“คุณชายจ้าว ถึงแล้วขอรับ”
รถมาจอดที่ประตูร้านเครื่องหอม คนบังคับม้าเอ่ยด้วยความเคารพพลันเปิดม่านรถ
ยามนี้ที่ด้านนอกมืดไปหมด คนบังคับม้าจึงถือโคมไฟส่องแสงให้เวินซีและจ้าวต้าน
จ้าวต้านพยักหน้า เอื้อมมือไปโอบเอวเวินซีและอุ้มนางขึ้นมา
เมื่อเวินซีรู้สึกได้ว่าตัวเบาอย่างกะทันหันก็ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง
“ขอบคุณเ้าค่ะ” หลังจากที่เห็นว่าเป็จ้าวต้าน นางก็พูดเบาๆ แล้วบิดตัว เปลี่ยนเป็ท่าที่สบายและนอนต่อไป
จ้าวต้านเม้มริมฝีปาก แล้วอุ้มนางเข้าไปด้านใน
เมื่อตะเกียงถูกจุดขึ้น ห้องที่มืดมิดก็พลันส่องสว่าง
จ้าวต้านวางเวินซีลงบนเตียงอย่างระมัดระวังและห่มผ้าห่มให้ จากนั้นก็ไปเปิดหน้าต่างและนั่งลง
ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมา จ้าวซานก็เข้ามาทางหน้าต่างด้วยสีหน้าเ็า
เมื่อเขาเห็นจ้าวต้านก็รีบคุกเข่าลงทันที
“เื่ที่สั่งให้เ้าไปทำ ได้เื่อย่างไรแล้วบ้าง?” จ้าวต้านยืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วถามด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“นายท่านขอรับ คนส่วนใหญ่ในถ้ำถูกฆ่าแล้ว มีอีกส่วนหนึ่งที่หนีไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าได้ตรวจสอบภายในเมืองแล้วแต่ไม่พบว่ามีทหารลับคนใดหลงเหลืออยู่ขอรับ”
“ตอนนี้มีเพียงทหารลับที่อยู่รอบๆ ร้านเครื่องหอม ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะมีกำลังเสริม เพียงแค่พวกเขาลงมือ เราก็ฆ่าทิ้งได้เลยขอรับ”
“ดีมาก” จ้าวต้านพยักหน้านิ่งๆ ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เวลานี้หลานเยว่เฉิงเป็ไก่ในกำมือของเขาแล้ว ส่วนฮ่องเต้สุนัขหากได้รู้ข่าวเข้าคงจะร้อนรนมาก...
ในเมื่อเขาจะต้องจากไปแล้ว เช่นนั้นก็จะมอบของขวัญชุดใหญ่ให้
“กองกำลังของเราล่ะ?” จ้าวต้านสงบลง แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
“ทหารและม้าของเราเคลื่อนย้ายกำลังพลแล้วขอรับ สามารถออกไปได้ทุกเวลา”
“ดี กลับไปเตรียมตัวเถิด”
“ขอรับนายท่าน”
หลังจากที่จ้าวซานจากไป ภายในห้องก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครา เมื่อจัดการสถานการณ์ด้านนอกเสร็จแล้ว จ้าวต้านจึงไม่ต้องกังวลเื่ที่จะมีนักฆ่าบุกเข้ามาอีก เขาดับไฟตะเกียงพลันขึ้นไปพักผ่อนบนเตียง
ที่สวนหลังเรือน
สืออีะโลงจากกำแพงมาที่ลานเรือนเบาๆ เขาสอดส่องไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดแล้วจึงผลักประตูเข้าไปในห้องเก็บฟืน
“นายท่าน” เขาพูดด้วยความเคารพ โยนธูปที่อยู่บนโต๊ะออกไปและยกเท้าเหยียบมันจนดับ
ขณะนั้นหลานเยว่เฉิงกำลังเหม่อลอยอยู่ เมื่อได้เห็นสืออี สายตาก็มืดลงและค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
“สถานการณ์ข้างนอกเป็เช่นไรบ้าง?” เขาเอ่ยปากถาม พลางขยับตัวเดินมาเบื้องหน้าสืออี
“แผนการล้มเหลวแล้วขอรับ ยาแก้พิษถูกเวินซีปล้นไป เวลานี้ประชาชนหายดีกันหมดแล้วขอรับ” สืออีคุกเข่าลงพูด
เป็อย่างที่คาดไว้ สีหน้าของหลานเยว่เฉิงมิได้เปลี่ยนไปมากนัก
“ทหารลับพร้อมแล้วหรือยัง?”
“เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วขอรับ พวกเรารอเพียงคำสั่งของนายท่าน”
“ยามจื่อคืนพรุ่งนี้ลงมือเสีย” หลานเยว่เฉิงมองดูแสงจันทร์พลันหรี่ตาลง
“ขอรับ”
“พรุ่งนี้นำชุดทหารลับมาให้ข้า ให้ทหารลับที่มีรูปร่างเดียวกับข้าสวมชุดข้าเสีย”
แม้ว่าจะเตรียมการไว้แล้ว แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือต้านอวี้เสวียน เทพเ้าาผู้ไม่เคยพ่าย เขาจำต้องระวังเป็สองเท่า
“ขอรับนายท่าน จะจัดการเวินเยียนเช่นไรขอรับ?”
“พรุ่งนี้ให้คนพานางไปด้วย นางยังมีประโยชน์อยู่”
“ขอรับ” เมื่อตอบรับคำของเ้านายทั้งหมดแล้ว แววตาของสืออีพลันสั่นไหว เขาเกิดความลังเลและถามขึ้นอีกครา “นายท่าน เมื่อใดข้าจะได้เจอน้องสาวของข้าขอรับ?”
“หลังจากที่เื่นี้จบลง ข้าจะให้เ้าเจอกับน้องสาว กลับไปเถิด อย่าให้ผู้ใดรู้เข้าล่ะ”
“ขอรับ” สืออีกำหมัดแน่น ลุกขึ้นแล้วถอยกลับไป
ในยามนั้นร้านเครื่องหอมจึงกลับมาเป็ปกติ ปกคลุมไปด้วยความมืดในตอนกลางคืน และเงียบสงบจนน่าขนลุก
วันรุ่งขึ้น เวินซีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูที่รีบร้อน
ตอนนี้จ้าวต้านไม่อยู่แล้ว นางจึงขมวดคิ้ว เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินไปที่ประตูด้วยความรำคาญ ก่อนจะดึงให้ประตูเปิดออก
จ่างกุ้ยปรากฏตัวด้วยสีหน้ามีความสุขและตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อได้เห็นเวินซี
“คุณหนูเวินซี มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่หน้าร้านั้แ่เช้าแล้วขอรับ บอกว่ามาหาคุณหนู”
“มาหาข้าหรือ? ผู้ใดกัน?” เวินซีมีสติขึ้นมาก แล้วถามด้วยความสงสัย
“คนจากสำนักหมอหลวงขอรับ เป็เื่ดีขอรับ คุณหนูเวินซีไปดูก็จะรู้เองขอรับ ตามข้ามาเถิด”
จ่างกุ้ยดูทำตัวลับๆ ล่อๆ ทั้งยังตื่นเต้นสุดขีด เวินซีมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย แต่ก็เดินตามไปทีละก้าว
ยังไม่ทันไปถึงโถงหน้า นางก็ได้ยินเสียงตีฆ้องดังลอยมาแล้ว
ในใจของนางพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปที่โถงหน้า
“ออกมาแล้ว คุณหนูเวินซีเดินออกมาแล้ว!”
“คุณหนูเวินซีเ้าคะ!”
“คุณหนูเวินซีขอรับ!”
......
น้ำเสียงที่กระตือรือร้นดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงปรบมือ เวินซีถึงกับตะลึงไป เบื้องหน้าของนางเต็มไปด้วยของขวัญและดอกไม้ที่กลุ่มคนถือมา
“คุณหนูเวินซี ขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตบุตรชายข้าเ้าค่ะ นี่เป็ของที่ข้าเตรียมไว้ให้คุณหนูเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินซี ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว หากมิได้คุณหนูพวกเราคงต้องแยกจากกันไปนานแล้ว ของพวกนี้ต้องรับไว้นะขอรับ ถือเป็คำขอบคุณจากข้า”
“คุณหนูเวินซี...”
......
