บทที่ 62 ความวุ่นวายในลานตะวันตก
โถงด้านในของเซียนเยว่ซวน กลิ่นยาอบอวลฉุนกึก หมอกควันยังคงล่องลอยอยู่ตามบรรยากาศ และมีกลิ่นหอมจางๆ โชยตามออกมา
แต่ในห้องโถง มีร่างหนึ่งที่แผ่รังสีกลิ่นกายอันตรายออกมาอย่างดุเดือด เป็ผลให้สมุนไพรและดอกไม้นานาพันธุ์สั่นไหวด้วยความกลัว
“น้องชาย แม้ว่าอาการาเ็ของเสี่ยวถงจะดูสาหัส แต่มีข้าดูแล เชื่อว่านางจะหายดีในเร็ววัน อย่ากังวลไปเลย” ผู้เฒ่าเหยาบอกให้สาวใช้ดูแลเสี่ยวถงพลางปลอบใจฉู่อวิ๋น
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวถงที่กินอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องด้านหลังเพื่อชำระร่างกายและรับการรักษา
เมื่อมองดูเสี่ยวถงค่อยๆ หลับไปด้วยสีหน้าสงบ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "ขอบคุณผู้เฒ่าเหยามาก แต่ข้ามีเื่ขอร้อง ข้าหวังว่าท่านจะช่วยดูแลเสี่ยวถงไว้ชั่วคราว ข้าอาจจะ... ระหว่างการเดินทาง ข้าอาจจะกลับมาไม่ได้อีก... !”
“อ้อใช่ สำหรับค่าใช้จ่ายของเสี่ยวถง นี่คือหินิญญาหนึ่งร้อยก้อน เทียบเท่ากับหนึ่งแสนเหรียญทอง เป็เงินเกือบทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว ถ้าผู้เฒ่าเหยาคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ ข้าก็มีตำราวิชายุทธ์อีกสองเล่ม คัมภีร์..."
“นี่นี่นี่ น้องชาย ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าผู้เฒ่าดูเป็คนใจแคบขนาดนั้นเลยหรือ?” ผู้เฒ่าเหยาขัดจังหวะคำพูดของฉู่อวิ๋น ถอนหายใจแล้วพูดว่า "ข้ารู้ว่าหยุดยั้งเ้าไม่ได้ แต่เื่การดูแลเสี่ยวถง ข้าผู้เฒ่ายังสามารถช่วยเ้าได้อยู่”
“ข้าเพิ่งตรวจดูร่างกายของเสี่ยวถง พบว่านางเหมาะมากที่จะเป็นักปรุงยา เ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะดูแลนางอย่างดี คิดเสียว่าเป็การดูแลนางในฐานะศิษย์คนเล็ก สำหรับหินิญญาพวกนั้น เ้าเก็บไว้เถอะ”
“นี่...” ฉู่อวิ๋นนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง เขายกมือขึ้นประสานแล้วพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าคนนี้เคารพไม่สู้เชื่อฟังแล้ว! ขอบคุณผู้เฒ่าเหยา!"
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและออกจากเซียนเยว่ซวนไปโดยไม่ลังเล
กระบี่ส่งเสียงกรีดร้อง โลหิตหลั่งร้อนเดือดพล่าน หากไม่สังหารลานตะวันตก ก็ยากที่จะระบายความเกลียดชังในใจของฉู่อวิ๋น!
ไม่ว่าจะเป็เื่ของฉู่ซินเหยาหรือเื่ของเสี่ยวถง ฉู่อวิ๋นล้วน้าคำอธิบาย มีเพียงเืเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างสงบลงได้!
