หัวเข่าของโม่เสวี่ยถงมิได้าเ็ร้ายแรง หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า แม้ยังรู้สึกติดขัดอยู่บ้างในขณะที่ลุกขึ้นเดิน แต่ส่วนอื่นๆ ก็ไม่พบความผิดปรกติอันใด หลังจากทานอาหารเช้าแล้วพลันได้ยินเสียงเอะอะที่หน้าประตู พอเงี่ยหูฟังกลับได้ยินไม่ชัดเจนนัก ได้ยินแต่เสียงฝนที่จู่ๆ ก็เทลงมาโดยไม่มีเค้าลางใดๆ มาก่อน
“คุณหนู ฉิงอี๋เหนียงให้คนมาถามเ้าค่ะ ว่าเรือนของคุณหนู้าสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่” โม่เหอเลิกม่านขึ้นแล้วเดินเข้ามา เสื้อลายดอกสีครามยังเห็นรอยเปียกฝน
“ตอนนี้ผู้ที่ดูแลจัดการภายในจวนคือฉิงอี๋เหนียงกับโม่อี๋เหนียงหรือ” โม่เสวี่ยถงถามเสียงเบา มือยังคงง่วนอยู่กับการตัดแต่งกิ่งใบของต้นเศรษฐีเรือนนอก มิได้หันศีรษะไปมอง
“เ้าค่ะ ได้ยินมาว่าเมื่อวานนายท่านยึดอำนาจสั่งการคืนมาจากฟางอี๋เหนียง แล้วให้ฉิงอี๋เหนียงกับโม่อี๋เหนียงช่วยกันจัดการ ดังนั้นวันนี้พวกนางจึงส่งคนมาแต่เช้า ถามคุณหนูว่า้าสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่ ดูท่าจะขยันขันแข็งกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยเ้าค่ะ” โม่อวี้กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก พอฟางอี๋เหนียงร่วงลงจากอำนาจ แม้แต่บ่าวที่เคยละเลยคนในเรือนชิงเวย ยังต้องมาถามไถ่คุณหนูก่อนั้แ่เช้าทั้งที่ฝนตก
การต่อสู้ระหว่างคุณหนูกับฟางอี๋เหนียง คุณหนูได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม โม่อวี้ย่อมอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
โม่เสวี่ยถงวางกรรไกรในมือลง แล้วรับผ้าแพรจากโม่หลันมาเช็ดมือ จากนั้นก็ถามต่อ “ทางด้านฟางอี๋เหนียงเป็อย่างไรบ้าง”
โม่หลันรับผ้าเช็ดมือกลับมา แล้วค่อยนำกระถางรดน้ำต้นไม้มาล้างพลางตอบคำถามไปด้วย “เรือนหลีหวาไม่มีสิ่งใดผิดปรกติเ้าค่ะ แต่เมื่อคืนมีคนได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากในเรือน ต่างพูดกันว่าฟางอี๋เหนียงได้รับความไม่เป็ธรรม ต่อมายังมีคนปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูเจตนาให้ร้ายฟางอี๋เหนียงอีกด้วยเ้าค่ะ”
ในบรรดาสาวใช้ประจำกายของโม่เสวี่ยถง โม่หลันเป็คนที่สุขุมเยือกเย็นที่สุด นางมิได้มองทุกอย่างสวยงามเหมือนโม่อวี้ เช้าวันนี้หลังจากรับคำสั่งจากโม่เสวี่ยถงก็ออกไปสำรวจ คำตอบที่ได้รับกลับขัดแย้งกับโม่อวี้โดยสิ้นเชิง ยามนี้จึงไม่อาจฟังข่าวสารที่ได้มาจากโม่อวี้ได้
