ในฐานะนายน้อยตระกูลหยินที่เพิ่งเคยออกจากตระกูลครั้งแรกก็ถูกชายชราเยาะเย้ยอย่างไม่ตั้งใจ
หยินสงพลันรู้สึกอับอายขึ้นมา ส่วนหยินหัวนั้นไม่ได้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย เขากลับดึงชายชรามาถามว่าหน่วยลาดตระเวนคืออะไร
“ดูจากผิวลื่นเนื้อนุ่มของเ้าสองคนแล้วคงจะมาจากทางใต้สิท่า หน่วยลาดตระเวนคือหน่วยที่คอยปกป้องตลาดแห่งนี้ ที่นี่เป็ทุ่งหญ้ารกร้างป่าเถื่อน ทว่าชาวบ้านกลับเข้มแข็งนัก เพื่อจะให้ทุกคนวางใจ ตลาดแห่งนี้จึงมีหน่วยลาดตระเวนมาคอยดูแลทุกวัน เมื่อทุกคนพบเื่อันใดก็สามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยลาดตระเวนได้ หากหน่วยลาดตระเวนพบเื่ไม่ปกติก็จะออกมาจัดการเช่นกัน”
ชายชรามาจากหมู่บ้านข้างเคียง หากมิใช่ว่าอยากจะรักษาผืนดินของบรรพบุรุษสองผืนนั้นไว้ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะทำตามพวกคนหนุ่มสาวที่ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านไป๋กู่ กลายเป็ชาวบ้านหมู่บ้านไป๋กู่ที่อนาคตย่อมไม่ต้องอัตคัดขัดสนอีก เพราะกระทั่งเ้าสุนัขสีทองหน้าหมู่บ้านก็ยังมีหมั่นโถวกิน
หยินหัวกล่าวขอบคุณชายชราที่ช่วยคลายความสงสัยให้ตน ทว่าในใจกลับรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนัก ตลาดใหญ่โตเช่นนี้ไม่ว่าที่ใดก็อาจเกิดเื่ได้ แล้วหน่วยลาดตระเวนนั้นจะดูแลทั่วถึงได้อย่างไร คงแค่ออกมาแสดงตัวกันเฉยๆ กระมัง
อีกทั้งหน่วยลาดตระเวนนั้นยังมีสตรี ทุ่งหญ้าห่างไกลแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น สตรีก็สามารถทำงานได้ แม่นางสวมหน้ากากคนเมื่อครู่ รูปร่างและการแต่งตัวล้วนแต่ทำให้คนรู้สึกแปลกใจจนไม่อาจลืมเลือน
เด็กชายและชายหนุ่มยังคงออกเดินสำรวจต่อ พบว่าแม้ที่นี่จะมีสินค้ามากมาย แต่สินค้าส่วนใหญ่หอซีโหลวในแคว้นซีก็ล้วนมีทั้งสิ้น
สินค้าแปลกๆ มีเพียงอย่างสองอย่างเท่านั้น ล้วนแต่เป็สิ่งที่ชาวบ้านบนูเาเอามาขาย ทว่าก็ดูเป็เพียงแค่ของหายาก ใช้งานอันใดไม่ได้มากนัก
ในทางการค้าแล้วก็ยังถือว่าแคว้นซีของเขานั้นเก่งกาจกว่า ในใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดที่หอซีโหลวในแคว้นซีของพวกเขาไม่มี หยินหัวสวมอาภรณ์หรูหราตลอดร่าง ใบหน้าปรากฏแววหยิ่งผยอง หยินสงนั้นก็สวมอาภรณ์หรูหราเช่นกัน แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสงสัย สองอาหลานไม่นานนักก็กลายเป็จุดสนใจจนมีคนจับตาขึ้นมา
ยามที่พวกเขากำลังเดินออกจากร้านที่เพิ่งจะซื้อผ้าทอขนสัตว์มานั้น เพียงเพิ่งจะก้าวออกจากประตู หยินสงก็รู้สึกว่ามีคนมากระแทกเขาเข้าเบาๆ
อีกฝ่ายเพียงกล่าวขอโทษประโยคหนึ่ง แล้วก็รีบร้อนจากไปทันที
หยินสงพลันรู้สึกประหลาดจึงได้ยกมือขึ้น ทั้งถุงเงินและจี้หยกหัวพยัคฆ์ที่ห้อยอยู่ตรงเอวของตนล้วนหายไปหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะดูคล้ายสตรี แต่ก็เป็คนมุทะลุนัก ดังนั้นจึงยังไม่ทันได้คิดอะไรก็พุ่งตัวออกวิ่งตามหัวขโมยแล้วทั้งยังะโดังลั่น “เ้าโจรใจโฉด จะหนีไปไหน”
บ่าวรับใช้ชราและหยินหัวยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ก็เห็นว่าหยินสงวิ่งตามโจรไปแล้ว
