บทที่ 3 หญ้าต้นแรกบนูเาที่พังทลาย
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านรูโหว่บนหลังคาลงมาเป็ลำ ขับไล่ความมืดมิดและความหนาวเหน็บของยามค่ำคืนออกไป เผยให้เห็นฝุ่นละอองที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศราวกับดวงดาวนับล้านดวง
อันหนิงตื่นขึ้นมารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้อย่างชัดเจน ความเ็ปและพิษไข้ได้หายไปจนหมดสิ้น แม้จะยังคงหลงเหลือความอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าดีกว่าเมื่อวานราวฟ้ากับเหว นี่คือพลังของรากดินซ่อนดาว และระบบโอสถทิพย์
บรรยากาศในกระท่อมยามเช้านี้ แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
หลี่ซือ ผู้เป็มารดาตื่นแต่เช้ามืด นางกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างบานเล็ก ซ่อมแซมเสื้อผ้าเก่า ๆ ของอันจินด้วยเข็มและด้าย แสงอรุณอาบไล้ใบหน้าของนาง ทำให้ริ้วรอยแห่งความทุกข์ระทมดูจางลงเล็กน้อย บนใบหน้านั้นมีความสงบและแวว ตาที่เปล่งประกายความหวังจาง ๆ ซึ่งอันหนิงไม่ได้เห็นมานานแสนนานแล้ว
ส่วนอันจิน บิดาของนาง เขานั่งเงียบ ๆ อยู่ที่มุมห้อง มือข้างหนึ่งกุมไม้เท้าไว้แน่น อีกข้างวางอยู่บนหัวเข่าที่ไร้ความรู้สึกของตนเองสายตาของเขาทอดมองออกไปนอก ประตูอย่างไร้จุดหมาย ไม่พูดจา ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับรูปสลักหินที่ถูกกัดกร่อนด้วย กาลเวลา แต่เขาไม่ได้ดื่มเหล้า นั่นคือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด
ความเงียบงันที่น่าอึดอัดโรยตัวอยู่ทั่วกระท่อม มันเป็ความเงียบที่ต่างจากเมื่อวาน ความสิ้นหวังแบบเดิมได้จางหายไป แต่ถูกแทนที่ด้วยความไม่แน่นอนและความกระ อักกระอ่วนใจ ทั้งสามคนต่างจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ไม่มีใครกล้าเอ่ยทำลายความเงียบนี้ก่อน
อันหนิงรู้ดีว่าเธอต้องเป็คนเริ่ม เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นจากเตียง คราวนี้การเคลื่อนไหวของเธอคล่องแคล่วขึ้นมาก แม้จะยังไม่มั่นคงเต็มที่ก็ตาม
"ท่านแม่" เธอเอ่ยขึ้นเบา ๆ
หลี่ซือ สะดุ้งเล็กน้อยราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน นางหันมามองบุตรสาวด้วยแววตาห่วงใย "หนิงเอ๋อร์ ตื่นแล้วหรือลูก รู้สึกดีขึ้นหรือไม่"
"ดีขึ้นมากแล้วเ้าค่ะ"อันหนิงเดินไปหยิบถ้วยดินเผา รินน้ำต้มที่เหลือจากเมื่อคืนให้ มารดา "เหลือเพียงอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น"
นางเหลือบมองไปยังร่างของบิดาที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติงก่อนจะหันกลับมาพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว "ท่านแม่ ข้าวสารในไหหมดแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ"
หลี่ซือถอนหายใจยาว พยักหน้าช้า ๆ "หมดเกลี้ยงแล้วลูก เมื่อคืนเรากินกันจนหมดแล้ว"
"เช่นนั้น ข้าจะออกไปหาอะไรกิน"
คำพูดของอันหนิงทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบพลันตึงเครียดขึ้นมาทันที หลี่ซือรีบวางงานในมือลงทันที "ไม่ได้นะลูก! ร่างกายของเ้าเพิ่งจะฟื้นไข้ จะออกไปตากลมตากแดดได้อย่างไร ให้แม่ไปเอง"
"ท่านแม่ก็พักผ่อนเถอะเ้าค่ะ ท่านทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว" อันหนิงแย้งอย่างนุ่มนวล "ข้ารู้ว่าข้าควรทำอะไร"
"เ้ารู้อะไร!"
