คำพูดของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่รู้ว่าพูดไปเพราะความเมาหรือความบ้า ได้ทำร้ายจิตใจสาวน้อยอันอ่อนไหวของสวี่ชิวเยวี่ยเข้าอย่างจัง ภาพที่เห็นมีเพียงแม่นางผู้นั้นสองมือกำชายผ้าของตนเอาไว้แน่น ฟันขาวกัดริมฝีปาก ตกตะลึงไปครู่ใหญ่โดยไม่เอ่ยอะไรเลยแม้แต่คำเดียว นางบิดขยำชายผ้าอยู่สักพัก ก่อนจะหันหน้าวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่มองตามสวี่ชิวเยวี่ยไปกลับทำเหมือนกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น นางหยิบไหเหล้าข้างๆ ขึ้นมาใหม่ แล้วทำท่าทางเหมือนจะร่ำสุรากับด้วยกันเยวี่ยเจาหรานอีกครั้ง เยวี่ยเจาหรานกลับเม้มปาก ยกมือขึ้นยั้งการเคลื่อนไหวของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอาไว้ “เมื่อครู่นั่นเ้าทำอะไร ดูเบ้าตานั้นของเปี่ยวเม่ยเ้าสิ มันแดงก่ำขึ้นมาทันทีเลยนะ”
เยวี่ยเจาหรานเอ่ยเสียงไม่พอใจ ถึงอย่างไรวันนี้ก็คุยกันไว้ั้แ่เนิ่นๆ แล้วว่าจะจัดการกับสวี่ชิวเยวี่ยอย่างไร นึกไม่ถึงว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะก่อชนวนขึ้นมาใน่เวลาสำคัญอีก... เช่นนี้จะไม่เป็การแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกหรือ?
เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจเบาๆ แล้วจึงหลุบตาลง ไม่เอ่ยคำใด
“แล้วมันเป็อย่างไรกันเล่า!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแหงนหน้ากระดกสุราลงคออย่างไม่แยแส ยามนี้เมื่อสุราไหลลงคอ รู้สึกเพียงความร้อนรุ่ม ภายในลำคอเจ็บแสบร้อนผ่าว “อย่างไรเสียนางก็กำลังจะไปแล้ว หากให้นางออกเรือนไปโดยที่ยังเก็บพี่ชายข้าเอาไว้ในใจ คนอื่นรู้เข้าจะกลายเป็เื่ฉาวโฉ่ ถึงอย่างไรนางก็นับว่าเป็คนที่จวนเยี่ยนของข้าส่งไป”
แม้ว่าการพูดจาของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะมีเหตุผลที่ชัดเจน แต่ว่า... การเอ่ยวาจาต้องนุ่มนวลอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นยังเป็การเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ดูบอบบางอ่อนหวานอย่างสวี่ชิวเยวี่ย ในใจของเยวี่ยเจาหรานยังคงรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลพอ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแค่เอ่ยเสนอขึ้น “เข้าใจแล้ว ต่อไปก็อย่าชักสีหน้าใส่ผู้อื่นเช่นนี้อีก คนเขาอีกไม่นานก็จะต้องกลายเป็ภรรยาของตระกูลขุนนางโดยชอบธรรมแล้ว เ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ถุย!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถ่มน้ำลายใส่พื้นดินอย่างแรง “เ้ายังไม่ต้องพูดอะไร ข้าไม่มีแรงจะมาสู้รบตบมือกับนาง หากนางไปข้าถึงจะได้อยู่อย่างสงบเสียที จะได้อยู่อย่างมีความสุข! เ้าเองก็จะหมดปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งไปได้ไม่ใช่หรือ?”
คำพูดนี้ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแม้ฟังดูไม่ไพเราะนัก แต่กลับเป็ความจริงอันปฏิเสธไม่ได้ หากไม่เช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานเองก็ไม่จำเป็ต้องคิดหัวแทบแตกจัดเตรียมสามีในฝันอะไรนั่นให้สวี่ชิวเยวี่ยเช่นกัน...
