กลางดึกที่เงียบสงัด ทั่วทั้งเมืองจิ้นหยางล้วนเกิดกฎอัยการศึก ทว่าผู้คนส่วนใหญ่กำลังหลับใหลจึงไม่รับรู้
ภายในิเย่วจวี กูเฟยเยี่ยนกำลังจ้องตาอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหม่าน
ปากของเซี่ยเสี่ยวหม่านเรียกได้ว่าปิดสนิทมาก ไม่ว่านางจะพูดเปรียบเปรย เจตนาหยั่งเชิง หรือทุ่มเงินติดสินบน เขาก็ไม่เปิดเผยเลยแม้แต่น้อย การที่เขาไม่เปิดเผยก็ช่างมันแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะยืนกรานขอดูหนังสือรับรองหนี้สินของนาง
เมื่อดูจากท่าทีของเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้ว กูเฟยเยี่ยนทราบดีว่าทันทีที่นางนำหนังสือรับรองหนี้สินออกมาก็จะถูกแย่งไปทันที ดังนั้นนางจะนำออกมาได้อย่างไร?
กูเฟยเยี่ยนง่วงนอนมากจริงๆ นางหาวออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเพิ่มให้อีกหนึ่งพันเหรียญทอง ทั้งหมดเป็หนึ่งหมื่นเหรียญทอง เ้าบอกข้าในเื่ที่เ้ารับรู้ทั้งหมด เป็อย่างไร? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านตอบกลับไป “เอาหนังสือรับรองหนี้สินมาให้ข้าพเ้า ข้าพเ้าถึงจะพิจารณาดู”
กูเฟยเยี่ยนชำเลืองมองเขา “กลับดีๆ ไม่ส่งนะ! ”
หากไม่ใช่เพราะว่า้าถามคำถามจากปากของเขา นางคงไล่ไปนานแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ขยับไปไหน เขาลังเลชั่วขณะพลันเอ่ยถามด้วยความจริงจัง “กูเฟยเยี่ยน เ้าชอบเตี้ยนเซี่ยใช่หรือไม่! ”
กูเฟยเยี่ยนรีบพยักหน้ายิ้มแย้มแล้วถามกลับไป “แน่นอนว่าชอบสิ เ้าไม่ชอบเตี้ยนเซี่ยหรือ? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านยิ้มเยาะออกมา “เ้าอย่ามาทำเป็โง่เขลา เ้ารู้ว่าคำว่าชอบที่ข้าพเ้าพูดไปหมายความว่าอย่างไร! ”
รอยยิ้มของกูเฟยเยี่ยนแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด ไม่ช้าหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาทำท่าเชิญชี้ไปทางประตู “หม่านกงกง ข้าไม่รู้ว่าเ้าหมายความว่าอย่างไร และไม่อยากจะรู้ด้วย เชิญไปให้พ้น! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ไป เขารินน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะมาดื่มอย่างไม่รีบร้อน “กูเฟยเยี่ยน ในวันนี้ข้าพเ้าจะทำให้เ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าฝ่าาทรงไม่โปรดปรานเ้ามาก ฝ่าาทรงโปรดปรานคุณหนูสามตระกูลหาน เตี้ยนเซี่ยก็โปรดปรานเช่นกัน ในอนาคตต่อให้นางไม่ใช่พระชายาเอกของเตี้ยนเซี่ยก็อาจจะเป็พระชายารอง เ้าสร้างความขุ่นเคืองต่อนาง ชีวิตในวันข้างหน้าของเ้าจะผ่านพ้นไปแบบไม่ง่ายดายแน่ๆ หุบเขาเสินหนงถึงจะเป็สถานที่ที่ดีต่อเ้า”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงมากทีเดียว นางไม่อาจทราบได้ว่าเหตุใดจิตใจจึงเกิดความรู้สึกอัดอั้นตันใจ ความรู้สึกนี้เป็ความทรมานที่มิอาจพรรณนาได้ ตอนที่เห็นว่าเตี้ยนเซี่ยรับของจากคุณหนูสามตระกูลหานในหุบเขาเสินหนง จิตใจของนางยังไม่อัดอั้นถึงเพียงนี้เลย!