เสียงแหบพร่าและเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากมุมห้องเป็ครั้งแรกของวัน อันจินหันขวับมามองบุตรสาว ดวงตาของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเืฝอย แววตาคมปลาบที่เคยใช้มองทะลุถึงโรคภัยไข้เจ็บ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความดูแคลน และขมขื่น
"เ้ารู้อะไร! คิดว่าเมื่อวานเจอรากไม้วิเศษเข้าหน่อย แล้วจะคิดว่าตัวเองเป็ผู้วิเศษ หรือไร!" เขาเคาะไม้เท้าลงกับพื้นดินเสียงดังปั่ก! "โลกนี้มันโหดร้ายกว่าที่เ้าคิดนัก ความหิวโหยไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะเอาชนะได้ด้วยโชคช่วยเพียงครั้งเดียว!"
ทุกถ้อยคำของเขาเต็มไปด้วยหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจคนฟัง
อันหนิงไม่ได้โกรธ แต่นางสงสารจับใจ นางรู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มุ่งร้ายต่อนาง แต่เป็การกรีดร้องสาปแช่งโชคชะตาของตัวเขาเอง
นางเดินเข้าไปหาบิดาช้า ๆ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วก้มลงสบตากับบุรุษผู้เคยเป็ทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัว
"ท่านพ่อพูดถูกเ้าค่ะ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "โชคช่วยมีแค่วันเดียววันอื่น ๆ ที่เหลือ คือวันที่เราต้องลงมือทำด้วยตัวเอง"
"ลงมือทำ?" อันจินแค่นเสียงหัวเราะเยาะหยัน "ด้วยสองมือเปล่า ๆ ของเด็กผู้หญิงอย่างเ้าน่ะรึ? หรือด้วยขาพิการของข้า? หรือด้วยดวงตาที่กำลังจะบอดสนิทของแม่เ้า?"
"ด้วยทุกอย่างที่เรามี" อันหนิงตอบกลับทันควันไม่มีความลังเลในน้ำเสียงของนาง เลยแม้แต่น้อย "ด้วยสองมือของข้า ด้วยสมองของท่าน และด้วยกำลังใจของท่านแม่ ถึงแม้ตอนนีู้เาจะพังทลายลงมา แต่ตราบใดที่ยังมีหญ้าต้นแรก กล้าที่จะงอกขึ้นมา สักวันหนึ่งมันก็จะกลับมาเขียวขจีได้อีกครั้ง"
อันจิน ถึงกับพูดไม่ออก เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของบุตรสาว พยายามค้นหาความอ่อนแอหรือความโง่เขลาที่เขาคุ้นเคย แต่กลับไม่พบเลย สิ่งที่เขามองเห็นคือความมุ่งมั่นที่หนักแน่นราวกับขุนเขา
ติ๊ง! เสียงระบบดังขึ้นในหัวของอันหนิง
[ภารกิจรายวัน: ก้าวแรกสู่การเป็หมอเทวดา]
[เงื่อนไข: รวบรวมสมุนไพรที่บริโภคได้ หรือมีสรรพคุณทางยาให้ได้อย่างน้อย 3 ชนิด]
[รางวัล: ตำรับยาพื้นฐาน ขี้ผึ้งสมานแผล 1 ตำรับ ค่าประสบการณ์ระบบ +10]
มาแล้ว! นี่คือสิ่งที่นางรอคอย!
