หลังจากกินอาหารเสร็จ คังอิงก็คิดว่าสือเจียงหย่วนคงจะกลับแล้ว เธอจึงหยิบเงินปึกเล็กๆ ออกมายื่นให้สือเจียงหย่วน พลางบอกว่า “นี่เป็ค่าเช่าบ้านกับค่ามัดจำหกเดือน รบกวนคุณช่วยเอาไปให้น้ารองของคุณด้วยค่ะ”
สือเจียงหย่วนอยากจะปฏิเสธ แต่เขารู้สึกว่าหากไม่รับเงินนี้ คังอิงคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจแน่ เขาจึงต้องจำใจรับมันไว้
“ทำไมผมรู้สึกว่ามันเยอะไป?” สือเจียงหย่วนพูด พลางลองชั่งน้ำหนักเงินในมือของตน
คังอิงกล่าว “มีค่ามัดจำด้วยนะ ฉันให้คุณไปทั้งหมด 150 หยวน”
“ไม่ต้องมากขนาดนี้หรอก ตอนคุณออกมาจากบ้านของพวกนั้น คุณมีเงินติดตัวมาด้วยเท่าไหร่?”
ตอนนั้นสือเจียงหย่วนอยู่ที่นั่น และได้ยินทุกอย่างชัดเจน คนตระกูลฟู่พากันโวยวายว่าหากคังอิงหย่า พวกเขาจะไม่มีทางให้เธอพกเงินติดตัวออกมาสักหยวน
คังอิงหัวเราะพลางกล่าวว่า “แต่เดิมบ้านเขาก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย มีแค่เงินเก็บไม่กี่พันหยวน หญิงชรานั่นปกป้องมันเหมือนดวงตาอันล้ำค่า ถ้าจะขอแบ่งทรัพย์สินคงยากกว่าเฉือนเนื้อของพวกเขาเสียอีก และเพื่อหย่าให้ได้เร็วที่สุด ฉันก็เลยสละสิทธิ์ทุกอย่าง ฉันไม่ยอมเสียเวลาเปล่ากับพวกเขาแน่ ก็เลยไม่ได้พกเงินของพวกเขาออกมาสักหยวนน่ะ
แต่ถึงยังไงฉันยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง วางใจเถอะ มันคงพอใช้ได้อีกสักพัก พอฉันทำให้ธุรกิจของคุณเป็รูปเป็ร่างขึ้นมา เดี๋ยวฉันก็จะมีเงินเอง”
คังอิงไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตอนที่พูด
สือเจียงหย่วนที่เห็นว่าเธอยังคงดูใจเย็นอยู่ ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวและหมดหนทางหลังจากหย่าร้างแต่อย่างใด แต่เธอเหมือนแม่ทัพหญิงที่เพิ่งจะชนะาชีวิตสมรสมาต่างหาก เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เอาละ งั้นคุณก็รีบทำให้ธุรกิจของผมเป็รูปเป็ร่างขึ้นมาเร็วๆ นะ”
เห็นว่าตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว สือเจียงหย่วนไม่อาจหาข้ออ้างอยู่ต่อได้อีก เขาจึงบอกคังอิงว่า “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ได้ค่ะ” คังอิงบอกกับสือเจียงหย่วน “พรุ่งนี้ฉันจะลองเข้าไปเดินดูที่ตัวอำเภอ คงต้องใช้เวลาทั้งวัน พอฉันมีแผนแล้วจะติดต่อคุณยังไงดี?”
สือเจียงหย่วนครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะมอบเบอร์โทรศัพท์ให้กับคังอิงพลางบอกว่า “นี่เป็เบอร์โทรศัพท์น้องชายผมครับ คุณโทรหาเขาก็ได้ เดี๋ยวเขาก็เอาข้อความของคุณมาบอกผมเอง”
คังอิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมสือเจียงหย่วนถึงให้เบอร์โทรศัพท์ของน้องชายกับเธอแทนที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ของเขาเอง หรือว่าสัญชาตญาณของเธอจะผิดพลาด สือเจียงหย่วนแต่งงานแล้วงั้นเหรอ?
