ฟลามิงโกเป็คนที่รับผิดชอบการแก้แค้นในครั้งนี้เขาเป็ผู้ใช้เวทธาตุไฟระดับสูงที่อยู่ในกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตซึ่งเป็รองเพียงแค่รองหัวหน้าทั้งสี่คนเท่านั้น
คนจำนวน 5,000คน เดินทางมาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรตามกำหนดเดิมจะต้องมาที่นี่โดยไม่ทำให้เป็ที่สนใจ อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้คิดจะทำตัวให้เป็ที่สนใจอยู่แล้วก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาได้สอบถามเกี่ยวกับการต่อสู้ของเซว่โฉวถูและเมามายซบตักสาวงามโดยละเอียดมาแล้วเขาจึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมเมามายซบตักสาวงามจึงชนะเซว่โฉวถูได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยการใช้ทรัพยากรของตนเองที่มีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผึ้งเพชฌฆาตปกติก็หาได้ค่อนข้างยากแต่ถ้ามีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าก็คงไม่น่าเป็กังวลนัก ในส่วนของหลุมดักจะใช้ได้ดีเมื่อโจมตีโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันระวังตัวตราบใดที่ใช้ความระมัดระวัง ความรุนแรงก็คงไม่มากเท่าไรนัก ซึ่งมนุษย์นั้นต่างจากสัตว์ป่าเพราะเป็สิ่งมีชีวิตที่มีความชาญฉลาด ทำให้วิธีการต่างๆเหล่านี้สามารถหาวิธีรับมือได้หมด ยกเว้นสิ่งเดียวที่ยังรู้สึกกังวลอยู่นั่นก็คือ ะเิศพซึ่งไม่เพียงแค่มีพิษ แต่ยังสามารถโจมตีด้วยการะเิได้อีกด้วย แต่ฟลามิงโกก็มีแผนการที่จะรับมือเื่นี้ไว้แล้วจึงไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด สิ่งที่น่ากลัวของเมามายซบตักสาวงามที่เป็ทหารโครงกระดูกนั้นไม่ต่างอะไรกับเื่ตลกเขาเองก็นำกองทัพมาถึงห้าพันคน ต่อให้ยืนนิ่งและให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองชั่วโมงถึงเวลานั้นจริงจะมีทหารโครงกระดูกสักกี่ตัวกันเชียว ระดับเลเวลก็คงเทียบกันไม่ได้อยู่ดี
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงทำให้ฟลามิงโกนั้นไม่ได้วางแผนอะไรมากมายนักเกี่ยวกับการส่งกองทหารนี้ออกไปเขา้าใช้กำลังทหารบุกเข้าโจมตีโดยตรงใส่เมามายซบตักสาวงาม โดยใช้การจู่โจมแบบสายฟ้าแลบหลังจากนั้นก็สังหารมอนสเตอร์เพื่อเพิ่มระดับไปพร้อมกันทีเดียว นี่เป็แผนการที่ฟลามิงโกวางเอาไว้ซึ่งเขาไม่เห็นเมามายซบตักสาวงามอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยและถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขานำกลุ่มผู้ใช้เวทอยู่ใกล้บริเวณเทือกเขาเทียนตู้เขาคงไม่รับภารกิจในครั้งนี้หรอก เสียเวลาจะตายไป นี่ถึงกับต้องใช้คนถึง 5,000 คน กับเมามายซบตักสาวงามเพียงคนเดียวเขามีคุณสมบัติถึงขั้นนั้นเลยหรือ?
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ทำให้เขาอดที่จะดูถูกเซว่โฉวถูไม่ได้เพราะเซว่โฉวถูก็เป็คนที่มีความสามารถ แถมยังถูกเลือกจากทหารรับจ้างทั้งหมด ถ้าเขาเองยังมีความละอายใจหลงเหลืออยู่บ้างก็ควรจะกลับมาจัดการเื่นี้ด้วยตนเอง แต่นี่อะไรกันไม่เพียงไม่กล้ากลับมาจัดการกับเมามายซบตักสาวงามแต่กลับไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มหมาป่าโลหิตอีก ฟลามิงโกคิดในใจว่านี่เป็ครั้งแรกที่ได้พบคนที่ไร้ยางอายได้ขนาดนี้
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเมื่อหันมองไปรอบๆผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็เตือนให้เขารู้ว่าใกล้จะถึงเทือกเขาเทียนตู้แล้วอีกอย่างถนนสายนี้ค่อนข้างแคบมาก ซึ่งไม่เอื้ออำนวยในการเดินทางผ่านของกองทัพเลย
ฟลามิงโกบังคับใจตนเองให้เย็นลงก่อนจะสั่งการด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "ให้ผู้ใช้เวทธาตุดินเดินนำและคอยระวังกับดักของศัตรูด้วย ถ้าเจอก็ให้ใช้ทักษะแช่งแข็งทำลายทิ้งทันทีและให้ผู้ใช้เวทธาตุไฟเดินตาม ถ้าเจอกับผึ้งเพชฌฆาตก็ให้โจมตีทันทีผู้ใช้เวทน้ำแข็งคอยป้องกันทั้งสองด้านเอาไว้เมื่อพบว่าศัตรูใช้ะเิศพในการโจมตี ก็ให้ใช้โล่ป้องกันไว้จากนั้นให้ผู้ใช้เวทธาตุลมเริ่มโจมตีส่วนผู้ใช้เวทธาตุแสงก็ให้คอยเพิ่มพลังชีวิตและแก้พิษไป เข้าใจไหม?"