แต่เยวี่ยเจาหรานในยามนี้ ก็เห็นคำพูดนี้ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็เพียงคนพูดของคนเมา ฟังเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปอย่างรวดเร็ว เยวี่ยเจาหรานโยกแกว่งไหเหล้าของตนไปทางเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะๆ ดื่มเหล้า ดื่มเหล้า”
แสงจันทร์หม่นครึ้ม ในที่สุดก็บดบังทั้งความทุกข์และสุขไปจนหมดสิ้น
ณ มุมหนึ่งของชานเมืองหลวง มีแดนสุขาวดีที่ไม่มีใครล่วงรู้อยู่ที่หนึ่ง แต่แทนที่จะบอกว่าเป็แดนสุขาวดี สู้บอกว่าเป็ไร่นาอันสุขสันต์จะดีกว่า ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใคร อย่างมากก็แค่ไก่เป็ปลา... เนื้อ
เฉินไฮว่ชิงนั่งอยู่หน้าบ่อปลาของบ้านตน บนคันเบ็ดตกปลานั้นไม่คิดจะเกี่ยวเหยื่อไว้เลยสักชิ้น แล้วรอที่จะจับเสือมือเปล่า [1] อ้อไม่สิ ต้องเป็จับปลามือเปล่า ในปากก็ยังฮัมเพลงรวมบทประพันธ์แห่งฮั่น [2] อย่างสบายอกสบายใจ ฟังดูรวมๆ ถึงรู้ว่าคงจะร้องว่า บัวไหลไหวเคลื่อนใต้เรือหาปลา [3]
“เหล่าเฉิน!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกล ทำให้เฉินไฮว่ชิงใจนเกือบจะเอียงตกจากที่นั่งลงไปเป็อาหารปลาเสียแล้ว
“เยี่ยนอวิ๋นเฟย... เอะอะอะไรของเ้า ทำปลาของข้าใหนีไปหมดแล้ว!” เฉินไฮว่ชิงลูบเคราขาว บ่นต่อว่าผู้มาเยือนทีหนึ่ง
อะไรนะ? เยี่ยนอวิ๋นเฟย... เหตุใดชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เช่นนี้นัก? อย่าบอกนะว่า เขาก็คือเยี่ยนอวิ๋นเฟยพี่ชายฝาแฝดของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ผู้ที่ควรจะต้องแต่งงานกับคุณหนูตระกูลเยวี่ยผู้นั้น?
คราวนี้เป็ทีของชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าเยี่ยนอวิ๋นเฟยตื่นตระหนกบ้าง ท่ามกลางความตระหนกเขารีบปิดปากเฉินไฮว่ชิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลางกดเสียงเบาเอ่ย กระซิบกระซาบอย่างลนลาน “เยี่ยนอวิ๋นเฟยอะไรของท่าน บอกแล้วไม่ใช่หรือ ให้เรียกข้าว่าเหยียนเฟย? หากให้คนที่เมืองหลวงรู้ว่าข้าหลบซ่อนใช้ชีวิตสบายใจเฉิบอยู่กับท่านที่นี่ อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย แม้แต่น้องสาวที่น่าเวทนาผู้นั้นของข้า ก็คงรีบปรี่มาประเคนกำปั้นให้ข้าแน่!
“อื้ออื้ออื้มอื้ม .... เ้า... เหยียน... เหยียนเฟย อื้ออื้อ...” เฉินไฮว่ชิงถูกอีกฝ่ายปิดปากเอาไว้ พูดงึมงำอะไรก็ฟังไม่รู้เื่ ทำให้เหยียนเฟยไม่มีทางเลือก ได้แต่ปล่อยหนวดขาวของเขาไปก่อน
“เอาเถอะๆ อย่ามัวงึมงำไร้สาระ มีอะไรท่านก็พูดให้ชัดๆ เถอะ อีกอย่างคันเบ็ดตกปลานี้ของท่าน บนนั้นแม้แต่เหยื่อก็ไม่มี จะจับเสือมือเปล่าหรืออย่างไร?”
เหยียนเฟยนั่งลงบนที่ว่างข้างๆ ทั้งอย่างนั้นโดยไม่ใส่ใจเื่เล็กน้อย พร้อมมองไปยังเบ็ดตกปลาในมือของเฉินไฮว่ชิงอย่างล้อเลียน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปลาทั้งหลายในบ่อปลานี้ของเ้าล้วนฉลาดว่องไวนัก จะถูกท่านหลอกได้หรือ? พวกมันแต่ละตัว ล้วนรอคอยที่จะออกมาเป็ปลาหลี่ส่งต่อความโชคดีให้ผู้อื่นอย่างบ้าคลั่งต่างหาก...” [5]
“ถุย! เ้าจะไปเข้าใจอะไร?” เฉินไฮว่ชิงหันไปด่าทอเหยียนเฟยคำหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ย “ข้าผู้นี้คือเจียงไท่กงตกปลา ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด [4] ”
“รู้แล้วๆ ตกไป ตกไป ใครชอบตกปลาก็ตกไป!” เหยียนเฟยยื่นมือไปดึงหญ้าหางแมวบนพื้นหญ้ามาก้านหนึ่ง คาบแกว่งควงอยู่ปากไม่หยุด แต่สายตาของเขากลับกวาดมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งจึงขยับเข้าไปใกล้เบื้องหน้าของเฉินไฮว่ชิงอย่างลึกลับ “ข้าว่านะ ตาแก่...”
เฉินไฮว่ชิงรู้อยู่แก่ใจ หากเ้าปีศาจร้ายในร่างมนุษย์นี่มาหา ปลาของตนก็คงจะตกไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ไม่มีเหยื่อตกปลาเลย ต่อให้มี ปลาก็คงถูกเหยียนเฟยเ้าลิงทโมนผู้นี้ทำเตลิดหนีไปหมด เมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงไม่ทู่ซี้ต่อ วางคันเบ็ดแล้วฟังเขาพูดพล่ามที่ข้างหู
“ตาแก่อะไร เ้านั่นแหละตาแก่...!”