"ข้าจะออกไปครู่เดียว แล้วจะรีบกลับมา" นางพูดทิ้งท้าย ก่อนจะคว้าตะกร้าสานใบเล็กที่แขวนอยู่ข้างฝา แล้วเดินออกจากกระท่อมไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใด ๆ อีก
หลี่ซือมองตามหลังบุตรสาวไปด้วยความเป็ห่วง ส่วนอันจินได้แต่นั่งนิ่งงัน กำไม้เท้าในมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด คำพูดของอันหนิงยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา ‘หรือท่านคิดว่าตัวท่านยังสู้หญ้าต้นหนึ่งไม่ได้อีกหรือ?’
โลกภายนอกกระท่อมนั้นกว้างใหญ่และท้าทาย กระท่อมของพวกเขาตั้งอยู่บริเวณเชิง เขาที่ค่อนข้างห่างไกลจากหมู่บ้าน ป่ารอบ ๆ นั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานา ชนิดแต่สำหรับชาวบ้านผู้ขาดความรู้แล้วป่าแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยอันตรายและความไม่ แน่นอน
อันหนิงเดินลึกเข้าไปตามทางเดินเล็ก ๆ ที่แทบจะเลือนราง เธอเปิดใช้งานฟังก์ชัน "สแกน" ของระบบ ในมโนภาพของเธอ พืชพรรณรอบกายต่างก็ปรากฏชื่อและข้อมูลขึ้นมาเป็แถบตัวอักษรสีเขียวโปร่งแสง
[หญ้าหางจิ้งจอก บริโภคไม่ได้]
[เถาวัลย์มีพิษ ััแล้วเกิดอาการคัน]
[ต้นเบิร์ช เปลือกไม้ใช้เป็เชื้อไฟได้ดี]
"ระบบ ช่วยคัดกรองเฉพาะพืชที่กินได้หรือเป็ยาในรัศมี 20 เมตรให้หน่อยได้ไหม" เธอทดลองออกคำสั่งในใจ
[กำลังคัดกรอง พบเป้าหมาย 4 รายการ]
ทันใดนั้น แสงสีทองอ่อน ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากพงหญ้า 3-4 จุดรอบตัวเธอ!
"สุดยอด! ยังกับ GPS นำทางเลยแฮะ" อันหนิงพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น
เป้าหมายแรกอยู่ใกล้ที่สุด เธอเดินเข้าไปดูก็พบว่าเป็กอผักป่าชนิดหนึ่ง ใบหยัก ๆ สีเขียวเข้ม
[ผักขมป่า บริโภคได้อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและวิตามิน ช่วยบำรุงเื เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ]
"เยี่ยม! อย่างน้อยก็มีผักแล้ว" เธอเก็บผักขมป่าใส่ตะกร้าอย่างเบามือ
เป้าหมายที่สองอยู่ลึกลงไปใกล้กับลำธารเล็ก ๆ มันเป็พืชใบกว้างที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินชื้นแฉะ
[เชอเฉียนเฉ่า สมุนไพรพื้นฐาน มีฤทธิ์ห้ามเื สมานแผล และแก้ฟกช้ำ สามารถใช้ตำพอกแผลสดได้]
"อันนี้ก็มีประโยชน์" แม้จะยังไม่จำเป็ต้องใช้ตอนนี้ แต่การมีสมุนไพรสามัญประจำบ้านติดไว้ก็ไม่เสียหาย นางเก็บมาหนึ่งกำมือ
เป้าหมายสุดท้ายทำให้เธอประหลาดใจ มันคือแสงสีทองที่ส่องออกมาจากขอนไม้ผุ ๆ ที่ล้มอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ เธอก็พบว่าเป็เห็ดหูหนูสีน้ำตาลเข้มจำนวนหนึ่งกำลังผลิบานอยู่
[เห็ดหูหนู บริโภคได้ รสชาติดี มีสรรพคุณบำรุงพลังหยินและให้ความชุ่มชื้นแก่ปอด]
[คำเตือน: เห็ดบางชนิดมีพิษร้ายแรง โปรดใช้ความระมัดระวังในการเก็บเห็ดชนิดอื่น ที่ระบบไม่ได้ระบุ]
"ได้ของดีแล้ว!" อันหนิงยิ้มกว้าง นางเก็บเห็ดหูหนูทั้งหมดใส่ตะกร้าอย่างมีความสุข เพียงไม่ถึงชั่วยาม เธอก็ทำภารกิจสำเร็จและได้วัตถุดิบสำหรับมื้อกลางวันมาเต็มตะกร้า
ติ๊ง!
