ซ่งจิ่งซีสวมอาภรณ์ตัวยาวสีเงินยวง ร่างสูงยืนอย่างสง่างาม มีรอยยิ้มอ่อนโยนบางๆ ประดับบนมุมปาก
ยามสายลมแ่เบาโชยเข้ามาในอาราม สายรัดมวยผมพลิ้วไสว ขับเสริมความสง่างามขึ้นอีกหลายส่วน
"คุณหนูเซวีย ช่างบังเอิญยิ่งนัก ไม่นึกว่าจะได้พบกับพวกท่านสองพี่น้องในวัดต้าฝออิน"
ซ่งจิ่งซีทอยิ้มบางๆ พลางประสานมือคำนับอย่างมีมารยาท
"คุณชายซ่ง" เซวียเสี่ยวหรั่นฝืนผลักรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า ยอบกายเล็กน้อยเคารพกลับ
เซวียเสี่ยวเหล่ยก็เอ่ยทักทายตามธรรมเนียม
"คุณหนูเซวียมาไหว้พระหรือมาท่องเที่ยวเล่า?" ซ่งจิ่งซีกวาดมองคนติดตามด้านหลังของนางอย่างไม่กระโตกกระตาก
สาวใช้หมัวมัวองครักษ์ครบถ้วนไม่ว่า องครักษ์เ่าั้แต่ละคนยังฝึกมาอย่างดี ฝีมือไม่ธรรมดา องครักษ์ที่ติดตามอยู่ใกล้สุด เมื่อครู่ยังกุมด้ามกระบี่พร้อมชักออกมาได้ทุกเมื่อ
สองพี่น้องคู่นี้แม้เสื้อผ้าจะดูเรียบง่าย แต่สถานะกลับไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋อง มีองครักษ์ชั้นยอดอารักขา หรือว่าเฟิงอ๋องจะสร้างเรือนทองซ่อนโฉมสะคราญ?
ดวงตาของซ่งจิ่งซีกวาดมองสตรีตรงหน้า
ผิวพรรณขาวกระจ่าง ม่านตาดำ เครื่องเคราใบหน้างดงาม ดวงหน้าเล็กจ้อยรูปผลแตง มองแล้วดูมีเสน่ห์ไปอีกอย่าง
แต่ยังไม่นับว่างามพิลาส
พระชายาเฟิงอ๋องเป็โฉมงามขึ้นชื่อของแคว้นฉี ลือกันว่าเฟิงอ๋องเคารพให้เกียรติและรักใคร่ชายามากนัก ในจวนอ๋องมีอนุรับใช้เพียงสองคน ไม่แต่งตั้งชายารองหรือสนมใหม่มาหลายปีแล้ว
โอรสสองธิดาหนึ่งในจวนล้วนเป็บุตรสายตรงที่กำเนิดจากชายาเอก
นี่เป็หนึ่งในสาเหตุที่อู่เซวียนตี้ไม่พอพระทัยเฟิงอ๋อง
กษัตริย์นักรักตัวฉกาจเช่นอู่เซวียนตี้ ย่อมทนเห็นคนที่ยับยั้งชั่งใจ ทำตัวเหมือนนักพรต มิหลงใหลในอิสตรีไม่ได้
ในสายตาของพระองค์สิ่งนี้หาใช่ความซื่อตรง แต่เป็ความสูงส่งจอมปลอม
ดังนั้นแม้เฟิงอ๋องจะเป็พระองค์โอรสสายตรงของอู่เซวียนตี้กับฮองเฮา ชื่อเสียงในหมู่พสกนิกรและราชสำนักก็ไม่สามัญ แต่อู่เซวียนตี้กลับยังรักที่จะทำตามพระทัย ไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทมาตลอดหลายปี
สมมติฐานเื่เฟิงอ๋องสร้างเรือนทองซ่อนโฉมสะคราญจึงเป็อันตกไป
ซ่งจิ่งซีเค้นสมองเป็ร้อยรอบ แต่ใบหน้ายังคงสง่างามดุจสายลม
"พวกเราแค่มาเดินเล่น ไม่รบกวนเวลาคุณชายแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเลี่ยงไปประตูรอง แสดงให้รู้ว่าพวกตนจะออกไปก่อน
รอยยิ้มน้อยๆ บนมุมปากของซ่งจิ่งซีแข็งค้าง
ด้วยรูปโฉมและสถานะเช่นเขา แต่ไรมาไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนมีแต่สตรีเป็ขบวนคอยติดตามพะเน้าพะนอ แม้ไม่หลงรักหัวปักหัวปำก็ต้องเกิดความรู้สึกที่ดีด้วย
