หยวนชิงหลิงลงมาจากรถม้า ยามนี้พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว แต่ขบวนของคณะราชทูตแคว้นเซี่ยยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นางมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นอาเฟยกำลังเคี่ยวบางอย่างอยู่หน้ากองไฟ นางจึงเดินเข้าไปถามเขา
“นี่อาเฟย เหตุใดถึงยังไม่ออกเดินทางอีกเล่าหรือว่ามีเื่อันใดเกิดขึ้นหรือ”
อาเฟยหันไปมองร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามา
“ท่านหญิงตื่นแล้วหรือขอรับ”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วมุ่น ท่านหญิงอย่างนั้นหรือ
“ข้าบอกหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่าหยวนชิงหลิง ช่างเถอะ แล้วนี่เ้ากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดสายป่านนี้แล้วยังไม่ออกเดินทางอีกเล่า”
อาเฟยเหลือบตามองนาง ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังที่มีใบหน้าถมึงทึงกำลังจ้องมาที่เขา อาเฟยหดคอกลับด้วยท่าทางหวาดกลัว
“อ่า!!...คืออย่างนี้ขอรับ พวกเราก็เดินทางกันมาหลายวันแล้ว ท่านหัวหน้าองครักษ์จึงออกคำสั่งให้ตั้งค่ายพักหนึ่งวันเพื่อให้พวกม้าได้พักบ้าง”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเห็นด้วย พวกม้าต้องเดินทั้งวันแตกต่างจากมนุษย์ที่แค่อยู่บนหลังของพวกมัน ก็ย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยเป็ธรรมดา หัวหน้าองครักษ์ผู้นี้ช่างมีเมตตาต่อสัตว์โลกยิ่งนัก
“แล้วเ้ากำลังทำอะไร”
หยวนชิงหลิงมองหม้อที่อาเฟยกำลังเคี่ยวอยู่บนกองไฟ
“นี่เป็ยาต้มของท่าน”
หยวนชิงหลิงเอี้ยวตัวกลับไปมองที่หม้อดินเผาในกองไฟ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน
“เ้ารู้เื่เมื่อคืนด้วยอย่างนั้นหรือ”
อาเฟยมองนางอย่างสงสัยก่อนจะตอบออกไปเบาๆ
“เมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นหรือขอรับ ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่งของท่านหมอเยี่ยนเท่านั้น เขาสั่งเอาไว้ว่าหากท่านตื่นแล้วให้ท่านทานอาหารอ่อนๆ หลังจากนั้นก็ดื่มยา”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เช่นนั้นหมอเยี่ยนก็รู้ว่านางจมน้ำเมื่อคืนแล้วก็จ้าวหงอิง แล้วใครกันที่ช่วยนางขึ้นมาจากน้ำ หยวนชิงหลิงกลับไปที่รถม้าอีกครั้ง
“ท่านหญิงลู่จิวท่านมาล้างหน้าล้างตาก่อนเถิดเ้าค่ะ แล้วทานอะไรสักหน่อย”
หยวนชิงหลิงทำตามที่จ้าวหงอิงบอกก่อนที่จะทานโจ๊กตามลงไป นางมองชามที่มีอาหารของตนก่อนมองอาหารของจ้าวหงอิง
“เหตุใดอาหารของข้ากับเ้าถึงแตกต่างกันเช่นนี้เล่า”
จ้าวหงอิงไม่เข้าใจที่หยวนชิงหลิงพูด อาหารของนางมันทำไมหรือ นางทานเช่นนี้มาตลอดหลังจากที่ออกมาจากแคว้นฉิน
“ข้าหมายถึงอาหารของข้าคือโจ๊กที่เคี่ยวด้วยข้าวขาวชั้นดีจนเนียนละเอียด แต่เ้ากลับต้องกินแป้งย่างที่ทั้งหยาบและระคายคอ”
จ้าวหงอิงเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่นางคิดว่านี่อาจเป็อภิสิทธิ์หนึ่งที่หยวนชิงหลิงได้รับจากแคว้นเซี่ย หยวนชิงหลิงดึงแป้งย่างออกจากมือนาง
“เ้าไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวข้าทำอาหารง่ายๆ ให้เ้าทานเอง”
