เื่ที่ไม่คาดคิด? เหตุบังเอิญเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หากพูดให้น่าฟังก็คือมันเป็เื่ที่ไม่คาดคิดมาก่อน หากพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ เห็นได้ชัดเจนว่ามีคนจงใจทำมัน!
ยามที่ได้ยินข่าวนี้ มู่จื่อหลิงอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันตลก
นางสงสัยและกังวลเกี่ยวกับเื่นี้อยู่นาน แต่มันกลับกลายเป็เช่นนี้ไปเสียแล้ว
นางเพิ่งกล่าวไปว่า เกิดเื่ใหญ่ขึ้นเช่นนี้ ไทเฮาเฒ่าจะสงบลงได้อย่างไร
ปรากฏว่าในด้านของไทเฮาไม่ใช่ว่าไม่มีการเคลื่อนไหว แต่การเคลื่อนไหวของไทเฮาทั้งหมดล้วนถูกขัดขวางไว้ด้วย ‘อุบัติเหตุ’ ที่อยู่เหนือความคาดหมายบางอย่างระหว่างการดำเนินการ
ไม่รู้ว่าหัวใจดวงเดิมที่ค่อนข้างชราของไทเฮาเฒ่าจะทนต่อสถานการณ์ที่ถูกขัดขวางหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ได้หรือไม่? มู่จื่อหลิงคิดอย่างมีความสุข
มู่จื่อหลิงเดินไปที่ศาลาเล็กๆ นอกสวนสมุนไพร นั่งสบายๆ บนเก้าอี้หิน รินชาหอมให้กับตัวเอง แล้วจิบอย่างสบายอารมณ์
นางวางถ้วยชาลง เหลือบมองดูกุ่ยเม่ยที่ติดตามมาด้วย แล้วแตะคางของตนอย่างครุ่นคิด
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม มู่จื่อหลิงจึงลดเสียงลงและถามอย่างลึกลับ “กุ่ยเม่ย อุบัติเหตุเ่าั้เกิดจากนายของเ้าหรือเปล่า?”
“ข้าน้อยไม่ทราบ” กุ่ยเม่ยตอบออกมาสี่คำด้วยท่าทางเฉยเมย
ยังบอกว่าไม่ทราบอีกหรือ? มู่จื่อหลิงกลอกตาอย่างรุนแรงในใจของตน
นอกจากหลงเซี่ยวอวี่แล้ว จะยังมีใครอื่นได้อีก ชายผู้นั้นต้องเป็ผู้ลงมือเป็แน่
แต่...มู่จื่อหลิงทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และถามด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มว่า “พูดความจริงมา อุบัติเหตุเ่าั้ เ้าเป็ผู้สร้างมันขึ้นมาทั้งหมดไม่ใช่หรือ?”
นางอยู่ในจวนฉีอ๋องมานานถึงเพียงนี้แล้ว นางย่อมมีความเข้าใจไม่มากก็น้อย แม้ว่ากุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งทั้งสองจะมีนิสัยใจคอเหมือนกัน เป็ไม้เนื้อแข็งสองท่อนที่ไม่อาจขยับได้เพียงการทุบตี [1]
แต่ถ้าเป็เื่ของสมอง สมองของกุ่ยเม่ยผู้นี้น่ากลัวกว่าด้วยเขาค่อนข้างมีความคิดที่พลิกแพลงไปมาได้มาก จึงมีความคิดที่คาดไม่ถึงมากมาย สามารถทำให้เกิดเหตุที่น่าประหลาดใจได้ไม่รู้จบ จึงคิดได้เพียงว่าเื่เหล่านี้กุ่ยเม่ยคงเป็ผู้ลงมือ
กล่าวได้ว่า มู่จื่อหลิงพูดได้ตรงประเด็นมาก
บัดนี้สีหน้าของกุ่ยเม่ยยังคงแข็งเป็ไม้ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม แต่หากมองดีๆ มุมปากของเขากระตุกน้อยๆ จนแทบมองไม่เห็น
กล่าวตามตรง มันเป็เช่นนั้นจริงๆ กุ่ยเม่ยตอบเงียบๆ ในใจของตน
สิ่งเหล่านี้คือความตั้งใจของนายของพวกเขาอย่างแท้จริง และอุบัติเหตุเ่าั้เกิดขึ้นจากเขาจริงๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้รับสั่งของไทเฮาเดินทางมาถึงจวนฉีอ๋อง
กุ่ยเม่ยนึกไม่ถึงจริงๆ ว่านายหญิงผู้นี้ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน! แต่เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่ถึงแม้มู่จื่อหลิงจะคาดเดาได้ กุ่ยเม่ยก็ไม่กล้าพูดตรงๆ ในยามนี้!