สมกับเป็คนแคว้นซีจริงๆ ตระกูลหยินของเขาล้วนมีอำนาจไปไหนก็เอาแต่ย่างกราย ความหรูหรานั้นยิ่งกว่าราชวงศ์ด้วยซ้ำ หยินหัวเองก็คาดไม่ถึงว่าหลานชายของตนจะออกวิ่งอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ ของหายไปแล้วมันอย่างไรเล่า...ทว่าก็ห้ามเ้าเด็กนั่นไม่ทันแล้ว
หยินหัวพลันจิตใจสั่นสะท้าน หลานของตนคนนี้เป็แก้วตาดวงใจของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้
หากเ้าเด็กหน้าเหม็นนี่หายตัวไป เมื่อกลับไปแล้วมีแต่ตายสถานเดียว
ประจวบเหมาะที่ตรงหน้ามีหน่วยลาดตระเวนอยู่พอดี หยินหัวราวกับม้าป่วยที่ได้เจอหมอรักษาม้า เหล่าหน่วยลาดตระเวนจึงพากันไล่ตามทันที
หยินสงวิ่งเร็วนัก ทว่าโจรนั้นกลับวิ่งเร็วยิ่งกว่า ทั้งโจรนั้นยังนั้นคุ้นเคยกับเส้นทาง
หยินสงวิ่งตามโจรจนแทบจะขาดใจอยู่รอมร่อ โจรชั่วนี่ก็เ้าเล่ห์นักเอาแต่วกวนไปทางนู้นทีทางนี้ที
โชคดีนักที่หยินสงไม่ชอบรูปลักษณ์ที่คล้ายสตรีของตนเอง ปกติจึงชอบออกกำลังอยู่เป็ประจำ หากเป็คนในตระกูลหยินคนอื่นคงจะได้คลาดกับโจรไปนานแล้ว ทว่าหากเป็คนอื่นในตระกูลหยินอย่างแท้จริงก็คงจะไม่วิ่งตามโจรใจโฉดนี่มาั้แ่แรก ในสายตาพวกเขาคนตระกูลหยิน ไม่ว่าอะไรก็ไม่นับว่ามีราคา การวิ่งตามโจรเช่นนี้นับว่าไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย
หยินสงวิ่งตามจนหอบแฮก เมื่อเห็นว่าตนใกล้จะไล่ตามทันแล้ว เขาก็ตื่นเต้นนัก พุ่งออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะจับได้หรือไม่ ทว่าเพียงพริบตา ตรงหน้าเขาก็พลันมีรถม้าคันหนึ่งโผล่ขึ้นมา ด้วยเพราะเขานั้นกำลังยืนอยู่ตรงแยกพอดี หยินสงกำลังจะถูกรถม้าคันนั้นชนจนลอยกระเด็น
เด็กหนุ่มเมื่อเห็นรถม้าคันโตนั้นกำลังวิ่งเข้ามาหาตนก็พลันนิ่งค้าง
เพียงอึดใจก็แทบจะ...เอ่อ เขาใช้คำนี้ไปแล้ว ขอเปลี่ยนสักหน่อย ใน่เวลาที่อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา หยินสงก็พลันเห็นม้าตัวหนึ่งโผเข้ามา ในใจเขาคิดว่าตนเองคงได้จบเห่แน่ หากแม้สักตัวชนขึ้นมา ตัวเขาคงจะทนไม่ไหวแน่ และหากเป็ม้าหลายตัวเขาคงได้แบนเป็แป้งขนมเปี๊ยะแน่
เขายืนอยู่บนถนน ขบฟันแน่นเสียจนหน้าแดง ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไปหมด ชุดฉวินสีฟ้าก็ยับยู่ยี่ ท่าทางดูจนตรอกนัก
ทว่าทันใดเขาก็รู้สึกว่าร่างตนพลันถูกยกให้ลอยขึ้นราวกับบินได้ บินขึ้นมาเกาะอยู่บนหลังม้า ในชั่วขณะ เขากำลังขี่ม้าตัวหนึ่งเดินจากไป ราวกับที่เขาเคยฝันถึง
ในฝันเขาได้ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ตัวหนึ่ง เอ้อระเหยมองเหล่ามนุษย์เบื้องล่าง มองคนที่ผ่านไปผ่านมา มองเหล่าคนทุกรูปแบบ มองเรือนหลังเตี้ย มองูเาสูง มองทุ่งหญ้า...ยามตื่นขึ้นมาในใจก็พลันขมขื่น
แต่เพียงพริบตา ฝันของเขาก็กลายเป็จริง
เขาเคยฝันเห็นภาพตรงหน้าจริงๆ
ใจเขาพลันเต้นแรงตึกตัก เพราะสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนในฝันคือ ในอ้อมอกเขายังมีเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง คนที่มาช่วยเขาแท้จริงแล้วก็คือเด็กหญิงบนหลังม้าคนที่เขาเห็นก่อนหน้า
ม้าตัวที่นางขี่ก็คือเ้าม้าสีนิลตัวนั้น
หยินสงทั้งรู้สึกแปลกใหม่และตื่นเต้น เขาดีใจเป็บ้าเป็หลัง กระทั่งเื่จับโจรก็ลืมสิ้น
รอจนม้าค่อยๆ ชะลอความเร็วจนหยุดนิ่ง เด็กหญิงลงจากหลังม้าแล้วจึงเงยหน้าขึ้นถามเขา “น้องสาว ต้องให้ข้าอุ้มลงมาหรือไม่”
หยินสง “...”
