ดวงตาของหญิงสาวตรงหน้าดูมีเสน่ห์เป็พิเศษท่ามกลางกองไฟที่ส่องสว่าง การออดอ้อนด้วยท่าทีเช่นนี้มีเสน่ห์กว่าหญิงสาวในหอคณิกาเสียอีก อย่างน้อยมันก็ดูใสซื่อบริสุทธิ์จนทำให้ผู้คนอยากปกป้อง สมแล้วที่นางทำให้เย่เช่อหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น
ซูเจินมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
บางทีอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้เขาอาจไม่ได้เห็นท่าทีอันใสซื่อของหญิงสาวผู้นี้แล้ว
เพราะคนเราเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ
ซูเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ากำลังนึกถึงเื่เมื่อนานมาแล้ว”
‘ข้านึกถึงตอนที่ท่านแม่ยังอยู่ ตอนที่ท่านแม่ถูกสังหารโดยเ้าสำนักชิงซานคนก่อน ตอนที่ท่านลุงอวิ๋นเซียวเป็อาจารย์ของข้า ตอนที่ซูเจินไม่ได้เป็ซูเจินเหมือนในวันนี้ ตอนที่ข้าไปเยือนหอจุ้ยฮวนเป็ครั้งแรก ตอนที่ข้าร่วมมือกับตระกูลมู่เป็ครั้งแรก ตอนที่ข้าได้พบกับเย่เช่อและฮั่วฉีอวี่ ตอนที่ข้าก้าวขึ้นมามีอำนาจในจวนผู้ว่าการซู…’
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เ้าไม่เคยบอกข้าเกี่ยวกับอดีตของเ้าเลย ถ้าเ้าไม่รังเกียจ เ้าสามารถเล่าให้ข้าฟังได้”
ซูเจินรู้สึกขบขันกับคำพูดของนาง “เ้าหมายความว่าอย่างไรกับคำว่าไม่รังเกียจ?”
หญิงสาวแลบลิ้น “เ้าทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเ้ามีเื่ต้องขบคิดอยู่เสมอ แม้ว่าข้าจะเป็น้องสาวของเ้า เ้าก็ไม่จำเป็ต้องคิดมาก นั่นคือเหตุผลที่ข้ากล่าวเช่นนั้น ข้าชอบที่ได้สนทนากับเ้า”
ซูเจินเติมกิ่งไม้แห้งลงในกองไฟก่อนจะกล่าวว่า “อันที่จริงท่านอ๋องอวิ๋นเซียวเป็คนที่ข้านับถือมากที่สุดในชีวิต”
อวิ๋นจื่อพึมพำ “เหตุใดพวกเ้าถึงพูดเหมือนกันหมด?”
ซูเจินถามว่า “ข้าพูดเหมือนใครหรือ?”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย “เซียวเหยียนก็กล่าวเช่นเดียวกัน บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเสด็จอาเป็คนอย่างไรกันแน่ เหตุใดเ้าถึงเคารพและรักเขามากขนาดนี้? เป็เพราะเขามอบความรักมากมายให้กับเ้าใช่หรือไม่?”
