พลังไฟอันรุนแรงของซูเหยียนแผ่ซ่านกว้างออกไปกว่าสิบเมตรจนคนอื่นๆต้องถอยห่าง ทว่าฟางชิงยวนกลับเดินเข้ามาด้วยพลังลมของพลังโลกชิตที่หมุนเป็เกลียวและพุ่งเข้าปะทะกับพลังของซูเหยียนแล้วแตกออกเป็ระยะๆ
ปั้ง!
หลังจากที่ฟางชิงยวนตวาดเสียงดังลั่นพลังของเขาก็เปลี่ยนไปเป็อีกขุมพลังที่กล้าแกร่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งพลังที่แผ่ออกมาเป็เส้นสีแดงเพลิงเป็สายๆ นั้นรุนแรงมากแม้แต่ข้าที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุตั้งไกลยังรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของมัน
“ลองลิ้มรสเพลงกระบี่โลกชิตขั้นที่สามของข้าหน่อยเป็ไง พลังทะลวงจิต!”
การโจมตีของฟางชิงยวนครั้งนี้ทำให้ซูเหยียนถึงกับปลิวไปไกลกว่าสิบเมตรเพราะขนาดว่าพลังของระบำแสงจันทร์มรกตที่ว่าแข็งแกร่งยังสู้พลังของฟางชิงยวนไม่ได้อยู่ดี!
ทั้งซือคงอี้และหวังชงถึงกับตะลึงกับภาพตรงหน้าเพราะนึกไม่ถึงว่าต่อสู้กันมานานขนาดนี้แล้วฟางชิงยวนเพิ่งจะใช้พลังไปแค่สองขั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่ต่อสู้ในสนามเซินยวนแห่งนี้ฟางชิงยวนได้แต่เก็บไพ่ใบสุดท้ายของตัวเองเอาไว้ตลอด
จะมีก็แต่มู้เซวี่ยนที่นั่งพิงต้นไม้พลางยิ้มอ่อนเพราะมั่นใจในความสามารถและพลังของฟางชิงยวนเป็อย่างดี
กระบี่น้ำแข็งสลาตันในมือของฟางชิงยวนมีพลังิญญาธาตุลมที่หมุนเป็เกลียวก่อนจะปล่อยพลังของมันออกมาเพื่อผสานเข้ากับพลังของเพลงกระบี่โลกชิตและแข็งแกร่งมากกว่าเดิมไม่นานพลังซึ่งเป็ลูกกลมๆ ของฟางชิงยวนก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและแตกตัวออกจนนับไม่ถ้วนอีกทั้งขุมพลังแต่ละลูกยังพร้อมที่จะแตกตัวและะเิได้ตลอดเวลาซึ่งบอกให้รู้ว่าซูเหยียนกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ข้ารู้สึกใจคอไม่ดีจึงรีบก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าแผ่นกระจกด้านหน้าจนเกิดเสียงดังทว่าก็เป็แค่กระจกแผ่นหนึ่งเท่านั้นพอเห็นแบบนั้นจึงใช้กระบี่คมจันทราฟันเข้าไปอย่างแรงแต่กลับทำให้ข้ารู้สึกชาไปทั้งแขนโดยที่กระจกบานนั้นเกิดรอยขีดข่วนเล็กๆ เท่านั้น
“โถ่เว้ยยย!!”
ข้าตวาดเสียงดังลั่นแล้วยกกระบี่คมจันทราที่อัดแน่นไปด้วยพลังจากการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งจากนั้นจึงฟันลงไปอย่างแรง พักเดียวอากาศโดยรอบก็สว่างวาบไปทั่วบริเวณก่อนที่พลังซึ่งเหมือนกับขุนเขาลูกใหญ่จะพุ่งลงตามกระบี่
ตูม!!
กระจกสั่นะเืจนภาพด้านในเริ่มเลือนรางแต่ข้าก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ทำไมถึงเป็แบบนี้กันนะ! ...”
ข้าเอาแต่ชกกระจกอย่างต่อเนื่องด้วยหัวใจที่ราวกับกำลังจะสลายไปหรือสนามเซินยวนชั้นที่เจ็ดแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบความอดทนของข้าอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเป็แบบนั้นจริงพวกเทพศาสตราวุธโบราณไม่ใจร้ายไปหน่อย...
