“นี่ นี่ เ้ารู้แล้วหรือยัง? ว่าท่านจอมปีศาจของพวกเราหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้เกือบสองปีแล้วนะ! ”
“ใครจะไม่รู้เื่นี้กันเล่า? เมื่อไม่นานมานี้ท่านองครักษ์กู้ยังออกตามหาไปทั่วทุกหนแห่งอยู่เลยข้ามีสหายที่ไปปะปนอยู่ทางฝั่งโลกผู้ฝึกตน บอกว่าผู้ฝึกตนเ่าั้แพร่ข่าวเื่นี้ออกไปจนเกินจริง!”
“พูดเกินจริงอย่างไรหรือ? เล่ามาให้ฟังเสียหน่อยสิ? ”
สองคนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังของข้า [1] ในขณะที่ข้ากำลังดื่มเหล้าและฟังเื่ซุบซิบอย่างออกรสออกชาติทว่าตอนนี้ตัวเองถูกพูดถึงขึ้นมาพอดี จึงอดไม่ได้ เลยตั้งใจว่าจะมาร่วมนั่งฟังด้วยเสียหน่อย
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองข้าแวบหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้ม แล้วต้อนรับข้าอย่างแสนจะอบอุ่น ดวงตาทั้งสองกวาดมองไปรอบด้านสีหน้าจึงได้ผ่อนคลายลง และกล่าวด้วยความภูมิใจว่า “คิดไม่ถึงว่าน้องชายผู้นี้จะสนใจข่าวลือเหล่านี้เกี่ยวกับท่านจอมปีศาจของพวกเราด้วยเ้าถามคำถามนี้กับข้าก็นับว่าถามได้ถูกคนแล้ว เพราะหากเป็ผู้อื่นต้องไม่กล้าพูดออกมาเป็แน่”
คำพูดนี้ของเขาทำให้ข้าเกือบจะะเิหัวเราะออกมาแล้วยังเข้าใจเรียกปีศาจเฒ่าอย่างข้าที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หลายร้อยปีว่า “น้องชาย” อีกด้วย? ข้าลูบหน้ากากที่ตัวเองสวมมาสองปีโดยไม่รู้ตัวไม่รู้จริงๆ ว่าหากเขารู้ว่าข้าคือคนเดียวกับจอมปีศาจที่หายตัวไปสองปีผู้นั้นเขาจะคิดอย่างไร?
“โอ้ พี่ใหญ่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ? เหตุใดผู้อื่นจึงไม่กล้าพูดเล่า? ” ข้านั่งลงข้างๆ สองคนนั้นโดยไม่ต้องให้บอก พร้อมกับรับคำของเขาตามน้ำไป
คนผู้นั้นลดเสียงลงแล้วพูดว่า “่นี้ข่าวลือเกี่ยวกับท่านจอมปีศาจเริ่มมั่วซั่วมากขึ้นเรื่อยๆท่านองครักษ์กู้จึงกำลังส่งคนไปเพื่อลงทัณฑ์ผู้คนทุกแห่งหนแล้ว! ” จากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป แล้วพูดต่อว่า “ความจริงสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือการพูดจนไปเข้าหูของท่านเ้าดินแดนแห่งแดนความตายเข้า เพราะนั่นจะไม่ใช่เพียงการลงโทษเท่านั้น แต่นั่นคือการที่หัวจะหลุดออกจากบ่าอย่างแท้จริง!”
ข้าอึ้งไปครู่หนึ่งในหัวของข้าฉายภาพที่หวังตัวจวี๋ใช้พัดตัดศีรษะผู้อื่นทิ้งเป็หลายร้อยรอบโดยอัตโนมัติแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างแรง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “นั่นช่างน่ากลัวจริงๆ ...”
