สายลมยามพลบค่ำพัดโชย...
เยี่ยเฉินเฟิงเปลือยกายท่อนบนเดินทางกลับไปยังบ้านดินที่ตนเช่าไว้ท่ามกลางความมืดที่โรยตัวลงมา เมื่อสายตาเหลือบเห็นเงาร่างสะโอดสะองที่ยืนอยู่นอกเรือน สติสัมปชัญญะของเขาก็หยุดทำงานไปชั่วขณะ ฝีเท้าหยุดนิ่งอย่างทันควัน
“ทำไมถึงเป็นางไปได้? นางมาทำอะไรที่เมืองไป๋ตี้กัน?”
แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่เยี่ยเฉินเฟิงยังจำเด็กสาวตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ นางคือคู่หมั้นในวัยเด็กของเขาเอง จีชิงเสวี่ย ยอดพธูอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อจิน
เขาไม่เคยคิดจะเก็บเื่ของจีชิงเสวี่ยมาเพ้อฝันตั้งนานแล้ว แต่พอได้มาเห็นนางกับตาตัวเองอีกครั้ง ความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในใจเขา
ด้วยองคาพยพบนใบหน้างดงามชดช้อย ผมยาวสลวยสีดำสนิททิ้งตัวคลอเคลียไหล่ รูปร่างที่สัดส่วนโค้งเว้าชัดเจนประกอบกับท่วงท่าสง่างามโดดเด่น โดยเฉพาะดวงตากลมโตสุกใสคู่นั้น ถ้าหากเผลอไปสบตาเข้าสักครั้ง คงได้ติดบ่วงของอีกฝ่ายจนไม่อาจถอนตัวออกมาจากความลุ่มหลงได้
เยี่ยเฉินเฟิงมองจีชิงเสวี่ยอย่างอึ้งๆ ในขณะที่นางก็มองสำรวจเขาเช่นกัน
ใบหน้าคมคาย ดวงตาลึกล้ำดั่งมหาสมุทร บนร่างไม่มีก้อนเนื้อส่วนเกินเลยสักนิดเนื่องจากฝึกฝนร่างกายมาอย่างยาวนาน รูปร่างสง่าผ่าเผยล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษองอาจ
แม้จีชิงเสวี่ยจะััได้ว่าเยี่ยเฉินเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพราะเขาเปลือยกายท่อนบนอยู่ จีชิงเสวี่ยจึงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ รายละเอียดยิบย่อยนี้ทำให้ความรู้สึกดีเพียงน้อยนิดที่นางมีต่อเยี่ยเฉินเฟิงสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลักจากลังเลอยู่สักพัก เยี่ยเฉินเฟิงก็เป็ฝ่ายก้าวเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับเอ่ยถาม “เ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้ามีธุระจะคุยกับเ้า” จีชิงเสวี่ยตอบกลับเสียงแ่
“เ้าคงจะมายกเลิกสัญญาหมั้นล่ะสิ”
เยี่ยเฉินเฟิงคาดเดาวัตถุประสงค์ที่อีกฝ่ายมาหาตน ก่อนจะโพล่งออกไปอย่างขวานผ่าซาก
“ทำไมล่ะ เ้าอยากตัดขาดความสัมพันธ์กับข้ามากนักรึไง?” จีชิงเสวี่ยชะงักวูบ สายตาวาววับจับจ้องไปที่เขา
“แล้วเ้าไม่อยากหรือ?” เยี่ยเฉินเฟิงถามกลับพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ถ้าข้าบอกว่าไม่อยาก เ้าจะเชื่อไหม?” จีชิงเสวี่ยกล่าว “ถ้าข้าอยากยกเลิกสัญญาหมั้นหมายจริง คงไม่ถ่อมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองหรอก”
“แล้วเ้ามาเพื่ออะไร...” เยี่ยเฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายมาเยี่ยมเยียนเขาอย่างกะทันหันด้วยจุดประสงค์อะไร
“อะไรกัน ไม่คิดจะเชิญข้าเข้าไปนั่งพักข้างในหน่อยหรือ?”
