แน่นอนว่าจางหลิงรู้ดีว่า เื่ที่ฉู่อี้ให้เขาไปสืบก็คือเื่ของตระกูลอวิ๋นที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้น หลังจากที่เขาจากไป ฉู่อี้ก็หยิบยาสองเม็ดขึ้นมากลืนลงไปพร้อมน้ำ
อวิ๋นเหนียงเห็นเช่นนั้นก็ใจนหน้าซีด รีบเข้าไปห้ามปราม ทว่าฉู่อี้กลับโบกมือห้าม หลังจากที่ฉู่อี้กลืนยาเม็ดลงไปแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนั้นข้าไข้ขึ้นสูง ก็ได้ยาชนิดนี้ที่ช่วยลดไข้อย่างรวดเร็ว ถึงรอดชีวิตมาได้ จนถึงบัดนี้ตัวข้าผู้นี้กินไปแปดเม็ดแล้ว”
แม้ว่าฉู่อี้จะมีอายุเพียงสิบสองปี แต่กลับแสดงออกถึงความสุขุมเยือกเย็นเกินวัย บวกกับบุคลิกที่ดูสูงส่งโดยธรรมชาติ ขณะพูดจาน้ำเสียงจึงเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เด็กอายุเท่านี้ กลับเรียกตัวเองว่า ‘ตัวข้าผู้นี้’ ได้อย่างเป็ธรรมชาติราวกับสายน้ำไหลลงสู่ทะเล ไม่รู้สึกขัดหูแม้แต่น้อย
แต่นายท่านของข้า ยามิใช่สิ่งที่จะกินเล่นได้นะเ้าคะ! อวิ๋นเหนียงรีบเข้าไปจับชีพจรของฉู่อี้ ด้วยความกังวลใจจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเห็นว่าชีพจรของฉู่อี้เป็ปกติดี อวิ๋นเหนียงก็เบาใจลง จากนั้นเมื่อได้รับการพยักหน้าอนุญาตจากฉู่อี้ นางจึงใช้ปลายนิ้วแตะผงยาเล็กน้อย แล้วใส่เข้าไปในปากด้วยความระมัดระวัง ขม! แต่ความขมนั้นต่างจากสมุนไพรและยาเม็ดทั่วไป ยานี้เกินกว่าความรู้ของนางแล้ว
ฉู่อี้ถอนหายใจพลางกล่าว “ได้ยินมาว่ายานี้รักษาอาการไข้และอาการที่รักษายากได้ น่าเสียดายที่ตัวข้าเองก็มีไม่มาก เม็ดยานั้นเ้าเก็บไว้เถิด”
“บ่าวขอขอบคุณซื่อจื่อเ้าค่ะ” อวิ๋นเหนียงรีบเก็บเม็ดยานั้นอย่างระมัดระวัง
“เอาล่ะ เ้าออกไปก่อนเถิด”
“เ้าค่ะ ขอตัวก่อนนะเ้าคะ” อวิ๋นเหนียงประคองฉู่อี้ให้นอนลงบนเตียง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
พอนางมาถึงเรือนด้านหน้าก็มีลูกจ้างวิ่งมาหานาง “หลงจู๊ขอรับ ข้างหน้าร้านมีเื่ต้องให้ท่านตัดสินใจขอรับ”
อวิ๋นเหนียงขมวดคิ้ว “ข้าไม่ว่าง พวกเ้าจัดการกันเองเถอะ”
ตอนนี้ความคิดของนางอยู่ที่ยาเม็ดนั้น ยารักษาไข้จากาแสาหัสเช่นนั้นช่างวิเศษยิ่งนัก ราวกับยาชุบชีวิตทีเดียว ตอนนี้นางอยากรู้ส่วนผสมของยาเม็ดมาก จึงไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเื่อื่น
“หลงจู๊รอสักครู่ขอรับ เชิญดูก่อนเถิดขอรับ” ลูกจ้างเริ่มกระวนกระวาย เื่นี้เขาตัดสินใจเองไม่ได้
อวิ๋นเหนียงปรายตามองลูกจ้างด้วยสายตาเ็า ลูกจ้างผู้นั้นขาสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว ทว่าเขาก็ยังกัดฟันยื่นกระปุกดินเผาในมือให้อวิ๋นเหนียง เขาตรวจดูแล้ว และรู้ว่ามันเป็ของดี ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสที่จะนำเสนอของล้ำค่าชิ้นนี้
อวิ๋นเหนียงมองกระปุกดินเผาแสนธรรมดาในมือของลูกจ้างอย่างรังเกียจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้าภาวนาขอให้มูลค่าของสิ่งนี้ทำให้ข้าประหลาดใจก็แล้วกัน มิเช่นนั้นก็เตรียมเก็บข้าวของออกไปได้เลย!” ลูกจ้างผู้นั้นถูกขู่จนก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตานาง ในใจก็เต้นระรัว
อวิ๋นเหนียงรีบคว้ากระปุกดินเผาจากมือลูกจ้างมาเปิดดู ทันใดนั้นคิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็พลันคลายออก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ลอยโชยมาเตะจมูกของนาง เครื่องประทินผิวในกระปุกมีสีขาวราวหิมะ แม้แต่เครื่องประทินผิวที่ดีที่สุดของร้านนางก็ยังไม่อาจเทียบกับสีสันและความเงางามของเนื้อเครื่องประทินผิวนี้ได้เลย
นางใช้นิ้วก้อยแต้มเครื่องประทินผิวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วทาลงบนหลังมือ ััชุ่มชื้น จุดที่ทาลงไปผิวนุ่มลื่นขึ้นทันที ที่สำคัญคือไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเลยแม้แต่น้อย!