“คุณหนู นี่หมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะ” โม่อวี้ก็มิใช่คนโง่งม นางพลันรู้สึกตระหนก หุบยิ้มแล้วเงยหน้าถามทันที
“เดี๋ยวเ้าไปดูว่าท่านพ่อไปไหน พี่หญิงใหญ่กับพี่ชายใหญ่ได้ไปหาฟางอี๋เหนียงหรือไม่ จับตาดูคนในเรือนหลีหวาให้ละเอียด” โม่เสวี่ยถงยิ้มกล่าวเรียบๆ
“เ้าค่ะ บ่าวจะไปจับตามองทางนั้นเอง” โม่อวี้ตอบรับอย่างแข็งขัน
“เ้าไม่ต้องลงมือเอง ให้ผู้อื่นไป” โม่เสวี่ยถงหัวเราะเสียงเบาแล้วกล่าวกำชับ
ให้คนอื่นไป? ใครที่ไหนล่ะ? โม่อวี้นิ่งอึ้ง นางกล้าใช้คนอื่นๆ เสียที่ไหน ยามนี้ในเรือนมีแต่คนที่ฟางอี๋เหนียงส่งมาทั้งนั้น หากใช้คนเ่าั้ไปจับตามองเ้านายที่แท้จริงของตนเอง เกรงว่ายังไม่ทันได้ข่าว ฟางอี๋เหนียงก็คงรู้ตัวเสียก่อน และคนอย่างนางต้องหาทางออกมาชนกับคุณหนูโดยไม่คิดชีวิตแน่ คุณหนูเพิ่งกลับมาจะสู้กับฟางอี๋เหนียงที่ควบคุมจัดการจวนโม่มาโดยตลอดได้อย่างไร
“ไม่เป็ไรหรอก เ้าแค่เลือกใครสักคนให้ไปดูก็พอ ส่วนจะเห็นหรือไม่เห็นอะไร คนมีความคิดเฉียบแหลมอย่างฟางอี๋เหนียงจะให้คนพบเจอสิ่งใดง่ายๆ โดยไม่ได้ตั้งใจได้อย่างไร” โม่เสวี่ยถงใบหน้าอมยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยการเยาะหยัน คนอย่างฟางอี๋เหนียงย่อมมีความสามารถในสร้างสถานการณ์ขึ้นมาแน่นอน
ในเรือนมีเสียงร้องไห้ดังออกมาเป็การบอกบิดาว่านางรู้สึกสำนึกเสียใจแล้ว ดูท่าจะมั่นใจว่าบิดาจะปล่อยนางไปง่ายๆ ล่ะสิ! ทั้งนี้ก็เป็เพราะพี่ชายใหญ่ การที่ในจวนมีทายาทผู้สืบสกุลเพียงคนเดียวคือปัญหาอย่างแท้จริง เห็นทีตนเองคงต้องเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นเสียแล้ว
“แค่ไปดูเฉยๆ ก็พอ? ได้เ้าค่ะ” โม่อวี้ตะลึงไปชั่วครู่ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่เห็นคุณหนูมีสีหน้ามั่นใจก็เชื่อว่าเ้านายคงมีแผนการแล้ว จึงพยักหน้าแล้วถอยออกไป จากนั้นก็มายืนอยู่ใต้ชายคาระเบียง เรียกสาวใช้ที่ดูมีไหวพริบคนหนึ่งมาสั่งงาน ไม่แม้กระทั่งจะหลบเลี่ยงหญิงรับใช้าุโสองคนที่ฉิงอี๋เหนียงให้มาสอบถาม
หญิงรับใช้าุโสองคนมองหน้ากันทีหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าก้มตายืนรอตามหน้าที่ต่อไป
