หลินเมิ้งหยายืนใต้ร่มเงาของต้นไม้ คิ้วขมวดเข้าหากันั์ตาสับสนวุ่นวาย ใบหน้านวลเผยให้เห็นร่องรอยของความเสียใจ
นาง...กำลังรู้สึกเสียใจเพราะผอจื่อที่ถูกฆ่าคนนั้นอย่างนั้นหรือ?
คนที่สามารถหัวเราะเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูและทรมานผู้คนอย่างไร้หัวใจเช่นนางกลับรู้สึกสงสารผอจื่อแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาก่อน
ตอนนี้ อยู่ๆ หลงเทียนอวี้ก็เข้าใจแล้ว
หลินเมิ้งหยามิได้ใจร้าย แต่นางแยกแยะความรักออกอย่างชัดเจนศัตรูก็คือศัตรู ดังนั้นนางจึงลงมือโดยไร้ความปรานี
อยู่ๆ หลงเทียนอวี้ก็รู้สึกว่าเขาไม่เคยเข้าใจในตัวพระชายาของตนเองเลย
“เื่นั้น...หลินขุยเมื่อกลับไปแล้วจงทำการตรวจสอบทาสรับใช้ในจวนให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก...”
หลินขุยถวายคำนับ การปกป้องดูแลจวนอวี้เป็หน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
ทว่าอยู่ๆ ก็เกิดเื่นี้ขึ้นการที่ท่านอ๋องไม่เอาผิดเขาก็นับเป็พระมหากรุณาธิคุณมากแล้ว
“ข้ากลับเห็นว่าไม่จำเป็ต้องทำให้อึกทึกครึกโครมเช่นนั้น”
หลินเมิ้งหยากลับแสยะยิ้ม ั์ตาเปล่งประกาย
ตกปลาในน้ำขุ่น
หากทำเื่ราวให้ใหญ่โตจะกลายเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น
“ไม่ทราบว่าพระชายามีความเห็นเช่นไร?” หลังจากผ่านบทเรียนนั้นมาแล้วจูเฉียงรู้สึกเลื่อมใสหลินเมิ้งหยาเป็อย่างมาก
หากป๋ายหลี่อู๋เจียนเห็นภาพนี้เข้าเกรงว่าพัดกระดาษจะไม่มีทางอยู่ห่างกาย อีกทั้งยังต้องตกตะลึงเป็อย่างมากแน่นอน
“คนบนเขามักมีเล่ห์เหลี่ยมเสมอแต่ว่า...ทุกท่านจะต้องให้ความร่วมมือกับข้าด้วย”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะมีเลศนัย ดวงตาทั้งสองข้างหรี่เล็กลงจนทำให้เหล่าว่าที่ผู้นำประเทศต่างใจสั่นระรัว
ดูเหมือนสิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้จะเป็พระชายาพระองค์นี้นี่แหละ
“ได้ ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเราแยกย้ายกันก่อนเถิด หลินขุยพวกเรากลับจวนกัน”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มุมปากของหลงเทียนอวี้จึงหยักยิ้มขึ้น
บนโลกนี้มีหญิงสาวที่งดงามและฉลาดเฉลียวมากมายแต่หาได้มีใครเหมือนผู้หญิงที่ใจกว้างตรงหน้า
“ท่านอ๋อง เหตุใดโรงน้ำชาแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างหรือเพคะ?”
พวกจูเฉียงขอตัวลาหลินเมิ้งหยากลับเหลือบมองโรงน้ำชาสองชั้นที่รกร้างว่างเปล่าจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“เมื่อปีก่อนเคยถูกไฟไหม้และคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายต่อมามีข่าวลือว่าได้ยินเสียงผีดังนั้นเ้าของโรงน้ำชาจึงประกาศขายในราคาถูกพ่ะย่ะค่ะ”
หลินขุยตอบหากไม่ใช่เพราะเ้าของโรงน้ำชาเคยเป็ลูกน้องของท่านอ๋องแล้วละก็พวกเขาคงไม่ซื้อมันเอาไว้
“เสียงผี? คิกข้าอยากเห็นจังเลย”
ในฐานะนักเรียนแพทย์ เื่เล่าเกี่ยวกับผีสางนางไม้ต่างๆ มีมากมายในโรงพยาบาล
นางไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว อีกทั้งยังเคยอยู่ตัวคนเดียวในห้องทดลองที่ลือกันว่าผีดุเพื่อทำการทดลองทั้งคืน
กรีดกรายร่างอ้อนแอ้นเดินเข้าไปทางโรงน้ำชา
เหตุใดยัยเด็กนี่จึงไม่คิดกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อยกันนะ?