หยวนชิงหลิงกลับออกไปจากรถม้า จ้าวหงอิงเรียกนางเอาไว้ไม่ทัน ผ่านไปไม่นานนางกลับมาพร้อมกับผัดผักใส่ไข่พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และน้ำแกง
“ตอนเช้าทานง่ายๆ ไปก่อน ตอนเที่ยงข้าจะย่างปลาให้เ้าทาน”
จ้าวหงอิงถึงกับน้ำตาคลอ ก่อนหน้านี้นางนั่งรถม้าคันเดียวกับหลี่อันหรง วันไหนที่มีอาหารที่ดีหน่อยนางก็จะยึดเอาไว้เป็ของตนเอง ในรถม้าที่ต้องนั่งสี่คนเวลานอนหลี่อันหรงก็จะแบ่งพื้นที่ไปเสียครึ่ง อีกสามคนต้องนั่งเบียดกันหลับ ั้แ่ออกจากเมืองหลวงมีเพียงเมื่อคืนเท่านั้นที่นางนอนหลับได้สนิท
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ แค่ผัดผักใส่ไข่เ้าถึงกับร้องไห้เลยหรือ เห็นทีก่อนหน้านี้เ้าคงจะลำบากจริงๆ หยวนชิงหลิงเอ่ยปลอบนางสองสามคำ ก่อนที่สตรีทั้งสองจะทานอาหารของตน
“ยาของข้าเล่า”
หยวนชิงหลิงเดินมาหาอาเฟยที่กำลังเคี่ยวยาอยู่
“เสร็จแล้วขอรับ”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วก่อนที่จะบีบจมูกแล้วดื่มยาลงไปจนหมดชาม นางเป็คนที่เกลียดการดื่มยามาก แต่หนทางไปยังแคว้นเซี่ยยังอีกยาวไกล จะปล่อยให้ตนเองป่วยจนเป็ภาระของผู้อื่นมิได้
“ตอนเที่ยงข้าอยากกินปลาย่าง ถึงอย่างไรวันนี้ก็หยุดพักที่นี่หนึ่งวัน เราไปจับปลากันดีกว่า”
นางเอ่ยชวนอาเฟยและพ่อครัวที่อยู่ตรงนั้นอีกสองสามคน สายตาคมกริบของใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกระโจมแบบเปิด กำลังมองมาที่ร่างบาง เมื่อคืนเกือบตายยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ วันนี้กลับไปรนหาที่อีกแล้ว นางช่างเป็สตรีที่ไม่รู้จักหวาดกลัวเสียเลย
“ชางรุ่ยสั่งให้คนไปจับปลามาให้พวกเขา ห้ามให้ใครเข้าใกล้ลำธารเด็ดขาด”
เซี่ยหวายอีเอ่ยกับองครักษ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชางรุ่ยเดินไปหากลุ่มของหยวนชิงหลิงก่อนที่จะบอกเกี่ยวกับคำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ หยวนชิงหลิงทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ นางเข้าใจว่าเขาต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทุกคนในคณะ ซึ่งเื่นั้นนางเองก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก
แต่จะมาจำกัดการเคลื่อนไหวของนางเช่นนี้ได้อย่างไร หยวนชิงหลิงเดินตรงไปที่กระโจมของเซี่ยหวายอีที่นางเข้าใจว่าเป็หัวหน้าองครักษ์
“ข้ามีเื่ที่ต้องคุยกับท่าน ท่านหัวหน้าองครักษ์”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงแข็ง นางกอดอกยืนอยู่ด้านหน้าเขา เพราะตัวของนางเล็กกว่าเซี่ยหวายอีมาก ทำให้คนภายนอกมองดูแล้วเหมือนเด็กที่กำลังงอแงคุยกับผู้ใหญ่หน้าดุ
“ท่านหญิงมีเื่ใด้าคุยกับข้าอย่างนั้นหรือ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแ่เบา หัวใจของหยวนชิงหลิงกระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็เขานั่นเองนางจำได้แล้ว หยวนชิงหลิงขยับไปใกล้เซี่ยหวายอีก่อนก้มลงดมกลิ่นหอมคุ้นเคยที่ออกมาจากตัวเขา
“เ้าคือคนชุดดำ!!!”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงดัง เซี่ยหวายอีรีบดึงร่างบางเข้ามาหาตนก่อนที่จะใช้มือปิดปากของนางเอาไว้