ม่านประตูถูกเลิกขึ้น โม่หลันเดินตามออกมาแล้วพูดกับหญิงรับใช้าุโทั้งสอง “พวกท่านกลับไปก่อนเถิด คุณหนูของเรามิได้ขาดเหลือสิ่งใด ฟางอี๋เหนียงช่วยจัดหามาให้ครบถ้วนแล้ว ฝากคำขอบคุณของคุณหนูไปยังอี๋เหนียงของพวกท่านด้วย หาก้าสิ่งใด พวกเราจะไปบอกด้วยตนเอง”
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน” หญิงรับใช้าุโตอบกลับอย่างมีมารยาท
“อย่าลืมฝากคำขอบคุณถึงอี๋เหนียงของพวกท่านแทนคุณหนูของพวกเราด้วยล่ะ” โม่หลันยิ้มกล่าวด้วยความเกรงใจ
“แน่นอนๆ” ทั้งสองหยิบร่มขึ้นมากางแล้วเดินออกไป เมื่อไปถึงหน้าประตูเรือน พวกนางก็แยกกันไปคนละทาง มิได้ไปพร้อมกัน
โม่เสวี่ยถงหากระดาษสำหรับฝึกหัดเขียนตัวอักษรออกมา บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ
ตัวอักษรลายมือของนางเขียนได้ไม่เลวนัก มารดาเป็คนจับมือสอนนางใช้ปิ่นดอกเหมยเขียนอักษรด้วยตนเอง เมื่อก่อนนางมีนิสัยขี้อาย ปรกติก็ชอบเขียนอักษรไปวาดรูปไป เนื่องจากเป็คนเงียบๆ ผู้ที่รู้เื่นี้จึงมีคนสนิทข้างกายเพียงไม่กี่คน ต่อมาเมื่อไปอยู่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นแล้ว กลับไม่มีใจจะแตะต้องของพวกนี้อีก
แต่แม้จะเป็เช่นนั้น นางก็ยังสามารถเขียนตัวอักษรได้อย่างงดงาม อักษรที่นางเขียนแตกต่างจากนิสัยอ่อนแอขี้กลัวของนางโดยสิ้นเชิง แม้ว่าส่วนใหญ่นางจะใช้ปิ่นดอกเหมยแทนพู่กัน แต่ตัวอักษรกลับสง่างามและทรงพลังดุดันในแบบที่สตรีส่วนใหญ่ไม่มี
หลังจากโม่หลันกำชับสั่งงานเสร็จก็เข้ามาด้านใน เห็นนางกำลังฝึกเขียนอักษรก็มิได้มากวาจา เก็บกวาดทำความสะอาดภายในห้องต่อไปอย่างเงียบเชียบ
โม่อวี้เดินเข้ามาคิดจะกล่าวบางอย่าง แต่ถูกโม่หลันเขย่าแขนห้ามไว้
โม่เสวี่ยถงใช้เวลาเขียนอักษรไม่มากนัก เพียงครึ่งชั่วยามโดยประมาณก็เก็บพู่กัน เอื้อมมือไปล้างในอ่างน้ำด้านข้าง ลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้าขึ้น ฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่างซาลงแล้ว เสียงฝนที่ดังอยู่เป็ครั้งคราวราวกับเคาะลงมากลางใจ เปิดเปลือยความรู้สึกที่หนักหน่วงอยู่ในอก
นางไม่ชอบวันฝนพรำเช่นนี้เลย เพราะมันทำให้หวนนึกไปถึงวันที่ตนเองจมอยู่ในทะเลเพลิง แต่ความทรมานจากการถูกความร้อนแผดเผายังไม่เท่ากับความเ็ปในหัวใจ ซึ่งซึมลึกไปถึงกระดูก ตอนที่เห็นบุตรชายค่อยๆ หมดลมหายใจ นอนแน่นิ่งไปภายในอ้อมอก ความเ็ปยิ่งทวีคูณสุดทานทน...