นางทราบว่าเตี้ยนเซี่ยกับคุณหนูสามตระกูลหานมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น อีกทั้งยังทราบว่าเตี้ยนเซี่ยโปรดปรานคุณหนูสามตระกูลหานเช่นกัน เพียงแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเตี้ยนเซี่ยจะอภิเษกสมรสกับนาง
ความโปรดปรานกับการอภิเษกสมรสมีความแตกต่างกันอย่างไร? ทั้งสองอย่างนี้ยังมีระยะห่างที่มากเพียงใด?
ถ้าหากจะอภิเษกสมรสก็แสดงว่าเป็ความโปรดปรานที่พิเศษมากๆ ใช่หรือไม่?
หญิงสาวไม่ได้คิดมากนัก ทว่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด นางจึงเอ่ยน้ำเสียงเ็าต่อเซี่ยเสี่ยวหม่าน “เ้าไม่ไป ข้าไปเอง! ”
ร่างบางหันเดินไปเปิดประตู แต่ใครจะไปทราบว่าทันทีที่เปิดประตูออกมาจะได้พบกับชายชุดม่วงที่ยืนประจันหน้าอยู่หน้าประตู
กูเฟยเยี่ยนยังเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ชัดเจน ร่างกายของนางก็ถูกดึงเข้ามากระแทกอ้อมอกของเขาแล้ว
“อ้า…” กูเฟยเยี่ยนกรีดร้องออกมาเสียงดัง ทว่าไม่ช้าก็ถูกฝ่ามือประกบปิดปากไป
“อ้า…” เสียงร้องของเซี่ยเสี่ยวหม่านดังกว่ากูเฟยเยี่ยนเสียอีก เขาไล่ตามออกมาพลันะโเสียงดังลั่น “ทหาร มีนักฆ่า! ทหาร รีบมาเดี๋ยวนี้…”
ผ่านไปชั่วขณะองครักษ์ลับหลายนายล้วนปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ ทว่าชายชุดม่วงหายตัวไปนานแล้ว
สีหน้าท่าทางของเซี่ยเสี่ยวหม่านเกิดความลนลาน ทว่ายังคงสงบสติอารมณ์ เขาตัดสินใจออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “นักยิงธนูไปปิดล้อมด้านนอกแล้วค้นหาทันที อย่าให้เขาหลบหนีออกไป! หากเกิดอะไรขึ้นกับแพทย์หญิงกู พวกเ้าก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตรอดต่อไป! ”
ทันทีที่เซี่ยเสี่ยวหม่านเอ่ยคำพูดเหล่านี้จบลงก็มีเสียงขององครักษ์ลับดังขึ้นมาจากด้านขวาของลานจวน “มันอยู่ที่นี่ ทหาร รีบมาเดี๋ยวนี้! ”
องครักษ์ลับรีบวิ่งเข้าไปทันที เซี่ยเสี่ยวหม่านที่ไม่มีความชำนาญในการต่อสู้ได้เลี้ยวไปทางเล็กแล้ววิ่งไปด้วยความเร็วดั่งกับโบยบิน ความเร็วนี้ถึงกับสามารถไล่ตามองครักษ์ลับได้เลย
เพียงแต่เมื่อพวกเขามาถึงก็ไม่พบร่างของชายชุดม่วงกับกูเฟยเยี่ยนแล้ว เห็นเพียงแค่หมางจ้งที่ไล่ตามไปบนกำแพง และไม่ช้าร่างนั้นก็หายไป
อย่างไม่ต้องสงสัยเลย องครักษ์ลับมากมายนั้นมีเพียงแค่หมางจ้งที่ฝืนไล่ตามได้ทัน แต่เขาก็ทำนักฆ่าคนนั้นหลุดมือหลบหนีออกจากจิ้งหวางฝู่ไปได้
คนที่จี้ชิงตัวกูเฟยเยี่ยนก็คือไป๋หลี่ิชวน
