เฉินเนี้ยนหรานเดินอยู่ในสวนดอกไม้ ถึงแม้คนในเรือนนี้จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของนางอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้พบเห็นก็ยังคงสร้างความฮือฮาได้อยู่เสมอ
“ช่างงดงามจริงๆ เสน่ห์หรือก็ช่างเย้ายวนนัก"
"จะไม่งามได้อย่างไรกัน ดวงตาคู่นั้นแค่มองก็เหมือนกับจะถูกดูดิญญาออกไปแล้ว ไหนจะเรือนร่างนั้นอีก คนมากมายในเรือนของพวกเราก็ยังหาเยี่ยงนางไม่ได้เลย"
"ครั้งนี้หาหญิงอุ่นเตียงให้กับคุณชายห้าได้งามขนาดนี้ เจตนาของนายท่านชัดเจนมากเลยนะ”
“ต่อให้งามเพียงใดแล้วอย่างไร? นางไม่มีทางได้เข้าไปในเรือนของคุณชายห้าเหมือนกับคนอื่นๆ หรอก ไม่เชื่อเ้าก็รอดูแล้วกัน คุณชายห้าของพวกเราเป็คนสนใจแค่ร่ำเรียนและฝึกวิชา ถ้าจะมาหยุดที่สตรี เช่นนี้ก็ช่างประหลาดเกินไปแล้ว"
……
เฉินเนี้ยนหรานได้ยินคำพูดซุบซิบนินทาพวกนี้ คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอข้ามมิติมาได้สิบวันแล้ว พอจะเข้าใจเื่ราวเกี่ยวกับตัวเองอยู่พอสมควร
ร่างนี้มีชื่อเดียวกันกับเธอในชาติก่อน จะต่างกันก็เพียงหน้าตา ตัวเธอแต่ก่อนหน้าตาแค่พอไปวัดไปวาได้ แต่เ้าของร่างนี้กลับเป็หญิงสาวที่งดงามเป็ที่สุด
หญิงงามชีวิตจะอาภัพ คำพูดนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็มีอยู่จริง และนางผู้ที่อยู่ในยุคสมัยที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อยุคนี้ คำว่าหญิงงามชีวิตจะอาภัพก็ยิ่งเป็ความจริงมากที่สุด
อายุได้สิบสามปีก็ถูกคนในจวนสกุลโจวซื้อกลับมาเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ไม่เคยทำงานลำบาก
แต่เมื่อสิบวันก่อน กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าจะส่งไปเป็สาวใช้อุ่นเตียงในเรือนของคุณชายห้าสกุลโจว
หญิงอุ่นเตียงหมายความว่าอย่างไร แม่นมของจวนโจวก็บอกนางมาก่อนแล้ว
นั่นก็คือให้เข้าไปทำความคุ้นเคยกับคุณชายก่อน แล้วค่อยชักจูงให้คุณชายกลายเป็ชายเต็มตัวให้สำเร็จ คนสกุลโจวก็จะไม่เสียแรงที่ชุบเลี้ยงนางมาก แต่ในฐานะอื่นนั้น นางไม่จำเป็ต้องไปคิดแล้ว
ั้แ่โบราณกาลมาเื่หาสาวใช้ข้างห้อง [1] ให้คุณชายนั้นไม่ใช่เื่ลับอะไร
เพียงแต่คนปกติหลังจากหาสาวใช้ข้างห้องได้ มีทั้งเก็บหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ข้างกายคุณชายตลอดชีวิต
มีทั้งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เช่นเฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้ จุดจบของนางคงจะถูกขับไล่ออกนอกจวน