ชายร่างกำยำผู้ที่มีหนวดเครายาวพอเห็นว่าข้าใกลัวจึงฉายแววพึงพอใจผ่านออกมาจากในดวงตา ก่อนจะพูดต่อว่า “ดังนั้น น้องชายเ้าอย่าแพร่งพรายเื่ที่ได้ฟังจากพี่ใหญ่ออกไปเด็ดขาดเลยนะมิเช่นนั้นคงจะไม่มีใครปกป้องเ้าได้แน่! ”
“รู้แล้ว รู้แล้ว พี่ใหญ่วางใจได้ ข้าจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด!” เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ข้ากลับรู้สึกว่าชายร่างกำยำผู้นี้ดูน่าสนใจมากเสแสร้งทำเป็เตือนข้า แต่ตัวเองกลับดูมีความสุข ช่างเป็คนที่มีพร์ในการรนหาที่ตายจริงๆ
“กลับมาที่ประเด็นหลักเถิด” ชายร่างกำยำกลั้วคอไปมา “พวกผู้ฝึกตนเ่าั้น่ะบอกว่าท่านจอมปีศาจของพวกเราได้รับาเ็สาหัสจากการต่อสู้ที่แม่น้ำแห่ง์เมื่อคราวนั้นจึงแอบไปหาที่ซ่อนตัวและไม่ยอมโผล่หัวออกมาเลยทั้งยังบอกอีกด้วยว่าฝูงแมลงแห่งโลกปีศาจของพวกเราไร้ผู้นำและอีกไม่นานก็จะถูกพวกเขาสังหารหมู่จนสิ้นซาก โดยเฉพาะเ้าบ้าที่ชื่อหร่วนสือจิ่วแห่งสำนักฉิงชางผู้นั้น...”
“หร่วนสือจิ่วพูดว่าอย่างไรหรือ? ” เมื่อได้ยินชื่อของหร่วนสือจิ่วความสนใจของข้าผู้นี้ก็พุ่งสูงขึ้นมาอีกหลายระดับภายในพริบตา อีกไม่ถึงเดือนข้าก็จะส่งซ่งฉียวนไปยังสำนักฉิงชางแล้วเมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะสามารถอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรแล้วปล่อยให้หร่วนสือจิ่วรับ่ต่อ เพียงคิดก็รู้สึกดีใจแล้ว
ชายร่างกำยำบุ้ยปาก และกล่าวว่า “เขาบอกว่าจะถลกหนังของท่านจอมปีศาจออกมาให้ได้แล้วโยนลงไปในแม่น้ำแห่ง์ให้ปลากิน แล้ว แล้ว แล้ว...”
“แล้วอย่างไรต่อ? เหตุใดท่านจึงไม่พูดต่อเล่า? ”
ขณะที่ข้ากำลังฟังอย่างอารมณ์ดีอยู่นั้นก็กลับเห็นชายร่างกำยำมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากราวกับเห็นผี จากนั้นก็ร่วงลงจากม้านั่งไม้ตัวยาวกระแทกกับพื้นแล้วลนลานรีบคุกเข่าลงกับพื้นหินสีเขียว เขากางแขนออกพร้อมกับโขกศีรษะด้วยตัวที่สั่นเทิ้มไปยังด้านหลังของข้าอย่างต่อเนื่องก่อนจะร้องเสียงดังว่า “ท่านเ้าดินแดนโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!!! ”
เสียงะโของเขา ทำให้คนในโรงน้ำชาทั้งชั้นแตกตื่นพร้อมด้วยดวงตาสิบกว่าคู่ที่มองเข้ามา จากนั้นก็พากันโค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ขอคารวะท่านเ้าดินแดนขอรับ”
ข้านวดคลึงขมับเพราะเกิดรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือโบกไปยังด้านหลังเพื่อหยุดลมแรงที่หวังตัวจวี๋คิดจะฆ่าคนพร้อมกับจับโยนออกไปแล้วยกจอกสุราในมือขึ้น พร้อมกับถอนหายใจโดยไม่หันกลับไปมอง “เหตุใดเ้าจึงมักขัดจังหวะความสนใจของข้าผู้นี้ได้ตลอด? ช่างเถิด ในเมื่อมาแล้วก็มาดื่มกับข้าผู้นี้สักจอกเถิด”
แม้เสียงของข้าจะเบาแต่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบไปทั่วห้อง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงตื่นใดังกึกก้องคราวนี้ทุกคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ก่อนจะคุกเข่าลง และะโว่า “ขอต้อนรับท่านจอมปีศาจ! ”
เมื่อรู้สึกถึงความสั่นเทิ้มจากร่างของชายรูปร่างกำยำที่อยู่แทบเท้าคาดว่าเขาคงจะขวัญกระเจิงไปแล้วใช่ไหม?