ทันทีที่เขาออกมาจากจิ้งหวางฝู่ก็เห็นว่าด้านนอกถูกล้อมรอบไปด้วยนักยิงธนู แม้ว่าจะเป็การจี้ชิงตัวประกันแล้วหลบหนี มุมปากของเขาก็ยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ไร้ซึ่งความตื่นตระหนก ไม่รีบร้อน และไม่รู้สึกว่าตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
เขาไม่แม้แต่จะหยุดลงแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งโอบกอดไปที่เอวบางของกูเฟยเยี่ยน มืออีกข้างหนึ่งประกบปิดไปที่ริมฝีปากเล็ก ร่างของนางอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของเขาเพื่อเป็โล่กำบัง
เขาเพิกเฉยต่อเหล่าคันธนูที่เต็มไปด้วยลูกธนูคม ฝีเท้ายันพื้นพลันพุ่งทะยานไปทางด้านของนักยิงธนูด้วยความสง่างาม
หมางจ้งพะว้าพะวังต่อกูเฟยเยี่ยนจึงไม่ค่อยกล้าสั่งให้ทหารองครักษ์ยิงธนูออกไป ไป๋หลี่ิชวนดูเหมือนจะสง่างามแต่ความเร็วไม่ลดลงเลย ด้วยฝีมืออันยอดเยี่ยมทำให้สามารถหลบหลีกลูกธนูคมที่กระจัดกระจายได้อย่างง่ายดายพร้อมกับเตะไปที่นักยิงธนูสองนายจนกระเด็นลอยออกไป ไม่ช้าเขาก็หลบหนีไปทางประตูเมืองทางใต้
“เร็ว ไปรายงานเตี้ยนเซี่ยที่ร้านขายสมุนไพรเสินหนง แล้วไปแจ้งท่านแม่ทัพเฉิงให้ไปถึงประตูเมืองทางใต้โดยเร็วที่สุด! ”
หมางจ้งกำชับด้วยความรีบร้อนจากนั้นจึงนำนักยิงธนูไล่ตามไปต่อ
ไม่ช้าไป๋หลี่ิชวนก็ทิ้งระยะห่างจากหมางจ้งกับคนอื่นๆ ด้วยระยะห่างที่ค่อนข้างไกล ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นเงียบสงบมาก ในระหว่างทางไม่มีการดิ้นรน ไม่ใช่เพราะนางไม่กล้าดิ้นรนแต่เป็เพราะฝ่ามือของไป๋หลี่ิชวนมีพิษ ทันทีที่เขาประกบลงมาปิดปากนาง นางก็สูดดมยาพิษเข้าไป ไม่ช้าร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง จิตใต้สำนึกเต็มไปด้วยความเลือนราง มือของนางกดลงไปที่หวางเป่าติงน้อยแล้วเพียงแต่เรียกพิษออกมาไม่ทัน
หลังจากนั้นไม่นานไป๋หลี่ิชวนก็มาถึงประตูเมืองทางใต้
บนหอประตูเมืองอัดแน่นไปด้วยนักยิงธนูที่ง้างคันธนูไว้เตรียมยิง ดูเหมือนว่าไป๋หลี่ิชวนจะไม่ได้มองคันธนูเกือบร้อยบนหอประตูเมืองอยู่ในสายตา
เขาชำเลืองมองดูแวบเดียวพลันก้มศีรษะลงไปหาบุคคลที่อยู่ในอ้อมอก ในขณะนี้กูเฟยเยี่ยนสะลึมสะลือไม่ได้สติแล้ว
“แพทย์หญิงตัวน้อย การพบกันครั้งแรก ขออภัยด้วย”
เขายิ้มบางเบาพลางปัดเส้นผมที่กระจัดกระจายอยู่บนใบหน้าของกูเฟยเยี่ยน
ในขณะเดียวกัน เฉิงอี้เฟยก็กำลังมองดูฉากนี้ด้วยแววตาโกรธเคือง เขาไม่ได้เป็ผู้นำอยู่บนหอประตูเมือง แต่ยืนอยู่บนหลังคาด้านซ้ายของหอประตูเมือง
