สี่สิบสองคนที่ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ล้วนก้มศีรษะ รอคอยอาจารย์ใหญ่อย่างเงียบงัน
ไม่นานนัก บุรุษรูปงามหน้าตาอ่อนเยาว์ สวมชุดขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวบนเวทีสูงของตำหนักใหญ่
หลิ่วเทียนฉีเงยหน้ามองบุรุษรูปงามบนแท่นพลันตะลึงเล็กน้อย ในความคิดของเขา ผู้มีความสามารถระดับดวงปราณ ผู้ทรงเกียรติเป็หัวหน้าของวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ควรเป็ผู้เฒ่าผู้มีกลิ่นอายเซียนคนหนึ่ง ไม่ควรเป็บุรุษรูปงามอ่อนยาว์เช่นนี้
แต่เมื่อคิดถึงบิดาตน หลิ่วเทียนฉีเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว หากพลังถึงระดับดวงปราณแล้ว ต่อให้เดิมหน้าตาน่าเกลียดก็ปรับเปลี่ยนได้ และยังไม่ปรากฏสภาพแก่ชราอีก ดังนั้น เขาคิดว่าอาจารย์ใหญ่ตรงหน้าคงใช้ใบหน้าจริง แต่หัวหน้าอาจารย์ใหญ่เฟิงกู่ผู้มีกลิ่นอายเซียนแลดูสูงส่ง ดูเหมือนแปลงโฉมเสียมากกว่า!
“ข้าคืออู๋ฉิง อาจารย์ใหญ่แห่งวิทยาลัยยันต์” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“คารวะอาจารย์ใหญ่อู๋ฉิง!” ผู้คนก้มศีรษะรีบร้อนคำนับ
“เื่อื่นข้าจะไม่พูดมาก พวกเ้าล้วนเป็ผู้ฝึกตนที่มีพื้นฐานวิชายันต์ ข้าหวังว่าในวันหน้า พวกเ้าจะขยันพากเพียรศึกษาศาสตร์ยันต์ในวิทยาลัยต่อไป อีกเื่หนึ่ง ข้าขอพูดถึงกฎเพียงข้อเดียวของวิทยาลัยเซิ่งตูสักหน่อย นั่นก็คือ พวกเ้าไม่อาจเข่นฆ่าศิษย์ร่วมสำนักที่วิทยาลัยเซิ่งตูได้ จุดนี้หวังว่าพวกเ้าจะจดจำไว้”
“รับทราบขอรับ อาจารย์ใหญ่!” ผู้คนต่างขานรับพร้อมพยักหน้า
“เอาล่ะ พูดเท่านี้แล้วกัน! ต่อไปให้ศิษย์พี่ของพวกเ้าพาไปรับเครื่องแบบของวิทยาลัยเซิ่งตู แล้วค่อยพาพวกเ้าไปพักผ่อนที่ห้องของแต่ละคน!” อู๋ฉิงโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้คนออกไป
“รับทราบ!” ทุกคนขานรับก่อนตามศิษย์พี่ชาย ศิษย์พี่หญิงทั้งหลายออกไปด้วยกัน
หลังหลิ่วเทียนฉีกับผู้ฝึกตนชายอีกสามคนรับเสื้อผ้าเรียบร้อย พวกเขาถูกพามายังห้องสี่คนห้องหนึ่ง
หลิ่วเทียนฉีดูสภาพในห้องเล็กน้อยแล้วทักทายสหายร่วมห้องอีกสามคน จากนั้นเปลี่ยนเป็เครื่องแบบวิทยาลัยเซิ่งตู ออกจากวิทยาลัยยันต์ไปวิทยาลัยยุทธ์ ตามหาเฉียวรุ่ย
เขาถามศิษย์พี่วิทยาลัยยุทธ์หลายคนถึงได้หาที่พักของคนรักพบ
“เทียนฉี!” เฉียวรุ่ยเห็นเขามาหาก็ดีใจเป็อย่างยิ่ง
ทว่า เมื่อเห็นเฉียวรุ่ยถูกจัดอยู่ห้องเดียวกับผู้ชายคนอื่นอีกสามคน ใบหน้าเขาถมึงทึงขึ้นมาทันที
“ไปกับข้า!” หลิ่วเทียนฉีจับแขนเฉียวรุ่ย พาเดินออกจากห้อง
“ไปไหน?” เฉียวรุ่ยถูกลากมาอย่างไม่รู้สาเหตุก็งุนงงอยู่นิดๆ
“เปลี่ยนห้อง ห้องนั้นพักไม่ได้หรอก!” ล้อเล่นอะไรกัน คนของเขาจะให้ไปพักห้องเดียวกับบุรุษอื่นได้อย่างไรเล่า?