ปกติแล้วคนหนุ่มสาวที่เพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ มักจะระแวงว่าภรรยาที่บ้านจะไม่พอใจที่ผู้หญิงโทรมาหาสามีตัวเอง คังอิงเข้าใจมารยาทข้อห้ามนี้ เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
สือเจียงหย่วนไม่รู้เลยว่าตอนนี้คังอิงกำลังเดาในใจว่าเขาเป็คนโสด ไม่ได้แต่งงาน ทำให้คังอิงรู้สึกปลอดภัยในใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ในสนามรบธุรกิจคังอิงมักต้องรับมือผู้ชายที่แต่งงานแล้วอยู่เสมอ เธอจึงรู้จักวิธีการรักษาระยะห่าง และควบคุมขอบเขตให้เหมาะสม นอกจากผู้ชายจำนวนหนึ่งที่มีใจโลเลแต่แรกเริ่ม คังอิงรู้สึกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ที่แต่งงานแล้ว มักจะยึดมั่นในกฎเกณฑ์ของการสมรส
ในสายตาของคังอิง สือเจียงหย่วนยังคงเป็คนมีมารยาทดี เขาไม่เคยทำเื่ล้ำเส้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ก่อนที่สือเจียงหย่วนจะจากไป เขากำชับคังอิงว่าอย่าลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย หากมีเื่อะไรเกิดขึ้น ก็ให้รีบะโเรียกคนมาช่วย เพราะเพื่อนบ้านที่นี่ต่างเป็คนดี คนส่วนใหญ่เป็คนพื้นที่กันทั้งนั้น
คังอิงส่งสือเจียงหย่วนกลับไป ที่บรรยากาศภายในบ้านมีชีวิตชีวาเพราะมีคนก็เริ่มจางหายไปทันใด ความเงียบสงบเริ่มแพร่กระจายไปทั่วลานบ้าน
คังอิงไม่ได้สนใจอะไร เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวในชาติที่แล้วมานาน มีวิธีมากมายในการแก้เหงา ยิ่งตอนนี้เธอกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยังมีเื่ให้คิดมากมาย หัวสมองของเธอเต็มไปด้วยเื่วุ่นวายราวกับกำลังแสดงงิ้วใหญ่ที่แสนคึกคัก แล้วเธอจะรู้สึกเหงาได้อย่างไรกัน?
รุ่งเช้าวันต่อมา คังอิงตื่นนอน แล้วทำตันปิ่ง [1] เธอกินตันปิ่งกับชาที่สือเจียงหย่วนชงไว้ั้แ่เมื่อวานจนอิ่ม
พอกินอิ่มแล้ว เธอก็วางแผนว่าจะเข้าไปเดินดูในเมืองเพื่อสำรวจตลาด คังอิงพบว่า คำว่า ‘สำรวจตลาด’ นี้ดูเหมือนจะเป็คำสาปสำหรับเธอ ไม่ว่าจะเป็่ชีวิตก่อนหลัง หรือกลับมาเกิดใหม่ ก็ยังวนเวียนอยู่กับคำๆ นี้
การเดินทางจากที่นี่ไปยังใจกลางตัวอำเภอนั้นเป็ระยะทางหกหลี่ หากเดินไปคงต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง คังอิงมองขาทั้งสองข้าง แล้วพบว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
ก่อนออกเดินทาง คังอิงบังเอิญไปเปิดประตูห้องด้านข้างที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้ แล้วพบว่าห้องเก็บของนี้ช่างเหมือนห้องเก็บสมบัติจริงๆ! มุมมุมหนึ่งของห้องมีจักรยานผู้หญิงยี่ห้อฟีนิกซ์วางพาดไว้อยู่
คังอิงตรวจสอบจักรยานอย่างถี่ถ้วน นอกจากยางที่แบนแล้ว ส่วนอื่นๆ สภาพยังคงใช้การได้ดี ข้างจักรยานมีที่สูบลมสีน้ำเงินวางอยู่ คังอิงไม่หวังว่ามันจะยังใช้ได้ แต่หลังจากลงมือสูบลมยางจักรยานไปสิบกว่าครั้ง ยางจักรยานก็ขยายขึ้นสักที
คราวนี้คังอิงมีพาหนะเดินทางแล้ว เธอปั่นจักรยานฟีนิกซ์มุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอทันที การที่เธอมีจักรยาน ทำให้ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที ก็มาถึงถนนคังซิงใจกลางตัวอำเภอ
คังอิงจอดจักรยานไว้ที่หน้าประตูสหกรณ์ร้านค้า [2]ซึ่งมีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่ตลอด การจอดจักรยานไว้ในสถานที่ที่พลุกพล่านเช่นนี้ ขโมยคงไม่กล้าลงมือง่ายๆ ถือว่าปลอดภัยมาก
ตอนนี้คังอิงยากจนมาก เธอไม่อยากทำจักรยานหาย เพราะถ้ามันหาย เธอต้องเสียเงินซื้อคันใหม่ ดังนั้นเธอจึงเลือกสถานที่จอดจักรยานอย่างรอบคอบและปลอดภัยที่สุด