ขณะนั้นภาพของซูเหยียนในกระจกก็กำลังเช็ดเืตรงมุมปากก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองอย่างมุ่งมั่นแล้วกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างรวดเร็วจนพลังรอบๆตัวนางเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าพลังระบำแสงจันทร์มรกตอันเดิมัสีแดงเพลิงสามตัวพุ่งทะยานออกจากพลังแล้วแหวกว่ายเข้าไปรวมอยู่ในกระบี่ซึ่งพลังได้ปะทุออกมาเหมือนทั้งโลกจะะเิ
“รีบหลบเร็วเข้า!”
ซือคงอี้มู้เซวี่ยนและคนอื่นๆต่างก็รีบถอยห่างออกไปไกลกว่าห้าสิบเมตรเพราะพลังและขั้นการบำเพ็ญของพวกเขาน้อยเกินไป
ซูเหยียนปล่อยพลังที่รุนแรงถึงขั้นสุดออกมาขณะที่คิ้วขมวดเป็ปมด้วยความเ็ปัสีแดงเพลิงทั้งสามตัวกำลังแหวกว่ายผลุบๆ โผล่ๆ อยู่รอบกระบี่ของนางส่วนมือข้างที่จับกระบี่ไว้ก็มีเืสดๆ ติดอยู่อีกด้วย
นี่มัน...นี่มันพลังเมฆาเพลิงัขั้นที่ห้าผลึกหยกลายเวหา!!
ข้าเคยได้ยินนางพูดเกี่ยวกับพลังของผลึกหยกลายเวหาอยู่บ้างว่ายิ่งมีัออกมารอบๆ กระบี่มากเท่าไรก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น โดยผู้ที่ฝึกฝนอย่างแข็งแกร่งสามารถมีัออกมาได้ถึงเก้าตัวเลยทีเดียวแต่เนื่องจากนางมีพลังไม่มากพอจึงทำให้พลังิญญาปรากฏเป็ัออกมาได้เพียงสามตัวซึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้วเหมือนกันเผลอๆ เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ถือได้ว่านางอยู่ในสิบอันดับแรกเลยก็ว่าได้
ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏบนกระจกตอนนี้คือฟางชิงยวนกำลังพูดขึ้นบ้าง“เดิมทีข้าว่าจะเก็บพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเพลงกระบี่โลกชิตไว้ให้หยู่เหวินชิงหรือไม่ก็ปู้อี้เชวียนแต่ตอนนี้จะเก็บไว้ให้เ้าแทนแล้วกัน!”
ฟางชิงยวนตวาดเสียงดังจากนั้นพลังิญญาระหว่างพิภพกับ์ก็พากันลอยเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างมหาศาลและเกิดเป็กลุ่มก้อนพลังของเพลงกระบี่โลกชิตที่มีนับพันลูกแค่พลังของเขาหนึ่งร้อยลูกก็ไม่มีใครในสนามเซินยวนกล้าหือด้วยแล้วนี่มีตั้งพันกว่าลูกใครมันจะไปรบไหวกันล่ะ!
ในสนามการต่อสู้ตอนนี้ซูเหยียนได้ปล่อยพลังของมหาัั์ออกมารอบกายและจับกระบี่ที่อัดแน่นด้วยพลังของผลึกหยกลายเวหาเดินเข้าไปหาฟางชิงยวนทีละก้าวอย่างใจเย็นพลังิญญาที่ก่อตัวเป็ัสามตัวได้พุ่งเข้าไปทำลายพลังของฟางชิงยวนทีละลูกพร้อมกับนางที่เดินใกล้เข้ามาอย่างสง่างาม
“เ้าคิดจะฆ่าข้าจริงๆ ใช่ไหม!?”
ฟางชิงยวนว่าพลางตวาดขึ้นเสียงดัง“ซูเหยียน!นี่เ้าบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้ยอมตายเพื่อล้างแค้นให้คนอย่างปู้อี้เชวียนคนนั้น!”
ซูเหยียนไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเดินเข้ามาพร้อมกับกระบี่ในมือแล้วฟันลงไปเต็มแรง
พลังของกระบี่นั้นช่างแข็งแกร่งและงดงามดุจขุนเขาขณะเคลื่อนตัวลงมาแม้แต่คนที่มองอยู่ยังแทบจะหยุดหายใจ
ซือคงอี้มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ“ไม่ว่าใครจะเป็ผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าก็ไม่เสียดายที่ได้เห็นแล้วละ...”
หวังซงและมู้เซวี่ยนต่างพยักหน้าเห็นด้วยเพราะการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะที่แข็งแกร่งช่างเป็สิ่งที่หาได้ยากมากจริงๆ
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
พลังที่แข็งแกร่งของทั้งสองคนพุ่งเข้ากระทบกันและะเิออกเป็ครั้งคราวนอกจากนั้นยังทำให้มิติกระจกแห่งนี้แทบจะแตกสลายไป ซึ่งคนอื่นๆต่างก็นึกไม่ถึงว่าพลังของซูเหยียนที่ไม่เป็รองไปจากพลังเพลงกระบี่โลกชิตของฟางชิงยวนที่มีมากนับพันลูกเลยแม้แต่น้อย!
พลังของฟางชิงยวนขณะลอยวนไปเหมือนพายุสลาตันถูกพลังผลึกหยกลายเวหาของซูเหยียนที่ปล่อยออกมาทำลายจนกลุ่มก้อนพลังที่เคยลอยตัวอยู่บนฟ้าเริ่มลอยอย่างสะเปะสะปะใบหน้าที่เคยสง่างามของฟางชิงยวนเปลี่ยนเป็โเี้อำมหิตจากนั้นเขาจึงพูดขณะที่ความอดทนกำลังขาดผึง “เ้าบังคับข้าเองนะ!”
กระบี่ยาวในมือของฟางชิงยวนถูกชูขึ้นฟ้าพร้อมกับเขาที่ตวาดออกมาเสียงดังพลังกระบี่ที่แผ่ออกมาเหมือนกับกระบี่เทพไร้เทียมทานซึ่งไม่นานมันก็ดูดเอาก้อนพลังของเพลงกระบี่โลกชิตที่มีมากกว่าพันดวงกลับไปรวมอยู่ด้วยกันจากพันเป็ร้อยและสิบจนกลายเป็ก้อนพลังดวงเดียวที่ปกคลุมกระบี่ทั้งเล่ม
ฟางชิงยวนที่รวมพลังของมันเข้ามาไว้ด้วยกันสำเร็จพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ร้ายกาจและดุดัน“ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเ้าจะทำลายพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าครั้งนี้ได้ยังไง!? พลังสหัสวรรษิญญา!”
ขณะที่ฟางชิงยวนฟันลงมาร่างของซูเหยียนก็ปลิวไปไกลพร้อมกับกระอักเืกระบี่เพลิงกัลป์ในมือถูกปักลงบนผืนดินเพื่อลดระยะการปลิวเมื่อนางหยุดลงจึงนั่งคุกเข่าลงทั้งสองข้างพลางกระอักเืออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามองฟางชิงยวนที่กำลังมองด้วยใบหน้าที่โเี้เช่นกัน
“เ้ามันหาเื่ใส่ตัว!”
ฟางชิงยวนเดินเข้ามาพร้อมกับกระบี่น้ำแข็งสลาตันในมือและใบหน้าที่เยือกเย็น“ถ้าข้าจะทำลายปราณิญญาของเ้าตอนนี้ไปซะ เ้าก็คงจะไม่โทษข้าใช่ไหม?”
ซูเหยียนยิ้มบางๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซือคงอี้และมู้เซวี่ยนต่างกระอึกกระอักเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ยากที่จะเอ่ยปากเพราะถ้าขืนเข้าไปขัดขวางตอนนี้จะต้องถูกฟางชิงยวนเล่นงานด้วยพลังของสหัสวรรษิญญาอีกคนด้วยเป็แน่
...
กลับมาที่ข้าขณะยังนั่งดูภาพในกระจกโดยทำอะไรไม่ได้สักอย่าง...