จีชิงเสวี่ยมองเยี่ยเฉินเฟิงด้วยสายตาสงบนิ่ง นางพบว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หากเป็เมื่อก่อน เขาจะแสดงความดีอกดีใจให้ได้เห็นทุกครั้งที่พบหน้า แม้ว่าจะพยายามเก็บอาการขนาดไหนก็ตาม
ทว่าในตอนนี้ สายตาที่เยี่ยเฉินเฟิงมองตนนั้นมันช่างเฉยชาจนน่าใ
“ถ้าเ้าไม่รังเกียจบ้านโกโรโกโสของข้า ก็เชิญเข้ามาเถอะ”
กล่าวจบ เยี่ยเฉินเฟิงก็ผลักบานประตูสีแดงที่สีหลุดลอกจนไม่เหลือสภาพเข้าไป เดินนำจีชิงเสวี่ยเข้าไปในบ้านดินที่มีข้าวของรกรุงรัง
จีชิงเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว สายตากวาดมองสภาพแวดล้อมที่เยี่ยเฉินเฟิงอยู่อาศัย นางเป็ดั่งไข่มุกในมือของตระกูลจี เคยมาสถานที่เช่นนี้เสียเมื่อไหร่ล่ะ
พอคิดว่าวันข้างหน้าจะต้องอยู่ร่วมชายคากับเยี่ยเฉินเฟิงในบ้านโกโรโกโสเช่นนี้ จิตใจอันแน่วแน่ของจีชิงเสวี่ยก็ถึงกับสั่นไหว
แต่พอนึกถึงตระกูลเจียงที่กดขี่ข่มเหง นึกถึงจุดจบของตัวเองเมื่อตกอยู่ในมือของเจียงซานสุ่ย นึกถึงหนทางการฝึกฝนพลังอันลี้ลับอัศจรรย์ จิตใจที่สั่นคลอนของจีชิงเสวี่ยก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
“ดื่มน้ำหน่อยไหม?”
เยี่ยเฉินเฟิงเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนจะเดินกลับออกมายังห้องโล่งๆ ด้านนอก เขาเหลือบมองจีชิงเสวี่ยผู้งดงามดุจนางเซียนที่ยืนอยู่กลางห้องพลางเอ่ยถามขึ้นเสียงเบาๆ
“ขอบคุณ แต่ข้าไม่หิว”
จีชิงเสวี่ยส่ายหน้าปฏิเสธด้วยน้ำเสียงไพเราะราวกับนกหวงหลี
“พูดมาเถอะ เ้าดั้นด้นมาไกลขนาดนี้มีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ? เ้าคงไม่ได้คิดแค่จะมาเยี่ยมเยียนกันหรอกนะ” เยี่ยเฉินเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือที่ใกล้จะพังอยู่รอมร่อ ปรายตามองจีชิงเสวี่ยขณะเอ่ยถาม
‘เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ’
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของจีชิงเสวี่ย แต่ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เื่ที่เขาไม่มีจิตอสูรก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี นางปัดความคิดอันยุ่งเหยิงในหัวทิ้งอย่างรวดเร็ว
“ข้า...ข้าอยากแต่งงานกับเ้า”
จีชิงเสวี่ยลังเลอยู่พักใหญ่ นางเม้มริมฝีปากสีแดงสดก่อนจะบอกวัตถุประสงค์ที่แท้จริงออกไป
“แต่งงาน...” เยี่ยเฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเรียบเฉยแอบเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้างดงามของจีชิงเสวี่ย “อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลย ด้วยฐานะและพร์ของเ้า ไม่มีทางยอมลดตัวมาแต่งงานกับคนไร้ค่าที่โดนถีบส่งออกจากตระกูลเยี่ยเช่นข้าหรอก เ้าคงไปเจอเื่ยุ่งยากบางอย่างมาและคิดจะใช้ข้าเป็ข้ออ้างเสียมากกว่า”
“ข้า...”
จีชิงเสวี่ยคิดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยเฉินเฟิงจะจับพิรุธเก่งขนาดนี้ เพียงประโยคเดียวของเขาก็ทำลายแผนการทั้งหมดของนางจนล้มไม่เป็ท่า เล่นเอานางถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“พูดความจริงออกมาเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งแขกแล้วนะ”
เยี่ยเฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างไร้เยื่อใย น้ำเสียงเด็ดขาดของอีกฝ่ายทำให้จีชิงเสวี่ยแอบใจฝ่อห่อเหี่ยว
“ข้าเจอปัญหามาจริงๆ นั่นแหละ!” จีชิงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเล่าสิ่งที่นางประสบพบเจอมาให้เยี่ยเฉินเฟิงฟังอย่างละเอียดทุกขั้นทุกตอน
“เจียงซานสุ่ยตามจีบเ้า แล้วทำไมถึงคิดจะใช้ข้าเป็โล่กันคันศรของเ้าล่ะ เ้าคิดว่าตระกูลเจียงจะเชื่อเื่ที่เ้าเต็มใจแต่งงานกับคนไร้ค่าหรือ?” เยี่ยเฉินเฟิงหัวเราะเยาะ
