เขาโอบกอดเหนียนยวี่และเข้าขวางกรงเล็บของเหนียนอีหลานที่พุ่งมาหานาง กรงเล็บของเหนียนอีหลานมุ่งไปที่ใบหน้าของเหนียนยวี่ เขาที่เข้ามาขวางจึงถูกกรงเล็บของเหนียนอีหลานข่วนเข้าที่คอ ลากยาวเป็รอยแดง ไม่ต้องดูก็รู้ได้ทันทีว่าแผลนั้นคงสาหัสไม่น้อย
“อีหลานหรือ? อีหลาน…”
หนานกงเยวี่ยผลักฝูงชนออก ครั้นเห็นเหนียนอีหลานที่ถูกหลีอ๋องจับข้อมือ นางยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก รีบเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปในห้อง นางไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่า ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหออยู่ในห้อง ก้าวเดินไปเคียงข้างเหนียนอีหลานอย่างเร่งรีบ พลางจ้องมองจ้าวเยี่ยนที่กุมข้อมือของนาง “ท่านอ๋องหลี ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือเพคะ ท่านทำร้ายอีหลาน ใช้แรงขนาดนี้กับสตรีบอบบางได้อย่างไรเพคะ?”
หนานกงเยวี่ยไม่เคยสนใจเื่นี้มากนักเกี่ยวกับหลีอ๋อง น้ำเสียงของนางจึงแฝงความตำหนิเล็กน้อย
เพราะเป็หลีอ๋อง คนที่หนานกงเยวี่ยแต่ไหนแต่ไรมิเคยคิดจะสนใจ ฉะนั้นน้ำเสียงที่นางเปล่งออกมาจึงดูเป็การต่อว่า
ทว่าคำพูดของนางกลับทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกขบขันอย่างมาก
“ฮูหยินเหนียน ครั้งนี้เ้าเข้าใจผิดแล้ว ลูกสาวของเ้า ‘เหนียนอีหลาน’ มิใช่สตรีอ่อนแอ สตรีอ่อนแอจะโดนท่านอ๋องหลีจับกุมไว้เช่นนั้นได้อย่างไร?”
จิ้นหวางเฟยเอ่ย หลังจากที่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนเข้ามาในห้อง ผู้คนมากมายต่างล้วนแห่ตามมา ทั้งเหล่าบรรดาฮูหยินที่ถูกเชื้อเชิญมา รวมไปถึงอนุภรรยาจวนเหนียน แม้กระทั่งฉางไทเฮาต่างรายล้อมตามกันเข้าไป
พวกเขาทั้งหมดพากันจับจ้องกิริยาท่าทีดุร้ายของเหนียนอีหลานเมื่อครู่นี้ ทั้งรอยข่วนบนคอของท่านอ๋องหลีที่ฉายชัด ยิ่งมิได้บ่งบอกถึงความอ่อนโยนนิ่มนวลของเหนียนอีหลานเลยแม้แต่น้อย
“มิใช่หรือไร? ต้องเป็คุณหนูใหญ่มากกว่าที่ทำให้ท่านอ๋องหลีาเ็” อนุสองลู่ซิวหรงเอ่ยขึ้นท่ามกลางฝูงชน ครั้นเห็นสีหน้าของหนานกงเยวี่ยดำดิ่งลงอย่างฉับพลัน ในใจนางก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานใจอย่างแปลกประหลาด นางยังเห็นคุณหนูรองเหนียนยวี่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังท่านอ๋องหลีนัก ั์ตาพลันส่องประกายสว่างวาบ
คุณหนูรองกลับมาั้แ่เมื่อใดกัน?
เมื่อครู่นี้ ยามที่พวกนางมาถึง ประจวบเหมาะเห็นฉากที่เหนียนอีหลานพุ่งเข้าหาเหนียนยวี่พอดี แท้จริงเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกนางจะมากันแน่?
ในใจของลู่ซิวหรงอัดแน่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางคิดถึงเสียงกรีดร้องของสาวใช้ที่นางได้ยินไปเมื่อครู่นี้ เสียชีวิตหรือ?
ใครตาย?
เสียงของลู่ซิวหรงดังก้องทั่วห้อง “ตาย ตายแล้ว!”
เสียงร้องอย่างกะทันหันของลู่ซิวหรงดึงดูดความสนใจของทุกคน พวกเขาหันมองตามทิศทางสายตานาง แม้แต่หนานกงเยวี่ยยังมองไปยังสิ่งของบางอย่างบนพื้นที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าปูที่นอน
“ฟางเหอ นั่นมิใช่ฟางเหอ สาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่หรอกหรือ?” ใครบางคนะโขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
ครั้นหนานกงเยวี่ยเห็นร่างไร้ิญญา เพียงปรายตามองแวบเดียวนางจำร่างนั้นได้ทันที ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้
ฟางเหอหรือ? อีหลานเพิ่งมาหานางและเล่าเื่การหายตัวไปของฟางเหอให้ฟังเมื่อเช้านี้เอง ฟางเหอตายแล้วจริงๆ หรือ?