“เฮ้อ เมืองไป๋หยางกำลังจะวุ่นวายแล้ว!” มู่หรงซินถอนหายใจและตามออกไป
ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเหยากลับเรียกมู่หรงซินไว้แล้วพูดว่า "คุณหนูมู่หรง หากเขาบ้าไปแล้ว เ้าต้องหยุดเขาให้ได้! ข้าคิดว่ากระบี่ในมือของเขาไม่ธรรมดา เกรงว่ามันจะทำให้เกิดพายุนองเื”
“อืม... ข้าจะพยายามเ้าค่ะ!” มู่หรงซินกัดริมฝีปากสีแดงสดของนางแน่น ใบหน้างามดำคล้ำ นางไม่คิดว่าตนจะสามารถหยุดฉู่อวิ๋นได้ ผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งเสียจนแม้แต่ชีวิตก็เอาไปเสี่ยงได้ด้วยซ้ำ
จากนั้น นางก็รีบออกจากเซียนเยว่ซวน แต่เมื่อไปถึงประตู นางก็ไม่เห็นฉู่อวิ๋นอีก
“ความเร็วของเขา…เร็วมาก!”
บนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์กำลังแผดเผา แสงแดดอันแรงกล้าสะท้อนลงบนพื้นโลก ทำให้เกิดคลื่นความร้อนรุนแรง
ลานจัตุรัสตะวันตกของตระกูลฉู่เต็มไปด้วยผู้คน สมาชิกตระกูลส่วนใหญ่หลบมุมซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้เพื่อเพลิดเพลินกับอากาศที่เย็นสบาย
หลังจากการประลองเซี่ยหยางจบลง พวกเขาก็ได้มีวันพักผ่อนที่ไม่ค่อยได้มีนัก ในที่สุด พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลกับการฝึกซ้อมสำหรับการประลองอีกต่อไป จึงมีความสุขและเป็อิสระอย่างหาได้ยาก
ในขณะเดียวกัน ยามสองคนที่เฝ้าประตูเปิดปากหาววอด เอนตัวพิงประตูทั้งสองข้างอย่างเกียจคร้าน
ทันใดนั้น ยามคนหนึ่งสังเกตเห็นร่างๆ หนึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา เขาหรี่ตา พยายามจะมองร่างนั้นให้ชัดเจน
แต่เมื่อเห็นชัดแล้ว เขาก็ใและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "นั่น... ฉู่อวิ๋นใช่หรือไม่!? ข้าจะรายงานให้ผู้าุโทราบ! เ้ามาป้อง..."
"ควั่บ-"
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ครู่ต่อมา แสงกระบี่สองดวงก็สว่างวาบ ยามทั้งสองอาบไปด้วยเืทันทีในเวลาเพียงห้าก้าวเดิน มีเครื่องหมายกระบี่ลึกบุ๋มปรากฏขึ้นบนท้องของพวกเขา ทั้งสองล้มลงกับพื้น ได้รับาเ็สาหัสและไม่สามารถตอบสนองได้อีก
ในลานจตุรัสที่ดวงตะวันกำลังส่องแสง ฉู่อวิ๋นมีสีหน้าถมึงทึง ลากกระบี่เล่มยาวมาด้วยมือเดียวแล้วเดินไปข้างหน้า ทำให้สมาชิกตระกูลทั้งหมดใ พวกเขาทั้งหมดได้ชมการประลองเซี่ยหยางมาแล้ว ย่อมรู้ดีถึงความเก่งกาจของฉู่อวิ๋น
“ฉู่ฉี, ฉู่เทียนเต๋อ, ฉู่ชุนชิว ไอ้สุนัขสารเลวทั้งสามตัว ไสหัวออกมา!!!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยความโกรธ เสียงสั่นะเืเลือนลั่นไปทั่วทั้งลานตะวันตก และพลังก็แข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ
“เ้าฉู่อวิ๋นคนนี้มาเพื่อสร้างปัญหา! รีบหยุดเขาเร็วเข้า!”
“ทุกคนบุกพร้อมกัน จับเขาเอาไว้!”
นักรบบางคนไม่ประมาณตน รวมกลุ่มกันบุกเข้าไปพร้อมกันกับกระบี่ที่พุ่งออกไป หวังปราบปรามฉู่อวิ๋นด้วยกลยุทธ์อย่างคลื่นมนุษย์[1]
"ตึง!"
เงาร่างมากกว่าสามสิบร่างพุ่งตรงมาหาเขา ราวกับม้าร้อยตัวควบมาพร้อมเสียงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ผู้ใดจะหยุดข้า!!!”