“เทียนฉี ไม่ต้อง ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะบอก
“ไม่ต้อง เ้าจะนอนด้วยกันกับบุรุษคนอื่นหรือ?” หลิ่วเทียนฉีหันใบหน้าบึ้งตึงมามองอีกฝ่าย
“ข้า...” เฉียวรุ่ยเห็นหน้าที่ดำเป็แถบนั่นก็หดคอ ไม่กล้าเอ่ยต่อ
เขาพาเฉียวรุ่ยมาถึงตำหนักธุรการของวิทยาลัยยุทธ์
“ศิษย์พี่ท่านนี้ เรียกขานอย่างไรหรือ?” หลิ่วเทียนฉีมาถึงตรงหน้าศิษย์พี่ผู้ดูแลก็คำนับอย่างนอบน้อม
“อ้อ ข้าแซ่หวัง หวังเฉิง” หวังเฉิงมองทั้งสองคน พอเห็นเป็ศิษย์ใหม่อดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
“ศิษย์พี่หวัง ข้าอยากเปลี่ยนห้องให้เฉียวรุ่ย เขาเป็บุรุษสองเพศ หากอยู่ด้วยกันกับผู้ฝึกตนชายคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก!”
ได้ยินคำนี้ หวังเฉิงก็ลำบากใจเล็กน้อย คิ้วขมวดขึ้นมาทันที
“ศิษย์น้อง คือแบบนี้ พวกเราวิทยาลัยยุทธ์ไม่มีบุรุษสองเพศคนอื่น มีเพียงศิษย์น้องเฉียวรุ่ยคนเดียว จะจัดเขาไปไว้ที่ห้องผู้ฝึกยุทธ์หญิงก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้น เอาเช่นนี้ดีไหม ให้ข้าไปเจรจากับวิทยาลัยโอสถสักหน่อย ด้านนั้นมีบุรุษสองเพศคนอื่นอยู่ ให้ศิษย์น้องเฉียวพักด้วยกันกับบุรุษสองเพศด้านนั้นก็ได้!”
“ไม่ ไม่ต้องไปวิทยาลัยโอสถหรอก ข้าอยากเช่าห้องเดี่ยวสักห้องให้เฉียวรุ่ย ไม่ทราบว่าวิทยาลัยยุทธ์ของพวกเรายังมีห้องเดี่ยวเหลืออยู่หรือไม่?” หลิ่วเทียนฉีมองอีกฝ่ายก่อนถามอย่างมีมารยาท
“อา ก็มีอยู่ แต่ห้องสี่คนหนึ่งเดือนใช้หนึ่งร้อยก้อนศิลาทิพย์ ห้องเดี่ยวหนึ่งเดือนต้องใช้ห้าร้อยก้อนศิลาทิพย์เชียวนะ!” หวังเฉิงมองหลิ่วเทียนฉีแล้วบอกตามจริง
“ฮะ ห้า? ห้าร้อยก้อนศิลาทิพย์เชียวหรือ? แพงเกินไปแล้ว ช่างเถอะเทียนฉี!” เฉียวรุ่ยมองคนรักข้างกายแล้วส่ายศีรษะทันที
“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาห้องเดี่ยวห้องหนึ่ง เช่าให้เฉียวรุ่ยครึ่งปี!” หลิ่วเทียนฉีพูดตาไม่กะพริบสักนิดพลางหยิบศิลาทิพย์สามพันก้อนออกมาส่งให้หวังเฉิง
“ได้ ข้าจะลงทะเบียนให้ศิษย์น้องเฉียวสักหน่อย หลังจากนั้นจะพาพวกเ้าไปดูห้องเอง!”