“เสี่ยวเหยียน...”
ข้าได้แต่มองนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่แทบจะแตกสลายและไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วเหมือนกันที่ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้เืในร่างกายร้อนเหมือนพร้อมจะระเหยออกมาได้ทุกเมื่อตามความเดือดดาลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นข้าจึงตวาดเสียงดังลั่น “ให้ข้าเข้าไปสักทีสิ ไอ้เ้ากระจกบ้า!”
ปั้ง!!!
พอหมัดหนักๆในครั้งนี้ถูกซัดเข้าไปในกระจก หลังจากนั้นสิ่งที่ข้าไม่คิดไม่ฝันก็เกิดขึ้นเพราะแขนทั้งข้างของข้าได้ทะลุเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างกายที่พุ่งเข้าไปตามแรงแสงสว่างวาบเกิดขึ้นตรงหน้าก่อนข้าจะหลุดเข้าไปในเหตุการณ์จริงและตกลงมาจากฟ้าแล้วนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของซูเหยียน
ขณะที่ข้ากำลังหันไปซูเหยียนก็ตวาดใส่ฟางชิงยวนเสียงดังลั่น “ถ้าเ้ากล้าก็มาเลย!”
“ฮะ!?”
ฟางชิงยวนถึงกับตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ซือคงอี้มู้เซวี่ยน และคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน “ปู้อี้เชวียนนี่เ้ายังไม่ตายหรอกเหรอ!?”
ฟางชิงยวนมองข้าด้วยแววตาที่สับสนเพราะถ้าข้ายังไม่ตายผู้ท้าประลองอันดับหนึ่งก็จะต้องเป็ข้าและนั่นก็หมายความว่าของรางวัลที่เตรียมไว้ให้ผู้ชนะก็จะเป็ของข้าแต่เพียงผู้เดียวและถ้าฟางชิงยวนอยากจะกลายเป็ที่หนึ่งก็จะต้องเอาชนะข้าให้ได้เท่านั้น!
“ปู้อี้เชวียน...”
ซูเหยียนเงยหน้าขึ้นมองข้าก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่นองหน้า“เ้ายังไม่ตาย...เ้ายังไม่ตาย ข้าดีใจมากจริงๆ ...”
ข้าหันไปบอกกับซูเหยียนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“เสี่ยวเหยียน เ้ายังพอมีแรงอยู่หรือเปล่า? ลุกขึ้นไปนั่งรออยู่ตรงนู้นก่อนแล้วเื่นี้ปล่อยให้ข้าเป็คนจัดการเอง ดีไหม?”
“อืม...”
ซูเหยียนพยักหน้ารับคำก่อนจะใช้กระบี่พยุงตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะพูดต่อ“สู้ๆ นะ...”
...
เชว้ง!
กระบี่ของฟางชิงยวนที่ฟันลงมาส่งเสียงดังพร้อมกับพลังที่รุนแรงคิดจะลอบทำร้ายข้าอย่างนั้นเหรอ?!
มันเป็พลังของสหัสวรรษิญญาที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของพลังของเพลงกระบี่โลกชิตกว่าพันดวงฟางชิงยวนคงคิดจะใช้พลังนี้จัดการกับปัญหาอย่างข้าสินะ!
เพราะขณะที่อยู่ในจักรภพธาราฟางชิงยวนเองก็เคยลอบทำร้ายข้ามาก่อนดังนั้นข้าจึงรู้ดีและป้องกันไว้ั้แ่แรก และตอนที่ข้าเงยหน้าขึ้นไปกระบี่ของฟางชิงยวนก็กำลังดิ่งมาพอดีข้าจึงรีบดีดตัวออกห่างด้วยพลังของเพลงขาเมฆาหมอกและปล่อยพลังของวิชาลมหายใจัออกมาปกคลุมร่างกาย พร้อมกับพลังสีแดงเพลิงไหลเข้าไปรวมกันในกระบี่หลังจากที่ม้วนตัวหลบออกมาได้ข้าก็นำกระบี่ธุมเพลิงออกจากแหวนกระดูกจักรภพแล้วหันไปบอกกับคนที่เพิ่งจะลอบโจมตีข้าอย่างฟางชิงยวน“มาทำให้มันจบๆ ไปสักที!”