ต้องเข้าใจก่อนว่าเครื่องประทินผิวที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ทำมาจากไขมันแพะ แม้จะช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่ก็เหนียวเหนอะหนะ หากใช้มากเกินไป ยังทำให้เกิดสิวอีกด้วย
แต่เครื่องประทินผิวตรงหน้านั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ราวกับทำมาจากน้ำ ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยแม้แต่น้อย!
ดวงตาของอวิ๋นเหนียงเป็ประกายทันที นางเก็บเื่ที่ค้างคาใจไว้ก่อน แล้วรีบถามลูกจ้าง “แขกอยู่ที่ใด? รับรองเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
เมื่อได้ยินความตื่นเต้นในน้ำเสียงของหลงจู๊ ลูกจ้างก็รู้ว่าตนเองคิดถูกแล้ว! เขารีบตอบ “เรียนหลงจู๊ ตอนนี้แขกพักผ่อนอยู่ที่ห้องโถงด้านใน ข้าได้ยกน้ำชาชั้นดีไปให้แล้ว รอท่านหลงจู๊อยู่ขอรับ”
“เ้าทำดีมาก เดี๋ยวไปรับรางวัลที่ห้องบัญชีได้เลย!” ลูกจ้างผู้นั้นดีใจเป็อย่างยิ่ง รีบค้อมศีรษะคำนับขอบคุณอวิ๋นเหนียง
เมื่อไปถึงห้องโถงด้านใน อวิ๋นเหนียงเห็นเพียงเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วครู่ แต่นางก็ผ่านโลกมามาก จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พวกเ้าคงจะเป็เ้าของเครื่องประทินผิวกระปุกนี้ใช่หรือไม่? ข้าคือซุนอวิ๋นเหนียง หลงจู๊ของร้านฝูหรงเซวียน ไม่ทราบว่าพวกเ้าแซ่อะไร? จะให้เรียกว่าอย่างไรดี?”
อวิ๋นฉี่เยว่ลุกขึ้นยืนคำนับแล้วเอ่ยตอบ “ผู้น้อยอวิ๋นฉี่เยว่ จากหมู่บ้านไหวซู่แถบูเาไป๋อวิ๋น นี่น้องสาวของข้า อวิ๋นเจียว ส่วนนี่น้องชายของข้า อวิ๋นฉี่ซาน เครื่องประทินผิวนี้เป็ของบ้านข้าจริงขอรับ เป็ของที่ญาติผู้หญิงในบ้านทำขึ้นเล่นๆ ยามว่างขอรับ” เนื่องจากการค้าเครื่องประทินผิวเป็ธุรกิจระยะยาว อวิ๋นฉี่เยว่จึงไม่พูดอ้อมค้อม บอกที่มาที่ไปของตนอย่างชัดเจน และเพื่อปกป้องอวิ๋นเจียว อวิ๋นฉี่เยว่จึงไม่เปิดเผยว่าเครื่องประทินผิวนี้เป็ฝีมือของใคร
แม้ว่าบนใบหน้าของอวิ๋นเหนียงจะยังคงมีรักษารอยยิ้มที่สง่างามไว้ แต่ในใจกลับไม่สงบ เครื่องประทินผิวชั้นดีเช่นนี้ เป็เพียงสิ่งที่ทำขึ้นเล่นๆ ยามว่างงั้นหรือ? ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก! ก่อนหน้านี้ก็ถูกยาเม็ดที่ไม่รู้จักมาก่อนทำให้ประหลาดใจ ตอนนี้ก็มาเจอเครื่องประทินผิวชั้นเลิศอีก อวิ๋นเหนียงรู้สึกว่าเช้านี้ นางคงตื่นนอนผิดด้านเป็แน่ ถึงได้เจอเื่น่าใถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน
“ข้าก็ขอไม่พูดจาอ้อมค้อมแล้วกัน ไม่ทราบว่าพวกเ้า้าขายสูตรเครื่องประทินผิวนี้หรือไม่? วางใจเถิด ร้านฝูหรงเซวียนของพวกข้าทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด เื่ราคาพวกเ้ากำหนดได้เต็มที่”
มองดูเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้า แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย ดูแล้วเป็เพียงครอบครัวธรรมดาๆ ที่มีฐานะดีขึ้นมาหน่อย แต่คนที่สามารถทำเครื่องประทินผิวชั้นเลิศเช่นนี้ออกมาได้จะเป็คนธรรมดาได้อย่างไร?