ซูเจินตอบโดยไม่ลังเลว่า “ใช่”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยความอิจฉา “แต่เขาไม่รักข้า”
ซูเจินรู้สึกเป็ทุกข์เล็กน้อยกับคำพูดของนาง “อย่ากล่าวเช่นนั้น คนโปรดของเขาต้องเป็เ้าอยู่แล้ว อันที่จริงเขาทำหลายอย่างเพื่อเ้า”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาและแฝงไปด้วยความโศกเศร้า “แต่เขาไม่เคยทำหน้าบิดาเลย”
ท่าทีผิดหวังของหญิงสาวทำให้ซูเจินรู้สึกเป็ทุกข์
“แต่เขารักเ้า” ซูเจินกล่าวอย่างจริงจัง
หญิงสาวทำตามซูเจิน นางเติมกิ่งไม้แห้งลงในกองไฟและกล่าวว่า “แต่ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็บิดาของข้า ข้าเคยคิดว่าเพราะข้าเป็หลานสาวของเขา จึงได้รับความรักจากเขาเช่นนี้”
“อันที่จริงท่านลุงอวิ๋นเซียวเขียนเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงให้เ้า” ซูเจินกล่าว
แต่ซูเจินไม่ได้กล่าวต่อว่า ‘ทุกคนรู้ว่าเพลงนี้เป็เพลงของเ้า’ เพราะอยากให้ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามแผนการของท่านลุงอวิ๋นเซียว
หญิงสาวขมวดคิ้วใต้แสงไฟ “ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าต้องเล่นเพลงนี้อยู่บ่อยๆ ข้าจึงเกลียดการเล่นกู่ฉินที่สุด ข้าต้องฝึกฝนเพลงนี้นานนับสิบปี อีกทั้งเสด็จพ่อก็ไม่ชอบเพลงนี้ ข้าจึงไม่เคยรู้สึกว่ามันมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่”
“เขารู้มานานแล้วว่าเ้าไม่ใช่พระธิดาของเขา” ซูเจินกล่าวเบาๆ
“เป็ไปได้อย่างไร?” หญิงสาวอุทาน “เสด็จพ่อรักข้ามาก ไม่ใช่แค่ข้าที่คิดเช่นนั้น แต่ทุกคนในวังก็รู้ว่าข้าเป็องค์หญิงที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด”
“ลองคิดดูว่าเหตุใดเขาถึงไม่ให้เ้าปรากฏตัวที่หน้าท้องพระโรงเลยล่ะ? นอกจากนี้ เ้าโตพอแล้วแต่ยังไม่มีการพูดคุยเื่การแต่งงานเลย เ้าคิดจริงๆ หรือว่าเขารักเ้า? หากเขารักเ้าจริงก็ควรให้เ้าแต่งงานกับเซียวเหยียน” ซูเจินกล่าว
หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ข้าเป็ถึงองค์หญิงแห่งอวิ๋นเมิ่ง เขาจึง้าปกป้องข้าจากคนภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าก็อยู่ในวังอย่างมีความสุขมาโดยตลอด นี่คือความรักของบิดาไม่ใช่หรือ?”
ซูเจินหัวเราะออกมาดังๆ
“อันที่จริงฮ่องเต้เซิ่งหยวนรู้มานานแล้ว แต่เขาแค่ซ่อนมันเอาไว้ลึกมาก เขาทำเช่นนั้นเพื่อผลประโยชน์ในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไปเ้าจะมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็จะยังเป็พระธิดาของเขา การเดินหมากเช่นนี้ย่อมทำให้เขามีความสุข เ้าคิดว่าคนที่สามารถบังคับให้ท่านลุงอวิ๋นเซียวไปที่ชายแดนได้จะไม่มีแผนการลึกซึ้งเลยหรือ?”
ในค่ำคืนที่มืดมิด คำพูดของซูเจินเต็มไปด้วยความเ็าและมันก็ดังก้องอยู่ในหูของอวิ๋นจื่อ
คำพูดนั้นเปรียบได้กับมีดที่กรีดลงกลางหัวใจของนาง โลกที่งดงามถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดหญิงสาวก็ถามด้วยเสียงแ่เบา “เ้ารู้จักเสด็จอาได้อย่างไร?”
ซูเจินกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเ้าจะถามข้าเกี่ยวกับอดีตของบิดามารดาเ้ากับฮ่องเต้เซิ่งหยวนเสียอีก ข้าไม่คิดว่าเ้าจะถามเื่นี้”
อวิ๋นจื่อเม้มปากแล้วกล่าวว่า “ข้าก็อยากรู้เื่นั้นเหมือนกัน”
“ท่านแม่ของข้ามีนามว่าเสิ่นเสวียนซวน นางเป็บุตรีคนสุดท้องของใต้เท้าเสิ่นผู้มีนามว่าเสิ่นต้วนจู เ้าน่าจะจำใต้เท้าเสิ่นได้ เขาเป็ขุนนางใน่เวลาเดียวกับใต้เท้าซูผู้เป็ท่านตาของเ้า”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ใต้เท้าเสิ่นคือท่านตาของเ้าหรือ?”