เขาอายุแปดขวบแล้ว ย่อมโตกว่าเด็กสาวตรงหน้าอย่างแน่นอน ทั้งเขาก็ไม่ใช่น้องสาวสักหน่อย
ขณะที่เขากำลังเอ่ยปากแย้งขึ้นก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมา
เด็กหนุ่มคนนี้รูปงามนัก รูปร่างก็สูงโปร่ง ตาโตคิ้วหนาก็แล้วไปเถิด บนร่างยังแบกโซ่เหล็กไว้อีกเส้นหนึ่ง บนโซ่ยังมีลูกเหล็กเชื่อมต่ออยู่ ดูแล้วช่างร้ายกาจไม่เบา ต่อมาเขาจึงได้ยินเด็กหญิงตรงหน้าร้องเรียกเด็กหนุ่มขึ้นอย่างดีใจ “พี่อู่ พี่อู่ มาดูนี่เร็ว ข้าช่วยน้องสาวแสนสวยคนหนึ่งไว้ได้ นางดูเหมือนจะไม่กล้าลงจากม้า ท่านมาช่วยทีเถิด”
หยินสง ‘...ข้าไม่ใช่น้องสาว’
ทว่าสุดท้ายเขาก็ถูกเด็กหนุ่มตาโตคิ้วหนานั่นอุ้มลงมาอยู่ดี
“เ้าเป็ลูกเต้าเหล่าใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เสี่ยวอู่เมื่อวางเด็กตรงหน้าลงแล้วก็ถามขึ้น
“ขอบใจท่านมากพี่ชาย ข้ากับท่านอารองของข้ามาเดินตลาด อยู่ดีๆ ก็ถูกโจรลักทรัพย์ไป ข้าเลยวิ่งไล่ตามโจรมาแต่ยิ่งวิ่งก็ยิ่งไกล ทั้งยังเกือบถูกรถม้าชนเข้าแล้ว เคราะห์ดีที่ได้แม่นางน้อยบ้านท่านมาช่วยไว้ ประเดี๋ยวท่านอารองก็คงจะมาตามหาข้า” หยินสงมองอีกฝ่ายด้วยความกระตือรือร้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางยามแบกลูกเหล็กสองลูกนั้นไว้บนหลัง ดูแล้วร้ายกาจไม่หยอก
เฉินโย่วเมื่อได้ยินเสียงเด็กตรงหน้าจึงเพิ่งรู้ว่าเขาเป็เด็กชายคนหนึ่ง ในใจก็พลันบางเกิดความฉงนขึ้นมา
“เ้างดงามถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วก็เป็บุรุษหรอกหรือ”
ยามนี้หยินสงจึงเพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของเด็กหญิงอย่างชัดเจน ใบหน้างามนั้นจึงพลันซับสีเืขึ้นมา เขาเห็นท่าทีที่เด็กหนุ่มที่แบกลูกเหล็กไว้บนหลังมีต่อเด็กหญิง ช่างเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็เพียงเด็กหญิงเท่านั้น ในใจก็เกิดความรู้สึกซับซ้อนอย่างไร้สาเหตุขึ้นมา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุจากอก ไม่แน่ใจนักว่าตนนั้นกำลังดีใจหรือเสียใจกันแน่ เพียงแค่รู้สึกทั้งร้อนรนและกังวล กังวลยิ่งกว่ายามที่ท่านพ่อลองทดสอบความรู้ในการบ้านเสียอีก
“อื้ม ข้าเป็บุรุษ ใกล้จะแปดขวบแล้ว มีนามว่าหยินสง ขอบใจเ้ามากที่ช่วยข้าไว้ เ้ามีนามว่ากระไร” เด็กหนุ่มกล่าวอึกๆ อักๆ ขึ้น เมื่อกล่าวจบหูก็แดงเสียยิ่งกว่าโดนลวก
