จวินจิ่วเฉินดูไม่เหมือนกับผู้ที่ป่วยหนักเมื่อคืนนี้เลยสักนิด ภาพเงาจากระยะไกลให้ความรู้สึกหยิ่งยโสเข้มแข็ง มีพลัง สูงส่ง และให้ความรู้สึกเคารพนับถือ
เขาหันหน้าเข้าสู่กำแพง มือข้างหนึ่งไพล่หลัง มืออีกข้างหนึ่งเล่นก้อนผลึกหยกสีขาวที่คล้ายคลึงกับดวงดาวดวงหนึ่ง ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงดาวหยกส่องแสงสว่างแพรวพราวสะท้อนใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าด้านข้างของเขามีความงดงามแต่ก็เ็า
บุรุษที่รูปงามไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ใดก็เสมือนกับภาพทิวทัศน์ที่สวยงามจริงๆ
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าเขาและดวงดาวทั้งหมดนี้ ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็หนึ่งเดียวแล้ว นางมีความรู้สึกราวกับว่า เขาได้กลายเป็ส่วนหนึ่งของทิวทัศน์ที่สวยงามรูปนี้และไม่เ็าเหมือนกับปกติ แต่ตรงกันข้ามกลับให้ความรู้สึกที่เงียบสงัดอย่างสุดแสนจะพรรณนาออกมา
กูเฟยเยี่ยนก้าวเดินเบาๆ นางมิอาจฝืนทำลายความสงบนี้ลงได้ หลังจากที่นางโน้มกายแสดงความเคารพก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา “แพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยนน้อมเข้าเฝ้าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
การพบกันเมื่อค่ำคืนนี้กะทันหันเกินไป บางทีในตอนนี้ถึงจะนับได้ว่าเป็การพบกันอย่างเป็ทางการ กูเฟยเยี่ยนคิดเอาไว้ว่าในเมื่อนางถูกเซี่ยเสี่ยวหม่านคัดเลือกเข้ามา จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคงอาจจะต้องซักถามเกี่ยวกับตัวตนของนางก่อนสักนิด
ทว่าเขาไม่ได้ถาม!
บางทีอาจจะเป็เพราะว่าเขารู้จักตัวตนของนางจากเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้ว หรือบางทีอาจจะเป็เพราะว่าเขาไม่สนใจตัวตนของนางเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับข้อเท็จจริงไปโดยปริยาย ว่านางได้กลายมาเป็แพทย์หญิงของจิ้งหวางฝู่ จุดสนใจของเขายังคงอยู่ที่ดวงดาวก้อนผลึกหยกที่ส่องแสงพร่างพราวอยู่บนฝ่ามือ ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเ็าว่า “เมื่อค่ำคืนนี้ เกิดอะไรขึ้น? ”
วิธีการถามเช่นนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เขาไม่ได้บอกว่าจำได้มากน้อยเพียงใด และไม่ได้ถามนางถึงเื่ราวโดยละเอียด การถามมีเพียงแค่ว่า “เกิดอะไรขึ้น” นั้นหมายถึงการหยั่งเชิง
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะค้นพบความลับและรู้สึกกังวลเล็กน้อย ทว่านางยังคงมีอากัปกิริยาเอาจริงเอาจัง
“เตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้คาดการณ์โรคของพระองค์ไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่แน่ชัดและมั่นใจคือโรคของพระองค์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน จำเป็ต้องพบแพทย์โดยด่วน เดิมทีนู๋ปี้คิดว่าเป็เพราะประสิทธิภาพของแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนไม่ได้ออกฤทธิ์ ทว่าหลังจากที่ประสิทธิภาพยาออกมาแล้ว สถานการณ์ของพระองค์ก็ยังคงเลวร้ายลงเรื่อยๆ นี่พิสูจน์ได้แล้วว่าใบสั่งยาตำรับเดิมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว จำเป็ต้องจัดเตรียมใบสั่งยาฉบับใหม่ออกมาโดยเร็วที่สุด”
จวินจิ่วเฉินไม่รีบร้อน เขาเอ่ยถามอย่างเ็าอีกครั้ง “ใบสั่งยาไม่เกิดผลแล้วเปิ่นหวางฟื้นตัวมาได้อย่างไร? ”