สิ้นเสียงคำสั่งของฟลามิงโกทหารม้าทั้งห้าพันนายก็เริ่มจัดรูปแบบขึ้นอย่างเป็ระเบียบ ถึงแม้ว่าฟลามิงโกจะไม่ได้ใส่ใจในกลยุทธ์ของฉินโจ้วเขาเป็คนที่มีความระมัดระวังและรอบคอบอยู่แล้วแต่ก็ยังทำตามยุทธวิธีทางทหารอย่างเคร่งครัด
ในกลุ่มที่เขาเป็ผู้นำนั้นแต่ละคนล้วนมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งทั้งหมดเป็ผู้ใช้เวท หรือจะเรียกว่า กลุ่มผู้ใช้เวทก็ได้ ซึ่งอาชีพผู้ใช้เวทนั้นค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวพลังในการทำลายล้างก็เกินจะจินตนาการได้ ถ้าขนาดของรูปแบบเกิดล้มเหลวคุณภาพการทำลายล้างก็จะหายไปด้วย ซึ่งในเวลานี้อยู่ในสนามรบจึงเป็หนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้เวทเป็ที่นิยมกันมากขึ้นอีกอย่างกลุ่มหมาป่าโลหิตเองก็เป็องค์กรเอกชน ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งในการจัดการนั้นมาจากกลุ่มผู้ใช้เวทก็ตามแต่จากข้อมูลเชิงลึกก็ยังเกินความคาดหมายของคนธรรมดาทั่วไปอยู่
ดูเหมือนว่าเซว่โฉวถูก็จะไม่ได้แย่ไปเสียหมดอย่างน้อยเขาก็เลือกเทือกเขาเทียนตู้ ซึ่งเป็สถานที่ดีทีเดียวเป็เทือกเขาที่มีความสวยงาม มีทิวทัศน์งดงาม และที่สำคัญก็คือ ทางขึ้นูเาค่อนข้างขรุขระทำให้ง่ายต่อการป้องกันและยากที่จะเข้ามาโจมตี
บริเวณูเานั้นมีแต่ความเงียบสงัดกลุ่มผู้ใช้เวทครึ่งหนึ่งกำลังเดินทางขึ้นูเา ส่วนที่เหลือรออยู่ที่ตีนเขา ทำให้เหล่าทหารต้องเดินเท้าเป็แถวยาวเหยียดแต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นบนูเาแม้แต่น้อย นั่นทำให้ฟลามิงโกเริ่มขมวดคิ้วเพราะว่ามันดูเงียบมากเกินไปจนทำให้ในใจของเขาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ถ้าว่ากันตามความเป็จริงแล้วด้วยจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้ ไม่มีทางที่เมามายซบตักสาวงามจะไม่พบเห็นและถ้าถูกพบเจอเข้าแล้วทำไมถึงยังไม่โจมตีอีก ในระหว่างทางขึ้นเขานี่เป็สถานที่สำหรับซุ่มโจมตีที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่ลงมือที่นี่ก็จะพลาดโอกาสในการโจมตีกลุ่มผู้ใช้เวทแล้ว อีกอย่างทางเดินขึ้นเขาก็ดูสงบเงียบเรียบร้อยมากไม่มีแม้กระทั่งกับดัก ดูยังไงมันก็มีความผิดปกติแน่ๆ ทำให้ฟลามิงโกถึงกับงุนงง จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาสำรวจโดยรอบอีกครั้งและทันใดนั้นเอง เขาเห็นเงาดำปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่ง ในใจเกิดความคิดแวบขึ้นมาสีหน้าเริ่มแสดงความวิตกกังวล และรีบะโขึ้นว่า "ทั้งหมดตั้งแนวป้องกัน"
เงาสีดำลอยอยู่ระหว่างกลางของกลุ่มผู้ใช้เวทก่อนจะมีร่างปรากฏออกมาจากอากาศ ในมือถือมีดสั้นที่ส่องประกายแสงเย็นเยียบออกมาสายตาเ็าจ้องมองไปยังทุกคนในกลุ่มของผู้ใช้เวทราวกับมองศพที่ไร้ิญญาพวกเขาลงมืออย่างไร้ความลังเลใจ ประกายแสงเย็นเยียบตัดผ่านศีรษะของศัตรูก่อนจะตามมาด้วยแสงแห่งความตายพร้อมกับละอองเืสาดกระเซ็นขึ้นในอากาศ
นักฆ่า
ฉินโจ้วไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใดเขายังคงอยู่ในความเงียบ และได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว นักฆ่าจำนวน 1,000คน ซึ่งนำทีมโดย ''แมวตะกละ'' ได้ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณนี้เป็เวลานานพอสมควรแล้วก่อนจะเริ่มโจมตีใส่กลุ่มของศัตรู โดยเริ่มโจมตีเข้าจุดตายใส่กลุ่มของผู้ใช้เวทอย่างไม่ทันตั้งตัว
เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้เวทยังไม่ทันได้เตรียมตัวจึงทำให้สูญเสียจำนวนคนไปมากกว่า900 คนในทันที ซึ่งเป็ผู้ใช้เวทธาตุไฟเสียเป็ส่วนใหญ่กลุ่มนักฆ่านั้นถูกสังหารภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ ก่อนจะลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่องใส่เป้าหมายต่อไปหลังจากที่เข้าสู่ระยะประชิดผู้ใช้เวทในเวลานี้ก็ไม่ต่างจากเสือที่ไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บ ไม่สามารถโจมตีได้อีกต่อไปซึ่งเป็การยากที่จะเอาชนะได้ ทำให้ ''แมวตะกละ'' ไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสนี้เอาไว้
ฟลามิงโกพุ่งหลบการโจมตีของนักฆ่าทั้งสองคนพร้อมทั้งเปิดโล่เพื่อป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่องในขณะที่กำลังพุ่งหลบนั้น ก็ปลดปล่อย ''คลื่นัไฟกระแทก''ออกมาสังหารนักฆ่าที่กำลังโจมตีสมาชิกของกลุ่มผู้ใช้เวทได้ภายในเสี้ยววินาทีในระหว่างที่รุกและรับ แทบจะไม่มีความแตกต่างในเื่ของเวลาความแม่นยำของเวทที่แสดงออกมาบ่งบอกถึงระดับความเชี่ยวชาญที่มี
ดูเหมือนว่าสองนักฆ่าจะลงมือพลาดในขณะที่เขากำลังจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้งโชคไม่ดีที่ฟลามิงโกไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาอีกแล้ว ในขณะที่เขากำลังถอยหนีอยู่นั้น ฟลามิงโกก็ปล่อยเวทโจมตีระยะไกล''ทะเลเพลิง'' ออกมาขวางผู้เล่นทั้งสองไม่ให้พุ่งเข้ามาได้ในขณะที่พวกเขากำลังจะหลบ เวทบอลไฟสองลูกก็สังหารพวกเขาภายในไม่กี่วินาทีในเวลานี้เมื่อฟลามิงโกเหลือบมองขึ้นไป ดวงตาของเขาก็กลายเป็สีแดงก่ำ เพียงชั่วอึดใจกลุ่มผู้ใช้เวทของเขาก็ถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่าพันคนแล้วทั้งกลุ่มก็ตกอยู่ในความโกลาหล ต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลังจากได้เข้าประชิดตัวนักฆ่าฝั่งตรงข้ามไปอยู่ที่ไหนกันหมด ในเวลานี้กลุ่มผู้ใช้เวทต่างก็าเ็ล้มตายกันไปมากและดูท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้เปรียบเื่ของจำนวน แต่ในแง่รูปแบบการสู้รบยังเทียบกันไม่ติด
สีหน้าของฟลามิงโกเครียดหนักแต่เขาก็มีเื่ที่ต้องจัดการ ก่อนจะะโขึ้นว่า"คนที่กำลังขึ้นเขาให้เคลื่อนที่ขึ้นไปด้วยความเร็วสูงสุด ส่วนคนที่อยู่บริเวณตีนเขาให้ถอยกลับในทันทีอย่าเข้าไปใกล้ ทั้งหมดให้ใช้การโจมตีระยะไกล"
สิ้นเสียงคำสั่ง กลุ่มผู้ใช้เวทก็ปฏิบัติตามทันทีความสามารถที่สูงถูกแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัดในชั่วอึดใจ ดังนั้นความสับสนวุ่นวายก่อนหน้านี้ก็เริ่มลดลงถึงแม้เวทการโจมตีระยะไกลอาจมีความผิดพลาดอยู่ โดยโจมตีถูกพวกเดียวกันเองบ้างแต่สำหรับฝ่ายตรงข้ามอย่างนักฆ่านั้นก็ได้รับาเ็มากขึ้นด้วยเช่นกัน และหลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนสถานการณ์ของกลุ่มนักฆ่าก็กลับกลายเป็ฝ่ายที่เสียเปรียบแทน
ฟลามิงโกเป็ผู้เล่นคนหนึ่งที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมากใน่ระยะเวลาอันสั้นเขาสามารถคิดหาวิธีตอบโต้กลับไปได้ในทันที ซึ่งนับว่ามีจิติญญาความกล้าหาญเป็อย่างมาก
"ยิงได้"
ที่หน้าผาทั้งสองด้านเขาไม่รู้เลยว่ามีนักธนูจำนวนมากมายได้ปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่ฉินโจ้วออกคำสั่งลูกธนูนับพันก็ถูกยิงออกมาทันที ราวกับห่าฝน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่กลุ่มของผู้ใช้เวทเวลาในการยิงธนูนั้นค่อนข้างรวดเร็วมาก และเมื่อกลุ่มผู้ใช้เวทเริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบทำให้สมาชิกในกลุ่มผู้ใช้เวทนั้นไม่ทันได้ป้องกันตัวทำให้ถูกฆ่าตายลงทันทีเกือบหนึ่งร้อยคน