บัดนี้นางก้าวเข้ามาสู่หนทางแห่งการแก้แค้นทีละก้าว แม้จะยากลำบาก แต่นางก็จะพยายามก้าวไปข้างหน้าสุดชีวิต ชีวิตนี้นางกับโม่เสวี่ยิ่ถูกกำหนดให้มาเป็คู่แค้น ไม่ตายไม่เลิกรา
ชาติก่อนเป็พี่สาวผู้แสนดี บัดนี้เป็ศัตรูตัวร้าย นางจะไม่กระจ่างในนิสัยใจคอของโม่เสวี่ยิ่ได้อย่างไร
เมื่อวานฟางอี๋เหนียงเกิดเื่ โม่เสวี่ยิ่จะไม่เคลื่อนไหวก้าวต่อไปได้อย่างไร หากฟางอี๋เหนียงสูญเสียความโปรดปรานไปจริงๆ นางก็จะกลายเป็เพียงบุตรอนุภรรยาตลอดไป สตรีที่มีใจหมายเกาะกิ่งสูงฝักใฝ่ในอำนาจวาสนาอย่างนางมีหรือจะยอมให้ตนเองมีจุดจบเช่นนั้น เชื่อว่าไม่ต้องถึงพรุ่งนี้ โม่เสวี่ยิ่จะต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังครุ่นคิด โม่เหอก็กางร่มฝ่าฝนกลับมา เมื่อเดินมาถึงประตูก็ส่งร่มให้สาวใช้ด้านข้าง บิดน้ำออกจากชายกระโปรงที่เปียกชุ่มก่อนจะเดินเข้ามารายงาน
“คุณหนู ภายในจวนวุ่นวายใหญ่แล้วเ้าค่ะ มามาสองสามคนส่งชุดผิดไปให้นายท่าน ตอนนี้คุณหนูใหญ่ก็ไม่สบาย คุณหนูจะไปดูหน่อยหรือไม่”
มามาส่งชุดผิด ต่อด้วยโม่เสวี่ยิ่ไม่สบาย? สองแม่ลูกคู่นี้ช่างจิตใจสื่อถึงกันโดยแท้ ต่างคนต่างมีความสามารถร้ายกาจราวกับแปดเซียนแสดงอภินิหารข้ามทะเลก็ไม่ปาน
แต่ขอแค่มีนางอยู่ ฟางอี๋เหนียงก็อย่าหวังจะพลิกตัวขึ้นมาได้!
นางยิ้มเยาะในใจแล้วเดินกลับไปที่ตั่ง หย่อนตัวลงนั่งและเงยศีรษะขึ้นถาม “เ้ารู้ได้อย่างไร”
“เมื่อครู่บ่าวไปเก็บน้ำค้างยามเช้าให้คุณหนู ได้ยินสาวใช้สองคนที่เดินผ่านมาคุยกัน บอกว่าอาการป่วยของคุณหนูใหญ่หนักไม่เบา วันนี้ก็ไปตามท่านหมอมาแต่เช้า ตอนนี้นายท่านก็ยังอยู่ที่เรือนของคุณหนูใหญ่ยังไม่ออกมาเลยเ้าค่ะ” โม่เหอกล่าวตอบ
ให้สาวใช้ในเรือนปล่อยข่าวออกไป เจตนาล่อให้ท่านพ่อไปหา คิดจะปลีกตัวให้รอดพ้นจากเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จากนั้นค่อยขอความเห็นใจแทนฟางอี๋เหนียง หลังจากพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง โม่เสวี่ยิ่ก็ระมัดระวังตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเยาะหยัน ด้วยความรักที่ท่านพ่อมีต่อโม่เสวี่ยิ่ ในที่สุดก็ต้องเชื่อนางจนได้
นางย่อมไม่อาจให้โม่เสวี่ยิ่มาปิดหูปิดตาบิดาอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นก็ไปดูกันเถอะ พี่หญิงใหญ่ป่วยหนักขนาดนี้ ข้าผู้เป็น้องสาวหากไม่ไปเยี่ยม ก็จะดูไร้น้ำใจไปหน่อย” หลังจากซ่อนความเ็าไว้ในส่วนลึกของดวงตาแล้ว โม่เสวี่ยถงก็ลุกขึ้นกล่าว