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ ควั่บ-”
ฉู่อวิ๋นะโเสียงดังและค่อยๆ เดินไปข้างหน้าโดยปราศจากความเกรงกลัวใดๆ มองเห็นเขาสะบัดมือขวาซ้ำๆ ราวกับเดินอยู่ในดินแดนที่ไร้ผู้คน กระบี่ชื่อยวนฟาดฟันไปมา ตัดผ่านน้ำแข็งและหิมะ หลั่งเืย้อมท้องฟ้า
ฟาดกระบี่หนึ่งครั้ง หนึ่งคนล้ม! หยุดไว้ไม่อยู่เลย!
ในไม่ช้า ลานจัตุรัสก็อาบไปด้วยเื ลูกหลานตระกูลฉู่ทุกคนต่างหวาดกลัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก ทำได้แค่ยืนมองดูอยู่ที่ข้างๆ จัตุรัส ขณะเดียวกันผู้าุโบางคนก็ออกมาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
“เ้าสารเลว ข้านึกว่าเ้ายังไม่ฟื้นจากอาการาเ็อยู่ ไม่คิดว่าเ้าจะยังมีชีวิตรอดมาะโโลดเต้นได้อยู่อีก ถึงกับกล้ามาทำร้ายลูกหลานศิษย์ตระกูลหลัก? เ้าควรได้รับโทษใด?!” ผู้าุโสามเป็ผู้นำแล้วะโ
“ควรได้รับโทษใด!? สิ่งที่ตระกูลหลักของเ้าทำนั้นไร้ยางอายเสียยิ่งกว่าสุนัขสุกร แต่พวกเ้ากลับมาถามถึงโทษข้าเช่นนั้นหรือ? น่าขัน!”
ฉู่อวิ๋นะโกลับด้วยความโกรธ ยกกระบี่ชื่อยวนขึ้นฟันในแนวนอน ปรากฏคลื่นกระบี่แสงดาวยาวแปดหมี่พุ่งออกมา เสียงดังตูมทำลายเรือนอาคารโดยตรง อิฐและกระเบื้องปลิวว่อนไปทุกที่
“หึ! เ้ากล้ามาก! พวกเราไม่ไปไต่ถามเ้าเื่สังหารผู้าุโหก แต่เ้ากลับมายั่วยุพวกเราก่อนหรือ? หาเื่ตาย!”
ทันทีที่พูดจบ ผู้าุโสามก็ลุกขึ้น แรงกดดันของพลังยุทธ์ขั้นมหาสมุทรก็ะเิขึ้น ทำให้ฉู่อวิ๋นแทบหายใจไม่ออก
“ฟิ้ว——”
เสียงลมหวีดดังขึ้น ผู้าุโสามเดินเข้ามาใกล้ฉู่อวิ๋น ความเร็วของเขาราวฟ้าร้อง มองเห็นไม่ชัดเจน! เขายกมือขึ้นมาโบก แรงฝ่ามือที่พลุ่งพล่านก็กระทบกับฉู่อวิ๋นโดยตรง
หากโดนฝ่ามือนี้กระแทกเข้าอย่างจัง ฉู่อวิ๋นอาจตายหรือาเ็ได้!
ใน่เวลาวิกฤติ
“กระบี่ชื่อยวน! หยุดเขา!”
ตอนนี้เอง ฉู่อวิ๋นผุดความคิดขึ้นมา พร้อมดวงตาที่จ้องมอง แสงสีแดงของกระบี่ชื่อยวนก็เปล่งประกายความแวววาวสว่างไสวเหนือชั้น หยุดการเคลื่อนไหวของผู้าุโสามได้ทันที!
ด้วยเสียงะโ ฝ่ามือที่ทับซ้อนกันของผู้าุโสามก็กระแทกพื้นอย่างแรง ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ลึกสิบหมี่ เขาตกลงไปในหลุม ใบหน้าเลอะฝุ่น ไม่สามารถขยับตัวได้
“แค่กแค่ก...นี่มันพลังอะไรกัน?! หรือว่าผู้าุโหกในตอนนั้นก็ตายไปเช่นนี้หรือ?” ผู้าุโสามพยายามลุกขึ้นยืนในหลุมด้วยสีหน้าแบบไม่อยากเชื่อ จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นผู้วางตัวสูงส่ง
ฉู่อวิ๋นเมินเขาพลางคิดกับตัวเอง "เช่นนี้นี่เอง! เมื่อคนที่มีสายเืเดียวกันเข้ามาใกล้ ตราบใดที่ในมือข้าถือกระบี่ชื่อยวนอยู่ เพียงคิดในใจ ไม่ว่านักรบจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาจะก้มหัวลงกับพื้น คุกเข่าลงต่อหน้าข้า!”
ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นผู้าุโสามถูกกดลงในหลุมอย่างกะทันหัน ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ มันกลับมาแล้ว ฉู่อวิ๋นผู้นี้ใช้กระบวนท่าที่ไม่รู้จักล้มผู้าุโที่ทรงพลังได้อีกแล้ว!
“หึ! ข้าจะพูดอีกครั้ง! ฉู่ฉี, ฉู่เทียนเต๋อ, ฉู่ชุนชิว ไอ้สารเลวสามตัวนี้ รีบไสหัวออกมา!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยความโมโหพลางเหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนในมือ ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวตัวสั่นระริก
แม้แต่ผู้าุโก็ยังพูดไม่ออก พวกเขาเห็นฉากอัศจรรย์ที่ผู้าุโสามถูกปรามด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่กล้าบุ่มบ่าม
ผู้าุโสี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า "ฉู่อวิ๋น เ้าใจเย็นลงก่อน เหตุใดเ้าถึงมาตามหาทั้งสามคนนั่นกัน?”
“ใจเย็นหรือ? เ้าจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร?!” ฉู่อวิ๋นะโเสียงดังลั่นและชี้กระบี่ไปที่ทุกคน “ไอ้สารเลวสามตัวนี้ไม่เพียงแต่แย่งเงินของเสี่ยวถงไปเท่านั้น แต่ยังทำให้นางขาหักด้วย! รังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางสู้ นี่คือสิ่งที่คนทำ?”
“รีบให้พวกมันไสหัวออกมา!”
"ควั่บ!"
กระบี่ชื่อยวนวาบผ่านความว่างเปล่า แสงกระบี่อีกดวงหนึ่งก็ถูกดึงออกมา ราวกับัพิโรธที่พังถล่มูเา แยกฟ้าทลายดิน ตัดพื้นดินเป็ทางกระบี่ลึกยาวยี่สิบหมี่
เมื่อได้ยิน ผู้าุโทุกคนต่างมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าไม่รู้เื่ราวทั้งหมดนี้
แต่ก่อนที่ทุกคนจะทันได้โต้ตอบ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยเสียงดังตึง พื้นดินแตกกระจายและเอ่ยด้วยความโมโห "อีกอย่าง...ฉู่เจิ้นหนานตาแก่เศษสวะนั่น พาพี่สาวของข้าไปที่ไหน?!”
“ถ้าพวกเ้าไม่บอกว่าพี่ซินเหยาอยู่ที่ไหน ไม่ส่งไอ้สุนัขทั้งสามตัวนั้นออกมา วันนี้ข้าจะฆ่าล้างบางตระกูลหลักเสีย!”
“ตึง!”