ต้องรู้ว่าการทำเครื่องประทินผิวเป็งานอดิเรกของบรรดาคุณหนูในตระกูลใหญ่โต ชาวบ้านธรรมดาๆ คงไม่มีเงินเหลือเฟือพอให้บุตรสาวมาใช้สิ้นเปลืองกับอะไรเช่นนี้ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ทำเครื่องประทินผิวนั้นราคาแพง และมีโอกาสสิ้นเปลืองมาก ฉะนั้นอวิ๋นเหนียงผู้ชาญฉลาด จึงไม่มีทางละเลยหรือคิดหลอกลวงพวกอวิ๋นเจียวและพี่น้องเป็อันขาด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นฉี่เยว่ก็เหลือบมองอวิ๋นเจียวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันไปบอกอวิ๋นเหนียงว่า “พวกข้าไม่ขายสูตร ขายแต่เครื่องประทินผิวนี้ ที่พวกข้ายังมีเครื่องประทินผิวกลิ่นอื่นอีกสามกระปุก เชิญหลงจู๊ซุนตรวจดูและตีราคาได้เลยขอรับ”
แน่นอนว่ากิริยาของอวิ๋นฉี่เยว่ ไม่รอดพ้นสายตาของอวิ๋นเหนียงไปได้ นางใมาก หรือว่าเครื่องประทินผิวเหล่านี้เป็ฝีมือของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้? แต่นางเห็นอวิ๋นเจียวกับอวิ๋นฉี่ซานนั่งกินขนมอย่างตั้งใจ ราวกับไม่สนใจเื่เครื่องประทินผิว จึงคิดว่าตนเองคงคิดมากไปเอง เครื่องประทินผิวคุณภาพดีเช่นนี้ จะเป็ฝีมือของเด็กหญิงอายุหกเจ็ดขวบได้อย่างไรกัน
แน่นอนว่านางคิดมากไปเอง เครื่องประทินผิวเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือของอวิ๋นเจียว แต่นางซื้อมาจากร้านค้าที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพดีในเถาเป่านั่นเอง
“เนื้อเครื่องประทินผิวไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนเครื่องประทินผิวทั่วไป แต่ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ตั้งชื่อได้ไพเราะยิ่งนัก” อวิ๋นเหนียงกล่าวชม พลางเปิดฝากระปุกดินเผาอีกสามใบที่เหลือเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
ที่จริงนางรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมขายสูตร เพียงแต่ถามไปตามความเคยชินของคนทำการค้าเท่านั้น ถึงแม้จะถูกปฏิเสธจะทำให้รู้สึกเสียดาย แต่นางก็ยอมรับได้ ของดีเช่นนี้ คงมีแต่คนโง่เขลาเบาปัญญาถึงได้ยอมขายสูตร
“พูดกันตามหลักการค้า แม้ของที่พวกเ้านำมานั้นจะดีจริง แต่หากต่อไปในท้องตลาดมีขายทั่วไป ร้านฝูหรงเซวียนของพวกข้าก็คงขายราคาสูงไม่ได้”
อวิ๋นฉี่เยว่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หนึ่งร้อยตำลึงเงินต่อหนึ่งกระปุก ภายในหนึ่งเดือน พวกข้าสามารถส่งให้ร้านของท่านได้อย่างน้อยสิบกระปุก ส่วนเื่การค้าขาย พวกข้าไม่อยากยุ่งยาก จึงอยากจะขายให้กับร้านฝูหรงเซวียนเพียงร้านเดียว เพียงแต่...”