อวิ๋นโส่วจงยัดเงินให้ทหาร พวกนั้นถึงยอมเผยความลับออกมาว่ามีโรคระบาด โรคระบาดหรือ! งั้นก็แย่แล้วน่ะสิ! ฟางซื่อได้ยินดังนั้นถึงกับเสียขวัญไปครึ่งหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็ราชวงศ์ก่อนหรือราชวงศ์นี้ ล้วนมีตัวอย่างของการเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านที่เกิดโรคระบาด โชคของพวกเขาช่าง... หากช้ากว่านี้หน่อยก็คงไม่ถูกปิดล้อมอยู่ในหมู่บ้านโรคระบาดเช่นนี้แล้ว
อวิ๋นเจียวแง้มม่านรถม้าออกดู ตอนนี้บริเวณที่กั้นเขตเต็มไปด้วยชาวบ้านและพ่อค้าที่สัญจรผ่านไปมา เหล่าทหารสวมชุดเกราะภายนอกคลุมทับด้วยผ้าดิบสีเทา สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นเพียงดวงตา มือทั้งสองข้างก็สวมถุงมือเช่นกัน มาตรการป้องกันถือว่าทำได้ดีทีเดียว
“เจียวเอ๋อร์ ปิดม่านรถม้าเสีย ระวังไอโรคระบาด”
เมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกของฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงแล้ว อวิ๋นเจียวกลับดูสงบนิ่งกว่ามาก ต้องยอมรับว่าเถาเป่าที่ติดตัวนางมานั้น ทำให้นางอุ่นใจไม่น้อย
โรคระบาดในยุคโบราณก็คงหนีไม่พ้น อหิวาตกโรค ไข้หวัดใหญ่ กาฬโรค ไข้ทรพิษ ฯลฯ อหิวาตกโรคนั้นเป็เื่ที่น่าหนักใจมาก แต่สำหรับยุคปัจจุบันก็สามารถรักษาได้
ส่วนกาฬโรคและไข้ทรพิษ ยาแผนปัจจุบันก็มีวิธีรักษาได้เช่นกัน ส่วนไข้หวัดใหญ่ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ตราบใดที่ไม่มีไข้ ยาแก้หวัดไม่กี่ซองก็สามารถจัดการได้แล้ว
“ท่านพ่อ พวกเราต้องรู้สถานการณ์ให้แน่ชัด ท่านไปถามหน่อยเถิดเ้าค่ะ ว่าคนที่ป่วยในหมู่บ้านนี้มีอาการเป็เช่นไรบ้าง ยิ่งละเอียดยิ่งดีนะเ้าคะ”
กล่าวจบ นางมองฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงที่กำลังร้อนใจ ก่อนจะเอ่ยปลอบ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าพกยาที่ท่านนักพรตจากูเาหลงหู่ให้ข้ามาด้วย ข้างในมียาป้องกันโรคระบาด พวกท่านไม่ต้องกลัว พวกเราจะไม่เป็ไร เพียงแต่ต้องถามอาการให้แน่ชัด มิเช่นนั้นหากกินยาผิดไปจะแย่เอา”
แท้จริงแล้วฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงร้อนใจเพราะเป็ห่วงอวิ๋นเจียว กลัวว่านางจะเป็อันตราย แต่ไม่คาดคิดว่าคนที่สงบนิ่งที่สุดกลับเป็เจียวเอ๋อร์ เด็กน้อยวัยหกขวบที่ยังไม่ถึงเจ็ดขวบดี
“อืม พ่อจะไปถามให้” คำพูดของอวิ๋นเจียวทำให้เขาได้สติ รีบลงจากรถม้าไปสอบถาม
อวิ๋นเจียวรีบกำชับ “ท่านพ่อ อย่าไปถามคนป่วย ไปถามพวกทหารนะเ้าคะ!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อวิ๋นโส่วจงไปถามทหาร เกือบจะถูกไล่ตะเพิด คราวนี้เขากลับไปหาพวกทหารอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่รีบพูด แต่กลับยื่นเงินไม่กี่ตำลึงออกไปก่อน
ครั้งนี้เขาเลือกทหารที่ยืนอยู่ตรงมุมที่ถูกบังด้วยรถม้าของเขาพอดี ไม่มีใครมองเห็น “นายท่านทั้งหลาย พวกข้าเป็พ่อค้าที่สัญจรผ่านมา ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านที่นี่ อยากรบกวนพวกท่านช่วยชี้แนะสถานการณ์สักหน่อย!”