“แต่วันนี้ฝนตกหนัก และขาของคุณหนูก็ยังไม่หายดีนะเ้าคะ” โม่อวี้ทัดทานด้วยความเป็ห่วง
“พี่หญิงใหญ่รีบมาป่วยเวลานี้ เรียกท่านพ่อไปหาแล้ว ย่อมคาดหวังให้ผู้เป็น้องสาวเช่นข้ารีบไปหาเช่นกัน หาไม่แล้วการเจ็บป่วยครานี้ของนางมิเป็การสูญเปล่าหรือ” รอยยิ้มของโม่เสวี่ยถงประหนึ่งสายน้ำ ในความอ่อนโยนแฝงไปด้วยชีวิตชีวา แต่ในดวงตากลับลึกล้ำอย่างน่าประหลาด
เรือนของโม่เสวี่ยิ่อยู่ค่อนข้างไกลจากเรือนของโม่เสวี่ยถง จะไปที่นั่นจะต้องผ่านสวนดอกไม้ก่อน คาดว่าอยู่ในแผนการจัดการของฟางอี๋เหนียง เรือนชิงเวยอยู่ในมุมอับห่างไกลท้ายสวนดอกไม้ แต่เรือนฝูฉิงของโม่เสวี่ยิ่กลับอยู่ในตำแหน่งใจกลางจวนโม่ซึ่งเป็ตำแหน่งของธิดาภรรยาเอก น่าแปลกที่เื่นี้กลับไม่มีใครกล่าวถึงเลย เพียงเท่านี้ก็สามารถประเมินอำนาจของฟางอี๋เหนียงในจวนโม่ได้แล้ว
หญิงรับใช้าุโสองสามคนถือร่ม โม่เสวี่ยถงพาโม่อวี้ไปเรือนฝูฉิงของโม่เสวี่ยิ่
ท้องฟ้าดูสดใสขึ้นกว่าเดิม แม้จะไม่กางร่มก็ไม่ค่อยรู้สึกอันใดแล้ว โม่อวี้ประคองโม่เสวี่ยถงเดินฝ่าสายฝน หากกล่าวว่าเมื่อครู่ฝนตกพายุกระหน่ำต้องอุดอู้อยู่ภายในเรือนจนอึดอัด ยามนี้เมื่อมาเดินอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายเบาๆ ดูเหมือนว่าความเหนียวเหนอะเฉอะแฉะ กลับยิ่งทำให้ไม่สบายตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
เพราะโม่เสวี่ยถงไม่เอ่ยคำใด ทุกคนจึงเดินไปเงียบๆ มีเพียงเสียงย่ำเท้าถี่ๆ เท่านั้น
เมื่อก้าวเข้ามาในเขตเรือนฝูฉิงก็เห็นสาวใช้วิ่งวุ่นไปมา ทันทีที่โม่เสวี่ยถงปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ก็มีคนวิ่งเข้าไปรายงานทันที ไม่ช้าก็มีบ่าวออกมาเชิญโม่เสวี่ยถงเข้าไปด้วยความนอบน้อม
เมื่อเข้าไปถึงในห้อง เห็นโม่ฮว่าเหวินนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้านข้าง ส่วนโม่เสวี่ยิ่สีหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียง
“ท่านพ่อก็อยู่ด้วยหรือ พี่หญิงใหญ่เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ” โม่เสวี่ยถงเก็บอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหมดลงไป ก้าวเข้ามาคารวะทักทายโม่ฮว่าเหวิน แล้วหมุนตัวไปหาโม่เสวี่ยิ่ น้ำตาไหลพรูออกมา