ถนนคังซิงเป็ถนนที่คึกคักที่สุดในอำเภอหลี่ว์ และถือเป็ศูนย์กลางทางธุรกิจ หากเธอ้าทำการสำรวจทางธุรกิจที่นี่ แน่นอนว่าต้องเดินผ่านถนนสายนี้ ถึงจะัักับบรรยากาศของที่นี่ได้
หลังจากเดินดูตลอด่เช้า คังอิงก็เริ่มมองเห็นภาพรวมของศูนย์กลางทางธุรกิจของเมืองนี้
ศูนย์กลางทางธุรกิจของอำเภอหลี่ว์ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกที่เชื่อมระหว่างถนนคังซิงกับหอนาฬิกา ก่อนจะแผ่ขยายออกไปด้านนอก ร้านค้าที่หรูหราที่สุดก็คือ ‘ห้างสรรพสินค้ามิตรภาพ’ ที่ก่อนหน้านี้คังอิงเคยซื้อกระเป๋าและเสื้อผ้าไป
ห้างสรรพสินค้ามิตรภาพมีสามชั้น แต่ละชั้นมีพื้นที่มากกว่าสี่ร้อยตารางเมตร ห้างแห่งนี้เป็รัฐวิสาหกิจดังนั้นสินค้าที่ขายที่นี่มักจะมีราคาแพง ชั้นหนึ่งเป็โซนเครื่องประดับทองคำ เครื่องสำอาง และสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชั้นสองเป็โซนเสื้อผ้า ส่วนชั้นสามเป็โซนเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเบ็ดเตล็ด
ในโซนเครื่องใช้ไฟฟ้า คังอิงพบว่าสินค้าหลักในโซนนี้คือโทรทัศน์สี ตู้เย็น พัดลมไฟฟ้า ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นมีขายเช่นกัน แต่สินค้าตัวอย่างกลับเต็มไปด้วยฝุ่น คิดว่าคงไม่ค่อยมีคนสนใจของพวกนี้มากนัก
อำเภอหลี่ว์อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากเซินเจิ้นซึ่งเป็พื้นที่แนวหน้าของการปฏิรูป และเปิดประเทศจีนกว่าแปดร้อยกิโลเมตร แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ได้เฟื่องฟูมากเท่ากับเซินเจิ้น แต่ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ค่อยๆ ร่ำรวยขึ้นจากการทำธุรกิจ
สำหรับประชาชนส่วนหนึ่งที่หาเงินได้แล้ว นอกจากการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเป็การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยังเป็สิ่งที่ใช้โอ้อวดความมั่งคั่งได้ด้วย แต่ปัญหาคือทำไมสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าถึงขายไม่ออก?
คังอิงลองสังเกตดูอย่างละเอียด เธอพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายในห้างสรรพสินค้าล้วนแต่เป็แบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น ทั้งยี่ห้อซงเซี่ย และรื่อลวี่
เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ราคาแพงมาก โดยปกติแล้วราคาจะแตกต่างกันไปั้แ่เก้าร้อยหยวนจนถึงกว่าหมื่นหยวน ขึ้นอยู่กับขนาดและฟังก์ชันต่างๆ สำหรับพลเมืองธรรมดาในเมืองเล็กๆ นั้น มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยหยวน ดังนั้นสำหรับพวกเขา เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นล้วนแต่เป็สินค้าราคาแพงทั้งสิ้น
ขณะที่คังอิงกำลังเพ่งมองอยู่ เธอก็เห็นว่ามีลูกค้าสี่ห้าคนกำลังดูเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่หน้าตู้แสดงสินค้าของโซนเครื่องใช้ไฟฟ้า
“ฉันว่านะเครื่องปรับอากาศต้องซื้อของนำเข้า ยี่ห้อซงเซี่ยดีที่สุด ถ้าจะซื้อก็ต้องซื้ออย่างน้อยขนาดสองแรงม้า จะได้เย็นเร็วไง!”
ผู้ที่เอ่ยคือคุณป้าวัยสี่สิบกว่าๆ คนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างท้วม ส่วนข้างกายของคุณป้าก็มีเด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆ ยืนอยู่ ใบหน้าของเด็กสาวนั้นแดงระเรื่อเหมือนกังวลใจอะไรอยู่เล็กน้อย
เชิงอรรถ
[1] แพนเค้กจีนที่เป็อาหารเช้ายอดนิยม ส่วนผสมมีแป้ง ไข่ไก่ ทอดเป็แผ่นบาง อาจโรยต้นหอม หรือส่วนผสมอื่นตามชอบ
[2] สหกรณ์ที่ผู้บริโภครวมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดหาสินค้าและเครื่องอุปโภคบริโภค มาจำหน่ายแก่สมาชิกกับบุคคลทั่วไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้