คราวนี้ไม่ว่านางจะว่าอย่างไร ปากกุ่ยเม่ยก็ยังปิดแน่น เขาไม่กล้าพูดออกมาอีก
สำหรับคำสั่งของหลงเซี่ยวอวี่ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา พวกเขาคุ้นเคยกับการเชื่อฟังมานานแล้ว
สิ่งที่หลงเซี่ยวอวี่สั่งไว้ พวกเขาไม่เคยพูดมันออกมาแม้เพียงครึ่งคำ แม้ในยามนี้จะกำลังเผชิญหน้ากับมู่จื่อหลิงอยู่ก็ตาม
แต่...ดูเหมือนว่ามู่จื่อหลิงจะไม่ยอมปล่อยเขาไป
เห็นเพียงนางที่เหลือบมองมาทางกุ่ยเม่ยอย่างสบายๆ ก่อนจะพูดเน้นทีละคำ “กุ่ยเม่ย การแสดงออกเช่นนี้ของเ้า นับเป็การขายตนเองแล้ว เ้ากำลังหลอกลวงเปิ่นหวางเฟย”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น กุ่ยเม่ยผู้ที่สามารถสำรวมกิริยาและไร้รอยยิ้มอยู่เสมอ เกือบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ดังนั้นเขาจึงรีบก้มหน้าลง “ข้าน้อยไม่กล้า”
กุ่ยเม่ยแอบคร่ำครวญอยู่ในใจว่านายหญิงผู้นี้มองผู้คนด้วยสายตาเช่นเดียวกันกับนายท่านของพวกเขา ซึ่งมันช่วยไม่ได้ที่ทำให้เขารู้สึกเกรงขามจากก้นบึ้งของหัวใจ
นอกจากคำว่าไม่รู้และไม่กล้าแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ? มู่จื่อหลิงเกือบจะตำหนิออกไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าปากของกุ่ยเม่ยยังคงเม้มอยู่อย่างนั้น มู่จื่อหลิงก็รู้ว่านางเดาได้ถูกต้องกว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วน [2] ว่ากุ่ยเม่ยเป็คนทำจริงๆ
กล่าวได้ว่า เื่นี้...เป็ผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก!
เนื่องจากเ้าท่อนไม้ผู้นี้ไม่พูดอะไร นางจึงไม่ถามต่อ อย่างไรมู่จื่อหลิงก็เข้าใจเื่นี้แล้ว
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กล้าหาญและภักดีเช่นกุ่ยหยิ่งกับกุ่ยเม่ย แม้ว่าพวกเขาจะถูกแงะปากออก พวกเขาก็จะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ใช่หรือไม่?
กล่าวได้ว่าในยามนั้น กุ่ยเม่ยไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลงเซี่ยวอวี่ถึงส่งคนไปสร้างอุบัติเหตุบางอย่างโดยไม่มีเหตุผล เพื่อสกัดกั้นรับสั่งของไทเฮาให้หยุดอยู่เพียงครึ่งทาง
จนกระทั่งมู่จื่อหลิงขอให้เขาไปเยือนวังหลวงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ กุ่ยเม่ยถึงได้เข้าใจว่านายของพวกเขาทำเช่นนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับนายหญิง
สำหรับอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่รับคำสั่งมานั้น แม้ว่ายามนี้ไทเฮาจะเข้าใจแล้วว่าผู้ใดเป็คนทำ แต่นางก็ทำได้เพียงจ้องมองด้วยความโกรธโดยไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้
ต้องรู้ว่าฉีอ๋อง ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่อาจทำเพียงแค่กล่าวหาตามใจชอบ และไม่อาจเรียกไปรับโทษโดยไม่มีหลักฐานได้
หากไทเฮา้ากล่าวโทษฉีอ๋อง พระนางจะต้องกราบทูลฮ่องเต้ก่อน ทั้งยังต้องค้นหาหลักฐานที่แท้จริง แต่สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับไทเฮาก็คือไม่พบหลักฐานแม้แต่น้อย
เนื่องจากอุบัติเหตุเ่าั้ดูเหมือนเป็อุบัติเหตุอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถหาข้อบกพร่องใดๆ ได้
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักคือการสกัดกั้นรับสั่งเรียกตัวของไทเฮา แต่จุดประสงค์ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เนื่องจากพระนางเป็ไทเฮา ในยามปกติย่อมเป็ธรรมดาที่ไทเฮาจะต้องเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างไม่เห็นแก่ตัว
ดังนั้นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดคือ...