ถึงแม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่้าหลอกลวงเทพบุตรของตนเอง แต่ว่านางไม่มีทางเลือกอื่น
หญิงสาวคิดข้ออ้างเอาไว้ั้แ่แรกแล้ว “เมื่อวานนี้ นู๋ปี้นำแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนมาทุบให้แตกทั้งหมด ประสิทธิภาพของสมุนไพรในบ่อน้ำพุร้อนเรียกได้ว่าถึงระดับสูงสุดแล้ว ทว่าเตี้ยนเซี่ยกลับฟื้นตัวไม่ได้ เดิมทีเมื่ออาการของเตี้ยนเซี่ยกำเริบ ครั้นแช่ยาสมุนไพรไปแล้วอาการก็จะเบาลงอย่างรวดเร็ว ทว่าสถานการณ์ของเมื่อวานนี้เตี้ยนเซี่ยก็คงจะทราบดี สถานการณ์ของเมื่อวานเรียกได้ว่าเป็เพียงเพราะโชคดีเท่านั้น โรคของเตี้ยนเซี่ยทรงมีการเปลี่ยนแปลง โปรดเรียกไท่อีให้มารักษาโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นหากอาการกำเริบอีกครั้งผลลัพธ์จะอันตรายจนยากจะนึกถึง! ”
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าข้ออ้างของตนเองนั้นนับได้ว่าปราศจากจุดสังเกต การที่โรคของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเปลี่ยนแปลงไปนั้นเป็เื่จริง แม้ว่าไท่อีจะมาแล้ว ก็ไม่สามารถโต้แย้งนางได้ นับประสาอะไรกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย?
อย่างไรก็ตามจวินจิ่วเฉินได้ถามกลับ “เมื่อคืนนี้เปิ่นหวางโอบกอดสิ่งใดไว้? หากว่าเปิ่นหวางจำไม่ผิด น่าจะเป็ของสิ่งนั้นที่ช่วยเปิ่นหวางในการขับไล่ความเย็นใช่หรือไม่? ”
เขานำดวงดาวก้อนผลึกหยกขาวที่ส่องแสงแพรวพราวบนฝ่ามือ ฝังไว้บนผนังแล้วหันกลับมา สายตาเ็าบังคับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกูเฟยเยี่ยนราวกับว่า้าจะมองทะลุไปให้ถึงความคิดของนางทั้งหมด
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างยิ่งจนควบคุมสีหน้าไม่อยู่ เปิดเผยถึงความตะลึงออกมา
ไม่นึกเลยว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงจำเื่นี้ได้!
จวินจิ่วเฉินจับความตกตะลึงและสีหน้าลนลานเล็กน้อยของกูเฟยเยี่ยนได้ในทันที เขาเริ่มมั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้น เมื่อวานนี้สาเหตุที่เขาฟื้นตัวดีขึ้นไม่ได้เป็เพราะแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนอย่างแน่นอน
ในความทรงจำของเขาก็มีเพียงแค่สิ่งที่กูเฟยเยี่ยนอธิบายออกมาเท่านั้น เหตุการณ์่หลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาล้วนจำไม่ได้แล้ว แต่เขามีความรู้สึกว่าได้โอบกอดสิ่งเล็กๆ สิ่งหนึ่งที่มีความอบอุ่นเป็อย่างยิ่ง สิ่งของชิ้นเล็กนั้นเหมือนจะขับความหนาวเย็นภายในร่างกายของเขาออกไป และมันไม่ใช่แร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนด้วย
จวินจิ่วเฉินไม่ได้กล่าวอะไรมาอีก เขามองไปที่ดวงตาของกูเฟยเยี่ยนรอคอยให้นางตอบ สายตาอันเ็าดูเหมือนว่าจะสามารถมองทะลุจิตใจผู้คน
กูเฟยเยี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงได้หลบหลีกสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้จวินจิ่วเฉินมั่นใจในการคาดเดาของตนเองอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนมาแข็งกระด้างขึ้น “มันคืออะไร? ”
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่มอง นางก็รับรู้ได้ถึงความกดดันอันมหาศาล นางก้มหน้าก้มตาตอบกลับ “นู๋ปี้…นู๋ปี้ไม่กล้าพูด”
จวินจิ่วเฉินเกิดความสงสัย นางพบเจอความลับของตัวเขาเองแล้ว ยังกล้ากล่าวด้วยคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไหนจะเร่งรัดให้เขาไปพบแพทย์อีก ตกลงแล้วนางใช้ของสิ่งใดกันจึงไม่กล้าเอ่ยออกมา?
