ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษแบบส่งๆ ไปก่อน น้ำเสียงของเหยียนเม่าควบคุมได้ดี ให้ความรู้สึกว่าผู้าุโคนนี้พูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี และอับจนหนทาง แม้เหยียนชิงจะแค่นเสียงเ็าและรู้ว่านี่เป็กลอุบายที่เหยียนเม่าเคยใช้เป็ปกติ เหยียนเม่าแก้ความผิดพลาดให้เหยียนิฮ่วน แต่ก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่ท่าทีของเซวียซื่อทำให้คนฟังไม่สบอารมณ์ ฮูหยินเหยียนไม่พูดไม่จา คิ้วเรียวขมวดมุ่น มุมปากฝืนยิ้มออกมา มองเหยียนชิงและเว่ยซูหาน
ในฐานะฮูหยินใหญ่ แม้ว่าลูกๆ ของนางจะได้รับความคับข้องใจแต่นางก็ไม่กล้าทำอะไรอย่างโจ่งแจ้ง มิเช่นนั้นนางคงตำหนิเหยียนิฮ่วนอย่างรุนแรง ก่อนจะด่าสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้าจนเละไปข้าง อยากถามว่าพวกเขาสั่งสอนจนไอ้เ้าเด็กเวรชนิดใดออกมา แต่นางก็ทำเช่นนั้นไม่ได้
เหยียนชิงย่อมรู้ถึงความลำบากใจของมารดา เพราะสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เพื่อความสามัคคีในครอบครัว ส่วนใหญ่ในฐานะมารดาที่เป็ผู้นำตระกูลพวกนางล้วนเลือกที่จะอดทนต่อสถานการณ์ มีเื่น้อยย่อมดีกว่ามีเื่มาก แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไป ในเมื่อมารดาลำบากใจ เช่นนั้นเขาก็จะออกหน้าเอง คิดไปคิดมาก็วางตะเกียบลงแล้วเอ่ยช้าชัดว่า
“ฟังจากที่ป้าใหญ่พูด เห็นได้ชัดว่านี่เป็ความผิดของท่านพี่ แต่เหตุใดตอนนี้กลับกลายเป็ภรรยาข้าที่ผิดเสียเล่า?”
“หลาน…”
เหยียนเม่าจะเอ่ยปากแก้ต่าง ทว่าเหยียนชิงกลับโบกมือให้เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านลุงใหญ่ฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่?”
“พูดมาเถิด…”
แม้เหยียนเม่าจะไม่พอใจ แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้เซวียซื่อเพื่อบอกให้นางสงบสติอารมณ์ของตนเองลง
เหยียนชิงกวาดสายตามองมารดาโดยไม่ให้ใครทันสังเกต หลังจากพบว่านางไม่ได้ตั้งใจจะสอดมือเข้ามาขัดจังหวะ จึงพยักหน้าให้เหยียนเม่า และภรรยาชายพลางกล่าวต่อว่า
“ตระกูลเหยียนของข้า แม้จะเป็ตระกูลพ่อค้า ไม่ได้สง่างามภูมิฐานเหมือนตระกูลบัณฑิตที่ร่ำเรียนตำรา ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาคำสอนของตระกูลล้วนกวดขันเข้มงวด แม้แต่ตอนเด็กก็ยังต้องเรียนรู้เื่คุณธรรมกับความผิดชอบชั่วดี ญาติผู้พี่อายุยี่สิบห้าปี ตามหลักแล้วก็ควรถึงวัยที่ควรจะมีชายา มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเรือน ทว่าแค่เื่ขาดมารยาทนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกอับอายจริงๆ ”
“อีกอย่าง วันนี้ข้าแต่งงานได้ไม่ถึงสามวัน ญาติผู้พี่ก็พามิตรสหายมาพบฮูหยินคนใหม่ของข้าแล้ว ลองสลับกันดู หากเขาเป็ข้า เขาจะรู้สึกอย่างไร? ซูหานเป็บุรุษ แต่ก็เป็ฮูหยินที่แต่งงานกับข้าอย่างถูกต้อง วันหน้าจะต้องดูแลเื่ในจวน หากเื่เสียมารยาทเช่นนี้แพร่สะพัดออกไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? หากคนไม่รู้คิดว่าซูหานไม่ได้รับการต้อนรับจากตระกูลเหยียนของข้า จะทำเช่นไร!”