“ลำบากศิษย์พี่หวังแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางนำศิลาทิพย์อีกหนึ่งร้อยก้อนออกมาส่งให้อีก
“ศิษย์น้อง นี่เ้าทำอะไร!” หวังเฉิงส่ายศีรษะ ไม่รับมา
“ศิษย์พี่รับไว้เถอะ นี่เป็ของตอบแทนจากศิษย์น้องให้ท่าน เฉียวรุ่ยเพิ่งมาถึง ยังต้องให้ศิษย์พี่ดูแลอีกมาก!”
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้อง เ้าเกรงใจเกินไปแล้ว เ้ามาจากวิทยาลัยไหนเล่า? เป็ศิษย์ใหม่เหมือนกันสินะ?” หวังเฉิงรับศิลาทิพย์ของหลิ่วเทียนฉีไป จึงเกรงใจเฉียวรุ่ยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอรับ ข้าชื่อหลิ่วเทียนฉีจากวิทยาลัยยันต์ ข้าเป็คู่หมั้นของเฉียวรุ่ย!”
“อ้อ!” หวังเฉิงได้ยินอย่างนั้นก็มองทั้งสองคนแล้วพยักหน้าหลายหน
หลังลงทะเบียนในสมุดทะเบียนเรียบร้อย หวังเฉิงพาพวกเขามาถึงเขาด้านหลังของวิทยาลัยยุทธ์เพื่อดูห้อง
เขาด้านหลังของวิทยาลัยยุทธ์เป็เขาเขียวน้ำใส มีูเา ลำน้ำและป่าไม้ ทิวทิศน์ช่างงดงามยิ่งนัก ส่วนห้องน้อยที่หวังเฉิงพูดถึงสร้างอยู่ที่ตีนเขา ติดูเาอยู่ริมน้ำ ในบริเวณร้อยเมตรมีเพียงห้องน้อยห้องนี้เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดรบกวน เงียบสงบอย่างประหลาด ดูแล้วไม่เลวอย่างยิ่ง
เมื่อเข้ามาใกล้ เห็นห้องราคาเดือนละห้าร้อยก้อนศิลาทิพย์ถึงกับเป็เรือนเดี่ยวแยกต่างหาก ด้านนอกมีลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในลานมีโต๊ะหินกับม้านั่ง และยังมีต้นหลิวต้นหนึ่งให้ความร่มเย็น หลิ่วเทียนฉีรู้สึกพอใจนัก
เขาเดินเข้ามาในบ้านหลังน้อยที่มีเพียงห้องเดียว พบว่าเตียงคู่ดูสะอาดและกว้างขวางเป็อย่างยิ่ง ในห้องมีโต๊ะกับเก้าอี้เช้าชุดกัน แถมยังมีชุดชงชา อ่างล้างหน้าและตู้เสื้อผ้า ถึงแม้จะเล็กกะทัดรัดแต่อุปกรณ์มีครบครัน สภาพไม่เลวทีเดียวเชียว
“ศิษย์น้องทั้งสองเห็นว่าอย่างไร ห้องนี้ค่อนข้างเงียบสงบ แต่หากพวกเ้าไม่ชอบ ยังมีอีกหลายห้องเลยล่ะ ให้ข้าพาไปดูห้องอื่นก็ได้นะ!” หวังเฉิงมองทั้งสองคนด้วยใบหน้ายิ้มก่อนถาม
“ไม่ต้องแล้วศิษย์พี่หวัง ห้องนี้ดียิ่ง!” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะตอบกลับ
“รับไปสิ นี่คือป้ายหมายเลขของห้องนี้ ศิษย์น้องทั้งสองต้องรักษาให้ดี มันคือหลักฐานว่าพวกเ้าเป็เ้าของห้อง!”
“ขอบคุณศิษย์พี่หวัง พวกเราจะรักษาอย่างดี!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางรับป้ายหมายเลขมา
“ศิษย์น้องหลิ่ว ที่จริงห้องเล็กนี้ถูกเตรียมสำหรับคู่ครอง หากเป็เช่นนี้ เ้ากลับไปยื่นเื่กับวิทยาลัยยันต์สักหน่อย คืนห้องสี่คนนั้นไป เ้าสามารถประหยัดไปได้หนึ่งร้อยก้อนศิลาทิพย์ต่อเดือนเชียวนะ!”
“ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ?” เฉียวรุ่ยได้ยินเื่นี้ อดกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้
“แน่นอนสิ คู่ครองย่อมพักอยู่ด้วยกันได้” หวังเฉิงพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ถ้าศิษย์พี่พูดเช่นนี้ ทุกเดือนพวกเราจ่ายเพิ่มแค่สามร้อยก้อนศิลาทิพย์เท่านั้นหรือ?” เมื่อลองคำนวณดู เฉียวรุ่ยรู้สึกว่าขาดทุนไม่มากนัก
“ใช่แล้ว!” หวังเฉิงพยักหน้า เขายิ้มเอ่ย
“ขอรับ ขอบคุณศิษย์พี่หวังที่บอก ข้าเข้าใจแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้ารับ
“อีกอย่าง นี่เป็ของเล็กน้อย นับว่ามอบให้เป็ของขวัญพบหน้าศิษย์น้องทั้งสองก็แล้วกัน!” หวังเฉิงพูดพลางเอากระดาษที่พับไว้หลายชิ้นส่งให้หลิ่วเทียนฉี
“ขอบคุณศิษย์พี่หวัง!” เขาบอกก่อนยื่นมือไปรับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ศิษย์น้องทั้งสองรีบพักผ่อนเถอะ ข้าไปก่อน!”
“ศิษย์พี่หวัง เดินทางปลอดภัย!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้าอย่างมีมารยาท ส่งศิษย์พี่ออกจากเรือนน้อย
“เทียนฉี นี่คืออะไรหรือ?” เฉียวรุ่ยมองกระดาษพับในมือเขา ถามอย่างสงสัย
“น่าจะเป็คำแนะนำเกี่ยวกับอาจารย์และอาจารย์ใหญ่บางคนของวิทยาลัยยุทธ์กระมัง!” พูดพลางส่งกระดาษพับให้เฉียวรุ่ย
เฉียวรุ่ยเปิดดู เป็คำแนะนำเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์จริงเสียด้วย นิสัย ความชอบ จุดเด่นของหน้าตาล้วนอธิบายไว้อย่างละเอียด
“ว้าว ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!” เฉียวรุ่ยมองคำแนะนำในมือ กะพริบตาอย่างงุนงง
“เช่นนั้นเ้าดูไปก่อน ข้าจะกลับไปแจ้งวิทยาลัยยันต์สักครู่ คืนห้องสี่คนของข้าสักหน่อย!”
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยพยักหน้า มองส่งหลิ่วเทียนฉีเดินจากไป
.........
ครึ่งชั่วยามให้หลัง หลิ่วเทียนฉีจัดการธุระที่วิทยาลัยยันต์เรียบร้อย เขากลับมาถึงเรือนน้อย
เวลานี้ เฉียวรุ่ยยังคงอ่านกระดาษพับในมืออยู่
“ยังอ่านไม่จบอีกหรือ?” เขาเดินมาข้างกายเฉียวรุ่ย ใบหน้ายิ้มเอ่ยถาม
“อ่านจบแล้ว!” เฉียวรุ่ยพูดจบพลันมีสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ทำไมหรือ?” หลิ่วเทียนฉีเห็นเฉียวรุ่ยกลุ้มใจ ใบหน้าไม่สดใส รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“เ้าดูนี่สิ!” เฉียวรุ่ยพูดพลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขาดู
“ห้องแรงโน้มถ่วงใช้ฝึกฝนร่างกาย ฝึกฝนวิชาต่อสู้มือเปล่า เข้าหนึ่งวันค่าใช้จ่ายคนละหนึ่งร้อยก้อนศิลาทิพย์ หอตำราเก็บคัมภีร์วิชาและคัมภีร์ศาสตร์นานาชนิด เข้าหนึ่งวันคนละหนึ่งร้อยก้อนศิลาทิพย์ สระน้ำพุทิพย์ช่วยดูดกลืนพลังทิพย์ ช่วยผู้ฝึกตนฝึกฝน สระสองคนใช้สองร้อยก้อนศิลาทิพย์ต่อหนึ่งวัน สระห้าคนใช้สี่ร้อยก้อนศิลาทิพย์ต่อหนึ่งวันและสระสิบคนใช้แปดร้อยก้อนศิลาทิพย์ต่อหนึ่งวัน หอคอยรู้แจ้งสำหรับดูดกลืนปราณทิพย์กับเลื่อนระดับพลัง เข้าหนึ่งวันคนละห้าร้อยก้อนศิลาทิพย์ ตำหนักทองสำหรับซื้อหาโอสถ ยันต์วิเศษ สมุนไพรทิพย์และอุปกรณ์อาคมได้ทุกอย่าง ในขณะเดียวกันยังรับซื้อสินค้าทุกสิ่งอย่างอีกด้วย สุดท้าย ตำหนักภารกิจ สำหรับรับภารกิจที่สนใจเพื่อแลกศิลาทิพย์ โดยสามารถนำไปป่าวประกาศให้ผู้อื่นช่วยเหลือจนทำภารกิจได้สำเร็จ”
“ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่หวังช่างเป็คนดีจริงเชียว แนะนำละเอียดเอาเื่!” หลิ่วเทียนฉีผินหน้ามายิ้มพลางมองเฉียวรุ่ย
“ช่างแพงยิ่งนัก ฟังชื่อแวบแรกดูเป็สถานที่ที่ดี แต่ไปวันหนึ่งใช้ตั้งหนึ่งร้อยก้อนศิลาทิพย์เชียวนะ! แพงเกินไปแล้ว!” พอเห็นราคา เฉียวรุ่ยพลันรู้สึกว่าวิทยาลัยนี้สร้างมาเพื่อหลอกเอาศิลาทิพย์ชัดๆ
หลิ่วเทียนฉีมองท่าทางรับไม่ได้อันน่ารักนั่นของคนรัก เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาก “เด็กโง่ ศิลาทิพย์หามาเพื่อใช้นะ!”
“แต่ก่อนหน้านี้ ข้าเลื่อนเป็ระดับสร้างรากฐานก็ใช้ศิลาทิพย์ห้าหมื่นก้อนที่เ้าให้ไปหมดแล้ว เมื่อครู่เ้ายังใช้ศิลาทิพย์สามพันก้อนเช่าบ้านหลังนี้อีก ตอนนี้ศิลาทิพย์ในมือพวกเราสองคนรวมเข้าด้วยกันยังมีไม่ถึงหนึ่งหมื่นเลยนะ? ทุกวันไปโรงอาหารก็ต้องจ่ายศิลาทิพย์ ทุกหนทุกแห่งล้วนต้องจ่ายศิลาทิพย์ไปหมด!” พูดถึงตรงนี้ เฉียวรุ่ยยิ่งกลัดกลุ้มหนักขึ้น
“ไม่เป็ไร ค่อยเป็ค่อยไปเถอะ วันพรุ่งนี้ไม่มีชั้นเรียน พวกเราลองไปตำหนักภารกิจกับตำหนักทองดูก่อนไหม ลองขายหนังสัตว์อสูรกับกระดูกสัตว์อสูรในมือสักกองน่าจะได้ศิลาทิพย์มาไม่น้อย ไหนจะยันต์ขั้นสองในมือข้าที่ยังขายได้ส่วนหนึ่งอีก”
“ไม่ ไม่ต้องขายยันต์หรอก อย่างไรเ้าควรเก็บไว้ปกป้องตัวเองนะ!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ฮ่าๆๆ เด็กโง่ ข้าเป็ผู้ใช้ยันต์เชียวนะ ยันต์ที่ข้าวาดออกมา ถ้าไม่ขายแล้วจะให้เก็บไว้ใช้เองหมดเลยหรือ?” เห็นท่าทางกังวลน่าเอ็นดูของเฉียวรุ่ย อารมณ์พลันเบิกบานยิ่งขึ้นจริงหนอ
“แต่ แต่...”
“วางใจเถอะ ข้ารู้จักความพอดี ไม่ขายยันต์ในมือไปจนหมดเกลี้ยงหรอก!” หลิ่วเทียนฉีลูบศีรษะน้อยก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยได้ยินอย่างนั้นก็วางใจ