“พี่สาวของเ้า... เฮ้อ... ช่างโง่งมนัก! เมื่อวานข้าไม่ได้ตำหนินางเลย แต่คาดไม่ถึงว่านางจะถึงขั้นไปคุกเข่าที่ห้องบูชาบรรพชนเมื่อคืนนี้” โม่ฮว่าเหวินส่ายหน้าด้วยความรู้สึกปวดใจ เมื่อคิดถึงว่าเพราะเมื่อวานเขาลงโทษฟางอี๋เหนียง ยามค่ำนางก็ไปคุกเข่าที่ห้องบูชาบรรพชนทั้งคืน หากไม่ใช่มาพบตอนเช้าว่าเป็ลมไปแล้ว เกรงว่าป่านนี้เขาก็ยังไม่รู้เื่ ค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวแค่ไหน มิหนำซ้ำฝนยังตกอีก ร่างกายบอบบางของนางจะรับไหวได้อย่างไร
เมื่อวานโม่ฮว่าเหวินย่อมแคลงใจว่าบุตรสาวคนโตก็มีความเกี่ยวข้องกับเื่นั้นด้วย มิเช่นนั้นก็คงไม่สวมอาภรณ์สำหรับเข้าพิธีมาอย่างเรียบร้อยรออยู่อีกด้าน แต่ยามนี้ความรู้สึกคลางแคลงใจกลับอันตรธานไปหมดแล้ว ิ่เอ๋อร์ผู้สงบเสงี่ยมและอ่อนโยนจะเข้าร่วมกับเื่แบบนั้นได้อย่างไร นางอาจถูกฟางอี๋เหนียงหลอกมาอีกทอดก็ได้!
“ท่านพ่อ นี่เป็สิ่งที่ลูกควรทำแล้ว อี๋เหนียงทำผิด ิ่เอ๋อร์ก็ควรรับโทษไปด้วย แต่กลับทำให้ท่านพ่อต้องเป็ห่วง ช่างเป็ลูกที่อกตัญญูนัก” โม่เสวี่ยิ่ที่อยู่บนเตียงพยายามฝืนลุกขึ้นมานั่ง แต่กลับเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง จึงได้แต่ยกศีรษะขึ้นมามองโม่ฮว่าเหวินด้วยท่าทางอิดโรย น้ำตาคลอเต็มเบ้า แสดงท่าทางของบุตรสาวผู้อ่อนโยนที่มีความรักใคร่ห่วงใยต่อบุพการีอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่มีใครลงโทษนาง แต่กลับไปคุกเข่าในห้องบูชาบรรพชนด้วยตนเอง อี๋เหนียงมีความผิด นางยินดีใช้กายไถ่โทษแทน โม่เสวี่ยิ่ไม่เพียงแต่จะได้ชื่อว่ามีความกตัญญูอย่างยิ่งใหญ่เท่านั้น ยังเปี่ยมไปด้วยความรักอันใหญ่ยิ่งอีกด้วย
เมื่อกล่าวกับโม่ฮว่าเหวินจบแล้ว ก็หันไปหาโม่เสวี่ยถงอย่างยากลำบาก ดวงตาโค้งขึ้นเป็จันทร์เสี้ยวเผยรอยยิ้มอ่อนโยนแฝงไปด้วยความละอายใจ “วันฝนตกแบบนี้ ต้องให้น้องสามลำบากมาเยี่ยม ต้องขออภัยต่อน้องสามจริงๆ เดินมาไกลเพียงนั้นเข่าก็คงเจ็บแล้วกระมัง เื่เมื่อวานอี๋เหนียงทำไม่ถูก พี่สาวขอรับผิดกับน้องสามแทนอี๋เหนียงด้วย” กล่าวจบก็ตัวสั่นคิดจะลุกขึ้น แต่ถูกโม่ฮว่าเหวินกดตัวไว้
“ทำใจให้สบายแล้วรักษาตัวให้หายเถอะ ถงเอ๋อร์มีคุณธรรมน้ำใจ ไม่ถือโทษเ้าหรอก อย่าคิดมาก”