เพราะฐานะของนาง แม้แต่สาวใช้ข้างห้องก็ยังไม่ยอมยกให้ ให้เพียงแค่ฐานะ “หญิงอุ่นเตียง” เท่านั้น
เฉินเนี้ยนหรานพอคิดว่าร่างกายของตนเองอายุเพิ่งจะสิบสี่ปี จะต้องไปรับผิดชอบคุณชายอายุสิบห้าที่ไม่เข้าใจอะไรเลย…ภายในใจก็รู้สึกกังวล
อายุสิบสี่ หากไปอยู่ในยุคปัจจุบัน นับว่ายังเป็เพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น พอมาอยู่ที่นี่ ในวัยสิบสี่มีทั้งกลายเป็มารดา หรือเช่นนางที่โตขนาดนี้แล้วถึงได้ถูกเลือกให้มาเป็หญิงอุ่นเตียง หากจะกล่าวไปแล้ว คุณชายห้าสกุลโจวก็เป็อีกประเภท
จากที่เขาว่ากัน คุณชายห้าสกุลโจวคนนี้ไม่เคยสนใจสตรี สนใจเพียงธุรกิจ ร่ำเรียนและการฝึกวิชาเท่านั้น
จนบัดนี้ แม่เฒ่าแซ่โจวได้ส่งหญิงอุ่นเตียงมากมายไปที่เรือนของเขา แต่ไม่มีผู้ใดที่สามารถชักนำให้คุณชายกลายเป็ชายเต็มตัวได้ เหล่าสตรีที่ทำไม่สำเร็จต่างถูกขายทิ้งไปจนหมด จากที่ได้ยินมาพวกนางยังถูกขายไปยังหอโคมเขียวอีกด้วย
ครั้งนี้ สมบัติก้นหีบอย่างเฉินเนี้ยนหรานจึงถูกส่งเข้าไปในเรือนของคุณชายห้า ถ้านางยังทำไม่สำเร็จ แม่เฒ่าแซ่โจวได้พูดเอาไว้แล้วว่า หากไม่สำเร็จเช่นนั้นจะส่งไปขายที่หอโคมเขียวเช่นกัน ที่จวนจะไม่รับเลี้ยงเหล่าสตรีที่ไม่มีประโยชน์ เลี้ยงดูอย่างดีมาหลายปี แต่สุดท้ายงานก็ทำได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ต้องขายออกไปแน่นอนอยู่แล้ว
เวลาได้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน เวลาที่เหลือที่แม่เฒ่าแซ่โจวให้เฉินเนี้ยนหรานเป็หญิงอุ่นเตียง มีเพียงสิบสองวันเท่านั้น
แต่สิบวันมานี้ คุณชายห้าไม่แม้แต่ชายตามองมาที่นางตรงๆ เลย เพราะแบบนี้แรงกดดันของเธอจึงมีสูงมาก
จากตอนแรกกลัวการต้องไปอุ่นเตียงเป็ที่สุด เธอในตอนนี้เปลี่ยนมาคิดว่าจะทำอย่างไรถึงสามารถยั่วยวนคุณชายห้าได้
มารดาเอ๋ย เธอเป็เพียงนักเรียนเพิ่งจบจากมหาลัยของยุคปัจจุบัน เดิมรอให้รับปริญญาก่อนถึงค่อยคิดเื่การมีความรัก ซึ่งพอดีกับตอนนี้ เธอเพิ่งจะรับปริญญาเสร็จก็ข้ามมิติมาเลย
ข้ามมิติมาก็เป็เื่ที่ดี แต่ทำไมข้ามมิติมาแล้วจะต้องมาเป็หญิงอุ่นเตียงด้วย ชาติที่แล้วเธอเรียนมหาวิทยาลัยการเกษตรมา มีความใฝ่ฝันอยากจะเปิดฟาร์มเพาะปลูกแบบเกษตรดั้งเดิมในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษมาตลอด
ในตอนนี้ฟาร์มเพาะปลูกก็ไม่ได้เปิด แต่กลับถูกส่งให้มาเปิดบริสุทธิ์ผู้ชาย!
“ฮูหยินเฒ่าพูดแล้วว่า ในวันเกิดของคุณชายห้า หากเ้ายังทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนแล้ว” แม่นมโจวพูดจบอย่างเ็าแล้วก็ยกมือขึ้น มองเหยียดหยามเป็ความหมายว่าเ้าไสหัวไปได้เลย
เฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้สนใจสายตาของแม่นมเสียที่ไหน เธอฟังออกเพียงประโยคเดียวก็คือ วันเกิดของคุณชายห้าเหลืออีกแค่ห้าวัน หากเธอทำไม่ได้ก่อนวันเกิดของเขา ตัวเธอก็จะถูกขาย
ใจของเฉินเนี้ยนหรานเย็นวาบ สถานการณ์เช่นนี้ จะอย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน
ภายในเรือน คุณชายห้าที่อยู่ในชุดสีขาวกำลังฝึกกระบี่ แต่ละกระบวนท่าเต็มไปด้วยพลัง
ถึงแม้การกระทำจะช้ามาก แต่สามารถมองออกได้เลยว่าทุกดาบที่ได้ฟันออกไป จะมีเสียงลมดังขึ้นมา
ชายหนุ่มใช้ท่าทางการร่ายรำดาบเพียงท่าทางเดียวในแต่ละครั้งที่ฝึก มองออกเลยว่าเขาไม่พอใจ ในบางครั้ง หนึ่งกระบวนท่าจะทำท่าทางอยู่นานถึงจะขยับทำท่าทางต่อไป
“ไสหัวออกไป”
ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานกำลังเหม่อลอยนั้น คุณชายคนนั้นก็พูดออกมา พร้อมปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธออย่างกะทันหัน ปลายกระบี่แหลมยกขึ้นมาเชยคางเธอ แสงอาทิตย์สะท้อนที่ปลายกระบี่ยิ่งเพิ่มจิตสังหารให้ดุร้ายมากยิ่งขึ้น
เฉินเนี้ยนหรานใจนหน้าซีด ยืนค้างเติ่งอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เธอลืมเื่สำคัญขนาดนี้ไปได้อย่างไร ตอนที่คุณชายห้าฝึกวิชาจะไม่อนุญาตให้มีคนเข้ามาในสวนดอกไม้นี้ แต่วันนี้ด้วยความที่เธอใจลอยขาดสติ ถึงได้บุกเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ
มองั์ตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เฉินเนี้ยนหรานกัดริมฝีปากแน่น เหงื่อเย็นค่อยๆ ผุดซึมออกมา
แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความซื่อตรง “คุณชายห้าเ้าคะ ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ เสี่ยวหรานไม่ได้ตั้งใจที่จะบุกเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้เ้าค่ะ”
เธอยังไม่ชินที่จะเรียกตนเองว่าบ่าว จึงแทนตัวเองว่าเสี่ยวหราน
โจวอ้าวเสวียนขมวดคิ้ว ตอนนั้นเองเขาถึงได้มีเวลามาพิจารณาสตรีที่อยู่ตรงหน้า
อายุสิบสาม สิบสี่ เครื่องหน้าทั้งห้าสวยงามโดดเด่น ั์ตาสองข้างงดงามสดใสราวกับมันสามารถเอ่ยปากพูดได้อย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะริมฝีปากแดงฉ่ำจนทำให้คนคิดไปถึงผลอิงเถาสีแดงสุก
สายตาเลื่อนลงมาจากคางของนางลงไป ลำคอขาวยาวระหงราวกับแจกัน ยังมีทรวงอกนูนออกมา…สีั์ตาของโจวอ้าวเสวียนค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ มุมปากแสยะยิ้มเย็น “ไสหัวไป!”