เมื่อสมาชิกของกลุ่มผู้ใช้เวทเริ่มเปลี่ยนจากตั้งรับเป็รุกคืบหน้าอย่างต่อเนื่องทำให้เวลานี้มีมากกว่าสามร้อยศพที่ถูกทิ้งไว้ให้นอนเกลื่อนอยู่บนถนนกลุ่มผู้ใช้เวทที่เป็กำลังหลักในการรุกคืบขึ้นไปที่ทางเดินขึ้นเขานั้นก็คือ ผู้ใช้เวทธาตุลมตามความเห็นของฟลามิงโก การโจมตีนั้นดีกว่าการป้องกันเมื่อรวมกับพลังป้องกันของผู้ใช้เวทธาตุดินแล้ว หรือจะเรียกว่าสามารถรุกและตั้งรับจะโจมตีหรือล่าถอยก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมนึกถึงภูมิประเทศของเทือกเขาเทียนตูู้เาแห่งนี้มีแต่หน้าผาหินสูง ซึ่งนักธนูได้เปรียบ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเลือกยิงได้ตามใจชอบ ซึ่งไม่เป็ผลดีกับผู้ใช้เวทเดิมทีผู้ใช้เวทธาตุลมนั้นขึ้นชื่อว่ามีความเร็วในการโจมตีและอีกทั้งยังสามารถโจมตีได้ไกล แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ระยะทางของทั้งสองค่อนข้างห่างกันมากเกินไปถึงแม้จะเป็เวทลมเองก็ยังโจมตีไปได้ไม่ถึง คงทำได้เพียงแค่อดทนไว้เท่านั้นแต่จะให้ถอยหนีไปก็ไม่ได้เนื่องจากกลุ่มของนักฆ่านั้นกำลังจ้องรอหาจังหวะโจมตีอยู่ตอนนี้คงทำได้เพียงดาหน้าก้าวเข้าหาห่าฝนธนูเพียงเท่านั้น ทุกก้าวที่เดินไปล้วนแต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนจำนวนไม่น้อย
"ฆ่า... ฆ่าพวกมันให้หมดเ้าพวกตามืดบอดทั้งหลาย" ฟลามิงโกร้องคำรามขึ้น ในมือก็ยังคงเคลื่อนไหวโดยปล่อยทักษะัไฟออกมาอย่างต่อเนื่องนักฆ่าที่ถูกเขาสังหารด้วยมือคู่นี้มีจำนวนมากกว่าเลขสองหลักแล้วไม้เท้าระดับทองที่เขาใช้นั้นมีคุณสมบัติค่อนข้างดี ทำให้สามารถปล่อยเวทโจมตีออกไปได้อย่างต่อเนื่องและดูเหมือนจะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ซึ่งเวทโจมตีแบบกลุ่มนั้นเป็จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เหล่านักฆ่าสูญเสีย่เวลาที่ดีที่สุดไป
ภายใต้คำสั่งของฟลามิงโกกลุ่มผู้ใช้เวทที่อยู่บริเวณตีนเขาก็เริ่มโจมตีกลับ ก่อนจะผลักดันกลุ่มของนักฆ่าให้ไปรวมกันอยู่ตรงกลางทำให้นักฆ่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตรายจากการถูกโจมตีรอบด้าน จำนวนผู้เสียชีวิตของนักฆ่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแถมยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
เมื่อความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นความสมดุลของชัยชนะก็เริ่มเอนเอียงไปอีกด้านหนึ่งถึงแม้ว่าฟลามิงโกนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเป็อย่างมาก ความฉลาดเฉลียวก็เป็สิ่งที่สำคัญที่สุดในสนามรบแต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่รู้สถานการณ์ในปัจจุบันเลยข้อมูลที่ได้รับมาจากเซว่โฉวถูนั้นดูเหมือนจะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับสถานการณ์ในขณะนี้จากคำให้การของเซว่โฉวถูนั้นมีเพียงแค่เมามายซบตักสาวงามเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าในเวลานี้จะมีนักธนูอีกพันคนเพิ่มขึ้นมาด้วย เมื่อมีคนมาปรากฏตัวมากขึ้นขนาดนี้ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากที่เขาคาดเอาไว้มากนัก และจะยังมีสิ่งอื่นเกิดขึ้นมาอีกไหม? ทั้งหมดนี้ฟลามิงโกก็ไม่สามารถหาคำตอบได้แต่เท่าที่รู้เมามายซบตักสาวงามนั้นเข้าใจสถานการณ์ของเขาได้อย่างชัดเจนมากเมื่อมองจากจุดนี้ ฟลามิงโกก็เหมือนตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากทีเดียว
ฉินโจ้วนั้นยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของเทือกเขาเทียนตู้ก่อนจะมองดูทั่วทั้งสนามรบอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่าาจะเพิ่งเริ่มไปเพียงห้าหรือหกนาทีเท่านั้นแต่กลุ่มของผู้ใช้เวทก็ถูกสังหารไปราวสองพันคนแล้ว มีอยู่ราวหนึ่งพันคนที่อยู่บนถนนที่ขึ้นเขาส่วนที่เหลืออีกราวสองพันคนนั้นอยู่ที่ตีนเขา กลับกันนั้นในส่วนของฉินโจ้วเฉพาะนักฆ่าก็สูญเสียไปมากกว่าสามร้อยคน แต่หน่วยอื่นๆ ยังคงอยู่ในสภาพที่ดีและเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ใช้เวทจำนวนที่สูญเสียไปนั้นยังไม่น่ากังวล และอีกอย่างจำนวนคนของฉินโจ้วก็มีมากกว่าย่อมทำให้ได้เปรียบ แต่ฉินโจ้วเองก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไรนักเนื่องจากคุณภาพของกลุ่มผู้ใช้เวทนี้ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียวและระดับเลเวลต่ำสุดคือ 35 ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงแค่สองพันคนกับฝั่งของฉินโจ้วราวห้าพันคน ใครจะแพ้หรือชนะก็ยังพูดได้ยาก
ในระหว่างทางขึ้นูเา ถึงแม้ว่าผู้ใช้เวทธาตุลมและธาตุดินจะต้องแลกมาด้วยความเ็ปอย่างแสนสาหัสแต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะคุ้มค่า เพราะทำให้ระยะห่างจากเป้าหมายลดลงเหลือไม่ถึงห้าสิบเมตรตราบเท่าที่เพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไป ก็จะสามารถรุกคืบเข้าไปบนูเาได้มากขึ้นเมื่อยึดครองยอดเขาที่สูงที่สุดได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็จะสามารถจัดการกับเหล่านักธนูได้ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ในเวลานี้พวกเขารู้สึกว่า้านั้นว่างเปล่าท้องฟ้าที่เคยมีธนูฝนก็หายไปหมดแล้ว ทำให้รู้สึกดีใจขึ้นมาดูเหมือนว่าลูกธนูของศัตรูจะหมดลงแล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดแต่อย่างใดนอกเสียจากว่าจะเป็กองกำลังชั้นยอดจึงไม่แปลกที่กองกำลังขนาดเล็กจะไม่มีธนูสำรองไว้เป็จำนวนมากในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น บนท้องฟ้าก็ปรากฏจุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตกลงมา พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มคาดเดาได้ จุดดำเ่าั้ก็มาถึงในระยะสายตาแล้ว เมื่อได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็ตื่นตระหนก
บึ้มม...
เสียงะเิดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่หมอกสีเทาจะปกคลุมถนนบนูเา ะเิศพมากกว่า 300 ลูกได้ะเิขึ้นพร้อมกันความรุนแรงของมันคล้ายกับการเกิดแผ่นดินไหว คลื่นเสียงะเินั้นทำใหู้เาสั่นะเืกลุ่มผู้ใช้เวทมากกว่าหนึ่งพันคนถูกสังหารลงครึ่งหนึ่งในทันทีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็ผู้ใช้เวทธาตุลม ที่เหลือก็เป็ผู้ใช้เวทธาตุดินแต่พวกเขาทั้งหมดก็ถูกพิษไปด้วย ทำให้ไม่มีใครหนีรอดไปได้จะโทษความเห็นแก่ตัวของผู้ใช้เวทธาตุดินก็ไม่ได้เมื่อมีอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาเป็เื่ปกติที่คนทั่วไปย่อมต้องรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ก่อนจากนั้นจึงค่อยปกป้องเพื่อนร่วมทีม ถึงแม้ว่าเกราะป้องกันนั้นจะแข็งแกร่งแต่ก็สามารถป้องกันได้เฉพาะตนเองเท่านั้น ในส่วนของความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทีมคงพูดได้เพียงคำว่า เสียใจ เท่านั้น
"ลุยย..."