หลงเทียนอวี้มองทางร่างบาง ั์ตาเผยให้เห็นความสงสัย
เขาเองก็ไม่เคยเชื่อเื่ผีแต่ถึงกระนั้นพวกชาวบ้านกลับเชื่อเื่เหล่านี้มากอีกทั้งยังมีการสร้างวัดวาอารามเพื่อกราบไหว้บูชา
เดินผ่านธรณีประตูเข้าไป หลินเมิ้งหยาเห็นโรงน้ำชาเก่าแก่ฝุ่นเขรอะ
ขอบประตูที่ไหม้เกรียมเผยให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในครั้งก่อน หากไม่ใช่เพราะประตูใหญ่ถูกล็อกเอาไว้หากโรงน้ำชาเก่าแก่แห่งนี้ตัดกับถนนใหญ่อันแสนเจริญรุ่งเรืองแล้วละก็ที่นี่จะต้องกลายเป็โรงน้ำชาที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงเป็แน่
“ระวังหน่อย”
อยู่ๆ มือคู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากทางด้านหลังก่อนจะโอบเอวของหลินเมิ้งหยาไว้อย่างเป็ธรรมชาติ
หันหน้ากลับไป ทว่ากลับได้เห็นใบหน้าด้านข้างของหลงเทียนอวี้ ใบหน้าของเขาหล่อเหลามีเสน่ห์เกรงว่าแม้แต่เทพเซียนบนชั้นฟ้าก็มิอาจหล่อเหลาได้เช่นเขา
ชาตินี้หรือแม้แต่ชาติก่อนๆนี่เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาเหม่อลอยเพราะใบหน้าด้านข้างของผู้ชาย
“ที่นี่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมั้แ่ตอนที่ไฟไหม้คราวที่แล้วระวังตัวหน่อย อย่าทำให้ตัวเองได้รับาเ็”
ปล่อยตัวหลินเมิ้งหยา ที่แท้พื้นของโรงน้ำชาก็มีรอยผุพังขนาดเล็ก
หากหลินเมิ้งหยาเหยียบลงไป เกรงว่าป่านนี้คงจะขาหักไปแล้ว
“โอ้ ขอบพระทัยเพคะ” หลินเมิ้งหยาหลุบตาต่ำเพื่อปกปิดความเขินอาย
นางเดินเข้าไปในโรงน้ำชาด้วยความระมัดระวังเพื่อหาร่องรอยของเสียงผีที่ว่า
แม้โรงน้ำชาจะถูกเผาไปเสียส่วนใหญ่ แต่โครงสร้างหลักยังคงอยู่แต่ที่น่าแปลกคือทั้งที่เป็บันไดไม้ ทว่ากลับมั่นคงแข็งแรงเหลือเกินอีกทั้งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
“หลินขุย เอามีดของเ้ามาให้ข้ายืมหน่อย”
หลินเมิ้งหยายื่นมือออกไป ก่อนจะลูบไล้บันไดสีดำเล็กน้อย เคาะเบาๆอยู่ๆ ดวงตาก็เปล่งประกาย
แม้จะไม่รู้ว่าพระชายา้าจะทำอะไร แต่หลินขุยกลับส่งมีดให้อย่างว่าง่ายหลินเมิ้งหยารับไปแล้วออกแรงแทง ก่อนที่เสียงทองจะดังออกมา
“นี่คือ!?”