เหล่าทหารเห็นการแต่งกายและฟังสำเนียงของเขาแล้วไม่เหมือนคนท้องถิ่น อีกอย่างรถม้าคันนั้นพวกเขาก็จำได้ว่าเพิ่งเข้ามา ถือว่าโชคร้ายที่ถูกปิดล้อมเสียก่อน จึงรู้ดีว่าพวกเขาคงยังไม่ติดโรคระบาด เหล่าทหารจึงรับเงินของเขาแต่โดยดี
พอเห็นดังนั้นอวิ๋นโส่วจงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนรน “ขอถามหน่อยเถิด พวกชาวบ้านที่นี่ป่วยเป็โรคอะไรหรือ มีอาการอย่างไรบ้าง?”
ในเมื่อรับเงินของอีกฝ่ายแล้ว อีกทั้งยังอดเห็นใจในความโชคร้ายของอวิ๋นโส่วจงไม่ได้ เหล่าทหารจึงเล่าเื่ที่ตนเองรู้ให้ฟังอย่างละเอียด หลังกล่าวจบพวกเขามองตามแผ่นหลังของอวิ๋นโส่วจงที่เดินจากไปด้วยสายตาเห็นใจ
อวิ๋นโส่วจงกลับมาถึงรถม้า สีหน้าไม่สู้ดีนัก ฟางซื่อรีบเอ่ยถาม อวิ๋นโส่วจงเล่าอาการที่ทหารบอกให้ฟัง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าถามแล้ว ทางการไม่ได้ส่งหมอมา เพียงแต่เื่นี้ปิดไม่มิด จึงจำเป็ต้องแจ้งกองทหารรักษาการณ์ให้ส่งทหารมาปิดกั้นหมู่บ้าน”
ฟางซื่อใ “ไม่ส่งหมอมา ไม่จัดยารักษาให้ นี่ตั้งใจจะปล่อยให้คนในหมู่บ้านนี้ตายกันหมดเลยหรืออย่างไร!”
อวิ๋นโส่วจงแค่นเสียงเ็า “ปล่อยให้ตายกันหมดแล้วก็เผาหมู่บ้านทิ้ง จากนั้นเงินทองและเสบียงที่ทางราชสำนักส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ก็ตกเป็ของพวกมันพอดี”
อวิ๋นเจียวฟังฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงประณามเหล่าขุนนางไปพลาง เข้าเถาเป่าไปพลาง กดเลือกร้านขายยาที่นางเคยซื้อร้านนั้น แล้วก็ตรงไปที่บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ทันที นางจึงป้อนอาการต่างๆ ลงไป
“...คุณลูกค้าคะ อาการแบบนี้เป็อหิวาตกโรคค่ะ ต้องรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”
อาเจียน ท้องร่วง อุจจาระเป็น้ำคล้ายน้ำซาวข้าว อวิ๋นเจียวเดาไว้คร่าวๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่แน่ใจ ตอนนี้คำพูดของแพทย์ออนไลน์ในเถาเป่ายืนยันการคาดเดาของนางแล้ว
“ไม่ได้ค่ะ ที่นี่ไม่มีโรงพยาบาล เป็ป่าเขาห่างไกล คงไม่ทันการณ์ รบกวนคุณหมอช่วยจัดยาชนิดรับประทานให้จำนวนหนึ่งหน่อยค่ะ แล้วก็วัคซีนป้องกันแบบกินด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะ ตอนนี้คงได้แต่ทำแบบนี้เพื่อแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนก่อน”
ขณะที่แพทย์ออนไลน์กำลังจัดยาให้ นางก็สั่งซื้อหน้ากากอนามัย ถุงมือผ้าแบบใช้แล้วทิ้ง นางไม่กล้าซื้อถุงมือยาง กลัวว่าจะสะดุดตาเกินไป เอาเป็ว่าตอนนี้ต้องป้องกันคนในครอบครัวทั้งสามคนก่อน จากนั้นค่อยช่วยเหลือคนอื่นๆ เท่าที่พอจะทำได้
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการชอปปิงออนไลน์อยู่นั้น ด้านนอกกลับมีเสียงอึกทึกครึกโครม อวิ๋นโส่วจงออกไปดูก็เอ่ยว่า “เกิดเื่แล้ว ทหารฆ่าคน!”
