิ่งชนจนถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ยังคงทรงตัวได้
ความกระตือรือร้นของกระต่ายอ้วนน้อยตัวนี้ หาใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับมือไหวจริงๆ
ไม่ช้าขนมที่เฉียวเยว่เฝ้ารอมานานก็ถูกยกเข้ามา นางยิ้มหน้าบาน เอามือถูกัน "ข้ากินได้จริงๆ หรือเ้าคะ"
เพียงได้กลิ่นก็หอมไม่ไหวแล้ว
อวี้อ๋องพยักหน้า เฉียวเยว่ก็ไม่เกรงใจลงมือทันที
"ขอบพระทัยอวี้อ๋องที่ยินดีช่วยเหลือ กระหม่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก" ฉีจือโจวเอ่ยขอบคุณ
อวี้อ๋องทำท่าว่าไม่ต้องใส่ใจ "เดิมทีข้าอ๋องน้อยก็เคยเอ่ยปากเชิญชวนให้เฉียวเยว่มาเที่ยวเล่น ประกอบกับจดหมายที่เคยส่งให้กันก่อนหน้านี้ ข้ายิ่งรู้สึกว่าแม่หนูน้อยคนนี้ช่างน่าเอ็นดูยิ่ง อยากจะเล่นกับนางสักหน่อย"
"ท่านอ๋องทรงล้อเล่นแล้ว... โอ้"
เฉียวเยว่ส่งขนมชิ้นหนึ่งให้ฉีจือโจวถึงริมฝีปาก "ท่านลุงชิมดูสิเ้าคะ ข้ารู้สึกว่าท่านพี่อวี้อ๋องคือบุรุษที่ล้ำเลิศที่สุด ฐานะชาติตระกูลดี หน้าตาหล่อเหลา ทำขนมก็อร่อย ข้ากินจนหยุดไม่ได้แล้ว"
ฉีจือโจวนิ่งไปสักพัก ก่อนจะอ้าปาก เฉียวเยว่ยัดขนมใส่เข้ามาในปากเขา นางเองก็กินจนแก้มป่อง "เป็อย่างไรบ้าง ดีมากๆ ใช่หรือไม่?"
ฉีจือโจวอมยิ้ม "ดีเลิศ"
เฉียวเยว่ถือจานขนมไม่ปล่อย "ท่านพี่อวี้อ๋อง อร่อยเหลือเกินเ้าค่ะ มา อ้าปาก"
นางยื่นมือเข้าไป พ่อบ้านเห็นเข้า ก็ร้องในใจว่าแย่แล้ว ขณะกำลังจะเอ่ยปาก กลับได้ยินอวี้อ๋องเอ่ยว่า "พี่ชายไม่กิน เ้ากินเถอะ หากยังอยากกิน คราวหน้าข้าจะทำให้อีก"
อวี้อ๋องเป็โรคอนามัยรักความสะอาด ไม่กินอาหารเหมือนอย่างเฉียวเยว่ นับประสาอันใดกับของที่ผู้อื่นส่งให้กับมือ
เฉียวเยว่กลับไม่รู้เื่ราว ดวงตาของนางสุกสกาวดุจดวงดาวน้อยๆ "ท่านพี่อวี้อ๋องเป็คนดีจริงๆ เป็คนดีมากๆ ท่านคงกลัวว่าข้าจะไม่พอกินถึงได้ทำเช่นนี้ ท่านช่างดียิ่งนัก ดีเหลือเกิน"
"ต่อไปท่านพี่อวี้อ๋องก็คือสหายคนสนิทของข้า ข้าจะกินให้มากขึ้น จะได้เติบโตแข็งแรง หากผู้ใดมารังแกท่าน ข้าจะช่วยตีเขาให้ท่าน ข้าจะปกป้องท่านเอง" เฉียวเยว่ป่าวประกาศเสียงดัง
อวี้อ๋องหัวเราะ "ฮ่าๆ ขอบใจเ้ามาก"
...
[1] ขนมเหมยกุ้ย คือขนมเปี๊ยะดอกกุหลาบ ใช้กลีบกุหลาบเป็หนึ่งในวัตถุดิบ และมักทำเป็รูปดอกกุหลาบดูสวยงามน่ากิน
[2] ขนมเฟิ่งหลี คือพายสับปะรด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้