หลงเทียนอวี้และหลินขุยสบตากันก่อนจะส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัยพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
พวกเขากลับได้เห็นหลินเมิ้งหยาฉีกชายกระโปรงของตนเองอย่างไม่ลังเลก่อนจะเช็ดลงบนบริเวณที่ถูกแทง
“ทั้งสองท่านจงดู”
มองตามการกระทำของหลินเมิ้งหยา บริเวณแผ่นเล็กๆ นั้นมีแสงทองเปล่งประกายออกมายิ่งเช็ดก็ยิ่งเปล่งประกาย สุดท้ายจึงเผยแผ่นทองออกมาให้เห็น
หลินขุยเดินเข้าไปเคาะ ก่อนจะมองหน้าหลงเทียนอวี้ด้วยความใ
์โปรด บันไดของโรงน้ำชาแห่งนี้ล้วนเป็ทอง!
“เป็ไปได้อย่างไร...”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ มองโรงน้ำชา มือที่ถือมีดอยู่เคาะกำแพงไม่หยุด
นอกจากบริเวณที่ถูกเผาจนเสียหายหนักแล้วพื้นที่ทั้งหมดล้วนมีเสียงทองดังกึกก้อง
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะหรือว่าโรงน้ำชาแห่งนี้จะสร้างด้วยทองอย่างนั้นหรือ? สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่นี่เป็...เป็ขุมทองคำของประเทศเกรงว่ามากพอที่จะสามารถจ่ายภาษีทั้งหมดภายในห้าปีด้วย!”
หลงเทียนอวี้ครุ่นคิดก่อนจะสบตากับหลินเมิ้งหยาโดยไม่ได้ตั้งใจหัวใจพลันสั่นไหว ทั้งสองเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย
“ดูเหมือนที่นี่ไม่ได้มีผีสางนางไม้หรอก คิดว่าคงเป็พวกที่แกล้งหลอกว่าเป็ผีมากกว่าเหตุเพราะไม่อยากให้ความลับของโรงน้ำชาถูกแพร่งพรายออกไปส่วนเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดหลังจากที่ท่านอ๋องซื้อโรงน้ำชาไปแล้วจึงไม่เคยได้ยินเสียงผีนั่นก็เพราะพวกเขาใช้ชื่อเสียงของท่านอ๋องในการคุ้มกันที่นี่ฟรีๆ น่ะสิ”
หลินเมิ้งหยาพบแล้วว่า
ภายในจวนแห่งนี้มีร่องรอยของเหตุไฟไหม้เพียงบางส่วนเท่านั้นแต่ทางด้านหลัง บ้านเล็กบ้านน้อยกลับถูกเผาจนวอดวาย
ทั้งที่ที่นี่เป็โรงน้ำชาทว่าโครงสร้างหลักกลับยังไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย
คนสมัยโบราณค่อนข้างล้าสมัย ไม่มีทางสร้างเสาด้วยเหล็กได้ดังนั้นวัสดุในการก่อสร้างส่วนใหญ่จึงเป็ไม้
แต่เพราะเหตุใดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ในคราวนั้นจึงเหลือเพียงตึกเล็กๆแห่งนี้
ความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือโครงสร้างของที่นี่ไม่ใช่ไม้แต่กลับเป็ทองที่ทนต่อความร้อนสูง
เคยได้ยินมาว่าทองไม่กลัวไฟ ดังนั้นจึงเกรงว่าพวกมันจะเป็ทองทั้งหมด
หลงเทียนอวี้เป็องค์ชาย แน่นอนว่าเขาไม่ได้ขัดสนเื่เงินอีกทั้งโรงน้ำชาแห่งนี้ยังเล็กมาก เขาไม่มีทางปรับปรุงมันอย่างแน่นอน
ดังนั้นความลับจึงจะถูกปิดต่อไป
“อืม สิ่งที่เ้าพูดเองก็มีเหตุผล หลินขุย จงกลับไปตามคนของจวนมาขนทองกลับจวนไปให้หมดทำเวลากลางคืนเท่านั้น แม้แต่ทองแท่งเดียวก็ห้ามทิ้งไว้”
หลงเทียนอวี้มองดูโรงน้ำชาเล็กๆ หลังนี้ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยโรงน้ำชาราคาถูก แต่กลับแฝงไว้ซึ่งมูลค่ามหาศาล
อันที่จริงลูกน้องของเขาคนนั้นเป็เพียงทหารยศไม่ใหญ่
ขาของเขาขาดไปข้างหนึ่งเพราะการทำาดังนั้นเขาจึงไม่มีทางมีทองมากมายมหาศาลขนาดนี้
ดูเหมือนคนคนนี้จะต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้
“ช้าก่อน อย่าเพิ่งรีบ หลินขุยข้าขอถามเ้าก่อนว่าเพราะเหตุใดเ้าจึงนำศพมาเก็บไว้ที่โรงน้ำแข็งในโรงน้ำชาแห่งนี้?ข้าจำได้ว่าข้าสั่งให้เ้าเอาไปไว้ยังสถานที่ไร้ผู้คนไม่ใช่หรือ?”