หวังตัวจวี๋เดินเข้ามานั่งอย่างไม่เกรงใจ และกำลังประจันหน้ากับข้า
ข้าชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งก็พบว่าหนวดเคราบนใบหน้าของเขาถูกโกนออกจนสะอาดสะอ้าน บนร่างสวมชุดคลุมที่ดูเรียบง่ายเขาดูดีกว่าตอนที่เจอกันเมื่อครั้งก่อนมาก คงเป็เพราะโม่ชิงให้อภัยเขาแล้ว ไม่ได้แยกห้องแล้วกระมัง
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ที่คนผู้นี้รีบมาหาข้าเพื่อดื่มสุราย้อมใจด้วยสภาพที่หน้าดำคร่ำเครียดพร้อมกับหนวดเคราที่ยาวเฟื้อยขณะที่เมาก็กอดข้าเอาไว้พลางปากก็เอาแต่ร้องเรียก โม่ชิง โม่ชิง ไม่หยุดพร้อมกับใช้ท่อนล่างที่แข็งทื่อถูไถกับเสื้อผ้าข้า ยามนึกย้อนไปถึงตอนนั้นแล้วก็ตัวสั่นอย่างอดไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวจะเย็นเฉียบไปชั่วขณะ
หวังตัวจวี๋โบกมือ โดยไม่ตอบคำถามของข้าเลยด้วยซ้ำแต่กลับร้องเรียกอย่างสุภาพและเป็มิตรว่า “เสี่ยวเอ้อร์ [2] ขอน้ำชาหนึ่งเหยือก! ” จากนั้นจึงได้มองมาที่ข้า พร้อมกับเกาหน้าไปมา “นายท่าน ขออภัยจริงๆ อาชิงไม่ให้ข้าดื่มสุราแล้วขอรับ”
เส้นเืบนหน้าผากของข้าเต้นกระตุกข้าไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย เ้าพ่อบ้านใจเสาะผู้นี้นี่!
ตอนที่ข้าหายตัวไปได้หนึ่งปีหวังตัวจวี๋ก็ตามหาข้าไปทั่วทุกสารทิศ จนสุดท้ายก็ถูกเขาจับได้จริงๆ คนผู้นี้ช่างมีความจำดีเป็เลิศจึงเปิดโปงข้าในทันทีโดยการนำเื่ที่เขาบังเอิญพบข้าในโรงเตี๊ยมที่ดินแดนซากกระดูกก่อนหน้านี้เผยออกมาจนหมดแต่เื่ระหองระแหงในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโม่ชิงนั้นข้าก็รู้ลึกซึ้งหมดทุกอย่างเช่นกัน ตอนนั้นสมองข้าเหมือนจะถูกกระชากออก เพราะรู้สึกเชื่อใจคนผู้นี้อย่างอธิบายไม่ถูกจึงได้เล่าเื่ราวที่ตนเองช่วยซ่งฉียวนไว้ให้เขาฟังจนหมดเปลือกเมื่อเขาฟังแล้วก็อึ้งไปครู่ใหญ่ ทว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะมีอุดมการณ์เดียวกันกับอาจิ่วซึ่งก็คือไม่ว่าข้าจะทำอะไร เขาก็จะสนับสนุนทุกอย่าง
โดยปกติแล้วหวังตัวจวี๋ในหนังสือเป็คนที่ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดจะขึ้นอยู่กับความพอใจทั้งหมดทว่าหากเป็เื่คำพูดแล้วก็จะต้องเป็คำไหนคำนั้นตอนนั้นเขาก็แสดงความจงรักภักดีต่อข้าแบบนี้หากพูดว่าไม่ซึ้งใจก็คงจะเป็เื่โกหก หลังจากนั้นเราสองคนก็จะมานั่งดื่มสุราด้วยกันเป็ครั้งคราวต่างคนต่างก็รู้สึกว่าถูกคอกันดีมากจนทุกวันนี้ข้าถือว่าเขาเป็พี่น้องไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ข้าวางจอกสุราลง แล้วยิ้มให้ชายร่างกำยำที่กำลังคุกเข่าโขกศีรษะอยู่บนพื้นไม่ยอมหยุด “เ้าเงยหน้าขึ้นมาเถิดพูดต่อสิว่าหร่วนสือจิ่วผู้นั้นด่าอะไรไปอีกบ้าง? ”