ซูเจินถามว่า “เ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
อวิ๋นจื่อมีท่าทีขุ่นเคืองเล็กน้อย “ใครจะไม่เชื่อล่ะ! ข้าแค่คิดว่าถ้าเ้าไปเมืองอวิ๋นเมิ่งในตอนนั้น บางทีเราอาจได้เป็สหายกัน ใต้เท้าเสิ่นปฏิบัติต่อข้าอย่างดีมาตลอด แต่ข้าไม่รู้ว่าเป็เพราะเสด็จพ่อหรือไม่”
เสียงของหญิงสาวเบาลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน
นางรู้ว่าท่านตาและใต้เท้าเสิ่นมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ดังนั้นในสายตาของใต้เท้าเสิ่นนางจึงถือได้ว่าเป็หลานคนหนึ่งใช่หรือไม่?
อันที่จริงนางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เหตุใดใต้เท้าเสิ่นถึงยอมให้บุตรีแต่งงานกับขุนนางที่อยู่ห่างไกลถึงเมืองหยงโจว?
นางครุ่นคิดอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ท่านตาของข้าเป็ขุนนางที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อฮ่องเต้เฉิงกวงมาก” ซูเจินกล่าวเบาๆ
“ดูเหมือนเ้าจะไม่ชอบท่านตาของเ้า?” อวิ๋นจื่อถาม
“ข้าไม่ได้ไม่ชอบหรือเกลียด” ซูเจินกล่าว “แค่ข้าและเขามีมุมมองแตกต่างกันและไม่ได้ติดต่อกันเป็เวลานาน”
อวิ๋นจื่อไม่ได้ถามเกี่ยวกับเื่ในครอบครัวของซูเจินอีก แต่กลับถามว่า “ตอนนี้เ้าจะตอบข้าได้หรือยังว่าเ้ารู้จักเสด็จอาได้อย่างไร?”
ซูเจินกล่าวว่า “ตอนที่ท่านแม่ของข้ายังเด็ก นางเคยเรียนวิชากระบี่ที่สำนักชิงซาน นางกับจูเหยาเ้าสำนักคนปัจจุบันเป็ศิษย์ร่วมสำนักกัน ส่วนท่านลุงอวิ๋นเซียวเป็ศิษย์ของเ้าสำนักคนก่อน ในตอนนั้นเขามีมิตรภาพอันดีกับท่านแม่ของข้า”
อวิ๋นจื่อหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเ้ากับข้าก็เป็ครอบครัวเดียวกัน”
ซูเจินกล่าวต่อว่า “ข้ารู้จักท่านลุงอวิ๋นเซียวหลังจากที่ท่านแม่เสียชีวิตแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นการตายของท่านแม่เ้าจะเกี่ยวข้องกับเสด็จอาหรือไม่?” อวิ๋นจื่อถามอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะกล่าวในสิ่งที่ไม่สมควรกล่าว
ความทรงจำที่ซูเจินไม่อยากนึกถึงได้หลั่งไหลเข้ามาราวกับกระแสน้ำ อันที่จริงาแในใจของเขาได้ตกสะเก็ดแล้ว แต่เมื่อถูกสะกิดขึ้นมาอีกครั้งก็ทำให้เขารู้สึกเ็ปอย่างยิ่ง
เ็ปอย่างถึงที่สุด
กลายเป็ว่าความเ็ปเป็สิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุดในโลกนี้
ภายใต้แสงสว่างจากแสงไฟอันอบอุ่น หญิงสาวทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับเื่ราวในอดีตเมื่อหลายปีก่อน
เช่นเดียวกับเมื่อหลายปีก่อน ซูว่านหรูและเสิ่นเสวียนซวนก็เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับเื่ราวในอดีตด้วยน้ำเสียงแ่เบา
เื่ราวของคนรุ่นหนึ่งถูกเล่าขานโดยคนอีกรุ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้