เสียงะโดังออกมาราวกับจะทลายหินทะลุอากาศ ทำให้โลกใบนี้แตกเป็เสี่ยงๆ ฉู่อวิ๋นชักกระบี่ชื่อยวนออกมา ราวกับเป็เทพโบราณกำลังพิโรธ
“อ๊ะ เ้า เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อน! อย่ารีบร้อน!” ผู้าุโสี่ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าต่อให้ฉู่อวิ๋นจะโกรธมาก แต่ก็ยังมีเหตุผลอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ทางเลือกอื่นนอกจากให้ไปพาทั้งสามคนออกมา
ครู่ต่อมา มองเห็นฉู่ฉี, ฉู่เทียนเต๋อ, ฉู่ชุนชิว ถูกโยนลงไปที่พื้น พวกเขาดูหวาดกลัวและครั่นคร้าม กลัวมากจนทรุดลงกับพื้น ดึงทึ้งเสื้อผ้าของคนที่พามาด้วยตัวสั่นๆ
“ฉู่อวิ๋น ข้าสอบสวนแล้ว พวกเขาสามคนคิดว่าเ้าทำให้ตระกูลหลักต้องอับอาย และคิดว่าเ้าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เลยรังแกเสี่ยวถงผู้บริสุทธิ์ พูดถึงเื่นี้ ก็เป็เพราะฝั่งเราอบรมได้ไม่ดี เฮ้อ สามคนนี้...มอบให้เ้าจัดการแล้ว!” ผู้าุโสี่โบกแขนเสื้อและรู้สึกหมดหนทาง ในเมื่อตอนนี้ฉู่อวิ๋นมีกระบี่ที่สามารถปรามคนในตระกูลได้ เขาไม่อาจประนีประนอมได้
ทั้งสามคนใตาเหลือกทันทีที่ได้ยินผู้าุโสี่บอกว่าจะให้ฉู่อวิ๋นเป็คนจัดการพวกเขา
“อวิ๋น...พี่อวิ๋น! ไว้ชีวิต...ไว้ชีวิตด้วยเถอะ! เราไม่ได้ตั้งใจ! พวกเราแค่อยากสนุก ท่านเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะ!” ฉู่ฉีเป็คนแรกที่คุกเข่าลงบนพื้น ร้องขอความเมตตาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ใช่ ใช่! พวกเราต่างก็เป็นักรบิญญา ไม่อาจควบคุมพลังได้ชั่วขณะ เลยเตะนางไปเช่นนั้น พวกเราไม่ได้ตั้งใจ!” ฉู่เทียนเต๋อก็คุกเข่าลงและพูดขอร้องเช่นกัน
“พวกเราผิดไปแล้ว อย่าฆ่าพวกเราเลย... ฮือ!” ฉู่ชุนชิวก้มหน้าลงร้องไห้ น้ำมูกน้ำตาไหลอาบหน้า
ฉู่อวิ๋นมองดูทั้งสามคนด้วยใบหน้าดุดัน ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสามตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“อ้อ เช่นนั้นข้าก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน!!!”
ฉู่อวิ๋นจ้องมองด้วยความโกรธ ขยับเท้ากระทืบลงไปด้วยแรงอันหนักแน่น บดเบียดเหยียบย่ำกระดูกขาของทั้งสามคนจนแหลกเละ เนื้อและเืของพวกเขากระเซ็นไปทั่ว ได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวที่น่าพรั่นพรึง พวกเขากรีดร้องด้วยความเ็ป เสียงแห่งความทรมานหวีดแหลมอย่างยิ่ง
อาการาเ็ดังกล่าวย่อมยากที่จะมีโอกาสฟื้นตัว พวกเขาไม่สามารถกลับมาเดินได้ตามปกติอีกต่อไป
“ิญญายุทธ์ของพวกเ้าจะมีประโยชน์อะไร!? คืนกลับไปเถอะ!”
ฉู่อวิ๋นเหวี่ยงกระบี่ในแนวนอนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงผุ่บผุ่บผุ่บสามครั้ง ทวารรับแสงศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามคนก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
จากนั้น ิญญายุทธ์ทั้งสามก็ลอยละลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้า ประตูโบราณปรากฏขึ้นอีกครั้งเพื่อเก็บิญญายุทธ์ทั้งสามกลับไป
พวกเขาทั้งสามเสียใจอย่างยิ่ง เสียงคร่ำครวญดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ขาดสาย พวกเขาปราศจากิญญายุทธ์แล้ว ขาก็ใช้งานไม่ได้ เทียบเท่ากับคนไร้ประโยชน์ในหมู่คนไร้ประโยชน์ อยู่ไม่สู้ตาย
“ถุย!” ฉู่อวิ๋นถ่มน้ำลายอย่างเ็า แต่ยังคงไม่ดึงกระบี่ชื่อยวนกลับ เขาเงยหน้าถามผู้าุโสี่ด้วยความโกรธ “แล้วพี่ซินเหยาเล่า?! นางถูกตาเฒ่าฉู่เจิ้นหนานนั่นพาไปที่ไหนแล้ว? ตอบข้ามาเร็วเข้า!!!”
----------
[1] คนมากรุมคนน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้