“เ้าคิดว่าที่นี่มีแค่คนแคว้นเซี่ยหรืออย่างไร หากพวกเขารู้ว่าคนที่ลอบเข้าไปในวังหลวงคืนนั้นคือข้า ตัวเ้าเองก็มีความผิดเช่นเดียวกันที่ให้ที่หลบซ่อนแก่ข้า”
หยวนชิงหลิงลืมเื่นั้นไปเลย นางพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เซี่ยหวายอีจะปล่อยมือออกจากปากนาง
“เช่นนั้นคนที่ช่วยข้าเอาไว้เมื่อคืนก็คือเ้าสินะ ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเลย สองครั้งแล้วที่เ้าช่วยข้าเอาไว้”
เซี่ยหวายอีมิได้ตอบกลับนาง ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็ชายชุดดำในคืนนั้น เขาอุตส่าห์อยู่ให้ห่างจากนางเพราะกลัวว่านางจะจำได้ ช่างเถอะเซี่ยหวายอีถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างรำคาญ
ถึงเขาจะไม่้ายุ่งเกี่ยวกับนางเพราะรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่นางพูดคุยและหัวเราะกับบุรุษอื่น แล้วยังตอนนี้ที่นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หัวใจของเขาก็รู้สึกคันยุบยิบอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เซี่ยหวายอีเป็คนไม่ชอบอะไรที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ และหยวนชิงหลิงเองก็เป็หนึ่งในนั้น แต่การเดินทางกลับไปที่แคว้นเซี่ยยังอีกไกล ต่อให้้าหลบหน้านาง เขารู้ว่ามันคงจะทำไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
“ท่านหญิงมาหาข้าเพราะมีเื่ที่้าพูดกับข้ามิใช่หรือ”
หยวนชิงหลิงลุกออกจากตักของเซี่ยหวายอีอย่างลนลาน ก่อนจะเอ่ยถึงเื่ที่ตน้าพูดออกมา
“ข้าอยากกินปลา แต่คนของเ้าบอกว่าห้ามไปที่ลำธาร ทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยหวายอีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเ็าออกมา
“คนของข้าไปจับปลามาให้ท่านแล้ว ต่อไปก็อยู่ให้ห่างจากน้ำเอาไว้ ข้าคงไม่ได้มีเวลาไปช่วยทุกครั้งที่ท่านจมน้ำหรอกนะ”
หยวนชิงหลิงกัดฟันอย่างไม่พอใจ นางเดินกระทืบเท้ากลับมาที่กองไฟอีกครั้ง ชิ!! ใครใช้ให้เ้าช่วยข้าล่ะ ก่อนหน้านี้คิดว่าจะขอบคุณดีๆ สักหน่อย คำพูดของเ้าช่างทำให้คนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก
“ท่านหญิงลู่จิว หัวหน้าองครักษ์ว่าอย่างไรบ้างเ้าคะ”
ทุกคนที่กองไฟต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ใครเล่าจะกล้าะโเข้ากองไฟไปห้ามศึกของพวกเขา ถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าทั้งสองสนทนาอะไรกัน แต่ดูจากสีหน้าของท่านหญิงลู่จิวแล้วคงไม่ใช่เื่ที่น่าพึงพอใจนัก
“เ้านั่นบอกว่าคนของเขาจะจับปลามาให้ พวกเ้าก็เตรียมตัวเอาไว้เถอะ ข้าจะขึ้นไปรอบนรถม้าได้ปลามาเมื่อใดก็ค่อยไปตามข้า”
เอ่ยเพียงเท่านั้นหยวนชิงหลิงก็เดินกลับไปที่รถม้าของตนด้วยอารมณ์ที่แสนหงุดหงิดจ้าวหงอิงมองไปที่เหล่าพ่อครัวจากนั้นมองตามหลังหยวนชิงหลิง นางไม่รู้ว่าตนจะต้องตามนางกลับไปหรือต้องรออยู่ที่นี่กับพวกพ่อครัว
“เ้ายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มานี่สิ”
นางหยุดเดิน แล้วหันไปกวักมือเรียกจ้าวหงอิง
“เ้าค่ะข้ากำลังไปแล้ว”
จ้าวหงอิงวิ่งตามร่างเล็กที่เดินนำหน้าขึ้นรถม้าไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้