แต่สตรีตรงหน้ากลับเป็ข้อยกเว้น ทุกคราที่ได้พบ คุยกันไม่ถึงสามประโยคก็รีบหาเื่ปลีกตัวหนี
เขากลายเป็ที่รังเกียจของผู้อื่นั้แ่เมื่อไร
ซ่งจิ่งซีนึกกังขาในชั่วพริบตานั้น
แต่ไม่ช้าก็ปรับอารมณ์ได้
"คุณหนูเซวีย วันนั้นบริวารของข้าน้อยไร้มารยาทกระทำการจาบจ้วงต่อน้องชายของท่าน เมื่อครานี้มีวาสนาได้พบกัน ก็ขอให้ผู้น้อยทำสิ่งที่ถูกต้อง เชิญคุณหนูกับคุณชายเซวียนชิมอาหารเจของวัดต้าฝออิน และให้เคอตาได้กล่าวขอขมาอีกสักครั้ง"
ใบหน้าของซ่งจิ่งซีประดับรอยยิ้มที่ดูเหมาะสม
แต่เคอตาซึ่งอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกลกลับมุมปากระตุก เื่นี้ถูกขุดขึ้นมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มารดามันเถอะ เพียงแค่ไม่กี่วันบิดาเอ่ยขอขมามากกว่าที่เคยกล่าวมาชั่วชีวิตเสียอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นเองก็ตกตะลึง จากนั้นก็มองเขาอย่างหวาดระแวง จิ้งจอกจอมเสแสร้งผู้นี้คอยตามพัวพันแต่เื่นี้ไม่ปล่อย ในใจมีแผนร้ายอะไรกันแน่
"ไม่ต้องหรอก คุณชายซ่ง ครั้งก่อนผู้กล้าเคอก็มาขอโทษถึงจวนแล้ว เื่จบไปนานแล้ว ท่านไม่จำเป็ต้องรื้อฟื้นความผิดเพียงเล็กน้อยของบริวารนักก็ได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปที่เคอตาด้านหลังเขาปราดหนึ่ง
เคอตาก้มหน้างุด ไม่กล้าคล้อยตามคำพูดของนาง
"ฮ่าๆ เื่นี้เดิมทีคือสิ่งที่เขาสมควรทำ" ซ่งจิ่งซีเห็นนางทิฐิสูงน้ำมันเกลือผ่านไม่เข้าทั้งสิ้น ก็เริ่มเปลี่ยนทิศทาง "ได้ยินว่าอาหารเจวัดต้าฝออินเป็อาหารท้องถิ่นรสเลิศ ผู้น้อยเพิ่งมาที่นี่เป็ครั้งแรก ยังไม่มีโอกาสได้ชิมมาก่อน คุณหนูเซวียพอจะแนะนำจุดเด่นของอาหารเจที่นี่ได้หรือไม่"
หงกูกับฟางขุยซึ่งอยู่ด้านหลังเซวียเสี่ยวหรั่นหน้าถอดสี มองซ่งจิ่งซีที่ตามตอแยไม่เลิกด้วยแววตาไม่เป็มิตร
อูหลันฮวากลับลอบมองใบหน้ายิ้มอ่อนๆ ของซ่งจิ่งอี นางอยากมองให้ชัดว่ารอยยิ้มประเภทหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้มที่คุณหนูบอกมีลักษณะเป็เช่นไร
ผลก็คือนางพบว่าจิ้งจอกจอมปลอมตามคำกล่าวของคุณหนูหันมาที่นางแล้วยังกะพริบตาให้ด้วย
อูหลันฮวาพลันขนลุกซู่ผุดตุ่มหนังไก่ไปทั้งตัว ก่อนจะถลึงตาใส่เขาด้วยความรังเกียจ แล้วเบือนสายตาไปทางอื่นเสีย
"คุณชายซ่งคงจะหาผิดคนแล้ว พวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาหารเจของวัดต้าฝออิน" เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งพบว่าจิ้งจอกตัวนี้นอกจากจะเสแสร้งเก่งยังหน้าหนาเป็พิเศษอีกด้วย
"เฮ่อ อย่างนี้เองหรือ ท่านเ้าอาวาสวัดกับเฟิงอ๋องค่อนข้างสนิทกัน ผู้น้อยเห็นพวกท่านสองพี่น้องพักอยู่ในคฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋อง เลยเข้าใจว่าคุณหนูเซวียจะคุ้นเคยกับวัดต้าฝออินเป็อย่างดี ดูท่าผู้น้อยจะเข้าใจผิดไปเอง"