เหตุใดถึงมาอยู่ในห้องของอีหลานได้?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ร่างไร้ิญญาร่างนี้ได้ปรากฏอยู่ในห้องของอีหลานอย่างลึกลับ ทั้งยังถูกผู้คนมากมายพบเห็น ยากที่จะหลบเลี่ยงความคิดคาดเดาไปเรื่อยของผู้คน
“อีหลาน แท้จริงมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ผู้ใดที่กล้าเข้ามาทำเื่โหดร้ายเช่นนี้ในห้องของเ้า ไม่ได้เป็อะไรมากใช่หรือไม่?” หนานกงเยวี่ยรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าทันที ช่วยเหนียนอีหลานออกมาจากการจับกุมของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน โน้มน้าวผู้คนอย่างสุดความสามารถ แทบจะไม่เปิดเผยคลื่นอารมณ์ใดๆ
ทว่าผู้คนในเหตุการณ์นั้นมิใช่คนโง่ พวกเขาต่างเข้าใจเจตนาของนางได้ทันทีและบางคนไม่ยินยอมให้นางได้สมปรารถนา
“คุณหนูใหญ่เก่งกาจยิ่งนัก เกรงว่าคนที่ลงมือโหดร้ายเช่นนี้จะมิใช่ใครอื่น ทว่าเป็คุณหนูใหญ่เหนียนเสียมากกว่า”
จิ้นหวางเฟยพ่นลมหายใจเ็า เพราะมีผู้คนมากมายอยู่ในเหตุการณ์พอดี นางจึง้าป่าวประกาศเื่ราวมากมายต่อหน้าผู้คน นางจ้องมองสีหน้าหนานกงเยวี่ยที่เริ่มบูดบึ้งไม่น่ามอง พลางเอ่ยปากต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ มิใช่นางหรือที่พูดกับคุณหนูรองว่าให้ไปตายหรืออะไรสักอย่าง มิจำเป็ต้องสงสัยเลยว่านาง้าสังหารคุณหนูรองหรือไม่”
ครั้นจิ้นหวางเฟยเอ่ยออกไป สีหน้าท่าทีของผู้คนต่างแปรเปลี่ยนไปทันที
“จะเป็ไปได้อย่างไร อีหลานเป็หลานที่น่ารักน่าเอ็นดูมาตลอดแต่ไหนแต่ไร จะลงมือฆ่าคนได้อย่างไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยอย่างเหลือเชื่อ
“ถูกต้อง จิ้นหวางเฟย ข้ารู้ว่าเ้าเกลียดตระกูลเหนียนของข้า แต่อีหลานไร้เดียงสา จึงโดนเ้าใส่ร้ายป้ายสีได้ง่ายเช่นนี้!” หนานกงเยวี่ยตวาดอย่างรุนแรง พยายามปกป้องเหนียนอีหลานอย่างหนักแน่น มิยอมให้พวกนางคิดเพ้อเจ้อที่จะป้ายสีใส่ร้ายอีหลาน
ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยเตรียมรับมือ ทว่าทันทีที่นางพูดจบ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมา ทิ่มแทงอารมณ์ที่พุ่งพรวดของนางให้หายไปทันที...
“ใส่ร้ายป้ายสีงั้นหรือ ฮูหยินเหนียน จิ้นหวางเฟยมิได้ใส่ความบุตรสาวเ้าเลยแม้แต่น้อย” เสียงอันน่าเกรงขามดังก้องทั่วห้อง คำพูดแทบทุกคำมีน้ำหนักเกินบรรยาย ทำให้ผู้คนมิอาจกล้ามองข้าม
ผู้คนหันมองไปยังคนที่เอ่ยประโยคนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ฮองเฮาอวี่เหวิน...
พระนางตรัสเช่นนี้้าสื่ออะไร?
ความหมายของคำพูดนี้คือ เหนียนอีหลานเป็คนลงมือสังหารฟางเหอจริงงั้นหรือ?
“ฮองเฮา...” ในใจหนานกงเยวี่ยตื่นใไปชั่วครู่หนึ่ง ั์ตาลุกวาว ฉายแววหวาดกลัว “ฮองเฮาเพคะ มีเื่เข้าใจอะไรผิดในเื่นี้หรือไม่เพคะ อีหลานนางเป็เด็กดี ปกติแล้วแม้แต่มดสักตัวยังไม่เหยียบเลยนะเพคะ นางจะลงมือทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ?”