[ภารกิจรายวันสำเร็จ!]
[ท่านได้รับรางวัล: ตำรับยา ขี้ผึ้งสมานแผล ค่าประสบการณ์ระบบ +10]
[ระดับโฮสต์ปัจจุบัน: 1 (10/100 EXP)]
ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำขี้ผึ้งสมานแผลหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอทันที ั้แ่ส่วนผสมที่ต้องใช้ (เชอเฉียนเฉ่า ขี้ผึ้ง และน้ำมันพืช) ไปจนถึงขั้นตอนการเคี่ยวอย่างละเอียด
อันหนิงกลับมาถึงกระท่อมในสภาพเหงื่อท่วมตัวแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อหลี่ซือเห็นของเต็มตะกร้าก็เบิกตากว้างด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ
"์คุ้มครอง! เ้าไปหาของพวกนี้มาจากไหนกันลูก"
"ในป่าหลังบ้านเรานี่แหละเ้าค่ะท่านแม่ มีของกินอีกตั้งเยอะแยะ เพียงแต่เราไม่เคยรู้มาก่อน" อันหนิงตอบ พลางเทของในตะกร้าลงบนเสื่อเก่า ๆ
อันจินที่นั่งนิ่งมาตลอดทางเหลือบมองมายังกองผักป่าและเห็ดบนพื้น แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งในฐานะหมอเขาย่อมรู้จักสรรพคุณของ เชอเฉียนเฉ่าเป็อย่างดี และเขาก็รู้ว่าเห็ดป่าส่วนใหญ่นั้นมีพิษ การที่บุตรสาวของเขา สามารถแยกแยะและเก็บของเหล่านี้กลับมาได้อย่างถูกต้อง มันไม่ใช่เื่ของโชคช่วยอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่เคยว่างเปล่าของเขาบัดนี้กลับมีประกายแห่งความสงสัย ใคร่รู้เข้ามาแทนที่ เขาลอบสังเกตการกระทำของบุตรสาวอย่างเงียบ ๆ
มื้อกลางวันของวันนั้นคือซุปผักขมป่าใส่เห็ดหูหนู แม้จะไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีข้าว ไม่มีเครื่องปรุงรสเลิศเลอ มีเพียงเกลือเล็กน้อยที่พอจะหาได้ แต่สำหรับครอบครัวที่อดอยากมานาน นี่คืออาหารทิพย์จาก์
กลิ่นหอมของซุปลอยอบอวลไปทั่วกระท่อม หลี่ซือทานซุปด้วยรอยยิ้มและน้ำตา ส่วนอันหนิงก็ทานอย่างมีความสุขกับผลงานชิ้นแรกของตนเอง
เหลือเพียงอันจิน เขานั่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเข้ามาร่วมวง
อันหนิงตักซุปร้อน ๆ ใส่ชาม เดินเอาไปวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา
"ท่านพ่อ ทานเสียหน่อยเถิดเ้าค่ะ"
อันจินมองซุปในชาม สลับกับมองใบหน้าที่มุ่งมั่นของบุตรสาว เขาถอนหายใจยาว เป็ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เสียงถอนหายใจของเขาไม่ได้มีแต่ความสิ้นหวัง แต่เจือปนไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินจะบรรยาย
เขาเอื้อมมือที่สั่นเทาเล็กน้อยไปหยิบช้อนไม้อย่างเชื่องช้า
เสียงช้อนกระทบชามดินเผาดังขึ้นเบา ๆ แต่มันกลับดังกึกก้องอยู่ในหัวใจของคนทั้ง สาม
มันไม่ใช่แค่เสียงของการกินอาหาร แต่มันคือเสียงของภูผาที่พังทลายที่กำลังยอมให้ หญ้าต้นแรกได้หยั่งรากลงไป