เส้มผมสีดำขลับของเขาถูกมัดรวบไว้ทั้งหมด เขาสวมใส่ชุดจิ้งจวงสีดำ ร่างกายตั้งตรง กลมกลืนไปกับแสงสีในยามค่ำคืน เขาทอดมองไปที่ไป๋หลี่ิชวนพร้อมกับยกมือข้างซ้ายขึ้นมาอย่างเงียบเชียบเพื่อนำคันธนูมาวางไว้บนแขนข้างซ้าย
ชายหนุ่มหรี่ตาลงพลางเล็งไปที่จุดเอาชีวิตบนแผ่นหลังของไป๋หลี่ิชวนได้ในพริบตา มุมปากของเขาโค้งขึ้นด้วยความดื้อรั้นและความต้องได้ในสิ่งที่ตน้า
ต่อหน้าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เขาจะเป็เด็กดีและเชื่อฟัง หากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่อยู่เขาก็จะกลายมาเป็หมาป่าที่ปราศจากการสั่งสอน กองกำลังทหารม้าเป็ไพ่ใบสำคัญของตระกูลเฉิง แต่ในส่วนของทหารนักธนูนั้นเป็ไพ่ใบสำคัญยิ่งกว่า เขาเรียนรู้ทักษะยิงธนูมาั้แ่เด็ก ปัจจุบันนี้ยังคงรักษาสถิติของการยิงไม่พลาดแม้แต่ธนูเดียว
เพียงแค่เป็รับสั่งของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย อย่าว่าแต่ไป๋หลี่ิชวนที่เป็องค์ชายของอาณาจักรศัตรูเลย ต่อให้เป็องค์ชายของราชวงศ์จวินแห่งอาณาจักรเทียนเหยียน เขาก็กล้ายิงออกไปโดยไม่ออมมือ
องค์ชายสามของราชวงศ์ไป๋หลี่แห่งอาณาจักรว่านจิ้นใช่หรือไม่? กล้าที่จะวางแผนปลิดชีพเขาแล้วยังกล้าที่จะจี้ชิงตัวแพทย์หญิงน้อยอีก ในค่ำคืนนี้เขาจะต้องยิงให้องค์ชายกลายเป็เม่นให้ได้!
หลังจากที่เฉิงอี้เฟยเล็งได้ตรงแล้ว เขาก็วางมือซ้ายลงพลันหยิบคันธนูอีกอันมาวางไว้ที่คันธนูที่เล็งเอาไว้แล้ว จากนั้นจึงทำการเล็งอีกอันไปที่จุดเอาชีวิต
ทว่าในขณะที่เฉิงอี้เฟยกำลังจะปล่อยลูกธนูออกไป จู่ๆ ไป๋หลี่ิชวนก็ย้ายกูเฟยเยี่ยนมาทางด้านขวา มืออีกข้างดึงพัดพับบนเอวออกมาเปิดออก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขากำลังจะลงมือแล้ว!
เฉิงอี้เฟยปรับทิศทางอย่างรวดเร็ว เมื่อเล็งตรงไปที่เป้าหมายอีกครั้งก็ปล่อยลูกศรออกไปทันทีโดยไม่ลังเล!
“ฉึก…”
ลูกธนูคมสองอันพุ่งออกไปพร้อมกันด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบและจู่โจมไปทางแผ่นหลังของไป๋หลี่ิชวน แต่ใครจะไปทราบว่าไป๋หลี่ิชวนเหมือนจะสังเกตเห็นว่าเฉิงอี้เฟยดักซุ่มรออยู่ั้แ่แรกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หันข้างเพื่อให้กูเฟยเยี่ยนมาเผชิญหน้ากับลูกธนูคมทั้งสองเล่มนั้น!
“ไม่นะ! ”
เฉิงอี้เฟยะโร้องเสียงดัง ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ทันแล้ว…