เมื่อเห็นเฉินไฮว่ชิงพ่นลมเป่าหนวดเบิกตามอง เหยียนเฟยก็ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เขายิ้มตาพริ้มอย่างประนีประนอม แล้วจึงเอ่ยขึ้นใหม่อีกครั้ง “ข้าว่านะ เยว่เยียนเยียนอะไรนั่น ช่างไม่ปกติจริงๆ นางจะไปเมื่อใดกัน?”
เยว่เยียนเยียน... เฉินไฮว่ชิงหัวเราะอย่างเก้ๆ กังๆ ยกมือขึ้นเกาหัวอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งรู้สึกว่าผมของตนใกล้จะล้านแล้ว ถึงเอ่ยขึ้น “ไม่ไป นางไม่ไป”
“ไม่ไป?!” คำพูดนั้นกลับทำให้เหยียนเฟยทำตัวไม่ถูกอย่างมาก สตรีมากเื่ประหลาดผู้นั้นคิดจะดื้อดึงอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยหรืออย่างไร? แต่ั้แ่ตนหนีงานแต่งงานมาซ่อนตัวที่นี่ สตรีผู้นี้ก็อยู่กับตนมาเดือนหนึ่งกว่าแล้ว!
ใน่เวลาหนึ่งเดือนกว่านี้ สามารถพูดได้เลยว่าเป็วันเวลาที่ดำมืดที่สุดในชีวิตของเหยียนเฟยแล้ว ตื่นตรงเวลาทุกวันยังพอว่า ในอาหารยังไม่มีน้ำมันอะไรเลย เนื้อสักชิ้นก็ยังต้องแย่งชิงกับเฉินไฮว่ชิงตาแก่นี่เป็ครึ่งวัน หากเยว่เยียนเยียนนั่นยังไม่ไปอีก เหยียนเฟยนั้นหากไม่ถูกบีบจนกลายเป็บ้า ก็ต้องถูกบีบจนตายแน่
“หากนางไม่ไปแล้วพวกเราสองคนจะได้อยู่ดีหรือ?!” เหยียนเฟยลุกยืนขึ้น เอ่ยขึ้นอย่างดุร้าย “ไม่ได้ๆ นางจะต้องไปเสีย!”
คำพูดนั้นทำให้เฉินไฮว่ชิงลำบากใจยิ่ง แต่กลับไม่อาจเอ่ยระบายทุกข์ พูดออกมาไม่ได้ เยว่เยียนเยียนผู้นี้ก็เหมือนเ้านั่นแหละ นางก็หนีงานแต่งมาเหมือนกัน หากเ้าไล่นางไปยามนี้ แล้วนางจะไปที่ไหนได้เล่า?
เฉินไฮว่ชิงก้มหน้าลงอีกครั้ง ไม่เอ่ยอะไร
“นึกถึงท่านผู้เฒ่าเฉิน ก็เป็ผู้ที่เคยมีอำนาจอาจเปลี่ยนแปลงลมฟ้า เหตุใดจึงยอมทำตามกับหญิงสาวตัวเล็กๆ ผู้เดียวกัน? นางไม่ไป ไม่ไปก็ได้ เช่นนั้นท่านก็ต้องให้นางเพิ่มอาหารให้กับพวกเรา ข้ารับผักกาดขาวต้มน้ำเปล่าพวกนั้นมาเกินพอแล้ว!” เหยียนเฟยเอ่ยอย่างขุ่นเคือง แทบอยากจะถลกหนังแม่เยว่เยียนเยียนอะไรนั่นเสียตรงนั้นเลย...
ไม่หมดแค่ถลกหนัง เป็ไปได้ว่าเขาคงต้องกระทืบเท้าสองข้างลงไปบนหนังของนางอย่างโเี้ด้วย ถึงจะคลายความโมโหไปได้
เชิงอรรถ
[1] จับเสือมือเปล่า (空手套白狼) หมายถึงการแสวงหาประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน หรือการทำการใดที่เสี่ยงต่อความล้มเหลวโดยไม่มีการเตรียมพร้อม
[2] รวมบทประพันธ์แห่งฮั่น (汉乐府) หมายถึงเพลงที่รวบรวมโดยกรมสังคีตแห่งรัฐฮั่น
[3] บัวไหลไหวเคลื่อนใต้เรือหาปลา (莲动下渔舟) ท่อนหนึ่งในบทกวี หุบเขาหลังพิรุณใบไม้ร่วง《山居秋暝》โดย หวังเหวย (王维)
[4] เจียงไท่กงตกปลา ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด (姜太公钓鱼, 愿者上钩) หมายถึงการยินยอมทำเื่ใดเื่หนึ่งด้วยความสมัครใจ
[5] ส่งต่อปลาหลี่/ปลาคาร์ป (转发锦鲤) เป็คำศัพท์ยอดนิยมในอินเทอร์เน็ตของทางประเทศจีน โดยในตอนแรกมีการโพสต์ภาพของปลาคาร์ปพร้อมข้อความว่าหากรีโพสต์แล้วจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น และได้มีการรีโพสต์กันไปอย่างมหาศาล (ปลาคาร์ปเป็ตัวแทนความโชคดีของจีน)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้