นับั้แ่ตอนที่เข้ามาภายในสวนแห่งนี้หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ถึงแผนร้ายบางอย่าง
หลงเทียนอวี้จ้องมองหลินขุย ดวงตาเรียวยาวคมกริบของเขาทำให้หลินขุยมีเหงื่อออกท่วมตัว
“ทูลพระชายา ข้าน้อยหาที่แห่งนั้นไม่เจอตอนแรกคืนนั้นข้าน้อยอยากนำศพไปเก็บไว้ในโรงน้ำแข็งทางด้านทิศตะวันตกแต่ข้าน้อยกลับได้พบกับผู้ดูแลคนหนึ่งที่โรงน้ำแข็งข้าหลอกเขาว่านี่คือหมูป่าที่นายพรานส่งมาให้ ท่านอ๋องไม่อยู่จึงยังไม่ได้กินดังนั้นจึง้านำมาเก็บที่นี่ทว่าเขาบอกว่าโรงน้ำแข็งในจวนมีไว้เพื่อกักเก็บอาหารสดให้กับเ้านายใน่ฤดูร้อนหากอาหารอย่างอื่นสกปรก เ้านายจะไม่อาจกินได้และเพราะการเอ่ยเตือนของเขาทำให้ข้าน้อยจำโรงน้ำแข็งในโรงน้ำชาร้างแห่งนี้ขึ้นมาได้”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของหลินขุยคิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแน่น
ตอนแรกคนที่ปลอมตัวเป็ผอจื่อเองก็บอกว่าผู้ดูแลเป็คนสั่ง
ตอนแรกนางยังคิดเลยว่าผู้ดูแลคนไหนช่างใจกล้าเหลือเกินแต่ดูเหมือนผู้ดูแลคนนี้ต่างหากที่เป็ปัญหาใหญ่
“ท่านอ๋อง?”หลินเมิ้งหยามองหลงเทียนอวี้ เตรียมขอความคิดเห็น
ดวงตาของหลงเทียนอวี้ขุ่นมัว ดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไร
“เมื่อครู่เ้าบอกว่ามีแผนไม่ใช่หรือ? อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
เมื่อได้รับการอนุญาต หลินเมิ้งหยาจึงเล่าแผนการให้หลินขุยฟัง
จากนั้นหลินขุยจึงมองหน้าพระชายาด้วยความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับคำสั่งแล้วรีบวิ่งออกไปทางจวน
โรงน้ำชาในเวลานี้จึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
มองดูโรงน้ำชาที่เต็มไปด้วยทอง จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หัวเราะออกมา
“เ้าหัวเราะอะไร?”
เก็บแผนการของตนเองเอาไว้ในใจ หลงเทียนอวี้ไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับแผนการของหลินเมิ้งหยา
แม้หลินเมิ้งหยาจะฉลาด วิธีการที่ใช้ล้วนเป็สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นแต่สุดท้ายนางก็เป็จอมวางแผน วิธีการของนางและเขาไม่เหมือนกัน
ดังนั้นหลงเทียนอวี้เองก็มีวิธีการของตนเองเพียงแค่...เขาหวังที่จะได้เห็นการแสดงของหลินเมิ้งหยาก่อน
ผู้หญิงคนนี้มักจะทำอะไรที่คนอื่นไม่คาดคิดเสมอนางมักทำให้เขาประหลาดใจ แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนหลังจากนางทำงานประสบความสำเร็จแล้วอีกทั้งหางตายังเผยให้เห็นความภาคภูมิใจ หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข
“ที่ต่างประเทศมีเื่เล่าที่ชื่อว่าเรือนงามซ่อนเมียไม่ทราบว่าท่านอ๋องเคยได้ยินเื่นี้หรือไม่?”