ณ บริเวณเชิงเขามีเงาร่างของคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนกัน ควงอาวุธกวัดแกว่งเข้าห้ำหั่นกลุ่มผู้ใช้เวทก่อนที่จะเข้าไปถึง เวทแสงสารพัดชนิดส่องประกายวาววับและพุ่งหายออกไปตามมาด้วยทักษะนานาชนิดของสายต่อสู้ ดูเหมือนจะเป็กลุ่มนักรบที่นำโดย ''คางคกรูปหล่อ'' กับ ''สิงโตหิน'' ทำการโอบล้อมผู้ใช้เวทที่มีจำนวนน้อยกว่า
เมื่อเห็นศัตรูเข้ามาจากทุกทิศทุกทางฟลามิงโกจึงค่อยเบาใจลงเนื่องจากศัตรูที่มองไม่เห็นนั้นเป็ศัตรูที่น่ากลัวมากที่สุดแต่ในเวลานี้เมื่อปรากฏตัวออกมาแล้ว ก็สามารถจัดการได้ง่ายขึ้น
ไม่จำเป็ต้องรอคำสั่งของฟลามิงโกสมาชิกของกลุ่มผู้ใช้เวทก็ได้เริ่มโจมตี รูปทรงกรวยน้ำแข็งสีขาว ธนูน้ำแข็งลูกบอลไฟสีแดงคล้ายกับัไฟ ตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับห่าฝนจนกลายเป็ทะเลเพลิงถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดนโจมตีทุกกลุ่ม แต่เมื่อถูกโจมตีก็ได้รับความเสียหายที่รุนแรงมากซึ่งผลที่ออกมาจากการโดนโจมตีรอบแรกก็มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่าสองร้อยคนแล้ว
''คางคกรูปหล่อ''นั้นถึงกับใ จึงปรับเปลี่ยนวิธีในการโจมตีโดยใช้เวทต้านเวท นักรบด้านหลังที่เหลือจึงทำตามแต่เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้เวทที่เขารับมืออยู่นั้นก็ไม่ใช่ฝีมือทั่วๆ ไป ทำให้ป้องกันได้เพียงแค่สามรอบก็ถูกทำลายลงอีกเมื่อ ''คางคกรูปหล่อ'' มองดูคร่าวๆ ก็พบว่าสูญเสียคนไปราวห้าร้อยคนแล้วถ้าโดนโจมตีจนเสียชีวิตเพิ่มอีก ก็คงถูกทำลายลงทั้งหมดเป็แน่จึงจำเป็ต้องปรับเปลี่ยนแผนการรบใหม่อีกครั้ง
"กลุ่มะเิรับคำสั่ง ขว้างะเิศพเข้าใส่ได้เลย"
หลังจากการะเิสองรอบจากะเิศพก็ทำให้เกิดช่องว่างตรงกลางของกลุ่มผู้ใช้เวท ''สิงโตหิน''จึงนำนักรบพุ่งเข้าใส่ศัตรูซึ่งนี่เป็เวลาที่จะได้แสดงศักยภาพของนักรบออกมาให้เห็นแล้วถึงแม้ว่าศัตรูนั้นจะมีระดับเลเวลที่มากกว่า แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใดในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างาเ็และล้มตาย ต่างโจมตีเข้าใส่กันด้วยทุกสิ่งที่มีในระยะเวลาอันสั้นนี้ คงจะเป็การยากที่จะบอกได้ว่า ฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะแต่ถ้าพูดจากที่เห็นความแข็งแกร่งของสมาชิกที่มีแต่ผู้ใช้เวทน่าจะแข็งแกร่งมากกว่า แต่ฉินโจ้วก็มีข้อได้เปรียบในการต่อสู้ระยะประชิดและจำนวนคนที่มากกว่า ก็คงบอกได้ยากว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไรคงต้องรอการสู้รบจบลงเสียก่อน
ตูม...ตูม... ตูม...
เกิดเสียงะเิดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากถนนบนหุบเขาเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากยอดสูงสุดของูเาลงมาจรดตีนเขา
ฟลามิงโกหันขวับกลับมาทันทีก่อนจะมองเห็นร่างเงาโผล่พ้นออกมาจากหมอกสีเทา รูปร่างไม่สูงเท่าใดนัก ราว 172เิเ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจบรรยายได้เมื่อมองดูก็ไม่รู้สึกถึงความกดดันแต่อย่างใด แต่ทันทีที่ได้สบตาท้องของฟลามิงโกถึงกับปั่นป่วนอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า"นาย... นายคือเมามายซบตักสาวงาม?"
เนื่องจากมีแต่ฉินโจ้วที่มาที่นี่เขาเพียงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"นายคิดจะสังหารพวกเราทิ้งทั้งหมดหรือ?"ฟลามิงโกถามขึ้นอีกครั้ง
"ฆ่า"ฉินโจ้วในเวลานี้เอ่ยปากขึ้น ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา คล้ายจะไม่แยแสแต่อย่างใดทำให้ฟลามิงโกถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ คล้ายกับไฟฟ้าลัดวงจรไปชั่วครู่จากการที่ฉินโจ้วตอบเขาไปอย่างตรงไปตรงมา
ใน่เวลาที่ฉินโจ้วกำลังเคลื่อนไหวสายฟ้าก็กะพริบวาบขึ้นเต็มดวงตาของฟลามิงโก เมื่อระดับผู้เชี่ยวชาญต่อสู้กันก็เห็นเพียงแค่แสงกะพริบวาบขึ้นฉินโจ้วคิดว่าน่าจะเป็เวลาที่ดีในการปลดปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''ออกไป
เพียงชั่วประกายแสงของหินไฟร่างของฟลามิงโกก็พลันหายไป ก่อนจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งโดยห่างออกไปราวห้าเมตรทำให้หลีกเลี่ยงการโจมตีที่อันตรายได้อย่างหวุดหวิด ''เคลื่อนไหวในพริบตา'' เป็ทักษะหนึ่งในตำนานซึ่งเรียกได้ว่าเร็วที่สุดในโลก ซึ่งฟลามิงโกยังต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ทักษะ ''เคลื่อนไหวในพริบตา'' เพราะว่าในปัจจุบันนั้นยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญทักษะทางด้านมิติจึงทำให้ต้องใช้ผ่านอุปกรณ์เท่านั้น
"หน่วง"
"อ่อนแรง"
ฟลามิงโกนั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้มามากมายหลังจากที่หลบ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ได้แล้ว ด้วยสัญชาตญาณในการต่อสู้ ทำให้เขาก็ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ตรงจุดเดิมอีกในขณะที่เอี้ยวตัวหลบทักษะหน่วงไปทางซ้ายอย่างฉิวเฉียด ในฐานะที่เขาเป็ผู้ใช้เวทถึงแม้ว่าจะมีความว่องไวและประสบการณ์ในการต่อสู้สูง ถ้าพูดออกไปก็อาจจะทำให้เกิดความละอายใจกับผู้เล่นอาชีพนักรบเป็จำนวนมากดูเหมือนว่าความโชคดีของเขาจะหมดลงแล้วการหลบหลีกทักษะเวทหน่วงดูเหมือนมาถึงขีดจำกัดเสียแล้วเมื่อไม่สามารถหลบหลีกเวททักษะที่สอง เขาจึงได้แต่จ้องมองดูทักษะเวทอ่อนแรงโจมตีเข้าใส่ร่างกายก่อนจะขึ้นค่าความเสียหายแบบติดลบ
การโจมตีสามครั้งอย่างต่อเนื่องของฉินโจ้วนั้น ฟลามิงโกสามารถหลบได้อย่างง่ายดายไม่เพียงแค่ความเร็วในการโจมตีนั้นรวดเร็วปานสายฟ้าแต่ยังไม่สามารถแยกออกได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วย แต่ละทักษะเมื่อประสานกันก็ก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่มากขึ้นก็จะล้อมพื้นที่ศัตรูเพื่อไม่ให้หนีออกมาได้ ซึ่งก่อนที่จะเลเวล 60 ฉินโจ้วยังไม่สามารถปล่อยสามทักษะออกมาได้เมื่อมองดูและคำนวณอย่างคร่าวๆแล้วก็ดูเหมือนระดับเลเวลจะสูงกว่าทั่วไปอยู่เล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็สิ่งที่ ฟลามิงโกคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
''ัไฟคำราม'' ฟลามิงโกคำรามก้องในขณะที่ทำการร่ายเวทจากนั้นก็ปรากฏัไฟขึ้นกลางอากาศเปลวไฟที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุดได้ถูกพ่นออกมาจากทางปากด้วยอุณหภูมิที่สูงทำให้อากาศโดยรอบถึงกับบิดเกลียว ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณรอบๆก็พากันเปลี่ยนเป็สีเหลืองในชั่วเวลาอันสั้น พื้นดินเริ่มแตกระแหงก่อนจะมีเปลวไฟปะทุขึ้นมาและพุ่งชนฉินโจ้ว มีผู้เล่นหลายคนที่หลบหนีไม่ทันเมื่อถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงเผาจนระเหยและตายกลายเป็แสงสีเทา
พรึ่บ...