และในตอนนี้เองมู้เซวี่ยนก็ะโขึ้นมาเสียงดัง“ปู้อี้เชวียน ในเมื่อเ้าก็ยังไม่ได้ตายจริงๆแล้วทำไมพวกเราจะต้องต่อสู้กันเพื่อให้ได้ผลแพ้ชนะกันอีกล่ะ?”
“หุบปากไปซะ!”
ข้าตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะพูดต่อ“เ้าตาบอดหรือไงถึงไม่เห็นว่าฟางชิงยวนกำลังลอบทำร้ายข้าอยู่ทั้งที่เขาทำร้ายซูเหยียนจนาเ็ขนาดนี้แล้วจะให้ข้านิ่งดูดายอย่างนั้นเหรอ? ...ฟางชิงยวน ข้าจะต้องเอาคืนให้สาสม!”
“เ้าจะเอาคืนข้ายังไงล่ะ?” ฟางชิงยวนว่าพลางหัวเราะเสียงดัง
ข้าเองก็หัวเราะออกมาเหมือนกันหลังจากนั้นพลังของกระดูกลายเวทในมือขวาก็เปล่งประกายออกมาและเพิ่มพลังให้กระบี่คมจันทราพลังของการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งถูกใช้โดยการะโม้วนตัวขึ้นไปบนฟ้าและใช้ทั้งกระบี่คมจันทราและกระบี่ธุมเพลิงฟันลงมาพร้อมๆ กัน
“รนหาที่ตาย!”
ฟางชิงยวนตวาดลั่นก่อนจะแทงขึ้นมาด้วยกระบี่น้ำแข็งสลาตันที่มีพลังของสหัสวรรษิญญาอยู่เต็มเปี่ยม
ตูม!!
เสียงของการปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบริเวณและนึกไม่ถึงว่าการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งของข้าจะเทียบได้กับพลังสหัสวรรษิญญาของฟางชิงยวนได้เลยทีเดียวหลังจากที่พลังของพวกเราทั้งสองคนสลายไปฟางชิงยวนก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกระบี่ปลายแหลมที่แทงลงบนอกข้างซ้ายของข้าเข้าอย่างจังถึงแม้ปลายกระบี่จะแทงทะลุเกราะหิมะแกร่งเข้ามาถึงชั้นิัและเนื้อด้านในของข้าแต่ก็ไม่สามารถแทงทะลุกระดูกที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าจากการฝึกฝนพลังกายาทองคำได้อยู่ดี
และในตอนนี้เองข้าก็ใช้พลังของการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งซัดเข้าที่ต้นคอของฟางชิงยวนเต็มแรง
ปั้ง!!
หลังจากสิ้นเสียงกระทบของพลังร่างของฟางชิงยวนก็ลอยปลิวออกไปไกล
คนอื่นๆต่างก็มองอย่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นและทำไมฟางชิงยวนถึงได้พ่ายแพ้ให้แก่ข้า
ซึ่งเหตุผลก็ง่ายๆเพียงเพราะเป็การเสี่ยงดวงของข้าเท่านั้น...