อวิ๋นเจียวรีบเปิดม่านรถม้าออกดูก็เห็นชายฉกรรจ์หลายคนที่พยายามฝ่าด่านออกไปถูกทหารฆ่าตาย ศพถูกแขวนไว้กับรั้วกั้น เืไหลนองพื้น
ตอนนี้ร้านขายยาในเถาเป่าจัดยาที่อวิ๋นเจียว้าเรียบร้อยแล้ว “ยาที่ใช้รักษา ดิฉันแบ่งเป็ซองที่ต้องรับประทานในแต่ละครั้งให้เรียบร้อยตามที่คุณลูกค้า้าแล้ว แล้วยังแยกตามระดับความรุนแรง เป็ระดับเบา ปานกลาง และรุนแรง แต่คุณลูกค้าคะ แนะนำให้ส่งตัวคนไข้ไปโรงพยาบาลหลังจากที่อาการคงที่แล้ว และอย่าลืมฆ่าเชื้อโรคในบริเวณที่เกิดโรคระบาดด้วยนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ฉันซื้อผงฆ่าเชื้อแล้วค่ะ”
“ท่านแม่ ข้าไปเอายานะเ้าคะ” อวิ๋นเจียวบอกฟางซื่อเสร็จก็ปีนไปที่หลังรถม้า เปิดหีบใบหนึ่งออกบังสายตา
ตอนที่นางปีนกลับมาในมือก็ถือขวดกระเบื้องใบหนึ่ง “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านรีบกินยาเม็ดนี้ก่อนเถิดเ้าค่ะ เป็ยาป้องกันโรคระบาด อ้อ อีกอย่างหลังจากกินยาครึ่งชั่วยาม ห้ามกินอะไรทั้งนั้นนะเ้าคะ”
ฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงได้ยินดังนั้นก็รีบกลืนยาเม็ดที่อวิ๋นเจียวให้ลงท้อง ส่วนอวิ๋นเจียวก็รีบดื่มน้ำและกินยาตามหลัง แต่นางกำลังหนักใจว่าครั้งนี้ทั้งผงฆ่าเชื้อและยารักษาโรคมีจำนวนมาก จะนำออกมาอย่างไรให้ไม่เป็ที่สังเกต
นางไม่อยากช่วยชีวิตชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเสร็จแล้วตนเองก็ถูกมองว่าเป็ปีศาจร้าย ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น ด้านนอกก็กลับส่งเสียงดังโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง
“เขตโรคระบาด ห้ามเข้า!”
“หลีกไป!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคย อวิ๋นเจียวก็ใ รีบเปิดม่านรถม้าออกดู นางก็เห็นฉู่อี้ลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยืนอยู่เบื้องหน้าเหล่าทหารด้วยท่าทางองอาจน่าเกรงขาม
รูปร่างของเขาไม่สูงมากนัก ประมาณหนึ่งร้อยหกสิบกว่าๆ เทียบกับอวิ๋นฉี่เยว่แล้วก็สูงไล่เลี่ยกัน
จะอย่างไรเด็กชายวัยสิบสองปีก็ยังคงเป็เด็กคนหนึ่ง สำหรับแคว้นต้าเยี่ยในตอนนี้ ส่วนสูงของเขาถือว่าโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ แล้ว ท่าทางของเขาเปี่ยมด้วยอำนาจดั่งขุนเขาใหญ่ มองแล้วรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด
เพียงเห็นเขาหยิบป้ายสีทองอร่ามออกมา ทหารชั้นผู้น้อยที่เป็หัวหน้าเห็นดังนั้นก็รีบคุกเข่าลงในทันที
“คารวะเจิ้นหย่วนโหว!” พวกเขารู้จักป้ายนี้เป็อย่างดี เหมือนกับที่วาดไว้ในประกาศจากราชสำนักไม่มีผิดเพี้ยน
ส่วนรูปลักษณ์ของชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ต่างจากที่บรรยายไว้ในประกาศจากราชสำนักเช่นกัน พวกเขาไม่กลัวว่าจะมีใครกล้าปลอมตัวแอบอ้าง เพราะหากถูกจับได้โทษคือถูกยึดทรัพย์และปะาล้างตระกูล
“หลีกไป!”
“เจิ้นหย่วนโหว เบื้องหน้าเป็เขตโรคระบาดขอรับ!”
ปัดโธ่เอ๊ย บรรพบุรุษน้อยของพวกข้า ท่านจะมาทำอะไรในที่แบบนี้ หากท่านเข้าไปแล้วเกิดอันตรายใดๆ ขึ้นมา พวกข้าคงถูกปะาล้างตระกูลกันหมดแน่
ขณะนั้นจางหลิงและคนอื่นๆ ก็ตามมาทันพอดี ทว่าฉู่อี้ไม่สนใจคำทัดทานจากใครทั้งสิ้น มุ่งหน้าเดินเข้าไปในเขตโรคระบาด เขาเป็ถึงท่านโหว บรรดาคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเขาเลย