ศพที่กำลังนอนแผ่อยู่ตรงหน้านี้อยู่ในอาการตกตะลึงดวงตาที่เบิกกว้างบ่งบอกว่าตายตาไม่หลับ ใบหน้าซีดเผือด สังขารทั่วร่างตรงทื่อสองมือวางขนาบกันอยู่บนแท่นบูชา นิ้วมือทั้งห้าแห้งเหี่ยวเล็บมือแปรเปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำหลังจากโลหิตหยุดการไหลเวียนมองโดยรวมแล้วน่ากลัวมาก
ผมโบกมือเบาๆ เพื่อนำพากระแสลมปราณให้พัดเอาผ้าขาวที่คลุมอยู่บนร่างของเจียงกุ่ยมาปิดใบหน้าเขาไว้อีกครั้งแล้วเดินออกห่างไปสองก้าว จากนั้นก็พลันนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้จึงรีบหันหน้ากลับไปถามคนที่คอยรับใช้อย่างซื่อสัตย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังมาตลอด“จิ่นเฉิง เ้าส่งคนไปยังเมืองเอกของดินแดนแห่งซากกระดูกแล้วหรือยัง? ”
“ผู้น้อยได้ส่งคนไปเรียบร้อยแล้วขอรับแต่คาดว่าอย่างเร็วที่สุดคงต้องอีกสองวันถึงจะได้กลับมาขอรับ”
สองวันอย่างนั้นหรือ เนื่องจากดินแดนซากกระดูกนั้นนับว่าไม่ได้อยู่ใกล้มากระยะเวลาเท่านี้ก็ถือว่าไม่นานเกินไป ตามที่กู้จิ่นเฉิงบอกเจียงกุ่ยผู้นี้ตายไปอย่างกะทันหันและเมื่อครู่ผมเห็นแล้วว่าบนร่างกายของเขาไม่ได้มีาแชนิดร้ายแรงอะไรเลยจริงๆ เพียงแต่ลมปราณที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายและจิตสำนึกในสมองของเขากลับไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อยภายในศพทั้งร่างนั้นว่างเปล่าและโล่งโปร่ง
ก่อนหน้านี้หวังตัวจวี๋เคยพูดไว้ว่า บนน่านฟ้าเหนือเมืองเอกของดินแดนซากกระดูกนั้นมีบางอย่างผิดแปลกไปสิ่งที่คล้ายกับค่ายกลสีดำทองนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนเร้นไว้เป็แน่บางทีอาจจะเป็สาเหตุทางอ้อมที่ส่งผลต่อการตายอย่างกะทันหันของเจียงกุ่ยก็เป็ได้
ตอนนี้เป็่ปลายฤดูใบไม้ร่วงภูตหิมะแห่งดินแดนเหมันต์จะปรากฏตัวและจัดพิธีเรียงหิมะใน่ต้นฤดูหนาวซึ่งก็คือการทำให้ชั้นน้ำแข็งของดินแดนเหมันต์หนาขึ้นอีกชั้นหนึ่งโดยจะส่งผลให้อุณหภูมิลดลงอย่างมากอีกครั้งนอกจากนี้ยังสามารถเสริมเกราะคุ้มกันของค่ายกลรอบๆอาณาเขตของเผ่าภูตหิมะได้อีกด้วย ค่ายกลก็จะแข็งแกร่งขึ้นพอสมควร และเมื่อเสริมการป้องกันแล้วก็จะเปรียบได้กับการล่องหนด้วยเหตุนี้แม้แต่พลังแห่งการบำเพ็ญเพียรของอวี๋เคอก็ไม่อาจหาเจอ
หากผมไม่ฉวยโอกาสนี้ไปตามหาบัวหิมาลัยสองหัวที่ดินแดนเหมันต์มาให้ซ่งฉียวนเช่นนั้นก็คงต้องรออีกนานกว่าโอกาสจะมาถึงอีกครั้งและสาเหตุที่เผ่าภูตหิมะระวังตัวมากเมื่อถึง่ฤดูหนาวเช่นนี้ก็เพราะฤดูหนาวเป็่ฤดูผสมพันธุ์ของพวกเขา
พลังของเผ่าภูตหิมะใน่ฤดูผสมพันธุ์นั้นไม่คงที่อย่างยิ่งบางเวลาก็อ่อนแอ บางเวลาก็แข็งแกร่งภูตหิมะที่มองหาคู่ครองจะแลกเปลี่ยนบัวหิมาลัยสองหัวในฤดูกาลนี้เพื่อเป็สิ่งหมั้นหมายแทนใจจากนั้นก็จุดจุดจุด ตอนที่เยี่ยวั่งจือพาซ่งฉียวนมาในตอนนั้น รั่วรั่วก็ตกหลุมรักซ่งฉียวนั้แ่แรกพบซ้ำยังทำให้ทุกคนใจนตาถลนโดยการมอบบัวหิมาลัยสองหัวให้แก่เด็กน้อยคนนี้นี่เปรียบได้กับวิธีการรักนวลสงวนตัวไว้เพื่อซ่งฉียวนในแบบของเฉิงเหยา [1] ที่ค่อนข้างจะประโลมโลกไปหน่อยทว่าผลลัพธ์กลับดีอย่างน่าประหลาด จนได้รับคำชมจากเหล่าผู้อ่านชายแท้มากมาย
มหาดินแดนทั้งเก้าของเผ่าปีศาจถูกแยกออกโดยเรียงเป็รูปเสี้ยววงแหวนที่รายล้อมอยู่รอบพระราชวังปีศาจของอวี๋เคอโดยดินแดนซากกระดูกเป็แดนปีศาจที่อยู่ใกล้กับดินแดนเหมันต์ที่สุดอย่างประจวบเหมาะซึ่งหมายความว่าผมสามารถใช้เหตุผลในการเดินทางไปตรวจสอบดินแดนซากกระดูกไปตามหาบัวหิมาลัยสองหัวที่ดินแดนเหมันต์ให้ซ่งฉียวนได้นอกจากนี้ยังสามารถพาซ่งฉียวนไปรักษาตัวโดยเลี่ยง “การเฝ้าระวัง”ของกู้จิ่นเฉิงได้อีกด้วย
จุ๊จุ๊จุ๊ นี่ผมจะฉลาดเกินไปแล้ว
ผมหันกลับไปมองยังกู้จิ่นเฉิงแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเขายังไม่กลับมาเช่นนั้นข้าผู้นี้ก็จะไปด้วยตนเองแล้วกัน” เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ผมก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปเล็กน้อยเพราะอวี๋เคอไม่ชอบเดินทางลำพังมาโดยตลอด พอผมพูดแบบนี้ออกไปจึงดูแปลกๆ หลังจากกลืนน้ำลายลงคอผมก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มแล้วพูดว่า “ซ้ำข้าผู้นี้ก็ไม่ได้ออกทะเวนนานแล้วครั้งนี้ก็พานายน้อยตระกูลโม่นั่นไปด้วยแล้วกัน ระหว่างทางจะได้ไม่น่าเบื่อ”
คำพูดเป็วรรคเป็เวรนี้ของผมค่อนข้างขัดกันกับประโยคก่อนหน้าแต่ความหมายโดยรวมยังคงพอสามารถสื่อออกมาได้อยู่คือข้าเบื่อที่จะอยู่ในวังปีศาจแล้วและอยากจะใช้โอกาสการสืบสวนนี้ออกไปกินดื่มเที่ยวเล่น [2] นี่ดูเป็อวี๋เคอพอแล้วหรือยัง?
ข้าราชบริพารอย่างกู้จิ่นเฉิงผู้นี้ขมวดคิ้วเป็อันดับแรกจากนั้นสีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง และดูเปลี่ยนเป็จนปัญญาในที่สุด “นายท่านท่านคิดจะนำกิจที่วังปีศาจโยนให้ผู้น้อยอีกแล้วหรือขอรับ? ”
ผมกำลังจะแก้ตัวเป็นัยอยู่สองสามคำทว่ากลับได้ยินเขาพูดต่อว่า“เช่นนั้นผู้น้อยจะให้คนผู้นั้นอยู่ที่แดนซากกระดูกอีกสักสองสามวันเมื่อเตรียมทุกอย่างให้ท่านจนเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยกลับมาแล้วกันขอรับ”
โถ กู้จิ่นเฉิงนี่ช่างใส่ใจดีจริงๆ
“เช่นนั้นข้าผู้นี้จะไปตามหาอาจิ่วก่อนเ้าก็สั่งให้เด็กหนุ่มตระกูลโม่เตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางวันพรุ่ง”
หลังจากตัดสินใจแก้ปัญหาอันแสนเข็ญมากมายขนาดนี้ลงไปแล้วอารมณ์ของผมก็ไม่เคยดีแบบนี้มาก่อน จนเกือบจะฮัมเพลงออกไปโชคดีที่สติเอาชนะความตื่นเต้นได้ จึงสามารถรักษาท่าทางอันแสนเ็าจนเดินออกจาก“ห้องเก็บศพ” ที่เต็มไปด้วยความหดหู่ได้
——————
“ค่ายกลสลายไปแล้วหรือยัง? ”
“เรียนนายท่านสลายไปจนสิ้นแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดี เ้าลงไปเถอะ”กู้จิ่นเฉิงมองศพของเจียงกุ่ยที่ถูกผ้าขาวคลุมดวงตาเอาไว้ แล้วยิ้มบางๆก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “โทษชีวิตที่ไม่ดีของตัวเ้าเองเถอะ”
......
เชิงอรรถ
[1] เฉิงเหยา คือนักเขียนและโปรดิวเซอร์ชาวไต้หวันซึ่งมักถูกมองว่าเป็นักประพันธ์โรแมนติกที่พูดภาษาจีนที่โด่งดังที่สุดในโลก
[2] กินดื่มเที่ยวเล่น หมายถึงกินอาหาร ดื่มสุรา เที่ยวจีบผู้หญิง และเล่นการพนันแปลโดยรวมหมายถึงสิ่งบันเทิงเริงใจ