ไทเฮาผู้ซึ่งเป็หญิงในวังที่ทรงกริ้วง่ายมาก ด้วยเหตุนี้ จึงต้องเคยส่งคนจำนวนมากเข้าไป ‘ช่วย’ งานราชสำนักในการปราบปรามผู้กระทำผิดอยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนมากล้วนเป็การส่งคนเข้ามาปราบปรามในรังโจรไม่ใช่กลุ่มโจรที่ออกปล้นสะดมชาวบ้าน
รังโจรถูกไทเฮาปราบปรามไปมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงอันหย่าก็เกิดขึ้นจริง ไทเฮาจะหยุดอยู่แค่นั้นได้อย่างไร?
เนื่องจากไทเฮาไม่สามารถจัดการกับฉีอ๋อง พระนางจึงคิดที่จะจัดการกับฉีหวางเฟยผู้ซึ่งไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ [3]
ทุกคนรู้ดีว่าในอดีตฉีอ๋องเคยขัดคำสั่งของไทเฮา ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง แต่มันก็เป็เพียงเื่ของคำพูด ด้วยเหตุด้วยผลที่มีการวางรากฐานมาอย่างดี ไทเฮาทรงกระอักจนไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก
แต่ยามนี้มันไม่ใช่เื่ที่จะใช้เพียงคำพูดเพียงอย่างเดียวได้อีก นั่นเป็เหตุผลที่ครั้งนี้ต้องใช้การกระทำที่ทำให้ลำบากขึ้นสักหน่อย
ลืมเกี่ยวกับปัญหาไปได้เลย คราวนี้คำสั่งของไทเฮาถูกย้ำออกมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังไร้ความปรานีมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ไทเฮาทรงออกรับสั่งใหม่ พระนางจะส่งคนมาคุ้มกันมากกว่าเดิมในทุกครั้ง
แต่ไม่ว่าไทเฮาจะส่งคนไปกี่คน ทุกอย่างจบลงอย่างน่าเศร้าในท้ายที่สุด
ถึงแม้จะไม่มีการดักปล้นเมื่อมาถึงครึ่งทาง ก็ยังมี ‘ภัยธรรมชาติ’ อีกมาก!
ภัยธรรมชาติคืออะไร? อย่างที่ชื่อบอกไว้ มันเป็ภัยธรรมชาติที่เข้าหาผู้คนโดยไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนว่า ‘ภัยธรรมชาติ’ ที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า ด้วยไม่อาจหยุดยั้งมันได้ ทั้งยังไม่อาจป้องกัน
ดังนั้น ไทเฮาผู้น่าขบขันรู้แต่เพียงว่าการจัดการกับฉีอ๋องนั้นเป็เื่ยากสำหรับพระนาง แต่นางไม่รู้ว่ามันยากยิ่งกว่าที่นางคิดไว้!