เขาเจตนาโน้มกายลงมามองนางพลางเอ่ยอย่างเ็า “แพทย์หญิงกู เ้าอย่าให้เปิ่นหวางได้ถามอีกเป็ครั้งที่สาม! ”
กูเฟยเยี่ยนหลบหลีกสายตาของเขา ต่อจากนั้น “ตุบ” จึงได้คุกเข่าลง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดอภัย! เมื่อคืนนี้สิ่งที่เตี้ยนเซี่ยโอบกอดไม่ใช่สิ่งของสิ่งใดแต่เป็…เป็…เป็นู๋ปี้! ”
อะไรนะ? !
ใบหน้าเ็าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดของจวินจิ่วเฉิน ปรากฏถึงสีหน้าตกตะลึงที่ไม่เคยมีมาก่อน!
กูเฟยเยี่ยนเกรงกลัวว่าเขาจะสงสัยจึงรีบร้อนเอ่ยขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ยโปรดอภัย! นู๋ปี้ลงไปในน้ำเพียงเพื่อค้นหาแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยน ในขณะที่นู๋ปี้นำแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนมามอบให้เตี้ยนเซี่ย เตี้ยนเซี่ย…เตี้ยนเซี่ยก็…”
เห็นได้ชัดว่า ความหวาดผวาของกูเฟยเยี่ยนมีมากกว่าความเขินอาย แต่ว่าเมื่อเอ่ยออกมาใบหน้าก็ควบคุมอาการไม่อยู่ เกิดอาการแดงขึ้นมา ใบหูยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
“เตี้ยนเซี่ยก็…”
กูเฟยเยี่ยนไม่สามารถเอ่ยออกมาได้จริงๆ จึงรีบร้อนเอ่ยแค่ว่า “หลังจากนั้นเตี้ยนเซี่ยก็โอบกอดมือทั้งสองข้างของนู๋ปี้ไว้แน่น นู๋ปี้…นู๋ปี้สามารถช่วยให้พระองค์ซึมซับความอบอุ่นขับไล่ความหนาวเย็นไปได้ นับว่าเป็เกียรติอย่างยิ่ง นู๋ปี้ไม่กล้าคิดจาบจ้วงอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่กล้ามีใจละลาบละล้วงด้วย เตี้ยนเซี่ยโปรดมองไปที่ความดีของนู๋ปี้ที่ช่วยเตี้ยนเซี่ยขับไล่ความหนาวเย็น ละเว้นโทษนู๋ปี้ในครั้งนี้ด้วยเถอะเพคะ! นู๋ปี้รับประกันว่าจะควบคุมปากไว้ให้ดี และจะไม่เปิดเผยความลับเื่นี้ต่อผู้ใดเลยแม่แต่นิดเดียวอย่างแน่นอน! ”
เมื่อกูเฟยเยี่ยนเอ่ยประโยคนี้จบก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกแล้ว การเผชิญหน้ากับชายผู้นี้ยิ่งพูดเยอะยิ่งผิดเยอะ
นางก็ไม่แน่ใจว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงเชื่อตนเองมากเพียงใดกัน ไม่ว่าเขาจะกำลังจับจ้องตรวจสอบตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนหรือไม่ นางล้วนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ใจของนางเต้นตึกตักตึกตักรุนแรง!