ฉินโจ้วไม่สามารถหลบหลีกหรือพุ่งหลบหนีได้ทัน เปลวไฟพุ่งเข้าใส่ร่างของฉินโจ้วอย่างแม่นยำก่อนจะลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เมื่อมองดูจากภายนอกจะเห็นเพียงแสงสีแดงที่แผ่ขยายออกมาเป็บริเวณกว้างเนื่องจากอุณหภูมิความร้อนนั้นสูงมาก จนทำให้อากาศโดยรอบบิดตัวเป็เกลียว ซึ่งทำให้มองเห็นเปลวไฟที่อยู่ด้านในไม่ชัดเจนเพลิงลุกไหม้อยู่นานราวสิบวินาทีก่อนที่เปลวไฟจะกลายเป็ัพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและสลายหายไป
ฉินโจ้วนั้นยังคงอยู่ในสภาพเหมือนปกติไม่ได้มีรอยไหม้แม้เพียงเส้นผมสักเส้นหรือแม้แต่บนใบหน้า มีเพียงขี้เถ้าสีดำที่ถูกเผาไหม้อยู่บนพื้นเท่านั้นแสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวนั้นได้ถูกไฟเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิที่สูงมากซึ่งเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ฟลามิงโกถึงกับประหลาดใจเป็อย่างมาก จนแทบไม่เชื่อสายตาตนเองนี่เป็ทักษะเวทไฟระดับกลางที่ดีที่สุด ''ัไฟคำราม''ที่เป็เวทโจมตีเดี่ยว ก็ยังไม่สามารถสังหารฉินโจ้วลงได้ซึ่งฟลามิงโกก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าฉินโจ้วนั้นมีอาการาเ็หรือไม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกเ็ปใจในความอ่อนด้อยของตน
เสียงสายฟ้าะเิดังขึ้นอีกครา ประกายของสายฟ้าเจิดจ้าขึ้นก่อนที่ฟลามิงโกจะถูก ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' จนเกิดะเิกระจายเป็ชิ้นๆ และกลับไปเกิดใหม่ที่จุดเซฟมีเพียงฉินโจ้วเท่านั้นที่รู้ว่า ''ัไฟคำราม'' นั้นสร้างความเสียหายให้กับเขาถึง 5,000 หน่วยถึงแม้ว่าเขาจะมีอุปกรณ์ป้องกันเวทธาตุไฟที่ทรงพลังมากมายแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถลดความเสียหายของ ''ัไฟคำราม'' ได้มากอยู่ดี
หลังจากนั้นฉินโจ้วก็เรียกผึ้งเพชฌฆาตออกมาพร้อมกับอัศวินปฐีภายใต้การโจมตีร่วมกันของนักธนูจำนวนพันคน โดยโจมตีเข้าใส่ผู้ใช้เวทที่เหลือที่เคยอยู่ภายใต้การสั่งการจากฟลามิงโกหลังจากนั้นเพียงสิบนาทีพวกเขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่พร้อมกับดรอปอุปกรณ์ของพวกเขาไว้มากมาย
ถึงแม้ว่าจะชนะศึกครั้งนี้แต่สีหน้าของปี่เฟิงและแมวตะกละก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไรคงมีเฉพาะส่วนของนักธนูทั้งหนึ่งพันคนที่ยังอยู่ดี ทหารม้าสี่พันคนในเวลานี้เหลือเพียงครึ่งเดียวและถึงแม้ว่าจะได้ชัยชนะ แต่ก็มีผู้าเ็และล้มตายกันไปไม่น้อย ซึ่งพวกเขาเองก็ประหลาดใจที่กลุ่มผู้ใช้เวทนั้นมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้แต่นั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจในความอ่อนแอของตนเองด้วยเช่นกัน โชคยังดีที่ฉินโจ้วไม่ได้ตำหนิเขาในเื่นี้หลังจากเก็บกวาดสนามรบแล้ว กลุ่มคนที่เหลือนำโดยฉินโจ้ว ก็ตรงไปยังค่ายของทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตที่อยู่บริเวณที่ราบโลหิตต่อในทันทีโดยไม่ได้หยุดพัก
ใช่แล้ว...นี่คือการแก้แค้นศัตรู เพื่อให้ได้รู้ไว้ว่าจะได้รับผลเช่นไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้