ไม่เพียงเท่านั้น หลงเซี่ยวอวี่ยังพิจารณาทุกอย่างจนจบเสมอ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้กุ่ยเม่ยไปที่สวนจิ้งซินโดยเฉพาะ
ไม่จำเป็ต้องพูด เพราะนั่นคือการให้ความมั่นใจแก่มู่เจิ้นกั๋วก่อน เพื่อระวังหญิงบ้าอย่างมู่อี๋เสวี่ยที่อาจจะพูดสิ่งใดที่ไม่เป็ความจริงและก่อให้เกิดปัญหาให้กับมู่จื่อหลิง
แม้จะไม่รู้ว่าการที่มู่อี๋เสวี่ยถูกเขาทำให้ได้รับาเ็สาหัส มู่เจิ้นกั๋วจะสนใจมันหรือไม่ แต่มันคงจะเป็เื่โกหกที่จะพูดว่ามู่เจิ้นกั๋วไม่สนใจแม้แต่น้อย
แต่แม้ว่ามู่เจิ้นกั๋วจะสนใจเื่นี้ จนในที่สุด เขาก็มาตำหนิมู่จื่อหลิง มันก็จะเป็เพียงเื่เล็กน้อยสำหรับมู่จื่อหลิง แต่สิ่งนี้เป็สิ่งที่นางสามารถจัดการได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่หลงเซี่ยวอวี่ก็ยังคงทำเช่นนี้
ในยามที่กุ่ยเม่ยได้เรียนรู้ว่า...ฉีอ๋องผู้เ็าไร้ความปรานีราวกับน้ำแข็ง แท้ที่จริงแล้วยังมีวันที่ต้องเกรงใจและรักษาน้ำใจของผู้หญิงคนหนึ่ง
นี่ช่างเป็การค้นพบที่น่าใยิ่งนัก! ใจของกุ่ยเม่ยมีความตกตะลึง
แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้ ว่าเื่นี้เป็ไปตามความ้าของฉีอ๋อง กล่าวคือ เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้หญิงของเขาถูกคนอื่นใส่ร้ายและดูถูก
ดังนั้นคนที่ทำเช่นนั้นจึงต้องจ่ายราคาแสนสาหัสด้วยความเ็ป มู่อี๋เสวี่ยเป็ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
แม้ว่ามู่จื่อหลิงจะรู้อยู่แล้วว่าการขัดขวางกระแสรับสั่งของไทเฮานั้นเป็การได้รับคำสั่งจากหลงเซี่ยวอวี่ แต่ในขณะเดียวกัน มู่จื่อหลิงก็ยังไม่เข้าใจ
แผนการของหลงเซี่ยวอวี่ทั้งเปิดเผยและอยู่เหนือความคาดหมาย แม้ว่าจะเป็การวางแผนมา แต่ก็ยังไม่เหลือช่องว่างใดๆ ให้ไทเฮาสามารถเลือกเด็ดหนามได้ แต่หากไทเฮาทรงเสด็จไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เหวินอิ้น...
หากฮ่องเต้เหวินอิ้นทรงออกพระราชโองการด้วยตนเอง ภายใต้พระราชโองการนี้ ผลกระทบที่ทรงพลังของมันย่อมไม่อาจหาที่เปรียบได้อย่างแน่นอน หลงเซี่ยวอวี่ไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะทรงลงโทษในความผิดฐานไม่เชื่อฟังเลยหรือ?
จะว่าไปก็ใช่ ฉีอ๋องจะทรงกลัวได้อย่างไร? เขาเคยกลัวผู้ใดด้วยหรือ? สำหรับหลงเซี่ยวอวี่ ยามนี้มู่จื่อหลิงเองก็เข้าใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางก็ยังไม่เห็นฮ่องเต้เหวินอิ้นจะออกมา ‘ผดุงความยุติธรรม’ มานานแล้ว เป็ไปได้ไหมว่าไทเฮาจะยังคงดิ้นรนด้วยพระองค์เอง ไม่คิดจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เลยหรือ?
หากฮ่องเต้เหวินอิ้นทรงเข้ามาจัดการกับเื่นี้จริงๆ เื่ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น มู่จื่อหลิงอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างรอบคอบ
แต่มู่จื่อหลิงไม่รู้ว่าความรอบคอบของนางในยามนี้เป็สิ่งที่ไม่จำเป็อย่างยิ่ง
เพราะในวันที่องค์หญิงอันหย่าล้มป่วย ไทเฮาทรงออกคำสั่งมาถึงสองฉบับติดต่อกัน ทั้งยังดำเนินการไม่สำเร็จ นางจึงโกรธเกินกว่าจะอยู่เฉยได้ ทั้งยังรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เหวินอิ้นในทันที
แต่...ก่อนที่ไทเฮาจะได้พบฮ่องเต้ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เหวินอิ้นจะรู้ว่าไทเฮากำลังเสด็จมาหาพระองค์ ทั้งยังรู้ว่านาง้าทำอะไร
ดังนั้นฮ่องเต้เหวินอิ้นจึงออกคำสั่งล่วงหน้าอย่างหนักแน่น ว่าพระองค์ทรงวุ่นวายกับราชกิจและ้าอยู่ตามลำพัง ใช้สิ่งนี้เป็ข้ออ้างเพื่อไม่ให้ผู้ใดสามารถขอเข้าเฝ้าได้
ไทเฮาทรงไม่พอพระทัย หลังจากกลับไปได้ไม่นานพระนางก็เสด็จกลับมาอีกครั้ง แต่พระนางก็ยังต้องทานน้ำแกงที่ด้านหลังประตูปิดตาย [4] เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ไทเฮาจะพอพระทัยที่ถูกกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไทเฮายังคงส่งคนไปจวนฉีอ๋อง และยังไปขอเข้าเฝ้าอยู่เช่นเดิม แต่ทุกครั้งนางก็ยังไม่ประสบความสำเร็จและถูกปฏิเสธกลับมา
การถูกปฏิเสธเพียงครั้งหรือสองครั้งถือเป็เื่ปกติ ซึ่งมันเป็การบ่งชี้ว่าฮ่องเต้เหวินอิ้นอาจจะกำลังยุ่งมากกับกิจการบ้านเมืองจริงๆ
แต่สามหรือสี่ครั้ง...สิ่งนี้จะไม่ทำให้ไทเฮาผู้หยิ่งผยองรู้สึกอับอายได้อย่างไร? การทำเช่นนี้ ไทเฮาผู้สง่างามถูกวางฐานะไว้ที่ใดกันแน่?
แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่าฮ่องเต้เหวินอิ้นทรงอยู่ในฐานะเ้าแห่งแผ่นดิน พระองค์ย่อมต้องสืบหาความจริงจากข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น นับประสาอะไรกับไทเฮา
แต่ไทเฮาไม่เคยคาดคิดว่าในครั้งนี้ฮ่องเต้เหวินอิ้นจะทำตรงกันข้าม ทั้งยังหลีกเลี่ยงนางหลายครั้งหลายครา
์รู้ดีว่าทุกครั้งที่ไทเฮาเสด็จไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เหวินอิ้น นางก็มักจะไปด้วยการเดินเชิดตรงและต้องกลับมาในสภาพนอนราบครั้งแล้วครั้งเล่า!
การเดินเชิดตรงย่อมหมายความว่านางเดินได้เอง ส่วนสภาพนอนราบนั้นเป็เพราะนางโกรธมากจนเป็ลมและถูกอุ้มกลับมา แต่ฮ่องเต้เหวินอิ้นยังคงทำเป็หูหนวกไม่ได้ยินสิ่งใด
ใครจะไปรู้ว่าฮ่องเต้ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็บุตรกตัญญูกำลังคิดหรือทำสิ่งใดในขณะนั้น พระองค์จะเมินพระมารดาที่เป็ลมได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรทั้งตัวตนและสถานะของไทเฮาก็อยู่เหนือฮ่องเต้ แต่พระนางกลับถูกฮ่องเต้เมินเฉยอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าไฟในพระหฤทัยของไทเฮา รวมทั้งความโกรธในดวงใจของพระนางนั้นไม่อาจจินตนาการได้แล้ว
สิ่งนี้เป็เื่ที่ไม่อาจทนรับได้! แต่ทนไม่ได้แล้วจะทำอะไรได้?
เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งมันทำให้ฮ่องเต้เหวินอิ้นทรงวิตกกังวล เช่นนี้พระองค์จะทรงมีเวลาจัดการกับเื่ของไทเฮาได้อย่างไร
สิ่งที่เกิดขึ้นในยามนี้เป็เหตุการณ์สำคัญซึ่งน่าเป็ห่วงสำหรับบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริง
ดังนั้น...
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ไม้เนื้อแข็งที่ไม่อาจขยับได้เพียงการทุบตี (打不动的木头) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า สงบเยือกเย็นมากจนไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดอย่างง่ายดาย หรือระงับอารมณ์และคำพูดได้เป็อย่างดี
[2] แปดถึงเก้าในสิบส่วน (十有八九) เป็สำนวน มีความหมายว่า น่าจะหรือเป็ไปได้ ใช้แสดงถึงการคาดเดาหรือการวิเคราะห์ที่มีความเป็ไปได้สูง จาก 10 ส่วนเป็ไปได้ 8-9 ส่วน
[3] ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ (手无缚鸡之力) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ไม่มีอำนาจ หรืออ่อนแอ
[4] ทานน้ำแกงที่ด้านหลังประตูปิดตาย (吃了闭门羹) เป็วลี มีความหมายว่า ถูกปฏิเสธ หรือไม่อาจเข้าพบได้ ทั้งยังถูกปิดประตูใส่ จนต้องกลับไปอย่างผิดหวัง