รอยยิ้มนี้ของเขา เฉินเนี้ยนหรานเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ มันคือการเย้ยหยันที่เธอไม่รู้จักประมาณตน พยายามใช้วิธีต่ำทรามมายั่วยวนเขา
เธอหมุนตัวเดินกลับไปได้สองก้าว ก่อนที่เฉินเนี้ยนหรานจะหมุนตัวกลับมาจ้องแผ่นหลังนั้นนิ่ง
โจวอ้าวเสวียนเลิกคิ้วหมุนตัวกลับมา บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ประดับอยู่ แต่คนที่เข้าใจเขาต่างรู้ว่า ขอเพียงเขายิ้มแบบนี้ออกมา นั่นก็คือเวลาตายของคนคนนั้นได้มาถึงแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้จะบอกว่าไม่กลัวก็เป็ไปไม่ได้ เพียงแต่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เธอก็ขอลองพนันดูสักตั้ง
“ข้ารู้ความสามารถเยี่ยงท่าน หากได้บวกรวมกับยุทธวิธี ฝึกตนสักชุดคงจะยิ่งก้าวหน้าไปอีก”
เธอพูดประโยคนี้ออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง สายตาจ้องไปที่ชายตรงหน้านิ่ง เธอในตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว
ชายตรงหน้าทำเพียงแค่มองเธอเงียบๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่ หรือว่าไม่ได้ยิน
สองคนมองตากันไปแบบนั้น ใบไม้บนต้นไม้พริวไสวไปตามลม ตอนนี้เสียงใบไม้ร่วงหล่นลงบนพื้นก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน สายลมพัดผ่านข้างแก้มไป เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกถึงเพียงความเยือกเย็นที่เข้มข้นขึ้น
ในตอนที่เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะล้มลงแล้ว ในที่สุดชายหนุ่มตรงหน้าก็เอ่ยปาก “บอกเงื่อนไขมา!”
“เอาร่างกายของท่าน…ให้กับข้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าโจวอ้าวเสวียนค่อยๆ เลือนหายไป ดวงตาคู่นั้นเข้มขึ้นมาก่อน ต่อมาค่อยมองเธออย่างพิจารณา ก่อนจะกลับไปลึกล้ำยากคาดเดาราวกับสายน้ำ….
เขาที่เป็แบบนี้ทำให้เท้าของเฉินเนี้ยนหรานอ่อนแรง
แน่นอน เธอรู้ว่าคำพูดประโยคนี้ของตัวเองหมายความว่าอย่างไร แต่ในเวลานี้จะไม่พูดก็คงไม่ได้
“ให้ข้าเป็สาวใช้ข้างห้องของท่าน หลังจากผ่านวันเกิดของคุณชายห้าไปแล้ว ฮูหยินเฒ่าจะส่งข้าออกไป!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาบีบบังคับของชายหนุ่มตรงหน้า เธอก็อดที่จะอธิบายเพิ่มเติมไม่ได้ อย่างไรการพูดว่า้าร่างกายของเขา เป็ใครก็ต่างเข้าใจผิดได้ง่าย เป็เธอที่อยากจะนอนกับเขา!
“เ้าอยากออกไปจากที่นี่?”
“หา?” ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ทำไมถึงไม่สนใจปัญหาว่าจะมานอนกับเขาหรือไม่ แต่กลับมาใส่ใจเื่เธออยากจะออกไปหรือไม่แทน เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้ว แต่ก็ยังพยักหน้าตอบกลับไปอย่างซื่อสัตย์ “เ้าค่ะ ข้าอยากออกไป”
คิ้วของโจวอ้าวเสวียนยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม “ได้ คืนนี้มาที่ห้องของข้า!”