ข้าเสี่ยงดวงว่าเกราะหิมะแกร่งที่เป็ถึงอาวุธิญญาระดับดาวจะแข็งแกร่งมากพอที่จะสกัดกั้นพลังของฟางชิงยวนได้หรือเปล่าในเวลาเดียวกันก็เสี่ยงดวงว่าตัวเองจะไม่ถูกฟางชิงยวนฆ่า แต่กลับสามารถใช้พลังของการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งพลิกโอกาสขึ้นมาเป็ต่อแทนและการที่ข้าต้องเสี่ยงดวงด้วยการเสี่ยงตายขนาดนี้เพราะแม้แต่พลังผลึกหยกลายเวหาของซูเหยียนยังแพ้ให้กับฟางชิงยวนไปแล้วเลยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องใช้วิธีไหนเพื่อเอาชนะจึงต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์และลองเสี่ยงดวงดูเท่านั้น
หน้าอกข้างซ้ายมีเืไหลออกมาไม่หยุดเพราะพลังสหัสวรรษิญญาของฟางชิงยวนได้แผ่ซ่านเข้ามาจนแขนซ้ายไม่มีแรงทว่าพลังการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งของข้าก็ซัดเข้าไปที่ฟางชิงยวนอย่างจังจนเขาไร้เรี่ยวแรงในการต่อสู้และนั่งพิงหินาาสรรพสัตว์พร้อมกับมองข้าด้วยแววตาที่ซับซ้อนเท่านั้น
…
“ทำไม เ้ากล้าฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?” ฟางชิงยวนถามขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“ข้าก็อยากจะฆ่าเ้าเหมือนกัน แต่ข้ารู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้”
ข้าว่าแล้วยกเท้าขึ้นเตะเข้าไปที่หน้าข้างฟางชิงยวนอย่างแรงก่อนจะเหยียบใบหน้าที่เคยสง่างามไว้ใต้ฝ่าเท้าพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น“เ้าเก่งนักใช่ไหม? เ้ามันไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม?เ้ามันเป็จอมยุทธ์อายุน้อยที่เก่งกาจใช่ไหม? ...ได้!วันนี้ข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าความรู้สึกที่ต้องกลายเป็พวกกระจอกมันเป็ยังไง!”
ข้าว่าแล้วก็เงื้อกระบี่คมจันทราขึ้นสูง
มู้เซวี่ยนที่มองดูะโห้ามขึ้นมาเสียงดัง“อย่านะปู้อี้เชวียน! อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด ทำไมเ้าถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ได้...”
ข้าไม่ได้ฟังคำพูดของมู้เซวี่ยนแต่กลับใช้กระบี่คมจันทรากรีดไปที่แผ่นหลังของฟางชิงยวนเพื่อทำลายปราณิญญาขั้นกลางของเขาหลังจากนั้นจึงใช้พลังของเพลงขาเมฆาหมอกเพื่อปล่อยพลังที่เหมือนกับงูเพลิงแทรกซึมเข้าไปเพื่อดูดกลืนปราณิญญาในตัวของฟางชิงยวนออกมาจนหมดสิ้น
อ๊ากกก...
ฟางชิงยวนร้องออกมาอย่างน่าเวทนาพลางเอ่ยปากขอร้อง“อย่า...อย่านะ ปู้อี้เชวียน...ได้โปรด อ๊ากกก...”
ข้าได้ยินแล้วก็เตะเขาออกไปไกลอีกครั้งจนร่างที่เคยแข็งแกร่งและสง่างามพุ่งไปชนกับต้นไม้ใหญ่และสลบไปทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ตกถึงพื้นด้วยซ้ำตอนนี้คนที่น่าสมเพชอย่างเขาช่างไม่เหมือนกับคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็จอมยุทธ์น้อยผู้แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำไป
มู้เซวี่ยนซือคงอี้ หวังชงและคนอื่นๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ถูกข้ามองกลับด้วยแววตาที่หยามเหยียดก่อนจะพูดออกไป“พวกเ้าชอบก้มหัวให้กับคนที่แข็งแกร่งไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ฟางชิงยวนกลายเป็พวกไม่เอาไหนไปแล้วพวกเ้าคิดจะไปพึ่งใครอีกล่ะ? ...ซือคงอี้คนขี้ขลาดตาขาวอย่างเ้าไม่เหมาะจะเป็ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาเลยสักนิด!”
ข้าว่าแล้วก็เดินกลับไปหาซูเหยียนก่อนจะพยุงร่างของนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน“เ้าไม่เป็ไรใช่ไหมเสี่ยวเหยียน?”
นางส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา“ไม่เป็ไร พวกเราออกจากที่นี่กันเถอะ”
“อืม”
ว่าแล้วพวกเราก็เดินไปยังหินาาสรรพสัตว์เพื่อให้มันพาพวกเราออกไปจากที่นี่
ไว้เจอกันใหม่แล้วกันสนามประลองเซินยวนที่ไร้ซึ่งหัวใจและคุณธรรม...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้