จวินจิ่วเฉินขมวดคิ้วเป็ปมแน่น เขากำลังพยายามคิดย้อนกลับไป
เมื่อกูเฟยเยี่ยนพูดออกมาเช่นนี้เขานั้นจึงรู้สึกนึกได้จริงๆ ในตอนแรกที่เขาดึงหญิงสาวผู้นี้เข้ามาในอ้อมอกเพราะ้าที่จะสังหารนาง แล้วหลังจากนั้น…
เขารำลึกถึงความทรงจำเป็เวลานาน ดูเหมือนว่าจะมีภาพนี้อยู่บ้างแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มี
เขาไม่เชื่อทั้งหมดแล้วนิ่งเงียบ
ห้องโถงที่เงียบสนิทมาั้แ่แรกอยู่แล้วดูเหมือนว่าจะยิ่งเงียบเข้าไปอีก มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และแสงจากดวงดาวที่สว่างแพรวพราวเปล่งแสงระยิบระยับ
ยิ่งรอมากเพียงใดก็ยิ่งเงียบมากเพียงนั้น ยิ่งรอ ใจของกูเฟยเยี่ยนก็ยิ่งลนลาน นางกลัวว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงนึกขึ้นได้ถึงหวางเป่าติงของนาง
ไม่ใช่ว่าความแข็งเเกร่งทางด้านจิตใจของนางไม่เพียงพอ แต่เป็เพราะมาดของจวินจิ่วเฉินมีมากเกินไป เพียงแค่เขายืนอยู่เฉยๆโดยไร้ซึ่งความโกรธและการข่มขู่ คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจทนได้อย่างสิ้นเชิง กูเฟยเยี่ยนสามารถพูดปดออกมาได้นับว่าไม่เลวแล้ว
ในที่สุด กูเฟยเยี่ยนก็อดทนต่อไม่ไหวริเริ่มเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย
“เตี้ยนเซี่ย แร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนเป็สมุนไพรขับไล่ความหนาวเย็นขั้นสูงแล้ว ไม่ว่าจะเป็สมุนไพรใดก็ตามล้วนไม่อาจเทียบเท่าประสิทธิภาพของมันได้ นู๋ปี้ไม่เข้าใจโรคความหนาวเหน็บนี้อย่างลึกซึ้ง แต่ว่าหากนู๋ปี้ไม่ได้วิเคราะห์ผิด ใบสั่งยาฉบับใหม่จำเป็ต้องตามหาแร่ศิลาโอสถชนิดอื่นมาประกอบกับแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยน ในขณะเดียวกัน การใช้แค่ศิลาโอสถสองชนิดจำเป็ต้องมีเชื้อกระตุ้นยา”
กูเฟยเยี่ยนรอคอยชั่วครู่เมื่อเห็นว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ขัดจังหวะนางจึงได้พูดต่อ “นู๋ปี้ค่อนข้างมีความสามารถในการวิจัยเกี่ยวกับศิลาโอสถขับไล่ความหนาวเย็น เต็มใจร่วมมือกับไท่อีแสวงหาวิธีการรักษาที่ดีสำหรับเตี้ยนเซี่ย ถือได้ว่า…ถือได้ว่าเป็การทำความดีชดเชยความผิด! ไม่ว่าจะเป็แร่ศิลาโอสถหรือจะเป็เชื้อกระตุ้นยา ต่างก็เป็สิ่งที่ไม่ได้หาได้ง่าย หวังว่าเตี้ยนเซี่ยจะพิจารณาอย่างรอบคอบ รักษาอย่างเร็วที่สุด อีกทั้งตามหาสมุนไพรด้วย! ”