คืนวันนั้น แม่เฒ่าสกุลเฉินได้รับข่าวว่า คุณชายห้าได้เรียกหญิงอุ่นเตียงคนใหม่คนนั้นไปที่ห้องแล้ว
จากคนที่เฝ้าห้องบอกว่า คืนนั้นมีเสียงแบบนั้นดังออกมา
เหมือนจะดังอยู่อย่างนั้นทั้งคืนไม่ยอมหยุด
เช้าตรู่วันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่านั่งไม่ติดอยู่ภายในห้อง
นางทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น มารดาของคุณชายห้าหลังจากคลอดเขาออกมาก็ได้ลาจากโลกนี้ไป เพราะเช่นนี้ ลูกชายของนางจึงไม่ค่อยปรารถนาจะดูแลหลานคนนี้สักเท่าไร ทั้งยังแต่งอนุเข้ามาอีกหลายคน เื่นี้ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงทำได้เพียงดูแลโจวอ้าวเสวียนมากขึ้นสักหน่อย
ภายนอกโจวอ้าวเสวียนดูเป็คุณชายที่สดใส แต่ความจริงแล้วมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่รู้
หากไม่ใช่ตัวนางได้ต่อรองกับลูกชายไว้ เกรงว่าโจวอ้าวเสวียนคง…
พอคิดเื่พวกนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็หลับตาลงกำหมัดแน่น ไม่ว่าอย่างไร โจวอ้าวเสวียนเป็หลานชายที่นางจะต้องปกป้องเอาไว้ให้ถึงที่สุด เื่อื่นนางไม่ยุ่ง และยุ่งไม่ได้ด้วย
แต่สิ่งที่ควรจะให้เขา เธอไม่ควรให้ขาดเลยแม้แต่อย่างเดียว
“ฮูหยิน บ่าวได้ส่งคนไปสอบถามมาแล้วเ้าค่ะ ได้ความว่าคุณชายห้ากับสาวใช้นั่นเพิ่งจะตื่น ดูจากท่าทางการเดินสาวใช้คนนั้นแล้ว เหมือนจะ…ทรมานมาก”
สาวใช้พูดถึงตรงนี้ก็หน้าแดง
เล่าฮูหยินหัวเราะดังลั่น “ไม่เลว ไม่เลว ไม่เสียแรงที่เป็หลานรักของข้า คืนแรกก็ทำเอาเสียเ้าหล่อนลงจากเตียงไม่ไหว ดูแล้วอีกไม่นานเหลนของข้าก็คงจะได้เกิดมาแล้ว”
คำพูดพวกนี้เหล่าสาวใช้ไม่กล้าพูดต่อ แต่ว่าทั้งหมดต่างพากันยืนหน้าแดงก่ำ
ครู่เดียวโจวอ้าวเสวียนก็อาบน้ำแต่งตัวมาหา
เล่าฮูหยินเห็นหลานชายท่าทางสดชื่นแล้วในใจก็ปลื้มอกปลื้มใจเป็มาก
จะต้องรู้ว่าผู้ชายบางคนหลังจากผ่านคืนแรกไป หากร่างกายไม่แข็งแรงล่ะก็จะเหนื่อยจนสีหน้าไม่ดีเลย
จนกระทั่งยังมีบางคนนอนหลับไม่ตื่นไม่ยอมลุกขึ้นมาจากเตียงเลยก็มี โชคดีที่หลานชายของนางไม่ได้เป็แบบนั้น
ถึงแม้จะมองอารมณ์บนใบหน้าของเขาไม่ออก แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับรู้สึกได้ว่า อารมณ์ของเขา…เหมือนจะไม่เลวเลย
พอถูกเล่าฮูหยินยิ้มตาหยีมองมา โจวเสวียนอ้าวก็รู้สึกรำคาญอยู่นิดหน่อย
เขาทักทายแล้วก็ไปนั่งอยู่ด้านข้างตามกฎ
“เด็กดี หลานชาย เมื่อคืนนอนหลับสบายดีนะ!” เล่าฮูหยินถามเปิดทางไป
แต่กลับทำให้แก้มของโจวอ้าวเสวียนแดงระเรื่อ พอคิดถึงเื่เมื่อคืน…ในหัวของเขาก็อดที่จะมีภาพ…. ร่างขาวเนียนราวเส้นไหมปรากฏขึ้นมาไม่ได้
--------------
เชิงอรรถ
[1] สาวใช้ข้างห้อง หรือ หญิงอุ่นเตียง ในสมัยโบราณจะให้สาวใช้ที่มาอุ่นเตียงอาศัยอยู่ข้างห้องของคุณชาย นอกจากหญิงอุ่นเตียงแล้ว จึงถูกเรียกว่าสาวใช้ข้างห้อง