“ใช่เพคะฮองเฮา ผู้เฒ่าคนนี้เห็นว่าร่องรอยบนตัวฟางเหอเหมือนจะถูกกัดนะเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยืนถือไม้เท้า ใบหน้าเคร่งขรึม นางไม่นึกเลยว่าวันนี้จวนเหนียนจะเกิดเื่ราวมากมายเยี่ยงนี้ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสอนนางมา เพียงปราดตามองก็ดูออกได้ทันทีว่าเื่ตรงหน้านี้ดูผิดปกติอย่างที่สุด
เื่ราวในครานี้พุ่งเป้าไปหาอีหลานอย่างชัดเจน!
ทว่าใครเป็คนทำกันแน่?
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงแอบกวาดตามองจ้าวอิ้งเสวี่ยด้วยสายตาเฉียบคม เป็นางหรือ?
จากเื่ที่นางใช้ห่อยามาเป็เครื่องมือเมื่อครู่นี้ สร้างเื่ขึ้นมากมายเช่นนี้อีก นอกจากนางแล้วยังเป็ผู้ใดได้อีก
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงปราดสายตามองเหนียนยวี่ ใบหน้านั้น ทำให้นางนึกถึงเื่ที่ตนเห็นในงานเลี้ยงเทศกาลฉีเฉี่ยววันนั้น ความจริงทำให้นางตื่นตะลึง
เหนียนยวี่...
บุตรีอนุจวนเหนียนที่เติบโตขึ้นภายใต้สายตาของหนานกงเยวี่ย แท้จริงแล้วนางควรจะทำอะไรไม่เป็ ทว่าสิ่งที่นางเห็นในงานเลี้ยงเทศกาลฉีเฉี่ยว ทำให้นางตื่นใอย่างแท้จริง ไม่เพียงแค่นี้ เห็นได้ชัดว่านางใช้การบรรเลงฉินบีบบังคับอีหลาน ทำให้นางตื่นตระหนกจนบรรเลงฉินพลาด
บุตรีอนุจวนเหนียนผู้นี้มิใช่ธรรมดาเฉกเช่นที่พวกนางเคยเห็นมาก่อน ทว่าสถานการณ์ยามนี้ เกี่ยวข้องกับนางอีกหรือไม่?
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขมวดคิ้ว ดวงตาเฉียบคมเต็มไปด้วยการสำรวจ
ยามที่ครุ่นคิดคาดเดา ในใจนางยิ่งรู้สึกมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสขึ้นมาอีกครา “รอยกัดหรือ? เปิ่นกงดูแล้ว คิดว่ามันเป็รอยกัดเช่นกัน เหนียนอีหลาน เ้าเป็เ้านายของนาง เ้าคงจะรู้ใช่หรือไม่ว่านางตายเช่นไร?”
ครั้นฮองเฮาเอ่ยเรียกชื่อนาง "เหนียนอีหลาน" พระนางทรงเรียกอย่างดุดันเป็พิเศษ แม้แต่ผู้คนรอบข้างที่ได้ยินยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ทว่าในใจของเหนียนอีหลานกลับสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้ ในหัวนางนึกถึงคำพูดของเหนียนยวี่เมื่อครู่นี้ พลันเอ่ยพึมพำในปากโดยไม่รู้ตัว “องค์หญิงจี้เยวี่ย...ไม่ ฮองเฮา...”
สายตาดุร้ายที่ฉายแววในดวงตาของเหนียนอีหลานเมื่อครู่นี้ ยามนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว ฉับพลันนั้นนางคุกเข่าลงบนพื้น โค้งคำนับก้มกระแทกศีรษะต่อเบื้องพระพักตร์ฮองเฮาอวี่เหวินอย่างไม่หยุดพัก “ฮองเฮาขอทรงเมตตาไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ได้โปรดทูลองค์หญิงจี้เยวี่ย อย่าเอาชีวิตหม่อมฉันเลยนะเพคะ...”
เหนียนอีหลานอ้อนวอนขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
องค์หญิงจี้เยวี่ยหรือ?
คำพูดไม่กี่คำที่นางเอ่ยออกมา สำหรับผู้คนมากมายในยามนี้ยังคงแปลกใหม่อยู่มาก ทว่ากิริยาท่าทางสำนึกผิดของเหนียนอีหลาน รวมถึงทุกคำที่นางเอ่ยเอื้อนออกมาอย่าง “ร้องขอชีวิต” ยิ่งเป็การดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง
ครั้นฮองเฮาอวี่เหวินได้ยินชื่อขององค์หญิงจี้เยวี่ย สีั์ตานางประหนึ่งจะมืดมนขึ้นทันที เหนียนยวี่รู้ดีว่าการเอ่ยถึงองค์หญิงจี้เยวี่ยนั้นเป็สิ่งต้องห้ามมาตลอด ทว่าเหนียนอีหลานในยามนี้กลับเอ่ยขึ้นมาต่อหน้าฝูงชน นี่จะไม่ทำให้ฮองเฮาอวี่เหวินรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร
และราคาในการยั่วโทสะของฮองเฮาอวี่เหวินนั้น...