“เพราะพวกเรามีสัญญาหมั้นหมายกันั้แ่เด็ก ทั่วทั้งเมืองหลวงของแคว้นจื่อจินต่างก็รู้เื่นี้ดี”
“แล้วข้าก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ ขอแค่พวกเราแต่งงานกันสำเร็จ ด้วยนิสัยหยิ่งยโสรักศักดิ์ศรีของเจียงซานสุ่ย มีโอกาสสูงมากที่เขาจะยอมปล่อยมือจากข้า ท่านปู่ก็จะได้ล้มเลิกความคิดเพราะข่าวเสียหายพวกนี้ด้วย”
“ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ข้าบ่มเพาะพลังถึงเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับหกแล้ว ถ้าหากข้าบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์อสูรมายาได้ตอนอายุสิบหก ท่านปู่ก็คงไม่คิดจะบีบบังคับข้าอีกต่อไป”
เพราะเล่ห์เหลี่ยมของตนถูกเยี่ยเฉินเฟิงเปิดโปงั้แ่ต้น จีชิงเสวี่ยจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์กะทันหัน นางยอมละทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรี อ้อนวอนขอร้องเขาอย่างมีน้ำอดน้ำทน
“จีชิงเสวี่ย เ้าเคยคิดถึงผลที่จะตามมาในภายหลังบ้างหรือไม่”
แม้เยี่ยเฉินเฟิงจะแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงเพราะได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาอันเลิศล้ำ แต่ในตอนนี้เขายังอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางต่อสู้ขัดขืนตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อจินอย่างตระกูลเจียงได้หรอก หากไม่ระวังพลั้งเผลอไปเพียงนิด ชีวิตอาจจะดับสูญแบบไม่มีวันหวนคืนได้
“ข้ารู้ว่ามันฟังดูอยุติธรรมสำหรับเ้า ตระกูลเจียงอาจจะตามล้างแค้นเ้าเพราะเื่พวกนี้ได้ แต่ข้าไม่เหลือหนทางอื่นแล้วจริงๆ ข้าไม่อยากถูกทำลายอนาคตเพราะเ้าสารเลวเจียงซานสุ่ยนั่น ขอร้องล่ะเ้าช่วยข้าหน่อยเถอะนะ” จีชิงเสวี่ยอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
ในยามนี้เยี่ยเฉินเฟิงอยากจะปฏิเสธอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน แต่อย่างไรซะเขาก็เคยชอบพออีกฝ่ายมาก่อน ไม่อยากเห็นนางต้องพังทลายเพราะเจียงซานสุ่ย ยิ่งเห็นสายตาเศร้าสร้อยไร้หนทาง เยี่ยเฉินเฟิงก็ยิ่งใจอ่อนยวบ
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าขอรับปากกับเ้าว่าหากจบเื่ทุกอย่างแล้ว ข้าจะให้เงินก้อนใหญ่สำหรับหลบหนีไปที่ไกลๆ แก่เ้า ถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลเจียงจะอยากแก้แค้นก็คงหมดหนทางอยู่ดี”
จีชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากแดง กล่าวคำมั่นสัญญาต่อเยี่ยเฉินเฟิงที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด
“เงินก้อนที่ว่าเ้าจ่ายล่วงหน้าได้ไหม?”
ตอนนี้เยี่ยเฉินเฟิงกำลังร้อนเงินมาก ถ้าเขามีเงินซื้อทรัพยากรที่เพียงพอต่อการฝึกฝนได้ ด้วยวิชาที่เขารับสืบทอดมา พลังของเขาจะพัฒนาได้แบบก้าวะโ ถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลเจียงจะอยากชำระแค้นกับเขาก็ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบสักหลายๆ รอบแล้วล่ะ
“ได้สิ เ้าอยากได้เท่าไหร่”
จีชิงเสวี่ยเผยความประหลาดใจผ่านทางสีหน้า นางไม่คิดเลยว่าเยี่ยเฉินเฟิงที่ลังเลใจขนาดนั้น จะยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ เพราะเื่เงิน
“หนึ่งล้านตำลึง” เยี่ยเฉินเฟิงเอ่ยอย่างเฉยชา
“ตอนนี้ข้ามีเงินติดตัวมาแค่สามแสนตำลึง แต่ข้าสัญญาว่าจะหาเงินหนึ่งล้านตำลึงมาให้เ้าจนครบ” จีชิงเสวี่ยล้วงตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อและกล่าวกับเยี่ยเฉินเฟิง
“ตกลง!” เยี่ยเฉินเฟิงตอบรับพร้อมกับหยิบตั๋วเงินมาจากจีชิงเสวี่ย
ไม่รู้เพราะเหตุใด ชั่วขณะที่นางเห็นเยี่ยเฉินเฟิงรับตั๋วเงินไป ภายในใจก็เกิดวูบโหวงแปลกๆ ราวกับว่าข้อแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเขาทั้งสอง จะทำให้นางต้องสูญเสียของที่แสนล้ำค่าบางอย่างไป