มีเสียงพูดอีกมากมายดังขึ้น เวินซีขมวดคิ้ว นางมองผู้คนอย่างทำอันใดไม่ถูก
ชีวิตในชาติที่แล้วของนางมีเพียงความโเี้ที่ฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วน นางมีแต่จะโดนดูถูกและย่ำยี แต่นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้รับความรักจากผู้คน นางไม่รู้เลยว่าจะทำให้พวกเขาสงบลงได้อย่างไร
หมอผู้เฒ่าเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นเล็กน้อย คนรับใช้ก็นำยาสมุนไพรที่ล้ำค่ามาหีบหนึ่งพลันวางลงบนพื้น
“คุณหนูเวินซี” เขาพูดเสียงนิ่ง
เมื่อเวินซีได้เจอคนที่คุ้นเคยเสียที นางก็เดินไปหาและหยุดลงที่เบื้องหน้าของเขา “อาจารย์หมอ นี่หมายความเช่นไรเ้าคะ?”
“นี่คือคำขอบคุณของพวกเขา เ้ารับไว้เถิด เช่นไรเสียก็เป็เจตนาดี หากเ้าไม่รับไว้ พวกเขาจะต้องเสียใจแน่ เวลานี้เ้าเป็ดั่งพระโพธิสัตว์เดินดินสำหรับพวกเรา” หมอผู้เฒ่าเอ่ยปากและยิ้มเบาๆ
คำพูดของเขามีเหตุผล เวินซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง เดินไปที่กลางร้าน มองดูประชาชนแล้วกระแอมก่อนจะเริ่มพูด
“ขอบพระคุณเจตนาดีของทุกท่านเ้าค่ะ ของพวกนี้ข้าขอรับไว้ วันนี้ข้าจะเลี้ยงหม้อไฟและชานมเป็การตอบแทนพวกท่าน เชิญทุกท่านไปใช้บริการที่ร้านได้เลยเ้าค่ะ”
เมื่อนางพูดจบ เสียงเฮก็ดังขึ้น หลังจากที่ผู้คนกล่าวขอบคุณนางแล้วก็พากันเดินไปที่เวินเซียงเก๋อ
เมื่อเห็นทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เวินซีก็ถอนหายใจโล่งอก หลังจากที่นางกล่าวลาหมอผู้เฒ่าแล้วก็เดินกลับเข้าไปหลบในร้านเครื่องหอม
ขณะนั้นจ้าวต้านกับต้วนจิงเย่นั่งอยู่ที่มุมร้าน พวกเขาได้เห็นภาพบรรยากาศเมื่อครู่ั้แ่ต้นจนจบ ทั้งสองมีความคิดแตกต่างกันไป แต่กลับมีใบหน้ายิ้มเช่นเดียวกัน
“แม่ทัพต้านแต่งงานกับสตรีที่ยอดเยี่ยมจริงนะขอรับ ความเคารพรักที่นางได้จากผู้คนเมื่อเทียบกับท่านแล้ว นางมีน้อยกว่าท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะขอรับ” หลังจากที่ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง ต้วนจิงเย่ก็พูดติดตลก
“ย่อมเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว นางเป็คนเก่งเสมอ” จ้าวต้านยอมรับทุกคำชม
ต้วนจิงเย่เหลือบมองเขาแล้วมองดูเวินซีที่เข้ามาใกล้ ในตอนที่นางนั่งลง เขาก็รินชาส่งไปให้ “ฮูหยินต้าน ดื่มชาหน่อยขอรับ”
นี่เป็ครั้งแรกที่เวินซีได้ยินคนเรียกเช่นนี้ นางขมวดคิ้วเพราะยังไม่คุ้นชิน “คุณชายต้วนเรียกข้าว่าเวินซีเถิดเ้าค่ะ”
“ได้ เวินซี” ต้วนจิงเย่พูดอย่างสง่างามพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“คุณชายต้วน เวลานี้สถานการณ์ที่เมืองหลวงเป็เช่นไร? ในตอนที่ท่านมา องค์ชายใหญ่ได้รับสั่งอันใด?” เมื่อจ้าวต้านได้เห็นสายตาของเขาที่มองไปก็ไม่ชอบใจ จึงเอ่ยปากเรียกให้เขาหันหน้ากลับมา
เมื่อพูดถึงเื่นี้ ต้วนจิงเย่ก็กลับมามีท่าทีจริงจัง
“ทุกเื่ราวในเมืองหลวงเป็ไปตามความปรารถนาของฮ่องเต้องค์ใหม่ั้แ่ที่ท่านหายตัวไป”
“เพราะเหตุใดกัน?” จ้าวต้านขมวดคิ้วเล็กน้อย