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมากนัก ความเร็วในการพูดราบเรียบและสงบนิ่ง แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่อาจละเลยได้ ท่าทางของคุณชายใหญ่ช่างสง่างาม อยู่ในความควบคุมได้อย่างเหมาะสม
“…” เหยียนเม่ากับเซวียซื่อมองหน้ากัน อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าพูดไม่ออก จึงส่ายหน้าแล้วพยักหน้ามองฮูหยินเหยียน ตอนนี้ฮูหยินเหยียนกลับจดจ่ออยู่กับการกินเหมือนเว่ยซูหาน ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาประนีประนอมเลย
เหยียนชิงไม่สนใจความลำบากใจของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย รอให้พวกเขาย่อยความหมายจนเกือบหมดแล้วค่อยเอ่ยเสริม
“แต่ไหนแต่ไรมาข้าเคารพญาติผู้พี่มาตลอด ทั้งสองจวนล้วนไม่ได้ใช้กฏเข้มงวดด้วย เพราะคิดว่าเป็คนในครอบครัวเดียวกัน ครั้งนี้เกิดเื่ขึ้นไปแล้วก็ช่างมันเถิด วันหน้าหวังว่าท่านลุงกับท่านป้าจะคอยชี้แนะพี่ิฮ่วนให้มากขึ้น ข้างนอกจะทำตัวเสเพลเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้ แต่กฎของตระกูลยังต้องจดจำเอาไว้ให้ดีจะได้ไม่เกิดเื่ในวันหน้าจนทำลายชื่อเสียงของตระกูลเหยียนอีก ความคิดของข้าเช่นนี้ท่านลุงใหญ่ว่าอย่างไรขอรับ?”
พูดจบเหยียนชิงก็หุบยิ้มอีกครั้ง ทำเอาเหยียนเม่ากระวนกระวาย เขาทำได้แต่ยิ้ม และขอโทษออกมา
“หลานกำลังจะบอกว่า…”
“ชิงเอ๋อร์ ลูกพี่ลูกน้องของเ้าไม่เคยมีเจตนา… เื่นี้ไม่จำเป็ต้องไปถึงกฎของตระกูล เดี๋ยวข้าจะกลับไปสั่งสอนเขาให้หนัก เ้าก็อย่าไปคิดมากเลย…”
เซวียซื่อบิดผ้าเช็ดหน้าอย่างแรง แต่ก็ยังต้องแย้มยิ้มหวานหยด แม้ว่าเหยียนชิงจะเป็เด็ก แต่ยามนี้เขาแต่งงานแล้ว ฟังจากน้ำเสียง และท่าที เกรงว่าอีกไม่นาน หลังจากพิธีสวมกวานคงต้องเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูล หากก่อเื่วุ่นวายขึ้นมาคงไม่ดีแน่
อีกทั้งเหยียนชิงก็พูดถูก แต่ไหนแต่ไรมาเื่ใหญ่ทั้งภายใน และภายนอกของทั้งสองจวน เขาไม่เคยออกหน้ายุ่งเกี่ยว เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ วันนี้ยอมออกหน้าเพื่อเว่ยซูหานเป็พิเศษ ความหมายย่อมชัดเจนอยู่แล้ว จะทำให้คุณชายเหยียนชิงไม่พอใจย่อมเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้
ถึงอย่างไรบุตรชายของตนก็เป็คุณชายตระกูลเหยียน กลับถูกคนตำหนิเพราะภรรยาชายต่ำต้อยเพียงคนเดียว นี่ทำให้นางคับแค้นใจจนยากจะรับไหวจริงๆ หางตาเหลือบไปมองเว่ยซูหานที่ก้มหน้าก้มตาอย่างไร้เดียงสา ความรังเกียจจึงเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้
ชิงเอ๋อร์ยังเยาว์วัย บัณฑิตที่อ่านหนังสืออย่างเดียวจะเข้าใจความซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่างไร เกรงว่าคงถูกขุนนางลูกกำพร้าชั่วช้าคนนี้ใช้วิธีที่น่าละอายยั่วยวนกระมัง
เหยียนชิงชำเลืองเซวียซื่อแล้วพยักหน้าให้อย่างอ่อนโยน “ไม่ได้ตั้งใจย่อมไม่ผิด”
“เอ่อ…
“แค่กๆ” เหยียนเม่าหยุดเซวียซื่อที่ยังอยากจะพูดไว้ทันที
“อย่างไรเสียก็เป็พี่น้องกัน รอจนิฮ่วนพ้นจากการถูกกักบริเวณแล้ว ข้าจะให้เขามาขอโทษถึงเรือนเ้าอีกครั้ง ชิงเอ๋อร์พูดจามีเหตุผล จะเล่นสนุกยังไง การอบรมตามมารยาทของตระกูลก็ยังต้องประพฤติตามกฏอยู่ดี ธุรกิจตระกูลนี้ใหญ่มาก ต่อไปพวกข้าเองก็ยังต้องแก่ชรา ก็ต้องพึ่งพาพวกเ้าพี่น้อง ไม่มีกฎมีเป้าหมาย จะโตไปยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จได้เช่นไร”
พูดจบก็กวาดสายตามองคนอื่นๆ
เหยียนชิงก้มหน้าลง “ท่านลุงเซี่ยช่างมีเหตุผล”
ฮูหยินเหยียนยกมุมปากขึ้น นางวางตะเกียบลงอย่างสง่างาม และรินสุราให้ตัวเอง เมื่อเห็นดังนั้นทั้งเหยียนเม่า และเซวียซื่อก็ยกจอกสุราขึ้นเพื่อคารวะเช่นกัน
“คนหนุ่มสาวไม่ยึดติดหรือตำหนิ รอจนพวกเขาเป็หัวหน้าครอบครัวก็จะเข้าใจ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ไม่ต้องเป็ห่วง”
“น้องสะใภ้พูดถูก”
“อย่างที่เ้าว่า เฮ้อ…”
เหยียนเม่ากับเซวียซื่อยิ้มพลางยกสุราขึ้นมา ทั้งสามดื่มสุรากันหนึ่งจอกก็ถือว่าคลี่คลายแล้ว เหยียนชิงไม่ได้เอ่ยถึงอีก หันหน้าไปสนทนากับเว่ยซูหานเกี่ยวกับอาหารของวันนี้
เมื่อเริ่มมืดค่ำ เหยียนเม่ากับเซวียซื่อลุกขึ้นกล่าวคำอำลา เหยียนชิงลุกขึ้นเพื่อเดินไปส่ง เว่ยซูหานก็ตามไปโดยยังไม่พูดไม่จาเช่นเดิม แม้แต่ตอนที่มาถึงหน้าประตูจนมองดูพวกเขาขึ้นรถม้าก็ทำเพียงแค่พยักหน้าเรียบเฉย ไม่มองตรงๆ แม้แต่แวบเดียว ทำให้ใบหน้าของเซวียซื่อที่ขึ้นรถม้ากลับไปแล้ว โกรธจนหน้าบิดเบี้ยว บีบผ้าในมือจนแน่นพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ม่านรถม้าถูกดึงลง สีหน้าของเหยียนเม่าก็หม่นหมองลง แต่ไม่ได้พูดอะไร คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น
เรือนของเหยียนเม่าอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงสองถนนเท่านั้น นับว่าเป็เรือนย่อยของจวนตระกูลเหยียน เห็นรถม้าของเหยียนเม่า และภรรยาหายลับไปในความมืด เหยียนชิงกับเว่ยซูหานก็กลับเข้าไปในประตูอีกครั้ง หลังจากประตูด้านหลังปิดลง เหยียนชิงก็หยุดฝีเท้าแล้วพูดกับเว่ยซูหานว่า
“ซูหาน เ้ากลับห้องก่อน ข้าจะไปคุยกับท่านแม่”
เว่ยซูหานรู้ถึงความหมายของเขาดี จึงไม่ได้พูดอะไร เดินกลับเรือนเซียวเหยาก่อนแต่โดยดี