ซ่งจิ่งซีจงใจโบกพัดจีบในมืออย่างผ่อนคลาย ยามพัดขยับเบาๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำจายออกมา
แต่เซวียเสี่ยหรั่นไม่สนใจกลิ่นหอมเ่าั้ เธอกำลังใกับสิ่งที่เขาเอ่ยมากกว่า
คฤหาสน์ที่พวกนางมาขอพักอาศัยเป็ถึงคฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋องเชียวหรือ
เธอหันไปมองหงกูปราดหนึ่งด้วยความใ
หงกูยังคงยืนหลังตรง สีหน้าสงบนิ่ง พอเห็นเซวียเสี่ยวหรั่นหันมาสบตา ก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ แต่ไม่เอ่ยวาจาใดออกไป
เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติ ค่อยๆ ทำจิตใจให้สงบ หันกลับมา "คุณชายซ่ง ขออภัยที่ทำให้ท่านเข้าใจผิด พวกเรายังมีธุระ ไม่อยู่คุยกับคุณชายซ่งแล้ว"
เมื่อรู้ว่าซ่งจิ่งซีเข้ามาใกล้ชิดเพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่าง เซวียเสี่ยวหรั่นก็คร้านจะสนทนากับเขามากกว่านี้
แล้วจูงเซวียเสี่ยวเหล่ย เดินออกไปด้านนอก
เมื่อเขาไม่ไป พวกนางไปเองก็ได้
ฟางขุยมองพวกซ่งจิ่งซีอย่างระมัดระวังสองสามหน ก่อนสั่งการให้เหล่าองครักษ์ติดตามไป
"นายท่าน ปฏิกิริยาของสตรีผู้นั้น ดูท่าคงจะไม่ทราบว่าคฤหาสน์ที่พวกเขายืมพักอาศัยเป็ของเฟิงอ๋อง"
บุรุษรูปร่างผอม คิ้วบางตาตี่คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ซ่งจิ่งซี
"อืม" ซ่งจิ่งซีพยักหน้า เขาก็เห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาของนาง "จี๋มู่ เ้าว่านางจะใช่คนของหวงฝู่เหลียนเซวียนหรือไม่"
"นายท่าน ตอนนี้ยังไม่มีข่าวขององค์ชายเจ็ด เื่นี้ยังสรุปไม่ได้" จี๋มู่ตอบ
"เมื่อไม่ใช่คนของทางเฟิงอ๋อง ผู้ที่สามารถยืมคฤหาสน์นอกของเขามีเพียงไม่กี่คน" ซ่งจิ่งซีพึมพำกับตัวเอง สัญชาตญาณบ่งบอกว่าสองพี่น้องคู่นั้นน่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหวงฝู่เหลียนเซวียน
"หงกู คฤหาสน์ที่พวกเรายืมพักอาศัยเป็คฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋องจริงหรือ"
หลังออกมาจากอุโบสถแห่งนั้นแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา ก่อนเข้าไปกระซิบถามหงกู
หงกูหัวเราะเบาๆ "ใช่เ้าค่ะ คุณหนูเซวีย เป็คฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋องจริงๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากค้าง
ที่พักชั่วคราวที่เหลียนเซวียนยืมมา ถึงกับเป็คฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋อง
เช่นนั้น... เขาซึ่งสามารถยืมคฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋องได้ จะมีสถานะแบบไหนกันแน่