“ข้าน้อยมิบังอาจข้าน้อยมิบังอาจขอรับ ท่านจอมปีศาจโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยนะขอรับ!ท่านเ้าดินแดนโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยนะขอรับ! ”
ข้าถอนหายใจ รู้สึกหมดสนุกขึ้นมาทันทีสมัยนี้อยากฟังเื่นินทาสักเื่ก็ฟังได้ไม่เป็สุขก่อนจะเหลือบไปมองหวังตัวจวี๋ที่กำลังรินชาลงในถ้วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองแล้วจึงทำได้แต่ยอมรับในความโชคร้ายของตนเอง
“ข้าผู้นี้จะ้าชีวิตเ้าไปเพื่ออะไร? ช่างมันเถิด เพียงแต่...” ข้าเปลี่ยนเื่ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งชั้นพลันหยุดนิ่งไป “พวกเ้าจงจำไว้ข้าผู้นี้สบายดีมาก หากพวกสุนัขแก่จากโลกผู้ฝึกตนเ่าั้กล้าโจมตีเข้ามา ก็ส่งพวกมันไปลงนรกซะ! ”
อืม รัศมีลงตัว น้ำเสียงหนักแน่น
ผ่านไปครู่ใหญ่ บรรยากาศภายในสถานที่แห่งนี้จึงผ่อนคลายลงแต่จากนั้นไม่นานทุกคนก็ะโขึ้นว่า “ท่านจอมปีศาจผู้น่าเกรงขาม! ” เมื่อะโไปสามครั้งถึงได้กล้าลุกขึ้นและจากไปทว่าตอนที่กำลังจะจากไป สายตาที่แอบมองข้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรง
แม้ว่าข้าจะทำหน้าตาขึงขังแค่ไหนทว่าในใจกลับหัวเราะคิกคัก ความรู้สึกที่ได้แกล้งข่มผู้อื่นนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ !
หวังตัวจวี๋มองอย่างตื่นตา พร้อมกับคีบฝาชาขึ้นมาแล้วแช่ใบชาสองสามใบลงไปก่อนจะหยอกล้อว่า “นายท่าน ท่านสร้างสถานการณ์ได้น่าเกรงขามจริงๆ ขอรับ”
“ข้าผู้นี้ไม่ใช่เพชฌฆาตอย่างเ้าที่จะฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยอีกทั้งข่าวลือก็ใช่ว่าจะหยุดได้ด้วยการฆ่าคนเพียงไม่กี่คนวิธีที่ดีที่สุดก็คือการที่ข้าผู้นี้ต้องออกมาด้วยตัวเอง”
หวังตัวจวี๋แสยะยิ้มคาดว่าเขาคงรู้สึกไม่พอใจกับการที่ข้าดูแคลนเพชฌฆาตเช่นเขาเพราะก่อนหน้านี้อวี๋เคอก็เป็ผู้ร้ายที่เที่ยวฆ่าคนและเผาบ้านเรือนร่วมกันกับเขาทว่าตอนนี้เพียงแค่ประโยคเดียวของข้ากลับสลัดมลทินให้ตัวเองจนหมดสิ้น
“ครั้งนี้นายท่านกลับคิดไปในทางเดียวกันกับข้าการหายตัวจนเนิ่นนานเกินไปของท่านเป็ผลเสียต่อโลกปีศาจฝูงัไม่สามารถไร้จ่าฝูงได้ และตำแหน่งนี้ก็มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้” เมื่อพูดถึงตรงนี้หวังตัวจวี๋ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจิบชาทันใดนั้นก็ทุบถ้วยชาลงบนโต๊ะ ทำให้ถ้วยชาซึ่งเป็กระเบื้องแตกออกเป็เสี่ยงๆ จนเกิดเสียงดังขึ้นจากนั้นก็พูดต่อไปว่า “เพราะกู้จิ่นเฉิงเขาไม่อาจเป็จ่าฝูงได้”
......
เชิงอรรถ
[1] ข้า คือ การเปลี่ยนสรรพนามของตัวละครเนื่องจากตัวละครมีการเติบโตและเริ่มปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ได้แล้ว
[2] เสี่ยวเอ้อร์ คือคำเรียกของพนักงานในร้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้